ถันถั่นนำน้ำชามาให้ลูกค้าทุกคนที่กำลังรออยู่โดยไม่ต้องให้สั่ง นางทำงานได้อย่างดี
ในตอนที่เวินซีเงยหน้าขึ้นมาระหว่างที่กำลังจดรายชื่อลูกค้าอยู่นั้น นางก็มองเห็นถันถั่นที่ทำงานอย่างจริงจังจึงพอใจมาก ความประทับใจที่มีต่อเด็กสาวก็ยิ่งมีมากขึ้นอีกโดยไม่รู้ตัว
“คุณหนูเวินซี หากมีสินค้าใหม่อันใดก็สั่งจองไว้ให้ข้าด้วยเถิด นำไปส่งที่จวนเลยนะขอรับ” คนรับใช้คนหนึ่งพูดขึ้นอีกหลังจากที่สั่งยาสระผมไปร้อยขวดแล้ว
“ได้เ้าค่ะ” ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าสินค้าตัวใหม่จะออกเมื่อใด แต่เวินซีก็ตอบตกลงไว้ก่อน
คนรับใช้ผู้นั้นกลับไปอย่างมีความสุข
เวลาผ่านไปจนถึงตอนหัวค่ำ เวินซีถึงได้ส่งลูกค้าคนสุดท้ายออกจากร้าน นางเขียนรายชื่อมาทั้งบ่าย ปวดเมื่อยมือจนไร้ความรู้สึก และได้วางพู่กันลงบนโต๊ะในที่สุด
นางหยิบรายชื่อออกมาพลิกดู คำสั่งซื้อล้วนเริ่มที่สิบขวดเป็อย่างต่ำ ประมาณการณ์ได้ว่าทั้ง่บ่ายนี้นางขายได้เกือบหนึ่งหมื่นขวด เฉลี่ยจากประชากรทั้งเมืองเป็จำนวนสามขวดต่อคน
รายได้ใน่บ่ายวันนี้สามารถซื้อร้านค้าดีๆ ได้หนึ่งร้านเลย ดูจากทรัพย์สินที่มีในตอนนี้ นางเป็คนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองแล้วจริงๆ
นางเข้าใกล้เป้าหมายไปอีกก้าวหนึ่ง เมื่อคิดได้เช่นนี้ ในใจก็มีความสุขเป็อย่างยิ่ง
“คุณหนูเวินซีเหนื่อยแย่เลยเ้าค่ะ ดื่มน้ำก่อนนะเ้าคะ” เมื่อไม่มีลูกค้าแล้ว ถันถั่นก็ว่างจากงาน นางมานั่งข้างกายเวินซีพลันรินน้ำให้
เมื่อได้ยินเสียงของถันถั่น เวินซีก็วางรายชื่อที่สั่งซื้อไว้ข้างๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองนาง “ถันถั่น บอกข้าสิว่าพี่ชายเ้ามีหน้าตาเช่นไร ข้าจะช่วยตามหาเขา”
ตราบใดที่เขายังอยู่ในเมืองนี้ เพียงใช้ทหารลับของเ้าต้านก็สามารถตามหาได้ภายในวันเดียว
“พี่ชายข้า...พี่...” ถันถั่นอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นาน นางพูดอันใดมิออก ไม่นานก็ส่ายหน้าให้
“พี่ชายเ้ามีอันใดหรือ?” เวินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ข้ากับท่านพี่มิได้เจอกันหลายปีแล้วเ้าค่ะ ในตอนที่เขาออกมา ข้ายังเด็กนัก ข้าลืมไปแล้วว่าเขามีหน้าตาเช่นไร ทำได้เพียงจำใบหน้าเขาจากความรู้สึกก็เท่านั้น”
“พี่ชายเ้าส่งจดหมายหาเ้าบ่อยนี่ เหตุใดถึงไม่บอกเขาล่ะว่าเ้ามาตามหาเขา?”
“เื่มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเ้าค่ะ ข้าถูกคนไล่ตาม กลับไปที่บ้านมิได้แล้ว ทำได้เพียงมาหาท่านพี่ ไม่เป็ไรเ้าค่ะ ข้าจะต้องหาเขาเจอแน่”
“เช่นนั้นพวกเ้ามีของต่างหน้าอันใดหรือไม่?”
