บทที่ 2: กำเนิดใหม่กลางพงไพร
แสงอรุณแรกแห่งวันใหม่สาดส่องลงมายังซากปรักหักพังของสำนักกระบี่เมฆาคล้อย เผยให้เห็นภาพของความพินาศที่ชวนให้ใจสลาย ควันไฟที่ยังคงลอยกรุ่นอยู่ผสมกับกลิ่นคาวเืที่คละคลุ้งไปทั่วทั้งหุบเขา
ท่ามกลางซากศพและเศษไม้ที่ไหม้เกรียม ร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวอย่างเงียบงัน เย่เฟิงไม่ได้หลบหนีไปในทันที...เขาใช้เวลาตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาในการรวบรวมร่างของสหายร่วมสำนักที่เขาพอจะหาได้ และใช้ดาบหักๆ เล่มหนึ่งขุดหลุมศพที่เรียบง่ายที่สุดขึ้นมา
เขาฝังร่างของท่านอาจารย์จางไว้ที่ใจกลาง ใต้ต้นสนโบราณที่ท่านมักจะมานั่งพักผ่อนอยู่เสมอ รอบๆ คือหลุมศพเล็กๆ ของเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องที่เขาเคยเติบโตมาด้วยกัน ไม่มีป้ายชื่อ ไม่มีพิธีกรรมที่สมเกียรติ มีเพียงความเงียบงันและความเคารพจากผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
เย่เฟิงคุกเข่าลงเบื้องหน้าหลุมศพเ่าั้ เขาไม่ได้ร่ำไห้อีกต่อไปแล้ว น้ำตาของเขาได้เหือดแห้งไปพร้อมกับค่ำคืนที่โหดร้ายที่ผ่านมา บัดนี้...ในดวงตาของเขาเหลือเพียงความเยือกเย็นและความแค้นที่ฝังลึกลงไปถึงไขกระดูก เขาก้มศีรษะลงโขกกับพื้นดินสามครั้ง...มันคือคำอำลา...และคือคำสัตย์ปฏิญาณที่ไร้ซึ่งสุ้มเสียง
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังให้กับสถานที่ที่เคยเป็บ้านของเขาโดยไม่เหลียวกลับไปมองอีก...เด็กหนุ่มที่ชื่อเย่เฟิงได้ตายไปพร้อมกับสำนักกระบี่เมฆาคล้อยแล้ว ผู้ที่ย่างก้าวออกจากที่แห่งนี้ คือิญญาแห่งความแค้นที่ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่
เขามุ่งหน้าเข้าสู่ป่าลึกของเทือกเขาเมฆา์อย่างไร้จุดหมาย เขารู้เพียงว่าต้องหาที่ที่ปลอดภัยที่สุดเพื่อตั้งหลัก พลังัในร่างของเขายังคงปั่นป่วนและยากที่จะควบคุม ประสาทััที่เฉียบคมขึ้นของเขาทำให้สามารถหลีกเลี่ยงอสูรปราณที่อันตรายได้หลายครั้งหลายครา แต่สภาพร่างกายที่าเ็ก็ทำให้การเดินทางของเขาทุลักทุเลอย่างยิ่ง
เวลาผ่านไปสามวันเต็ม...ในที่สุด เขาก็มาหยุดยืนอยู่หน้าผาหินแห่งหนึ่งที่ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ เสียงซ่าๆ ของน้ำตกที่ดังมาจากที่ใดที่หนึ่งดึงดูดความสนใจของเขา เขาเดินตามเสียงนั้นไปจนกระทั่งได้พบกับน้ำตกขนาดกลางที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงชัน
และเื้ัม่านน้ำตกที่หนาทึบนั้นเอง...เขาก็สังเกตเห็นช่องว่างที่เป็โพรงถ้ำซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบเชียบ!
ด้วยความหวังสุดท้าย เขารวบรวมพลังที่เหลืออยู่ทะยานร่างผ่านม่านน้ำที่เย็นเยียบเข้าไป...และก็ได้พบกับถ้ำลี้ลับที่แห้งสนิทและกว้างขวางเกินคาด มันคือที่หลบภัยที่์ประทานให้โดยแท้
เมื่อเข้ามาอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้ว ความตึงเครียดที่สะสมมาหลายวันก็คลายลงทันที ความเ็ปจากาแทั่วร่างและความเหนื่อยล้าถาโถมเข้าใส่จนเขาทรุดลงกับพื้น แต่เขาก็ไม่ได้ยอมให้ตนเองพักผ่อน เขารีบยันกายนั่งขัดสมาธิแล้วเริ่มโคจรลมปราณเพื่อสำรวจร่างกายของตนเองอย่างจริงจังเป็ครั้งแรก
ทันทีที่จิตของเขาจมดิ่งลงสู่ภายใน...โลกทัศน์ของเขาก็เปลี่ยนไป!
