ห้องของเจิ้งเทียนหู่เป็ห้องที่ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งเก็บกวาดสะอาดที่สุด เตียงนอนถูกจัดวางอยู่ชิดหน้าต่าง ตั้งตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ไว้ข้างเตียงนอน ถัดจากตู้มีโต๊ะอีกหนึ่งตัว บนโต๊ะวางชามที่เพิ่งดื่มเสร็จแต่ยังไม่ได้ล้าง ดูจากรอยคราบที่เหลือไว้ ในชามก่อนหน้านี้คงเป็โจ๊กแป้งข้าวโพด
เจิ้งหยวนกวาดตามองลวกๆ ก่อนหยุดตรงร่างเจิ้งเทียนหู่ และสบสายตาเขาในที่สุด เธอยกมือกอดอกพลางเอ่ยยิ้มเยาะ “เจิ้งเทียนหู่ นายรู้ไหมฉันมาเพื่ออะไร?”
รูม่านตาเจิ้งเทียนหู่พลันหดแคบลง
ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งกลัวว่าเจิ้งหยวนจะมาเพื่อหัวเราะเยาะตอกย้ำลูกชายเธอ ทันทีที่เจิ้งหยวนเข้าห้องไป เธอก็ตามเข้ามาติดๆ “เจิ้งหยวน ตกลงแกมาทำอะไรกันแน่? พี่เทียนหู่นอนหลับอยู่ เขาไม่้าให้แกเยี่ยม”
เจิ้งหยวนเบี่ยงตัวเล็กน้อยเผยให้เห็นเจิ้งเทียนหู่ ก่อนเอ่ยกับป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้ง “ป้าสะใภ้ใหญ่พูดไปถึงไหนน่ะ พี่เทียนหู่ของฉันตื่นแล้วนี่? ฉันมาคุยกับพี่เทียนหู่ไม่ได้เลยงั้นเหรอ? บางทีพี่เทียนหู่อาจจะอยากคุยเล่นกับฉันนะ?” เธอเหลือบมองป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
ั์ตาส่อความหมายลึกล้ำยากจะคาดเดา ป้าสะใภ้ใหญ่เหลือบมองลูกชายตัวเอง
พอเห็นเจิ้งเทียนหู่ตื่นแล้วจริงๆ จึงหันมาโวยวายเจิ้งหยวนเสียงดังลั่น
“แกเสียงดังปลุกพี่เทียนหู่ละสิท่า! ยังไม่รีบออกไปอีก! แกไม่รู้เหรอว่าพี่เทียนหู่ป่วยอยู่? นังเด็กบ้า ไม่มีสำนึกเอาเสียเลย!”
เจิ้งหยวนใบหน้ามืดครึ้ม “ป้าสะใภ้ ป้าพูดอะไรอยู่น่ะ? ฉันทำอะไรลงไปเหรอ? หรือป้าคิดว่าพี่เจิ้งเทียนหู่ของฉันโดนผีสาวรับเป็เ้าบ่าวแล้วน่าละอายเกินกว่าจะพบใครล่ะ?” พูดๆ อยู่ก็หยักยิ้มและเลิกคิ้วขึ้น
“หรือป้าอยากให้พี่เจิ้งเทียนหู่เรียนรู้หลักสามคล้อยสี่คุณธรรม [1] ห้ามพบหน้าสตรีคนอื่นอีกเหมือนหญิงออกเรือนสมัยโบราณกัน?” ก่อนเว้น่ครู่หนึ่ง เธอเดาะลิ้นเล็กน้อยแล้วส่ายหัว “นี่มันไม่ถูกนะ
แม้ฉันจะเป็ผู้หญิง แต่ไม่ใช่คนนอกสักหน่อย
ฉันว่าหวังเฉี่ยวเอ๋อร์คงไม่ใจคอคับแคบขนาดนั้นหรอก”
“เจิ้งหยวน!” ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งโกรธจัดจนแทบะเิรอมร่อ เธอแผดเสียงคำรามสุดแรงเกิด
ก่อนหันซ้ายแลขวาแล้วฉวยไม้กวาดตรงมุมกำแพงขึ้นมาพานจะตีเจิ้งหยวน
“แม่!”
