“หลังผ่าตัดเจ็ดวัน ผู้ป่วยห้ามดื่มสุราและคนในครอบครัวของผู้ป่วยห้ามทำตามใจเขา” หลี่หรูอี้คิดในใจว่า ก็แค่ผ่าตัดหนหนึ่งเท่านั้น ข้ายังต้องดื่มสุราย้อมใจด้วยหรือ
“เจ็ดวันก็เจ็ดวัน เขาจะอดทนไว้ พ้นเจ็ดวันแล้วข้าจะยกไหดื่ม เมาแล้วค่อยเลิก ง่วงแล้วก็นอนมันในโอ่งสุรานั่นล่ะ ไว้ข้าหายดีเมื่อใดก็จะปรี่กลับไปเอาหัวสุนัขของเ้าพวกสุนัขแคว้นหลางเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ...”
หลี่หรูอี้เอ่ยด้วยท่าทีขึงขังว่า “เอาเถิด ท่านอย่าเพิ่งตื่นเต้นอย่าเพิ่งหัวเราะดัง แผลจะปริเืออกได้”
“อ้อ...” เวลานี้แม่ทัพติงยอมฟังคำหลี่หรูอี้ทุกประการ
“จำไว้ว่า สามวันแรกห้ามอาบน้ำ ห้ามให้ร่างกายเหน็บหนาว ห้ามกินของที่ไม่เป็ประโยชน์ ห้ามเดินเหินไปมา ข้าจะสั่งยาให้ท่านสี่ชนิด อีกประเดี๋ยวข้าจะถอนเข็มเงินออก เมื่อท่านทานอาหารเสร็จแล้วก็กินยาและรีบเข้านอน มิเช่นนั้นจะเจ็บเจียนตาย”
เฮ่อส้าวจาวกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “วันนี้ได้เปิดหูเปิดตาอย่างยิ่ง”
เฉิงอิ้งกอดหีบยาของหลี่หรูอี้เอาไว้แนบอกประหนึ่งเป็หญิงงามพลางสังเกตดูของทุกชิ้นที่อยู่ภายในนั้นอย่างละเอียด
หลี่หรูอี้ล้างมือเรียบร้อยแล้ว จึงเอ่ยถามแพทย์หลวงทั้งสองว่า “วันนี้ข้าจะไปออกตรวจ ยังต้องไปอีกหลายเรือน พวกท่านจะตามไปด้วยหรือไม่”
เฉิงอิ้งตอบไปโดยไม่แม้จะเงยหน้า “ไป”
“ต้องไปแน่นอน” เฮ่อส้าวจาวมองหลี่ซานที่กำลังเดินเข้ามาจากข้างนอกด้วยสายตาอิจฉาเต็มเปี่ยม “น้องหลี่ ท่านมีบุตรที่ดีปานนี้ ท่านหมอเทวดาน้อยช่างเยี่ยมยอดจริงๆ!”