จุดตันเถียนที่เคยแห้งเหือด บัดนี้ได้กลายเป็ห้วงจักรวาลสีทองที่กว้างใหญ่ ที่ใจกลางของมันมี "ไข่มุกั" สีทองอร่ามที่ดูคล้ายกับตัวอ่อนของดวงดาวกำลังเต้นเป็จังหวะเบาๆ ปลดปล่อยพลังงานอันสูงส่งและยิ่งใหญ่ออกมาหล่อเลี้ยงทั่วร่าง
เส้นชีพจรหยกพิสุทธิ์ที่เคยถูกเข้าใจผิดว่าตีบตัน บัดนี้กลับกว้างขวางและแข็งแกร่งราวกับแม่น้ำแห่ง์ พลังัสีทองไหลเวียนผ่านไปได้อย่างราบรื่นไม่มีติดขัดแม้แต่น้อย เขาสามารถััได้ถึงพลังที่อัดแน่นอยู่ในทุกอณูของกล้ามเนื้อและกระดูก!
หลังจากรักษาอาการาเ็ภายในจนทุเลาลงแล้ว เขาก็้าจะทดสอบพลังใหม่นี้ เขาลุกขึ้นยืนแล้วหยิบของดูต่างหน้าชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ของท่านอาจารย์ออกมา...มันคือกระบี่ไม้ไผ่ธรรมดาๆ เล่มหนึ่ง
เขาหลับตาลง ทบทวนกระบวนท่าที่คุ้นเคยที่สุด... "เคล็ดกระบี่เมฆาคล้อย ท่าที่หนึ่ง: เมฆาลอยปัดป่าย"
เขาโคจรพลังัสีทองที่ปั่นป่วนนั้นให้ไหลไปตามแขน...สู่กระบี่ไม้ไผ่ในมือ...แล้วตวัดมันออกไปเบื้องหน้าตามสัญชาตญาณ!
ฟุ่บ!
ปราณกระบี่สีทองรูปครึ่งวงจันทร์พุ่งออกจากปลายกระบี่ไม้ไผ่! มันแหวกอากาศจนเกิดเสียงหวีดหวิว ก่อนจะพุ่งเข้าปะทะกับผนังถ้ำที่อยู่ห่างออกไปหลายจั้ง!
โครม!
เกิดเสียงะเิดังขึ้น! ผนังหินที่แข็งแกร่งปรากฏรอยกระบี่ที่ลึกเกือบครึ่งคืบและทอดยาวเป็ทาง! เศษหินแตกกระจายไปทั่ว!
เย่เฟิงเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง!
นี่...นี่คืออานุภาพของกระบวนท่าที่ธรรมดาที่สุดของสำนักเขารึ? พลังทำลายล้างนี้...มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
เขามองดูกระบี่ไม้ไผ่ในมือ...แล้วมองไปยังรอยแผลบนผนังถ้ำ...ความโศกเศร้าในใจของเขาค่อยๆ ถูกหลอมรวมเข้ากับความตื่นเต้นและความหวัง...มันแปรเปลี่ยนเป็ปณิธานอันแน่วแน่ที่เยือกเย็นดุจเหล็กกล้า
"พรรคมารอสูรโลหิต...พวกเ้าจงรอข้าก่อนเถอะ" เขากระซิบกับตัวเอง
เขาจะไม่ผลีผลามออกไปข้างนอกอย่างแน่นอน เขายังไม่เข้าใจพลังนี้ดีพอ เขายังอ่อนแอเกินไป...
ณ ถ้ำลี้ลับแห่งนี้...เขาจะขอ "ปิดด่าน" บำเพ็ญเพียร! เขาจะหลอมรวมพลังนี้ให้เป็หนึ่งเดียวกับร่างกายและจิติญญา...และเมื่อวันที่เขาได้ก้าวเท้าออกจากถ้ำแห่งนี้ไปอีกครั้ง...มันจะเป็วันที่เส้นทางแห่งการล้างแค้นของเขาได้เริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริง!