การลงมือในครั้งแรกของหลัวเลี่ยอาจกล่าวได้ว่ารวดเร็วจนน่าใ
และความรวดเร็วนี้เป็เหตุผลทำให้ยุวราชันแห่งแคว้นเฉียนซานใช้วิธีไล่ต้อนหลัวเลี่ยให้จนมุม เพราะเขา้าทำลายความรวดเร็วนี้ และหากหลัวเลี่ยเข้าไปช่วยพวกซือสิ่งหลงก็จะทำให้ตัวเองตกอยู่ในวงล้อมไปด้วย
วิธีที่ชาญฉลาดเช่นนี้ทำให้ผู้าุโที่มีอำนาจบนอัฒจันทร์บางคนลอบพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ผู้าุโพวกนั้นยอมรับว่าวิธีของยุวราชันแห่งแคว้นเฉียนซานนั้นนับว่าเหมาะสมมาก
เพียงแต่ในขณะเดียวกันกับที่พวกเขาคิดได้ หลัวเลี่ยก็แสดงให้เห็นถึงการลงมือตอบสนองต่ออุบายนี้แล้ว
ยังคงเป็ความเร็ว
หากกล่าวว่าความเร็วก่อนหน้านี้ของหลัวเลี่ยทำให้ผู้คนใแล้ว ความเร็วในตอนนี้ของเขาก็เร็วมากพอที่จะทำให้ผู้ฝึกวรยุทธ์ที่อยู่ในระดับหยินหยางทุกคนตกตะลึง
พรึ่บ!
ความเร็วของหลัวเลี่ยคล้ายกับัหนึ่งตัวที่เคลื่อนที่ไปรอบๆ พวกซือสิ่งหลง เขากวาดกำจัดพวกเยาวชนทั้งยี่สิบคนที่อยู่รอบๆ ออกไป
หลัวเลี่ยเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมากราวกับสายรุ้งที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า
หลังจากหลัวเลี่ยเคลื่อนไหว เยาวชนทั้งยี่สิบคนนี้ก็ไม่สามารถควบคุมร่างกายของพวกเขาได้อีกต่อไป แต่ละคนมีอาการเจ็บหน้าอก อาเจียนเป็เื และสุดท้ายคนทั้งหมดก็ล้มลง
เนื่องจากการเคลื่อนไหวของหลัวเลี่ยนั้นเร็วมาก พวกเขาทั้งยี่สิบคนจึงล้มลงเกือบพร้อมกัน ทำให้ราชครูซาเฉียนหลี่ตกตะลึง และไม่สามารถตัดสินได้ว่าใครคืออันดับที่แปด เจ็ด หก และห้า
ซือสิ่งหลงและคนอื่นๆ ก็ตกตะลึงเช่นกัน
พวกซือสิ่งหลงคิดว่าพวกตนคงจะพอรับมือประวิงเวลาไปได้สักพักหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าความเร็วก่อนหน้านี้ของหลัวเลี่ยไม่ได้เป็ความเร็วที่รวดเร็วที่สุด เพราะความเร็วที่เขาเพิ่งลงมือไปนั้นรวดเร็วกว่าตอนแรกเกือบสองเท่า
“แข็งแกร่งมาก!” ซือสิ่งหลงพึมพำกับตัวเอง
เฉิงปู้กุยหัวเราะแห้งๆ และพูดว่า “ดูเหมือนว่าต่อให้พวกเราร่วมลงมือก็คงจะไม่ได้ช่วยอะไรหลัวเลี่ยมากนัก”
ทั้งสี่คนมั่นใจมาก
“เนื่องจากข้าก็เป็ตัวแทนของแคว้นจินหลานในการเข้าร่วมประลองครั้งนี้ ดังนั้นข้าก็ควรปกป้องพวกเ้าให้ปลอดภัยจนกว่าการประลองจะสิ้นสุด” หลัวเลี่ยกล่าวอย่างราบเรียบ
พวกซือสิ่งหลงทั้งสี่คนมองหน้ากันและยิ้มอย่างขมขื่น ทั้งหมดรู้สึกว่าที่พวกตนมาที่นี่ก็มีประโยชน์แค่ให้ครบจำนวนคนสำหรับหนึ่งกลุ่มเท่านั้น
ใช้เวลาเพียงไม่นานหลัวเลี่ยก็สามารถจัดการเยาวชนไปได้ถึงสามสิบคน ซึ่งถือเป็หกแคว้นที่เข้าร่วมการประลองครั้งนี้ ความแข็งแกร่งของหลัวเลี่ยได้ตราตรึงอยู่ในใจของทุกคนแล้ว
หลัวเลี่ยมองไปยังกลุ่มเยาวชนอีกสามแคว้นที่เหลือ
กลุ่มเยาวชนจากแคว้นเฉียนซาน ซึ่งเป็กองกำลังหลักที่หอการค้าฟ้านเทียนส่งมา
กลุ่มเยาวชนจากแคว้นซวนิ ซึ่งถูกบงการโดยตระกูลเลี่ยที่มาที่นี่เพื่อแก้แค้นหลัวเลี่ย
และกลุ่มเยาวชนจากแคว้นฮวาอวี่ ที่พอเห็นหลัวเลี่ยกำลังจ้องมาที่พวกตน ทั้งห้าคนก็ชำเลืองมองกันและกัน จากนั้นยุวราชันที่เป็หัวหน้ากลุ่มก็พูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ ว่า “พวกเราลงจากสนามประลองเถอะ”
จากนั้นพวกเขาทั้งห้าก็ะโลงมาจากสนามประลองด้วยตัวเอง
ราชครูซาเฉียนหลี่จึงทำได้เพียงประกาศออกมา “อันดับที่สี่ แคว้นฮวาอวี่!”
