ขนตาของเสิ่นม่านสั่นไหว จากนั้นแสยะยิ้มมองเถ้าแก่หวัง
“เดือนที่แล้วซื้อถั่วเหลืองราคาเพียงแค่ชั่งละสองอีแปะ ไฉนเดือนนี้จึงเป็ห้าอีแปะ? แม้จะบอกว่าภัยแล้งหนักหนา แต่ก็คงไม่กระทบถึงเหยี่ยนโจว”
เถ้าแก่หวังถูกนางจ้องจนจิตใจระส่ำระสาย แต่เขาเองก็เจนโลก จึงไม่ได้เกรงกลัว
“โธ่ แม่นางเสิ่นพูดเกินไป ภัยพิบัติมีกันทุกปี ปีนี้จึงบังเอิญเจอเข้าพอดีไม่ใช่หรือ? ร้านค้าเปิดในตำบลมาสิบกว่าปี ล้วนเป็บ้านใกล้เรือนเคียงกัน ข้าจะเอาเปรียบเ้าได้อย่างไร?”
เสิ่นม่านไม่ได้โต้ตอบ นางวางมือบนกระสอบข้าวสารจากนั้นกำขึ้นมาดูอย่างเกียจคร้าน
บังเอิญ มีคนเข้ามาซื้อถั่วเหลืองพอดี เขาถาม “เถ้าแก่หวัง ถั่วเหลืองราคาเท่าไร?”
เถ้าแก่หวังยิ้มฝืน ได้แต่ก่นด่ามารดาในใจ เหตุใดถึงได้มีคนมาซื้อถั่วเหลืองเวลานี้? เขาแอบมองเสิ่นม่าน ลังเลเพียงเล็กน้อยแล้วตอบอย่างหงุดหงิด
“ชั่งละห้าอีแปะ!”
“แพงขนาดนี้เชียวหรือ?” คนผู้นั้นกำถั่วและส่ายหน้าพร้อมทำเสียงจึ๊ๆ “สองวันที่แล้วข้าซื้อข้างนอกราคาแค่สองอีแปะต่อชั่ง ไฉนพอมาที่ร้านเ้า ถั่วเหลืองกลับราคาสูงขึ้นกว่าเท่าตัว?”
พูดจบ เขาก็วางถั่วเหลืองกลับคืนและตบมือ “ร้านเ้าขายแพงเกินไป ข้าไม่ซื้อ!” พูดจบ คนผู้นั้นก็เดินออกไป
เถ้าแก่หวังโมโหจนทนไม่ไหว อดไม่ได้ที่จะด่าไล่หลัง “ไม่มีปัญญาซื้อก็ออกไป! อย่ามาเสียเวลาข้าทำการค้า” ด่าจบ เขาก็เค้นรอยยิ้มฝืดฝืนให้เสิ่นม่าน
“แม่นางเสิ่น ถั่วเหลืองเหล่านี้จะให้ข้าขนไปเลยหรือไม่?”
เสิ่นม่านยื่นมือไปขวางเขาไว้ “ช่างเถิด ข้าไม่้าแล้ว”
เถ้าแก่หวังกระวนกระวาย “ข้าบรรจุเรียบร้อยหมดแล้ว เหตุใดถึงบอกว่าไม่เอาดื้อๆ เช่นนี้?”
เสิ่นม่านปรับความเข้าใจของเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “แต่ข้าไม่ได้บอกว่าเอานี่นา”
พอนางคิดจะกลับคำ เถ้าแก่หวังก็ใช้ลูกไม้ข่มขู่ “แม่นางเสิ่น ข้าเองก็ต้องเลี้ยงดูครอบครัว ไม่ได้เรียกราคาสูงกับเ้า อีกอย่าง โรงทำเต้าหู้ของเ้า้าถั่วเหลืองปริมาณมาก นอกจากร้านข้าแล้ว ใครจะขายให้เ้าได้อีก?”
ที่เขาพูดมาไม่ใช่เื่โกหก ในตำบลมีเพียงร้านเสบียงธัญญาหารของเขาเ้าเดียว สำหรับความ้าถั่วเหลืองในปริมาณมากมายเช่นนี้ คงมีเพียงเถ้าแก่หวังที่มีให้นาง
แต่นางไม่ซื้อเสียอย่าง!
ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้นก็กล้าเพิ่มราคาและข่มขู่นาง ต่อไปไม่รู้ว่าจะจองหองอวดดีถึงระดับไหน
เสิ่นม่านยกมุมปาก จากนั้นก้มหน้าแสยะยิ้ม “ข้าจะซื้อที่ไหนมันก็เื่ของข้า ในเมื่อเ้าบอกว่ามีภัยแล้ง เช่นนั้นถั่วของเ้าก็ตุนไว้เองเถิด”
พูดจบ นางก็เดินออกจากร้านเสบียงธัญญาหารอย่างไม่รีรอ
เถ้าแก่หวังทั้งโมโหทั้งเสียใจอยู่ด้านหลัง แต่ปากยังคงอยู่ไม่สุข
“ถั่วเหลืองที่ใดจะดีเท่าของข้าอีก? เ้าไปซื้อหาที่อื่นไม่มีทางได้อยู่แล้ว!”