“จี้หยกนี้ท่านพ่อมอบให้พวกเราเ้าค่ะ ของข้าเป็เสือ ของท่านพี่เป็หมาป่า”
ถันถั่นหยิบจี้หยกขาวที่พันผ้าไว้แน่นออกมาจากอกพลันยื่นให้เวินซี
“เก็บไว้ดีๆ ไปกันเถิด กลับไปกับข้า คืนนี้เราต้องทำยาสระผมออกมาทั้งหมด วันพรุ่งข้าจะให้เ้าสิบตำลึง เป็ค่าตอบแทน”
เวินซีลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น
“สิบ...สิบตำลึง?” ถันถั่นแทบไม่เชื่อหูของตน
สิบตำลึงเป็เงินที่ครอบครัวธรรมดาใช้ดื่มทานถึงหนึ่งปีเลยทีเดียว นางไม่เคยเห็นเงินมากมายเช่นนั้นมาก่อน เงินที่พี่ชายของนางส่งให้ทุกคราก็เป็เพียงเศษเงินเล็กน้อยเท่านั้น
“คืนนี้มีงานที่ต้องทำมากมาย เ้าสมควรได้รับแล้ว” เวินซีกลัวว่านางจะไม่รับเงินจึงรีบอธิบาย
ถันถั่นตกตะลึงอยู่พักหนึ่งถึงได้พยักหน้า
“พี่สะใภ้” เมื่อเห็นทั้งสองพูดคุยกันจบแล้ว เอ้อเอ้อร์ก็ะโเข้าไปหาเวินซี
ส่วนจ้าวต้านอุ้มซันซานเดินเข้ามา เขาหันไปสังเกตถันถั่นแล้วละสายตาออก มองไปหาเวินซี “ไปกันเถิด กลับกันได้แล้ว”
“จ่างกุ้ยล่ะ? เขาอยู่ที่ใด?” เวินซีเอ่ยถามหลังจากที่มองดูทั้งร้าน
“จ่างกุ้ยออกไปซื้อสมุนไพรทำยาสระผม เขาเกรงว่าร้านยาจะปิดจึงออกไปก่อนน่ะ เราไปกันเถิด”
“อื้ม”
เวินซีเดินออกไป ถันถั่นจึงลุกขึ้นเดินตามหลังนางไปอย่างใกล้ชิด ทุกคนนั่งเบียดกันในรถม้า มุ่งหน้าไปทางร้านเครื่องหอม
เมื่อไปถึงร้านเครื่องหอม จ่างกุ้ยก็ยังไม่กลับมา เวินซีจึงบอกให้ถันถั่นไปต้มน้ำ จากนั้นนางก็ออกไปที่ห้องเก็บฟืน
ที่ห้องเก็บฟืน หลานเยว่เฉิงกำลังยืนพิงกำแพง เมื่อได้ยินเสียงว่ามีคนมาเขาก็เงยหน้าออกไปดู เมื่อเห็นว่าเป็เวินซีก็รีบแสร้งทำเป็ไร้เรี่ยวแรงนอนลงบนพื้น
เวินซีมองเห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของเขา กลิ่นธูปภายในห้องเก็บฟืนแทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว ทันทีที่เข้าไปในห้อง นางก็มองตรงไปที่ธูป
ธูปหมดลงนานแล้ว แต่ขี้เถ้าบนโต๊ะมีเพียงเล็กน้อย สายตาของเวินซีเผยแววเ็าพลันรีบจุดธูปขึ้นใหม่ และไม่ลืมที่จะโรยผงที่มีฤทธิ์ให้กระดูกอ่อนซ้ำไปบนร่างของหลานเยว่เฉิง
เมื่อแน่ใจว่าเขาขยับเขยื้อนมิได้ นางถึงได้วางใจลง
“คุณหนูเวินซี เ้ายังจำสัญญาเื่ชานมกับหม้อไฟได้หรือไม่? วันนี้ข้ายังมิได้ทานอาหารเลย” หลานเยว่เฉิงพูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ และจงใจพูดอ้อนวอนนาง
เวินซีใกับคำพูดเขาจนขนลุก จึงรีบถอยหลังไปสองสามก้าว
“เหตุใดถึงไม่ทานอาหาร?” นางเอ่ยอย่างเ็า
