ที่นั่งอีกฝั่งของต้วนเจิ้งคือสาวน้อยวัยเจ็ดถึงแปดขวบนางเกิดมาพร้อมดวงตาเฉี่ยวคม รูปร่างอรชรคล้ายหลิวหรงผู้เป็มารดานางก็คือต้วนอวี้หราน บุตรสาวของหลิวหรง
่เวลานี้ในศาลาเหลียงถิงหลิวหรงและต้วนอวี้หรานพูดคุยหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่กับต้วนเจิ้ง “คุณหนูใหญ่มาแล้วขอรับ”เสียงของเถี่ยเฟิงองครักษ์ข้างกายต้วนเจิ้งพูดขึ้นอยู่ด้านนอก
ต้วนชิงิมาแล้วหรือ?
หลิวหรงที่นั่งอยู่ในศาลาชะงักไปครู่หนึ่งสายตาแหลมคมเป็ประกายกลับหม่นลง เ้าเด็กไม่รู้กาลเทศะจะมาสร้างเื่อะไรที่นี่อีก?
ต้วนชิงิเดินเข้ามาในศาลาแล้วจึงแสดงความเคารพ “ชิงิคารวะท่านพ่อ”
ต้วนเจิ้งยิ้มพลางกวักมือเรียก “ชิงิ รีบมานั่งสิ”
ต้วนชิงิยิ้มตอบทว่ากลับยืนนิ่งไม่ขยับ
หลิวหรงจึงส่งสายตาไปให้บุตรีที่นั่งอยู่อีกฝั่งนางเข้าใจสิ่งที่มารดา้าสื่อ รีบลุกเดินไปยังนอกศาลา “พี่สาว ท่านมาแล้วหรือ รีบมานั่งเร็วเข้า”
แม้ต้วนอวี้หรานจะบอกให้ต้วนชิงิเข้ามานั่งแต่นางก็ไม่ยอมลุกขยับไปจากข้างกายต้วนเจิ้ง
ซ้ายมือของต้วนเจิ้งเป็หลิวหรงขวามือเป็ต้วนอวี้หราน ทั้งสองคนบอกให้ต้วนชิงินั่งแต่กลับไม่มีที่นั่งสำหรับนาง แล้วจะให้นางนั่งตรงไหน?
ในใจของหลิวหรงอยากให้ทุกคนรู้ว่านางเป็สตรีที่มีอำนาจมากที่สุดในจวนต้วน ดังนั้นนางไม่มีทางลุกให้เด็ดขาด เช่นนั้นก็เหลือแค่ต้วนอวี้หรานแต่ต้วนชิงิคงไม่กล้าเอ่ยปาก หากพูดไปต้วนอวี้หรานก็จะใช้โอกาสนี้ร้องห่มร้องไห้ฟ้องต้วนเจิ้งแต่ถ้าต้วนชิงินั่งที่อื่นก็เท่ากับยกตำแหน่งบุตรสาวคนโตที่มีเกียรติให้ต้วนอวี้หราน
เมื่อชาติที่แล้วหลิวหรงชอบใช้เล่ห์เหลี่ยมเหล่านี้ในการแย่งตำแหน่งของต้วนชิงินางทำได้เพียงอดทนอดกลั้นจนสุดท้ายต้องยอมยกชีวิตของนางและบุตรชายหญิงทั้งคู่ฉะนั้นคืนนี้นางจะไม่ยอมยกตำแหน่งนี้ให้อีก
ทำยังไงให้ต้วนอวี้หรานยอมลุกแต่โดยดี?
ต้วนชิงิเงยหน้ายิ้มมองไปทางต้วนเจิ้งพูดว่า “ท่านพ่อ ข้าได้ยินแม่นมโจวพูดที่ห้องสำรับว่าขนมไหว้พระจันทร์ในวันนี้พิเศษมาก หากใครได้ทานชีวิตก็จะราบรื่นสงบสุขโชคดีทั้งปี ข้าอยากรู้ว่าขนมไหว้พระจันทร์แห่งโชคอยู่ที่ไหนเ้าค่ะ”
“ฮ่าๆ” ต้วนเจิ้งเมื่อได้ยินจึงหัวเราะออกมาพลางหันไปพูดกับหลิวหรง“นี่เป็ของขวัญพิเศษที่เ้าเตรียมไว้หรือ?”
หลิวหรงได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะเก้อเขินขึ้นมา “ขอเพียงท่านพี่มีความสุข จะให้หม่อมฉันทำอะไรก็ได้หมดเ้าค่ะ”
ประโยคนี้ของนางเป็การยอมรับว่าเื่นี้นางเป็คนทำแสดงให้เห็นถึงความภักดีอีกทั้งยังช่วยกลบเื่การหาที่นั่งของต้วนชิงิที่บุตรีของนางไม่ให้ที่นั่งผ่านไปเงียบๆ
วิธีการแบบนี้เป็วิธีที่ถนัดที่สุดของหลิวหรงเพื่อเอาใจต้วนเจิ้งดังนั้นคืนนี้ต้วนชิงิก็จะใช้วิธีแบบเดียวกันจัดการกับต้วนอวี้หราน!
ต้วนชิงิหัวเราะเบาๆ “อี๋เหนียง[1]ปกติทุ่มเทกายใจเสมอมาเื่นี้คนในจวนต่างรู้กันทั่ว”
หลิวหรงหัวเราะ “นี่เป็เื่ภายในของเชี่ย[2]”
นางควรแทนตัวเองว่า ‘ปี้เชี่ย[3]’ เพราะมีแค่ฮูหยินใหญ่เท่านั้นที่จะใช้คำว่า‘เชี่ย’ แต่หลิวหรงจงใจใช้แค่คำเดียวนั่นแสดงว่านางตั้งใจ
ต้วนชิงิหันไปมองผู้เป็บิดาที่กำลังหัวเราะเบาๆพูดขึ้น“ท่านพ่อ ข้าอยากโชคดีเหมือนท่านพ่อท่านพ่อคงไม่โทษข้าใช่ไหมเ้าค่ะ ”
ต้วนเจิ้งได้ฟังก็หัวเราชอบใจ “ฮ่าๆ ถ้าเ้าสามารถหาเจอ โชคก็เป็ของเ้า”
ต้วนชิงิในชาติที่แล้วพูดไม่เก่งออดอ้อนไม่เป็ จึงไม่ได้รับการเอ็นดูจากผู้เป็บิดาเท่าที่ควรเพียงเห็นแก่อดีตฮูหยินที่จากไปแล้วจึงเอ็นดูนางอยู่บ้างแต่ถึงอย่างนั้นต้วนเจิ้งก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจ เื่ต่างๆในจวนต้วนจึงตกไปอยู่ในมือของหลิวหรงดังนั้นชีวิตของต้วนชิงิไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเช่นไร!
ทว่าวันนี้อยู่ๆต้วนชิงิก็เข้ามาร่วมวงสนทนาแบ่งรับแบ่งสู้ได้ดีทำให้ต้วนเจิ้งมีความสุขอย่างมาก มองไปยังบุตรสาวของเขาหลายต่อหลายครั้ง
คืนนี้ต้วนชิงิอายุเก้าขวบพอดีนางสวมชุดกระโปรงยาวสีขาวผ้าคลุมโปร่งด้านนอกสีเขียวอ่อนเกล้าผมสูงเผยให้เห็นถึงใบหน้าอวบขาวใสแม้ไม่ใส่เครื่องประดับเพียงปักปิ่นที่ประดับด้วยไข่มุกไม่กี่เม็ดเมื่อต้วนเจิ้งมองออกไปที่ต้วนชิงิ แม้ว่าจะรูปร่างของบุตรีคนนี้จะผอมบางกลับรู้สึกถึงเสน่ห์อันชวนหลงใหลทั้งดวงตาและรอยยิ้มมองแล้วช่างมีความสุขเสียจริง
ต้วนเจิ้งพยักหน้าโดยไม่รู้ตัวสมกับที่เป็ลูกสาวของฮูหยินติงโหรว จิตใจกว้างขวาง รู้จักวางตัว
ต้วนชิงิยืนอยู่หน้าโต๊ะเริ่มมองหาขนมไหว้พระจันทร์ว่าชิ้นไหนคือชิ้นที่จะนำพาความโชคดีทางด้านต้วนอวี้หรานเมื่อเห็นนางเริ่มหาขนมไหว้พระจันทร์แห่งโชคก็เริ่มจะนั่งไม่ติดกับที่เสียแล้ว
ในจวนต่างรู้กันว่าแม้ต้วนชิงิจะเป็ลูกสาวของฮูหยินแต่ก็แค่ในนามต้วนอวี้หรานต่างหากที่ได้รับการเอ็นดูฉะนั้นความโชคดีตลอดทั้งปีจะให้ต้วนชิงิได้อย่างไรกัน
“ให้ข้าดูด้วยสิ” ต้วนอวี้หรานพูดขึ้นพลางลุกขึ้นไปยังโต๊ะที่วางขนมไหว้พระจันทร์
ทางด้านต้วนชิงิหาอย่างไรก็ไม่พบได้แต่รู้สึกผิดหวังเมื่อนางเห็นต้วนอวี้หรานมาถึงจึงหลีกทางให้ พร้อมพูดว่า “โอ้ ขนมไหว้พระจันทร์แห่งโชคหายากเสียจริง ข้าหาจนเหนื่อยแล้ว เ้าค่อยๆหาต่อละกัน ”
พูดจบจึงเดินเนิบช้าไปที่ด้านข้างของต้วนเจิ้งแล้วนั่งลงตรงที่ต้วนอวี้หรานเพิ่งลุกไป
ต้วนอวี้หรานหาอยู่สักพักก็ไม่พบจึงเดินกลับมาด้วยความหงุดหงิดกลับพบว่าต้วนชิงินั่งที่ของนางแล้วปกติต้วนอวี้หรานเป็เด็กที่เอาแต่ใจจนเคยตัว จึงยื่นมือไปดึงต้วนชิงิ “เ้านั่งที่ของข้า...”
ตรงนี้เป็ที่นั่งติดกับผู้เป็บิดามากที่สุดจะปล่อยให้ต้วนชิงิมาแย่งได้อย่างไรกัน?
ทางด้านหลิวหรงเมื่อเห็นต้วนชิงินั่งข้างต้วนเจิ้งก็โกรธจนลมออกหู ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าที่ว่าขนมไหว้พระจันทร์แห่งโชคมันไม่มีหรอกที่แท้เป็อุบายที่จะให้ต้วนอวี้หรานลุกจากที่นั่งแต่ในเมื่อต้วนชิงินั่งไปแล้วต้วนอวี้หรานก็ไม่ควรจะไปดึง หลิวหรงพูดว่า“อวี้หรานจะเสียมารยาทกับพี่สาวอย่างนี้มิได้ นั่งที่ไหนก็เหมือนกันมานั่งใกล้แม่นี่”
ความหมายที่หลิวหรง้าคืออยากให้อวี้หรานยอมถอยหนึ่งก้าวไม่อยากให้ขายหน้าต่อหน้าต้วนเจิ้ง แต่หลิวหรงประเมินความเอาใจของบุตรสาวต่ำเกินไปต้วนอวี้หรานไม่สนใจคำพูดของผู้เป็มารดาเลยแม้แต่น้อย ชี้นิ้วไปที่ต้วนชิงิ “ข้าจะนั่งตรงนี้”
ต้วนชิงิเลิกคิ้วหัวเราะ “ทำไมหรือ เ้าคิดว่าข้ามาแย่งที่นั่งเ้าหรือ?”
ต้วนอวี้หรานพยักหน้านางเอ่ยเต็มปากเต็มคำ “ใช่… ที่ตรงนี้เป็ของข้า”
ต้วนชิงิหัวเราะออกมาเบาๆ “เ้าเรียกข้าว่าอย่างไรนะ?”
ต้วนอวี้หรานคิดแต่ไม่อยากตอบ “พี่สาว”
คำพูดนี้เต็มไปด้วยการเสียดสีที่จริงนางไม่อยากจะเรียกต้วนชิงิว่าพี่สาวด้วยซ้ำ แต่หลิวหรงเคยบอกไว้ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นให้พูดเช่นนี้นางถึงยอมเรียกแต่ตอนนี้นางอยากจะมาเป็พี่สาวของข้าอย่างนั้นหรือ?
ดวงตาที่สดใสเป็ประกายของต้วนชิงิมองไปยังต้วนอวี้หรานพลางยิ้มบาง “ในเมื่อข้าเป็พี่สาว เช่นนั้นทำไมพี่สาวจะนั่งตรงนี้ไม่ได้เล่า?”
ต้วนอวี้หรานถึงกับตะลึงในทันทีแต่ไหนแต่ไรต้วนชิงิยอมฟังมาโดยตลอด ทำไมวันนี้กลับต่อปากต่อคำ?
ด้านหลิวหรงได้แต่มองค้อนไปทางต้วนชิงิ ดูท่าแล้วนางนี่คงอยากโดนจัดการถึงมาหาเื่ถึงที่นี่แต่ถ้าเื่นี้ถูกต้วนเจิ้งเห็นขึ้นมา เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อต้วนอวี้หราน
เพียงต้วนชิงิแค่จี้จุดเข้านางก็กลัวว่าจะเกิดเื่ขึ้นเพราะนิสัยขี้โมโหของต้วนอวี้หรานต้องใช้ไม้อ่อน ใช้ไม้แข็งล้วนไม่ได้ผลหากจัดการต้วนชิงิแล้วถูกต้วนเจิ้งเห็นเข้าคงไม่ได้เป็ผลดีต่อบุตรีของนางเป็แน่
หลิวหรงยอมทำทุกอย่างเพื่อให้บุตรสาวได้รับการเอ็นดูเื่อะไรจะยอมง่ายๆ
…...
[1]อี๋เหนียง คือ ตำแหน่งและคำเรียกอนุภรรยาของพ่อ
[2]เชี่ย คือ สรรพนามที่ฮูหยิน (ภรรยาเอก)เรียกแทนตนเอง
[3]ปี้เชี่ย คือ สรรพนามที่อนุภรรยา เรียกแทนตนเอง