หลงเซี่ยวอวี่ยื่นนิ้วออกคลึงจี้จุดบนหัวไหล่ของมู่จื่อหลิงสองครั้ง
มู่จื่อหลิงจึงรู้สึกว่าความเ็ปบนไหล่ตนเองบรรเทาลงไปมาก
นางเหมือนเข้าใจขึ้นมาในทันทีว่า ความเ็ปหลังจากโดนฝ่ามือซื่อเสวียนนั้นมิใช่อาการเจ็บป่วยอันใด ดังนั้นระบบซิงเฉินจึงตรวจจับไม่ได้ และผู้ที่มีวรยุทธ์เท่านั้นถึงจะจับสังเกตได้
ต้องเป็เช่นนี้แน่ ด้วยเหตุนี้หลังจากที่หลงเซี่ยวอวี่จับชีพจรให้นางจึงรู้ว่าเป็ฝ่ามือซื่อเสวียน
แม้ความเ็ปจะลดลง แต่มู่จื่อหลิงก็ยังตัวอ่อนยวบคุดคู้อยู่ในอ้อมแขนของหลงเซี่ยวอวี่ อ่อนแรงเสียจนไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะพูดจา
นางจึงได้แต่พูดด้วยเสียงแ่เบา “วิธีถอนพิษในตัวท่านแม่ก็คือใช้พิษถอนพิษ ใส่หนอนพิษเข้าไปในตัวนาง เล่อเทียน เ้าโคจรลมปราณใช้กำลังภายในดันหนอนพิษเข้าไปในเส้นลมปราณตลอดทั้งร่าง ทุกเส้นเื ให้หนอนพิษเข้าไปดื่มกินพิษ”
เพราะมู่เจิ้นกั๋วอยู่ในที่แห่งนั้นด้วย มู่จื่อหลิงจึงไม่กล้าพูดว่ากู่ควบคุมใจออกไปโดยตรงแล้วทำให้เขาคิดมาก จึงได้แต่พูดว่าหนอนพิษ
ใช้พิษถอนพิษนั้นเป็วิธีถอนพิษที่พบเห็นได้บ่อยครั้ง
พอนับได้ว่าเป็วิธีการที่ดี
แต่ว่า
ต้องนำหนอนพิษเข้าไปในเส้นปราณทั้งร่างนั้น เล่อเทียนไม่เชื่อถือแม้แต่น้อย
“หวางเฟย เช่นนั้นต้องใช้หนอนพิษมากมายเพียงใด และหนอนพิษต่อให้เล็กก็เล็กไปไม่ถึงไหน ไร้หนทางจะเข้าไปในเส้นลมปราณทั้งร่างกายอย่างสิ้นเชิง หากเส้นเืถูกหนอนพิษทำให้แตกเข้า คนไข้ก็จะสิ้นชีวิต”
ไม่ใช่ว่าเล่อเทียนไม่เชื่อมั่นในมู่จื่อหลิง เพียงแต่มู่จื่อหลิงพูดว่า้านำหนอนพิษเข้าไปในเส้นลมปราณทั้งร่าง ต่อให้หลงเซี่ยวอวี่โคจรกำลังภายในโน้มนำด้วยตนเอง ก็เป็เื่ที่ไม่มีทางสำเร็จอย่างสิ้นเชิง
หากหนอนพิษดันขึ้นมา ทำให้เส้นเืแตกออก เช่นนั้นต่อให้เป็เทพยดาก็ไร้หนทางรักษาแล้ว
“หลิงเอ๋อร์ วิธีนี้สามารถใช้ได้จริงๆ หรือ?” มู่เจิ้นกั๋วเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
ที่เล่อเทียนพูดก็มีเหตุผล แม้เขาจะไม่รู้การแพทย์ แต่เส้นลมปราณสำหรับผู้ฝึกยุทธ์นั้นก็คุ้นเคยเสียยิ่งกว่าคุ้นเคย เขาเองก็คิดว่าเป็ไปไม่ได้
สีหน้าหลงเซี่ยวอวี่ก็ปรากฏความประหลาดใจ สตรีผู้นี้ไปนำหนอนพิษขนาดเล็กเพียงนั้นมาจากที่ใด
วินาทีต่อมา หลงเซี่ยวอวี่ก็รู้ว่าหนอนพิษที่มู่จื่อหลิงเอ่ยถึงคือสิ่งใด?
ดวงตามู่จื่อหลิงหรี่ลงน้อยๆ ริมฝีปากไร้ซึ่งสีเืยกขึ้นเป็รอยยิ้มเ้าเล่ห์ “ข้าพูดวิธีนี้ออกมา ย่อมต้องเป็หนอนพิษที่เล็กอย่างยิ่งแล้ว แต่ว่าข้ามีคางคกม่วงที่ยามนี้อยู่ในมือของใต้เท้าเสิ่นแห่งศาลต้าหลี่ ต้องมีคางคกม่วงจึงจะสำเร็จ”
เพียงคิดถึงกู่ควบคุมใจก็จะคิดถึงความเอื้อเฟื้อของฮองเฮา เมื่อคิดถึงความเอื้อเฟื้อของฮองเฮา มู่จื่อหลิงก็อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ฉีอ๋องนั้นเฉลียวฉลาดในระดับใด ฟังถึงครึ่งประโยคหลัง เขาก็รู้ว่าหนอนพิษที่เล็กยิ่งนักคือสิ่งใด
มู่จื่อหลิงมิได้ใช้คางคกม่วงถอนพิษกู่ของหลงเซี่ยวหนานหรือ
เพียงแต่
ทันใดนั้นสีหน้าของหลงเซี่ยวอวี่ก็เข้มขึ้นเล็กน้อย ยื่นแขนเรียวยาวไปรัดรอบเอวคอดบางของมู่จื่อหลิงไว้แน่นราวกับแฝงไปด้วยการลงโทษ
น่าเสียดายที่มู่จื่อหลิงเดิมทีเหนื่อยล้าไร้เรี่ยวแรง ผนวกกับความเ็ปบนหัวไหล่ ยามนี้ทำให้นางนั้นไร้ความรู้สึกไปทั้งตัว ในชั่วแวบแรกนางจึงไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย
ดวงตาของเล่อเทียนที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัยก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก กำลังจะเอ่ยปากถามว่าเป็หนอนพิษชนิดใดก็ถูกเสียงหนึ่งขัดจังหวะเสียก่อน
“เื่เร่งด่วนเช่นนี้ แม่ทัพมู่ไปที่ศาลต้าหลี่นำคางคกม่วงมาเดี๋ยวนี้” หลงเซี่ยวอวี่สั่งมู่เจิ้นกั๋วอย่างเรียบเฉยด้วยสีหน้าเ็า ทว่าน้ำเสียงกลับมีความน่าเกรงขามที่ยากต่อการโต้แย้ง
“น้อมรับบัญชา เหล่าเฉินจะไปเดี๋ยวนี้” มู่เจิ้นกั๋วขานรับอย่างนอบน้อม
แม้มู่เจิ้นกั๋วจะอยากรู้ว่าเป็หนอนพิษอันใด แต่ยามนี้หลงเซี่ยวอวี่ก็เอ่ยปากด้วยตนเองแล้ว เขาจึงไม่กล้าคิดมาก ไม่ชักช้ารีรอ ตอบรับด้วยความเคารพแล้วออกไป
เื่ราวเร่งด่วนก็คือเร่งด่วน
เดิมมู่จื่อหลิงกำลังคิดว่ากุ่ยหยิ่งกุ่ยเม่ยตามมาที่สวนจิ้งซินด้วยหรือไม่ จะได้ให้พวกเขาไปนำคางคกม่วงกลับมาจากศาลต้าหลี่สักเที่ยวหนึ่ง
หมอนี่กลับดีนัก สั่งให้แม่ทัพมู่ผู้ยิ่งใหญ่วิ่งเต้นให้ ด้วยการสั่งให้ไปเช่นนี้
แม้ว่าในสมองนางจะคิดหาเหตุผลมากมายว่าจะแยกบิดานางออกไปได้อย่างไร
แต่คิดไม่ถึงว่าหลงเซี่ยวอวี่จะตรงไปตรงมา ออกปากอย่างทรงอำนาจน่าเกรงขามเช่นนี้ก็ให้คนจากไปได้แล้ว
เพียงแต่ว่า ความเฉียบขาดอันน่าเกรงขามของหมอนี่ติดตัวมาั้แ่กำเนิดจริงหรือ?