เจิ้งเทียนหู่ร้องขึ้น แรงเขาน้อย เสียงก็ไม่ดังแต่สามารถสยบป้าสะใภ้ใหญ่ได้พอดิบพอดี ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งชะงักกึก ก่อนเบนสายตาไปยังเจิ้งเทียนหู่ พยายามเอ่ยเกลี้ยกล่อมว่า “ลูกชาย แกอย่าฟังคำพูดของนังเด็กบ้านี่ แม่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ เด็กบ้ามันไม่ได้หวังดี มันจงใจยุแยง!”
เจิ้งเทียนหู่หายใจหอบหนักสองเฮือก ก่อนรวบรวมแรงที่มีตะเบ็งเสียง “แม่ออกไปก่อน ผมจะพูดกับเจิ้งหยวน”
ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งพลันตกตะลึง สีหน้าโกรธจัดสุดจะทน หลังตั้งสติได้จึงพยายามถามต่อ “ลูกกับเธอมีอะไรน่าคุยกัน!”
“ออกไป!” เจิ้งเทียนหู่ตวาดอีกครั้ง
ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งหน้าเขียวสลับซีด เธอระบายความแค้นแทนเขา เขากลับตะคอกใส่เธอ! แถมยังต่อหน้าต่อตาเจิ้งหยวนนังเด็กไม่รู้จักกาลเทศะ
นั่นไม่ต่างอะไรกับการฉีกหน้าป้าสะใภ้ใหญ่เลยแม้แต่น้อย
เธอโยนไม้กวาดทิ้งด้วยความอับอายก่อนถ่มน้ำลาย “ได้ๆๆ ฉันจะออกไป! ฉันจะไม่สนใจแกแล้ว จะไม่สนใจแกแล้วตกลงไหม! ฉันนี่…” มันน่าโมโหเสียจนเธอไม่อยากอยู่ตรงนี้ต่อแล้ว
สิ้นเสียงก็หันหลังเดินออกไปทันที
ครั้นผู้เป็แม่ออกไปแล้ว เจิ้งเทียนหู่ยิงคำถามทันที
“เธอมาทำอะไรกันแน่?” เจิ้งเทียนหู่เองก็ไม่ได้ทำสีหน้าดีๆ กับเจิ้งหยวนนัก เขาแค่นเสียงว่า
“หากมาดูเื่ตลก งั้นดูเสร็จก็รีบไสหัวไปซะ!”
เจิ้งหยวนพิงตู้เสื้อผ้า เอียงคอน้อยๆ พลางเอ่ย “เจิ้งเทียนหู่ นายไม่รู้จริงเหรอว่าฉันมาทำอะไร?”