ตอนนี้บนสนามประลองเหลืออยู่เพียงกลุ่มเยาวชนจากสามแคว้นเท่านั้น
“พวกเ้าสี่คนยืนอยู่ที่นี่”
หลังจากที่หลัวเลี่ยบอกซือสิ่งหลงและคนอื่นๆ จบแล้ว เขาก็เดินตรงไปข้างหน้า
เยาวชนสี่คนจากแคว้นเฉียนซาน และเยาวชนสองคนจากแคว้นซวนิ ต่างะโขึ้นพร้อมกันและพุ่งไปหาหลัวเลี่ยอย่างบ้าคลั่ง
ทันทีที่หลัวเลี่ยหันกลับมาก็เกิดเสียงคำรามของัขึ้น เขาเห็นร่างที่แกว่งไปมากลางอากาศของคนพวกนั้น จากนั้นเมื่อเขาก็กลับมาที่ตำแหน่งตรงกลาง เยาวชนทั้งหกคนก็ได้ลอยออกจากสนามประลองไปพร้อมกันแล้ว
ตอนนี้เหลือเพียงยุวราชันแห่งแคว้นเฉียนซาน และเยาวชนทั้งสามของตระกูลเลี่ยแห่งแคว้นซวนิเท่านั้น
ทั้งสองกลุ่มทำการตกลงกันได้ว่า ให้คนจากตระกูลเลี่ยสามคนนั้นลงมือก่อน
ทั้งสามคนเดินขึ้นไปอยู่ตรงหน้าหลัวเลี่ย
ชายที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างคนอีกสองคน เขาเป็ยุวราชันแห่งแคว้นซวนิเช่นกัน เขาพูดขึ้นเสียงเย็นว่า “ข้ามีนามว่าเลี่ยชื่อเฟย จากตระกูลเลี่ย จะเป็ผู้นำพี่น้องอีกสองคนมาฆ่าเ้าเพื่อล้างแค้นให้กับน้องของข้าหลัวชื่อสิง ดังนั้นพวกเราสามคนจึงไม่ลังเลที่จะเลี้ยงปีศาจ!”
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
เปลวไฟที่ลุกโชนปะทุออกมาจากร่างของเลี่ยชื่อเฟยและอีกสองคนในชั่วพริบตา รูปเปลวไฟเล็กๆ ปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของพวกเขา
“ไฟปีศาจกระดูกหยิน!”
เมื่อหลัวเลี่ยเห็นสภาพของเลี่ยชื่อเฟยและอีกสองคนนั้น เขาก็นึกถึงเนื้อหาที่บันทึกไว้ในหนังสือที่เขาได้อ่านตอนอยู่ที่เรือนพเนจรในภพจิตัเมื่อไม่กี่วันก่อน
เลี่ยชื่อเฟยพูดว่า “ข้าแนะนำเ้าว่าทางที่ดีเ้าควรจะฆ่าตัวตายเอง ดีกว่าให้พวกเราลงมือนะ”
ไฟปีศาจกระดูกหยินเป็เปลวไฟที่ร้ายกาจและน่ากลัวมาก มันมาพร้อมคุณสมบัติปีศาจ
แหล่งกำเนิดของเปลวไฟชนิดนี้มาจากสนามรบขนาดใหญ่ที่จะต้องมีศพมากกว่าหนึ่งแสนศพถูกฝังอยู่ และสนามรบนั้นจะต้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความสิ้นหวังและมืดบอด จากนั้นกระดูกของศพมากกว่าหนึ่งแสนคนนี้ก็จะถูกขัดเกลาด้วยพลังแห่งความมืด ทำแบบนี้จนครบหนึ่งร้อยปีจึงจะเกิดเป็ลักษณะพิเศษเช่นไฟปีศาจกระดูกหยิน
ไฟนี้มีลักษณะเป็ปีศาจ มันถือเป็สิ่งชั่วร้าย และหากมันถูกใช้ ก็จะทำให้คนที่ถูกมันครอบงำหลงอยู่ในวังวนของมนตร์ดำที่ไฟปีศาจกระดูกหยินสร้างขึ้น
ในการไฟปีศาจกระดูกหยินนี้ ก่อนอื่นผู้ที่้ามันจะต้องใส่หยดเืของตนเองลงไปเหมือนป้อนอาหารให้สัตว์ จากนั้นคนคนนั้นก็ต้องใช้ไฟปีศาจกระดูกหยินนี้เผาร่างกายของตนเองทุกๆ วัน หลังจากทำเช่นนี้ต่อเนื่องไปจนถึงสี่สิบเก้าวัน เมื่อไฟปีศาจกระดูกหยินสามารถก่อรูปร่างได้แล้ว ผู้ที่้าก็จะต้องดูดซึมมัน และต้องทนรับความทรมานจากการโดนเผาไหม้ และนั่นคือความเ็ปสุดท้ายก่อนที่เขาจะได้ไฟปีศาจกระดูกหยิน