หลี่ซานได้แต่ยิ้มซื่อๆ ตอนที่เขาและบุตรชายรออยู่ที่ห้องด้านข้างเมื่อครู่นี้ก็หนักใจไม่เบา ต้องเดินไปมาอยู่ในลานบ้าน ที่สุดแล้วก็รอจนได้ยินข่าวดี จึงรีบเข้ามาดูหลี่หรูอี้
หลี่อิงฮว๋ายกน้ำเข้ามา “น้องพี่ เ้าดื่มน้ำสักหน่อย”
หลี่ิ่หานเอ่ยยิ้มๆ “น้องพี่ เ้าเก่งกาจจริงๆ คนจวนติงล้วนยกย่องว่าเป็เซียนแพทย์กลับชาติมาเกิด”
ครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น กลุ่มของหลี่หรูอี้ก็อำลาและไปที่เรือนหลังที่สอง โดยมีแพทย์หลวงสองคนติดตามไปด้วย
ก่อนตะวันตกดิน มีคนสองกลุ่มแยกกันตรงทางแยกของถนนหลวงที่มุ่งหน้าไปเมืองเยี่ยนและอำเภอฉางผิง
วันนั้นแพทย์หลวงสองท่านได้นำตำรับยาชา ยาจิน่ และเหล้ายาทางการแพทย์ที่หลี่หรูอี้เขียนให้มามอบแก่เยี่ยนอ๋องโจวปิง
“ทูลท่านอ๋อง ในกองทัพมีคนเจ็บนับไม่ถ้วน เมื่อได้ตำรับยาทั้งสามของท่านหมอเทวดาน้อยนี้ โดยเฉพาะยาจิน่ก็จะสามารถรักษาชีวิตคนไว้ได้มากมายพ่ะย่ะค่ะ”
เฉิงอิ้งกล่าวว่า “หลังจากกระหม่อมทั้งสองตรวจสอบยาเป็ผลแล้ว ต้องขอให้ท่านอ๋องประทานบำเหน็จรางวัลใหญ่หลวงแก่ท่านหมอเทวดาน้อยด้วยพ่ะย่ะค่ะ” หากหลี่หรูอี้ไม่ใช่หญิงก็จะดี จะได้ขอโจวปิงให้นางมาอยู่ในสำนักแพทย์หลวงสาขาเมืองเยี่ยนเสียเลย
โจวปิงเอาเทียบยามาดู ตัวอักษรดำบนกระดาษขาวที่เขียนตัวยาต่างๆ เรียงกันลงมาล้วนเป็ตัวยาทั่วๆ ไป ทั้งราคาก็ไม่สูง นี่นับว่าเป็ดวงใจรักบ้านเมืองแสนซื่อตรงของหลี่หรูอี้ พลันคิดในใจว่า มอบตำรับยาคราเดียวถึงสามชนิด โดยเฉพาะยาจิน่ ซึ่งเป็ยาที่ไม่ว่าจะเป็ชาย หญิง เด็ก คนชรา ล้วนสามารถใช้ได้ ถือว่าใช้ได้อย่างกว้างขวาง หากเป็ชายเราก็จะแต่งตั้งให้เป็นายทหารแห่งทัพเยี่ยน แต่น่าเสียดายที่นางเป็เด็กหญิงเล็กๆ ผู้หนึ่ง แล้วเราจะประทานสิ่งใดให้นางเป็รางวัลจึงจะดี?
แพทย์หลวงสองท่านเห็นโจวปิงมองเทียบยาจนใจลอย จึงเรียกเบาๆ ว่า “ท่านอ๋อง?”
โจวปิงมอบเทียบยานั้นให้แก่เขาทั้งสองพลางกำชับว่า “พวกท่านไปตรวจสอบตำรับยาเหล่านี้มา และจำไว้ว่าต้องเก็บไว้เป็ความลับ” ตำรับยาเช่นนี้ห้ามแพร่งพรายไปยังแคว้นศัตรูและให้ทัพศัตรูใช้เป็เด็ดขาด
ตะวันยามสายัณห์คล้อยลงประจิมทิศ จ้าวซื่อชะเง้อมองอยู่ที่ประตูรั้วเรือนสกุลหลี่อยู่นานแล้ว