เจิ้งเทียนหู่เม้มปาก ไม่มีคำตอบใดเล็ดลอดออกมาจากปากเขา
เจิ้งหยวนเย้ยยิ้มเยาะ เธอเหยียดตัวตรงแล้วเดินไปข้างเตียง ั์ตาคู่นั้นจดจ้องเจิ้งเทียนหู่ “นายไปกระท่อมผุพังใต้ตีนเขาหลังนั้นเพื่ออะไร ฉันรู้แล้วละ”
เจิ้งเทียนหู่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขากลัวเจิ้งหยวน เจิ้งหยวนเหมือนคนบ้า คลุ้มคลั่งขึ้นมาทีจะไม่สนอะไรทั้งนั้น หลายปีมานี้ เธอยังมาโวยวายที่บ้านเขาเพื่อเสบียงอาหารเล็กๆ น้อยๆ นับครั้งไม่ถ้วนเลย! และไม่กลัวตัวเองขายหน้าด้วย
“หลังพี่สะใภ้ฉันรู้เื่นาย เธอใจนเข่าอ่อนเลยละ แถมยังบอกว่าเธอรู้สึกผิดต่อนายด้วย”
เจิ้งเทียนหู่ได้ยินประโยคนี้ใจพลันหวานชื่นอย่างคาดไม่ถึง ความจริงเขาแค้นเฝิงิเยว่อยู่บ้าง หากไม่ใช่เพราะเธอนัดเขาไปสถานที่ผีสิงนั่น เขาคงไม่ต้องเจอผี! และยิ่งไม่ต้องแต่งงานกับผีสาวหวังเฉี่ยวเอ๋อร์! พอเฝิงิเยว่บอกว่ารู้สึกผิดต่อเขา
ความเคียดแค้นตรงนั้นเลยลดฮวบลงมา
เจิ้งหยวนสังเกตท่าทีของเจิ้งเทียนหู่อยู่ตลอด ครั้นเห็นเจิ้งเทียนหู่แสดงอาการท่าทีโกรธ แต่ก็เปลี่ยนเป็ใจลอยฉับพลัน ก็รู้แล้วว่าเขาคิดอะไรอยู่ เธอเค้นเสียงเย็นเยียบเอ่ยต่อว่า “ฉันยังแปลกใจอยู่เลย พี่สะใภ้จะรู้สึกผิดกับนายทำไม ซักไซ้หลายครั้งเธอถึงบอกความจริงฉัน เหอะ เจิ้งเทียนหู่ นายกล้าดียังไงมาวางแผนสกปรกใส่พี่สะใภ้ฉัน?” สิ้นเสียง เจิ้งหยวนเงื้อมือขึ้นฟาดเจิ้งเทียนหู่ทันที
“นายไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหน!”
เธอเคลื่อนไหวเร็วมาก เจิ้งเทียนหู่โต้ตอบไม่ทันเลยถูกเธอฟาดไปครั้งหนึ่ง แม้เสียงจะดัง แต่ไม่ทิ้งรอยอะไรไว้ เพราะเจิ้งหยวนไม่ได้ลงแรงมาก เธอรู้ว่าอีกเดี๋ยวอาสามอาจจะพาตำรวจมา หากตำรวจเห็นเข้าจะแก้ตัวลำบากเอา
แม้จะไม่ฟาดโดนใบหน้า เจิ้งเทียนหู่ที่โดนไปก็โกรธอยู่ดี แต่เมื่อเผชิญกับแววตาโเี้เหมือนจะกินคนของเจิ้งหยวน เขาพลันปอดแหก ทำหน้าเหยเกทันที ทว่าเพียงครู่เดียวเท่านั้น เขาก็กลับใจดีสู้เสือขึ้นมา “พี่สะใภ้เธอล่อลวงฉันต่างหาก! ผู้หญิงแต่งงานแล้วอย่างเธอ
ฉันจะชอบได้ยังไง! พี่สะใภ้เธอเป็ผู้หญิงใจง่าย
หล่อนเห็นพี่ชายเธอขาหัก
สนองความ้าตัวเองไม่ได้เลยนัดฉันไปที่กระท่อมผุพังนั่น
เพื่อที่จะได้สมปรารถนากับฉันต่างหากละ!”