หลังจากได้ไฟปีศาจกระดูกหยินแล้ว พลังการต่อสู้จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ผู้ที่ได้ไฟปีศาจกระดูกหยินจะสามารถจุดไฟได้ด้วยมือของตน ไม่เพียงแต่เปลวไฟจะเผาผลาญทุกสิ่งเท่านั้น สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือเปลวไฟนี้ยังมีพิษร้ายแรงอีกด้วย
เลี่ยหงหยุนซึ่งกำลังเฝ้าดูการต่อสู้อยู่บนอัฒจันทร์หันกลับมาทำความเคารพไป๋หลี่ชางจากหอการค้าฟ้านเทียน และพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ขอบคุณหอการค้าฟ้านเทียนมากที่ขายน้ำรักษาจิติญญาให้พวกเราในราคาต่ำ สิ่งนี้ทำให้ทั้งสามคนทนต่อความเ็ปที่แผดเผาในวินาทีสุดท้าย และได้เป็ผู้ไฟปีศาจกระดูกหยินอย่างสมบูรณ์ และทันกาลในการประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้นครั้งนี้”
ไป๋หลี่ชางพูดอย่างเฉยเมย “ตระกูลเลี่ยมีมิตรภาพที่ดีกับหอการค้าฟ้านเทียนเสมอมา การซื้อสิ่งของได้ในราคาพิเศษก็นับว่าถูกต้องแล้ว ท่านไม่ต้องขอบคุณหรอก”
หลัวเลี่ยซึ่งอยู่ในสนามประลองไม่ได้สนใจคำพูดนี้
มันไม่มีอะไรมากไปกว่าการสมรู้ร่วมคิด
พวกเขาล้วนเป็ศัตรูของหลัวเลี่ย หากจะมีการร่วมมือกันก็นับว่าเป็เื่ปกติ แน่นอนว่าเพื่อหลีกเลี่ยงคำขอของตราราชันข่งเชวี่ยที่หลัวเลี่ยเคยขอไว้ พวกเขาได้ทำการซื้อขายกันตามปกติ และเื่นี้ตระกูลเลี่ยก็เป็ฝ่ายอยากซื้อด้วยตัวเองก่อน
“หลัวเลี่ย ข้าจะถามเ้าอีกครั้ง เ้าจะฆ่าตัวตายเอง หรือจะให้ข้าลงมือเผาเ้าจนตาย” เลี่ยชื่อเฟยะโถาม
หลัวเลี่ยเอามือไพล่หลัง “ลงมือเถอะ”
“เผามันให้ตาย!”
การลงมือในครั้งนี้ของเลี่ยชื่อเฟยช่างร้ายกาจ ขณะที่อีกสองคนก็เช่นกัน ใบหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยว เนื้อและเืของพวกเขาเหี่ยวแห้งอย่างรวดเร็วราวกับว่าพวกเขาถูกดูดกลืนโดยไฟปีศาจ ทำให้ตอนนี้พวกเขาดูคล้ายกับโครงกระดูก
นี่คือลักษณะที่น่ากลัวของไฟปีศาจกระดูกหยิน
“หู่!” “หู่!” “หู่!”
เลี่ยชื่อเฟยและอีกสองคนยกมือขึ้นพร้อมกัน พวกเขาชี้นิ้วไปที่ขมับของตัวเอง
เปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่รอบๆ ตัวพวยพุ่งเข้าไปตรงหว่างคิ้วของพวกเขา จากนั้นลำแสงสีดำก็พุ่งออกมาจากตรงนั้น
มีลำแสงสีดำสามลำจากทั้งสามคนส่องมากระทบตัวของหลัวเลี่ย
ตูม!
ลำแสงทั้งสามลำที่ส่องลงมาทำให้เกิดเปลวเพลิงสีดำลุกโชนในทันที เกิดการเผาไหม้อย่างรุนแรง
เลี่ยชื่อเฟยยิ้มอย่างน่ากลัวและพูดว่า “ไฟปีศาจกระดูกหยินนี้จะติดตามเ้าเหมือนเงา ต่อให้เ้าจะใช้น้ำก็ไม่สามารถดับมันได้ และต่อให้เ้ามีพลังมหาสรรพฟ้าดินด้านนที เ้าก็ไม่สามารถยับยั้งการค่อยๆ เผาไหม้ของไฟปีศาจกระดูกหยินนี้ได้”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้