ถึงกระนั้นจะเก็บงำไว้เสียหน่อยมิได้เลยหรือ บัญชาผู้อื่นเคร่งครัดเพียงนี้ทำให้คนมิอาจขัดขืนได้โดยง่าย
จำต้องพูดว่า ฉีหวางเฟย สิ่งที่ท่านคิดนั้นเป็ความจริง ความทรงอำนาจน่าเกรงขามของฉีอ๋องนี้มีติดกายมาั้แ่กำเนิดแล้ว
แต่ว่าในแวบแรกนั้น มู่จื่อหลิงก็ชะงักไปงงงันไป
ที่นางอยากกันมู่เจิ้นกั๋วออกไปนั้นเป็เพราะว่าไม่อยากให้เขารู้เื่กู่ควบคุมใจ
แต่หลงเซี่ยวอวี่กันมู่เจิ้นกั๋วออกไปอย่างกะทันหันด้วยเหตุผลใด? หรือว่าอยากให้เขาไปที่ศาลต้าหลี่จริงๆ หรือ?
เล่อเทียนคล้ายจะรู้ว่าหลงเซี่ยวอวี่ตั้งใจกันมู่เจิ้นกั๋วออกไป แต่ว่าเขามิได้มีใจไปคิดหาเหตุผลนัก
“หวางเฟย ที่พูดถึงคือหนอนพิษอันใด?” ดวงตาที่เปล่งประกายของเล่อเทียนเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
“เ้าไปนำกล่องใสที่ข้าวางไว้บนโต๊ะในห้องท่านแม่ข้ามา อย่าเพิ่งเปิดออกล่ะ” มู่จื่อหลิงกระซิบอย่างอดกลั้น รู้สึกว่าบั้นเอวมีััของบางสิ่งราวกับสายรัดเอวที่พันรอบเอาไว้แน่น ทำให้นางหายใจลำบาก
“ได้ ข้าน้อยจะไปเอาเดี๋ยวนี้” เล่อเทียนเอ่ยอย่างไม่รีรอ พุ่งออกไปด้วยความเร็วราวกับจรวด
มู่จื่อหลิงถามด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ “ท่านอ๋อง มือนี่คลายออกได้หรือไม่?”
หมอนี่เป็อะไรไป?
ทำไมต้องรัดตัวนางไว้จนแน่น คงไม่ใช่เพราะกลัวนางตกลงไปใช่ไหม?
แต่นี่ดูไม่คล้ายว่าจะกลัวนางตกลงไปเลยแม้แต่น้อย!
หลงเซี่ยวอวี่ไม่พูดจาและแขนก็ยังไม่ขยับเช่นเดิม
มู่จื่อหลิงกัดฟัน ยกมือขวาขึ้นอย่างเชื่องช้าคิดจะแกะมืออาชญากรที่รัดแน่นบนบั้นเอวนางออก
เพียงแต่ เดิมทีนางก็อ่อนแรงอยู่แล้ว เมื่อเผชิญกับท่อนแขนแกร่งทรงพลังก็เหมือนกับมดเขย่าต้นไม้ใหญ่ ท่อนแขนไม่เพียงไม่ะเื แต่ยังยิ่งรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“หลงเซี่ยวอวี่ ข้าทรมานนัก หายใจไม่ออก ท่านรีบปล่อยมือเร็วเข้า” มู่จื่อหลิงส่งเสียงอย่างอึดอัด ทว่าเสียงนั้นกลับเจือสะอื้นโดยไม่รู้ตัว
ทันทีที่พูดออกไป มือที่อยู่บนบั้นเอวของมู่จื่อหลิงก็คลายออกไปมาก แต่มิได้ปล่อยออก
ทว่าไม่รอให้นางหายใจหายคอ ข้างหูก็มีลมหายใจร้อนผ่าวที่ทำให้ใจคนสับสนวุ่นวายเหมือนด้ายพันกัน พ่นลมหายใจร้อนผ่าว ถามอย่างเชื่องช้า “ฉีหวางเฟยไม่รู้เื่กู่? รังนกไม่มีแล้ว? แล้วกู่ควบคุมใจมาจากที่ใด?”
มู่จื่อหลิงตื่นใขึ้นมาทันที
ใช่สิ นางลืมไปได้อย่างไรว่าคราที่แล้วพูดกับหลงเซี่ยวอวี่ไว้ว่าไม่รู้เื่กู่ รังนกก็ถูกคางคกม่วงกินหมดแล้ว
ตอนนี้จู่ๆ ก็มีหนอนควบคุมใจผุดขึ้นมาอีก นางจะอธิบายว่าอย่างไร?
หรือหมอนี่จะรู้ว่าหนอนพิษคือกู่ควบคุมใจ ดังนั้นจึงกันบิดานางออกไป?