วันนี้หลี่หรูอี้ออกไปั้แ่เช้า จ้าวซื่อรู้สึกจิตใจไม่สงบขึ้นมาเล็กน้อย กลัวว่าหลี่หรูอี้จะผ่าตัดให้แม่ทัพติงไม่สำเร็จ แม้จะบอกว่ามีเจียงชิงอวิ๋นไปด้วย แต่แม่ทัพติงเป็ถึงแม่ทัพขั้นสี่ ในจวนของเขาก็ยังมีคนที่เป็นายทหารอีกหลายคน หากมีสิ่งใดผิดพลาดขึ้นมา ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนทำให้สกุลหลี่บ้านแตกสาแหรกขาดได้ทั้งสิ้น
เป็หมอช่วยชีวิตคนหนึ่งคนประเสริฐกว่าสร้างเจดีย์ ทว่าก็มีความเสี่ยงสูงเหลือเกิน ยามต้องพบกับตระกูลสูงศักดิ์ที่มีอิทธิพล หากรักษาเขาไม่หายก็อาจถูกแก้แค้น
ก่อนนี้ในตำบลของบ้านฝ่ายมารดาจ้าวซื่อ มีหมอคนหนึ่งไปรักษาอนุของนายอำเภอ แต่รักษานางไม่หายจนนางเสียชีวิต นายอำเภอจึงหาเหตุผลจับหมอคนนั้นเข้าคุก ภายหลังครอบครัวของหมอผู้นั้นต้องขายทรัพย์สินขายที่ดิน ขายบุตรสาวสองคน จึงจะสามารถช่วยเขาออกมาได้
เมื่อหมอผู้นั้นออกจากคุก และได้รู้ว่าบุตรสาวทั้งสองคนถูกนายอำเภอซื้อตัวไปเป็อนุ ด้วยความโกรธแค้นจึงวิ่งไปยังที่ว่าการเมืองถือหนังสือฟ้องร้องไปด้วย และเอาหัวพุ่งชนสิงโตหินที่หน้าที่ว่าการเมืองจนตนเองตาย
เนื่องจากหมอผู้นั้นใช้วิธีร้องเรียนที่รุนแรง จึงทำให้เกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ผู้ตรวจการมณฑลจึงไม่อาจไม่รับหนังสือฟ้องร้องและพิจารณาคดีนี้ แต่สุดท้ายนายอำเภอก็แค่ถูกปลดออกจากราชการเท่านั้น
เมื่อบุตรสาวทั้งสองของหมอผู้นั้นรู้ว่าบิดาของตนต้องตายอย่างอนาถ จึงผูกคอตายอยู่ภายในเรือนของนายอำเภอ
ภรรยาของหมอคนนั้นถึงกับเสียสติ บุตรชายก็ไม่รู้ว่าไปอยู่เสียที่ใด ได้ยินว่าไปออกบวชแล้ว
คนในพื้นที่ต่างก็รู้เื่นี้ ครั้งนั้นจ้าวซื่ออายุเพียงเจ็ดขวบ ก็มักได้ยินทั้งญาติๆ และสหายพากันเอ่ยถึงเื่นี้ จึงยังคงจดจำได้เหมือนเพิ่งเคยได้ยินตราบปัจจุบัน
ก่อนนี้หลี่หรูอี้แค่อยู่ในเรือนตน ผู้ป่วยมาขอรับการรักษาที่เรือน แต่ยามนี้หลังจากเจียงชิงอวิ๋นแนะนำนางให้แก่โจวโม่เสวียน ก็ต้องออกไปรักษาข้างนอกแล้ว และแต่ละเรือนที่ไปก็ล้วนเป็ผู้สูงศักดิ์มีอิทธิพลทั้งสิ้น จ้าวซื่อจึงรู้สึกเป็ห่วงมาก
หลี่หรูอี้ะโลงมาจากรถม้าของจวนเจียง พอเห็นจ้าวซื่อก็รู้สึกประหลาดใจ เพราะแต่ก่อนจ้าวซื่อมักจะรออยู่ภายในเรือน