“พูดไปเรื่อย!” เจิ้งหยวนฟาดเขาเสียเกือบเต็มแรง
เจิ้งเทียนหู่หลบไม่ทัน โกรธจนแทบจะยันตัวลุกขึ้น “แก—”
“ความจริงเป็ยังไงพวกฉันสองคนรู้ดี” เจิ้งหยวนลดมือลงและเชิดปลายคางขึ้น “จะบอกนายก็ได้ เมื่อคืนวานพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้กลับมาหรอก เธออยู่โรงพยาบาลตลอดเวลา! นายคิดจริงๆ เหรอว่าเธออยากสมหวังกับนาย? ฝันสยองไปคนเดียวเถอะ! เธอแค่เห็นนายตามตื๊อเธอมากเกินไปเลยจำใจต้องแต่งเื่โกหกหลอกนาย
คาดไม่ถึงว่านายจะไป…”
เธอยกยิ้มเมื่อเอ่ยถึงตรงนี้เหมือนยินดีกับความโชคร้ายของคนอื่น
“ไม่เพียงไปเท่านั้นยังโดนผีสาวในนั้นชอบเสียด้วย แต่ก็ไม่แปลกหรอก
หวังเฉี่ยวเอ่อร์คงเห็นนายคิดถึงผู้หญิงจนหน้ามืดตามัวแถมไปโผล่ถึงถิ่นของเธอ
เลยนึกว่าผู้หญิงที่นายโหยหาคือเธอกระมัง?เจิ้งเทียนหู่ ต่อไปนายก็เป็สามีของหวังเฉี่ยวเอ๋อร์แล้ว
ในฐานะสามีแต่งอย่างเป็ทางการ นายต้องซื่อสัตย์และรับผิดชอบให้มากๆ เล่า
บอกไว้ก่อนนะ หวังเฉี่ยวเอ๋อร์เขาเป็ผีร้ายที่ผูกคอตาย
หากรู้ว่านายยุ่มย่ามกับหญิงอื่น บางทีอาจจะโกรธจนมาลากนายลงนรกไปด้วยกัน”
ความกล้าบนใบหน้าเจิ้งเทียนหู่ไม่เหลืออีกแล้ว เขาหวาดผวา กลัวหวังเฉี่ยวเอ๋อร์จะมาหาเขา
“นี่ นายว่าผีสาวหวังเฉี่ยวเอ๋อร์ตนนี้…” เธอหันซ้ายแลขวารอบหนึ่ง “กำลังมองนายอยู่ที่ไหนสักแห่งหรือเปล่า?”
เจิ้งเทียนหู่พลันเนื้อตัวสั่นเทา หดตัวเข้าใต้ผ้านวมแล้วมองรอบข้างอย่างระแวง
ท่าทางขลาดกลัวของเขาทำเจิ้งหยวนมีความสุขมากจนต้องเสียแรงกลั้นไม่ให้หลุดหัวเราะลั่นออกมา แต่เห็นเขาผวาเช่นนี้เลยแน่ใจว่าเขาเชื่อว่าตนเองเจอผีจริงๆ งั้นเื่ถัดไปเจิ้งหยวนก็มั่นใจแล้ว “เจิ้งเทียนหู่ ฉันมาวันนี้ก็เพื่อเตือนนาย หากนายกล้าบอกคนอื่นว่าพี่สะใภ้ทำร้ายนาย เป็พี่สะใภ้นัดนายไปที่นั่น ทำลายชื่อเสียงพี่สะใภ้ฉันแม้แต่คำเดียว ฉันรับรอง ฉันจะไปฟ้องกับหวังเฉี่ยวเอ๋อร์ทุกวันให้หวังเฉี่ยวเอ๋อร์มาอบรมสั่งสอนสามีของเธอด้วยตัวเอง”
“แกกล้าเหรอ!” เจิ้งเทียนหู่ถลึงตาจนแทบหลุดจากเบ้า
เจิ้งหยวนหรี่ตาลง ยกมุมปากขึ้น “นายว่าฉันกล้าไหมล่ะ?”
เชิงอรรถ
[1] หลักสามคล้อยสี่คุณธรรม หมายถึง กรอบจารีตในลัทธิขงจื้อที่กำหนดบทบาทของสตรีที่ดี สามคล้อย คือ ยังไม่ออกเรือนคล้อยตามบิดา ออกเรือนคล้อยตามสามี สามีถึงแก่กรรมแล้วคล้อยตามบุตรชาย ส่วน “สี่คุณธรรม” คือ นารีธรรม นารีพงษ์ นารีลักษณ์ และนารีกิจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้