ไม่ถูก นางยังมิได้พูดเลยว่าหนอนพิษคือกู่ควบคุมใจ แล้วหมอนี่รู้ได้อย่างไรว่ายังมีกู่ควบคุมใจอยู่?
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดมิใช่เื่หลงเซี่ยวอวี่รู้ได้อย่างไร แต่เป็นางควรอธิบายอย่างไรต่างหาก!
การมีอยู่ของกู่ควบคุมใจนอกจากนางและคางคกม่วงก็ไม่มีคนรู้ หลงเซี่ยวอวี่ไม่มีทางรู้ เขาจะขู่ให้ตนใเป็แน่ เลยพูดออกมาโดยไม่ตั้งใจ
“หืม?” เสียงที่เรียบเย็นของหลงเซี่ยวอวี่ขึ้นจมูกเล็กน้อยเหมือนจะแฝงแววอันตรายไว้อย่างเข้มข้น
ลมหายใจแ่เบาของหลงเซี่ยวอวี่อ้อยอิ่งอยู่บริเวณใบหูที่ไวต่อความรู้สึกของมู่จื่อหลิง ทำให้ใจนางกระตุกอย่างไม่รู้ตัว
มู่จื่อหลิงดิ้นรนยันกายขึ้นแต่ทำอย่างไรนางก็ไร้เรี่ยวแรง ส่งเสียงหัวเราะอย่างมีพิรุธ “กู่ควบคุมใจอันใด? รังนกถูกคางคกม่วงกินไปหมดแล้ว กู่ควบคุมใจจะมาจากไหนกัน?”
มู่จื่อหลิงปลอบตนเองเงียบๆ ในใจ
อย่าใ อย่าใ อย่าตีตนไปก่อนไข้!
เล่อเทียนก็มองกู่ควบคุมใจไม่ออก รอประเดี๋ยวนำกู่ควบคุมใจมาค่อยแต่งเื่ว่าหนอนพิษชนิดหนึ่งก็ได้แล้ว
ใช่ มิอาจยอมรับได้โดยเด็ดขาด ยอมตายไม่ยอมจำนน
ถ้ามู่จื่อหลิงในยามนี้รู้ว่า คำปฏิญาณของนางในหนึ่งวินาทีก่อนหน้า จะถูกตีพ่ายลงในวินาทีต่อมาอย่างง่ายดาย ไม่รู้ว่านางจะตบปากตนเองหรือไม่
“ใช่หรือ? ฉีหวางเฟยหลอกลวงเปิ่นหวาง เช่นนั้นราคา...” น้ำเสียงทุ้มต่ำของหลงเซี่ยวอวี่เหมือนกับแฝงไปด้วยไออันน่าสยดสยอง
หลงเซี่ยวอวี่หยุดชะงัก เข้าไปใกล้ใบหูของมู่จื่อหลิงยิ่งกว่าเดิม
มู่จื่อหลิงคิดอย่างตื่นตระหนก ราคาที่ต้องจ่ายในการหลอกลวงฉีอ๋องคือสิ่งใด?
หัวหลุดจากบ่า? หรือพัวพันไปถึงผู้อื่นด้วย?
ทันใดนั้น
มู่จื่อหลิงก็แข็งค้างไปทั้งตัวในทันที นางใจนแทบจะร้องไห้ออกมา
คนสารเลวผู้นี้ ถึงกับ ถึงกับ...กัดใบหูของนาง
ใบหูที่มีความรู้สึกไวเป็ที่สุด!
หลงเซี่ยวอวี่กัดใบหูของมู่จื่อหลิงอยู่นาน แฝงไปด้วยความนัยของการลงโทษ
ััเย็นเฉียบ ลมหายใจเร่าร้อน ขบกัดอย่างเอาแต่ใจ
ท่าทางที่เหมือนว่าบางครั้งจะแ่เบา บางครั้งก็อ่อนโยน
“มีกู่ควบคุมใจ มีกู่ควบคุมใจ...” มู่จื่อหลิงพลันรับไม่ได้ ม่านละอองน้ำในดวงตาที่เดิมหายไปแล้ว ก็เตรียมจะเอ่อคลอขึ้นมาอีกครั้ง
ในหัวใจของนางราวกับมีมดเป็พันเป็หมื่นตัวกำลังไต่อยู่ ความรู้สึกคันยุบยิบพุ่งไปสู่จุดสูงสุด
ร่างกายนางที่อ่อนแรงมาแต่เดิมนั้น ตอนนี้อ่อนปวกเปียกจนกลายสภาพเป็ ‘ของเหลว’!