ซื้อได้หรือไม่ได้เสิ่นม่านหาได้สนใจไม่ สิ่งที่นางสนใจคือ หากยังไม่ไปอีก คงถูกเถ้าแก่หวังปอกลอกเงินไปก้อนใหญ่แน่
เมื่อซื้อถั่วเหลืองไม่ได้ เสิ่นม่านจึงเดินไปตลาดนัด
แม้ว่าจะเป็ฤดูหนาว แต่คนที่มาค้าขายบนย่านก็ยังคงคึกคักไม่ขาดสาย เสิ่นม่านเห็นชาวนาหลายคนตั้งแผงขายถั่วเหลืองกันอย่างกล้าหาญ
ถั่วเหลืองนี้เป็สิ่งที่ทุกบ้านเพาะปลูกกัน สิ่งที่ไม่ขาดแคลนที่สุดก็คือถั่วเหลือง ดังนั้นจึงมีคนนำถั่วเหลืองในบ้านมาขายบ้างเป็ครั้งคราว
เสิ่นม่านสังเกตดูสีสันของมัน ซึ่งไม่ได้แย่กว่าของร้านเถ้าแก่หวัง ราคาก็ถูกกว่า เพียงแค่ชั่งละสองอีแปะ
หลังจากเดินวนตลาดหนึ่งรอบ เสิ่นม่านซื้อถั่วเหลืองได้มากเกือบห้าร้อยชั่ง แล้วยังบอกพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายว่า ต่อไปหากมีถั่วเหลืองให้มาขายให้นาง ขอเพียงไม่มีปัญหาเื่คุณภาพ นางจะจ่ายให้ราคาสามอีแปะ!
เถ้าแก่หวังให้เสี่ยวเอ้อร์ตามเสิ่นม่านไป เมื่อได้ยินว่านางรับซื้อในราคาชั่งละสามอีแปะ ทั้งยังซื้อจากชาวนาไปได้ถึงสี่ร้อยกว่าชั่ง เขาโมโหจนหนวดตั้ง
เงินนั่นสมควรเป็ของเขา!
เสิ่นม่านเหนียงก็เหลือเกิน ไม่ซื้อกับเขาแต่ไปรับซื้อแบบปลีกย่อย! ความอดสูนี้กล้ำกลืนไม่ไหว เถ้าแก่หวังตบโต๊ะ
“รีบส่งคนไปกว้านซื้อถั่วเหลืองที่แต่ละบ้านในละแวกตำบลนำมาขายให้หมด! เมื่อพวกเขาไม่มีถั่วเหลือง ข้าจะดูว่าเสิ่นม่านเหนียงจะอดทนได้อีกนานแค่ไหน! ถึงเวลานั้นก็ต้องมาซื้อที่ร้านข้าอย่างว่าง่ายไม่ใช่หรือ?”
……
เสิ่นม่านนั่งอยู่บนเกวียนที่โยกเยกพร้อมกับถั่วเหลืองเต็มคันรถ กำลังเคลื่อนตัวกลับหมู่บ้านอย่างเชื่องช้า
ระหว่างทางได้เจอกับชายร่างใหญ่ยกเกี้ยวหลังคาสีเขียวขนาดเล็กด้านหน้า ตอนที่เสิ่นม่านบังคับเกวียนผ่านเกี้ยวหลังนั้น ด้านในมีเสียงอ่อนโยนของหญิงสาวดังขึ้น
“หยุดเกี้ยว”
ชายร่างใหญ่ทั้งสี่หยุดลง เสิ่นม่านเองก็หยุด จากนั้นหันไปมอง ม่านของเกี้ยวเล็กถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าขาวผุดผ่องของหญิงสาวด้านใน
ใบหน้าเรียวคางแหลม คิ้วสวยดุจใบหลิว ตาชี้ดั่งหงส์ สตรีเช่นนี้แม้จะเกล้าผมเฉกเช่นสตรีที่แต่งงานแล้ว แต่ก็ยังงดงามน่าเชยชม
อายุน่าจะเพียงแค่ยี่สิบต้นๆ สำหรับสตรีที่ออกเรือนแล้วถือว่ารูปโฉมดูดียิ่ง!
เสิ่นม่านสำรวจมองนาง อีกฝ่ายเองก็เปิดม่านออกและสำรวจเสิ่นม่านเงียบๆ พร้อมกับยิ้ม
“เ้าก็คือเสิ่นม่านเหนียงแห่งหมู่บ้านโม๋ผ่านกระมัง?”
เสิ่นม่านนึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายคือใคร นางชะงักไปเสี้ยววิและเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เ้าคือ…”
อีกฝ่ายยิ้มเบาๆ “ข้าคืออดีตอนุของเฉียนซานเจียง จางซิ่วอวิ๋น”
คนของตระกูลเฉียน
เสิ่นม่านหรี่ตาสีหน้าไร้อารมณ์ “อ้อ แล้วอย่างไร?”
จางซิ่วอวิ๋นยิ้มเบาๆ “ในอดีตข้าคืออนุของเขา ตอนนี้เพราะได้พึ่งใบบุญของเ้า ข้าเองก็กำลังจะกลับหมู่บ้าน ดังนั้นต่อไปเราคงเป็เพื่อนบ้านกัน”
พึ่งใบบุญของข้า? แล้วยังเพื่อนบ้านอีก? เสิ่นม่านฟังคำนี้ เหตุใดเหมือนกำลังกล่าวโทษนางอย่างไรอย่างนั้น?
นางยืดอกหลังตรง จากนั้นทำท่าไม่ใส่ใจ “เ้ากลับหมู่บ้านแล้วเกี่ยวอะไรกับข้า? หรือจะให้ข้าทำพิธีต้อนรับเ้า? ข้าไม่สนิทกับเ้าเสียหน่อย”
จางซิ่วอวิ๋น “…”
สตรีผู้นี้จองหองนัก นางเพิ่งถูกขับไล่ออกจากตระกูลเฉียน เดิมทีได้ยินท่านอาบอกว่า เสิ่นม่านเหนียงผู้นี้จองหองยิ่งนัก นางยังคิดจะวางท่าใส่เสิ่นม่านเหนียงสักหน่อย ตอนนี้กลับถูกนางเมินเสียนี่!
หากว่าเ้าบ้าเฉียนซานเจียงยังอยู่ นางมีหรือจะถูกผู้อื่นปฏิบัติเช่นนี้?
ในใจของจางซิ่วอวิ๋นไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงมองดูอีกฝ่ายจากไปไกล นางได้แต่ระบายอารมณ์ใส่ชายยกเกี้ยวทั้งสี่
“ยังไม่รีบไปอีก! จะมัวเหม่อทำอะไร?!”
เมื่อถึงหมู่บ้าน เสิ่นม่านถึงเพิ่งรู้ว่า จางซิ่วอวิ๋นก็คือญาติผู้พี่ของหลี่โก่วเซิ่ง มิน่าถึงได้บอกว่าพวกนางคือเพื่อนบ้านกัน
จากการพบปะกันระหว่างทางเมื่อครู่ เสิ่นม่านจึงไม่ค่อยประทับใจเพื่อนบ้านคนนี้เท่าไรนัก ขอเพียงอีกฝ่ายอย่ามาปรากฏตัวและสร้างความวุ่นวายต่อหน้านางก็พอ
โดยไม่คาดคิด ่ใกล้มื้ออาหารค่ำ อีกฝ่ายกลับนำของขวัญมาทักทาย
หญิงหม้ายที่รูปร่างสะโอดสะองยืนยิ้มแย้มและเคาะประตูอยู่ตรงหน้าบ้านนาง เยี่ยนชีไม่ทราบความ จึงเปิดประตูให้ตอนที่เสิ่นม่านยังอยู่ในครัว
จางซิ่วอวิ๋นเห็นเยี่ยนชีที่มาเปิดประตูก็ชะงักไปชั่วขณะ ฉับพลันก็หน้าแดงระเรื่อ จากนั้นบอกจุดประสงค์การมาของตนอย่างอ่อนหวาน
เยี่ยนชีไม่อาจตัดสินใจแทนเสิ่นม่านได้ จึงมาถามนาง
ณ ห้องปีกตะวันออก หนิงโม่เองก็เดินออกมาพอดี เขาปรายตามองหญิงสาวตรงประตูแวบหนึ่ง จากนั้นเดินเข้าไปหาของกินในครัวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ใครจะรู้ว่าเมื่อจางซิ่วอวิ๋นได้เห็นหนิงโม่ ดวงตาก็แทบจะถลนออกจากเบ้า ของขวัญในมือหล่นกระจายเต็มพื้น จ้องมองเขาอย่างเหม่อลอย
เสิ่นม่านออกมาเจอกับฉากนี้พอดี นางมองดูท่าทางของจางซิ่วอวิ๋นและรู้สึกถึงสายลมเย็นะเื
ผู้หญิงคนนี้… คงไม่ได้บ้าคนหล่อหรอกนะ?
-----