“ใช่ว่าข้าจะไม่ทาน แต่ไม่มีคนนำอาหารมาให้ข้านี่ ข้านอนอยู่ในห้องเก็บฟืนทั้งวัน หิวจะตายอยู่แล้ว คุณหนูเวินซี เ้าจับข้ามาแล้วก็ต้องรับผิดชอบต่อข้าด้วยสิขอรับ” หลานเยว่เฉิงมองดูเวินซีด้วยสายตาตำหนิ
เวินซีรู้สึกรังเกียจเขามากจนสะบัดแขนเสื้อเพื่อโปรยผงพิษใส่
ตุ่มแดงปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังรู้สึกร้อนคันมากที่ตุ่ม
เมื่อไม่สามารถหยุดอาการคันได้ หลานเยว่เฉิงก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“คุณหนูเวินซี ข้าผิดไปแล้ว ปล่อยข้าไปเถิด” เขายังคงมีน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
“นี่เป็เพียงแค่บทเรียนที่พูดหยอกล้อข้า เดี๋ยวจะมีคนนำอาหารมาให้”
เวินซีหันกายเดินออกไป ในตอนที่เดินไปถึงประตูนางก็คิดเื่หนึ่งได้จึงหันกลับไปมองหลานเยว่เฉิง ยิ้มให้และเอ่ยว่า “จริงสิ คุณชายหลาน ยินดีด้วยนะที่ท่านได้เป็บิดาแล้ว”
คำพูดเพียงประโยคเดียวทำให้สายตาของหลานเยว่เฉิงกลับมาเ็า ภาพของเวินเยียนพลันผุดขึ้นมาในหัวของเขา
เมื่อประตูห้องเก็บฟืนปิดลง เขาก็ะโด่าออกมาเสียงหนึ่ง
......
“หลานเยว่เฉิงเป็เช่นไรบ้าง?” จ้าวต้านที่กำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่ที่โถงหน้าเอ่ยถามเมื่อเห็นนางปรากฏตัว
“ยังเหมือนเดิม” เวินซีนั่งลงที่โต๊ะอย่างสบายๆ เอาแขนเท้าศีรษะไว้ มองออกไปทางประตู ผ่านไปสักพักก็กล่าวเสริมว่า “แต่เราอาจจะต้องระวังเขาให้มากขึ้น”
“มีอันใดหรือ? เกิดอันใดขึ้น?” จ้าวต้านหยุดชะงักทุกสิ่ง พลันเอ่ยถามอย่างจริงจัง
“ธูปที่จุดไว้ในห้องเก็บฟืนหายไป หากมันมอดจนหมดจะต้องมีขี้เถ้า แต่ขี้เถ้าบนโต๊ะมีเพียงน้อยนิด เกรงว่าจะต้องมีคนเอาธูปไปแน่ เราต้องระวังไว้”
“เอาไปหรือ? หรือว่าทหารลับของหลานเยว่เฉิงจะรู้แล้ว?”
“หากรู้แล้วเหตุใดไม่พาตัวเขาออกไป? ตอนที่ข้าเห็นหลานเยว่เฉิง ยาในตัวเขาน่าจะใกล้หมดฤทธิ์แล้ว แต่เขาแกล้งทำเป็ไร้เรี่ยวแรง พวกเขาต้องมีแผนใดแน่ ท่านระวังด้วย”
“ผู้ที่รู้ว่าเราขังเขาไว้ที่ห้องเก็บฟืนนั้นน้อยยิ่งกว่าน้อย เ้าจับตาดูสืออีไว้เถิด”
“น้องสาวของเขา ท่านหาเจอหรือยังเ้าคะ?” เวินซีก็สงสัยสืออี แต่ยังหาเหตุผลที่เขาจะหักหลังนางมิได้
หรือว่าสิ่งที่เขาพูดในถ้ำวันนั้นเป็เื่จริง? หลานเยว่เฉิงแสดงละครต่อหน้าทุกคน? หากเป็เช่นนั้นเขาจะเ้าเล่ห์เพียงใดกัน
เวินซีขมวดคิ้วแน่น
“ตอนที่คนของเราไปถึง น้องสาวของเขาถูกจับตัวไปแล้ว ตอนนี้ยังมิได้ข่าวคราวใด” จ้าวต้านสงสัยว่าน้องสาวของสืออีจะตกอยู่ในมือของหลานเยว่เฉิง
ไม่ว่าจะเป็เหตุผลใดก็ตาม เวลานี้จะเชื่อใจสืออีมิได้
“เข้าใจแล้ว” เวินซีเอ่ยอย่างใจเย็น พลางนวดขมับเพื่อลดความรำคาญใจ