หมอนี่ ช่าง ช่างชั่วร้ายเป็ที่สุด!
เหตุใดระยะนี้จึงได้แต๊ะอั๋งนางทุกครั้งที่มีโอกาสกัน คนผู้นี้คือหลงเซี่ยวอวี่ผู้เ็าไร้ความรู้สึกที่นางรู้จักหรือ?
ต้องไม่ใช่คนเดียวกันเป็แน่!
ฮือๆ การลงทัณฑ์ที่น่ากลัวพรรค์นี้ ไม่สู้ให้บั่นศีรษะนางให้หลุดจะได้ทรมานน้อยลง
พูดไว้เสียดิบดีว่าจะไม่ยอมจำนน เหตุใดเพียงครู่เดียวก็ยอมแล้วเล่า
มู่จื่อหลิงก่นด่าในใจอย่างอดไม่ได้ เ้าเล่อเทียนสมควรตาย ยังไม่รีบกลับมาช่วยกันอีก ห้องของมารดาข้าอยู่ไกลจากห้องรับรองไปไม่กี่ก้าวเอง
เ้าโง่ขี่เต่าไปใช่หรือไม่! เต่ายังเดินไวกว่าเ้าเสียอีก
หากมู่จื่อหลิงรู้ว่า เล่อเทียนในยามนี้กำลังหากล่องใสที่มีหนอนพิษข้างในไปทั่วห้องนั้น
ไม่รู้ว่านางจะตบเล่อเทียนจนกระเด็นติดกำแพง แล้วตนค่อยกระอักเืออกมาด้วยความโกรธหรือไม่
เพราะทันทีที่เล่อเทียนเข้าไปในห้องก็เห็นกล่องใสที่ว่างเปล่าอยู่บนโต๊ะไม้จันทน์ เขาก็เข้าใจว่าต้องไม่ใช่กล่องนั้นแน่ๆ
ดังนั้นเล่อเทียนจึงมองข้ามกล่องใสนั่นไปอย่าง ‘เฉลียวฉลาด’
อันที่จริงหลงเซี่ยวอวี่ก็เกือบเชื่อคำพูดมู่จื่อหลิงไปแล้ว
แต่เขาไม่คิดว่ามู่จื่อหลิงจะสารภาพเร็วขนาดนี้
ทว่าหาจุดไวต่อความรู้สึกของหญิงสาวได้อย่างง่ายดาย
ความรู้สึกนี้ดูเหมือนว่าจะดียิ่งนัก!
พักนี้นับวันหญิงผู้นี้ยิ่งใจกล้านัก เมื่อก่อนเห็นเขาก็ยังหวาดกลัว ตื่นตระหนก...
ยามนี้กล้าหลอกเขาแล้ว กล้าโต้เถียงกับเขาเพื่อคนไม่เกี่ยวข้อง ยังกล้าถลึงตาใส่เขาอีก
ใช้โอกาสนี้ลงโทษไปในคราเดียวเสีย
หลงเซี่ยวอวี่กัดลงไปอย่างแรงอีกครั้งราวกับจะระบายความอัดอั้น
“ข้ารู้เื่กู่ ข้ารู้เื่กู่ รังนกไม่ได้ถูกเสี่ยวไตกูกินหมด กู่ควบคุมใจถูกข้าแยกออกมา หนอนพิษที่เล่อเทียนเอามาก็คือกู่ควบคุมใจ” เสียงของมู่จื่อหลิงอ่อนปวกเปียก นางใจนน้ำตาแทบจะร่วงออกมา เพียงครู่เดียวก็สารภาพออกมาทั้งหมด
แต่ว่า ในใจนางก็ยังหลงเหลือสติอยู่บ้าง ไม่ว่าอย่างไร นางก็ไม่มีทางนำเื่ระบบซิงเฉินไปบอกบุคคลที่สองแน่
มุมปากของหลงเซี่ยวอวี่ยกเป็รอยยิ้มบางอย่างพึงพอใจที่มิอาจสังเกตเห็นได้โดยง่าย
ลมหายใจอุ่นเคลื่อนออกไปจากใบหูมู่จื่อหลิงอย่างเชื่องช้า
ในเวลานี้เอง บุคคลที่มู่จื่อหลิงเพิ่งเฝ้ารอให้มาช่วยเหลือก็มาแล้วเช่นกัน......
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้