จ้าวซื่อเอื้อมมือไปลูบหน้าผากของหลี่หรูอี้ “เหตุใดเ้าจึงเพิ่งกลับมา ทำแม่เป็ห่วงแทบตาย”
“ท่านแม่ ท่านมายืนอยู่ที่นี่นานเท่าใดแล้วเ้าคะ เหตุใดมือจึงเย็นเป็น้ำแข็งเช่นนี้ รีบเข้าไปในห้องเร็วเ้าค่ะ”
จ้าวซื่อพูดเสียงดังๆ ต่อหน้าคนจวนเจียงว่า “เ้าเป็เด็กหญิงผู้หนึ่งต้องออกไปรักษาคนหลายเรือนข้างนอก บ้านเรือนที่ไปก็ล้วนเป็ตระกูลสูงศักดิ์มีอิทธิพล วันนี้ต้องลงมีดทำผ่าตัดอันใดนั่นให้ท่านผู้สูงศักดิ์ แม่ใจคอไม่ดีเลย”
หลี่หรูอี้รู้สึกผิดอยู่ในใจ รีบบอกไปว่า “เป็เพียงการผ่าตัดเล็กๆ เท่านั้นเ้าค่ะ ท่านโปรดวางใจ ข้ามีความมั่นใจจึงได้รับรักษา หากไม่มั่นใจแม้แต่ประตูเรือนบ้านเรา ข้าก็จะไม่ก้าวออกไปเ้าค่ะ”
จ้าวซื่อจึงว่า “วันหน้าออกไปรักษาคนให้น้อยลงสักหน่อย”
“ผู้ป่วยที่ข้าออกไปรักษาในหลายวันมานี้ล้วนเป็นายทัพในกองทัพ ข้านับถือที่พวกเขาเสียสละเพื่อบ้านเมืองเพื่อประชา และไม่เหมาะจะไม่ไว้หน้าท่านชาย ท่านโปรดวางใจ มิใช่ว่าจะรักษาให้ผู้ใดไปทั่ว และมิใช่ว่าพอได้ยินว่าเป็เรือนของผู้สูงศักดิ์ก็จะไปรักษาให้เ้าค่ะ”
“เป็ดังนี้ก็ดีแล้ว ปีนี้เ้าอายุสิบปีเป็แม่นางที่โตแล้ว ชื่อเสียงจึงเป็สิ่งสำคัญ”
หลี่หรูอี้เห็นว่าจ้าวซื่อไม่ยอมเข้าเรือน แต่พูดเื่มากมายอยู่ที่ประตู หนำซ้ำเสียงของจ้าวซื่อก็ยังดังกว่าปกติมาก เมื่อนั้นจึงรู้ว่าคำพูดของจ้าวซื่อนั้นตั้งใจพูดให้คนจวนเจียงได้ยิน ซึ่งก็เพื่อให้พวกเขานำความไปแจ้งต่อเจียงชิงอวิ๋นนั่นเอง
พี่ชายทั้งสี่คนของนางต้องสอบเข้าสำนักศึกษาเพื่อจะได้เข้าสอบเคอจวี่ และสกุลหลี่ไม่มีคนหนุนหลัง บิดาของนางก็เป็เกษตรกรขาอยู่กับดินโคลน จึงถูกเหยียดหยามดูแคลนอย่างยิ่งต่อหน้าหม่าจาวพ่อลูกนั่น
นางจึงทำได้แค่อาศัยฝีมือแพทย์ไปช่วยคนกับสูตรอาหารชนิดใหม่ไปหาเงินเพื่อช่วยปูทางให้เหล่าพี่ชาย
ที่นางมอบตำรับยาทั้งสามไปในวันนี้ก็คือ การมอบต้นทุนอันน้อยนิดให้ครอบครัว เพื่อให้เหล่าพี่ชายได้อยู่ในสายตาของเยี่ยนอ๋องบ้าง
ที่หน้าประตูใหญ่ของจวนเจียง ลุงฝูรายงานต่อเจียงชิงอวิ๋นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “นายท่านขอรับ สองวันก่อนองครักษ์จวนเราพบว่ามีชายสองคนสะกดรอยตามเด็กหนุ่มสกุลหลี่ จึงไปตรวจสอบ พบว่าชายสองคนนั้นเป็พวกโจร ก่อนนี้เคยหนีคดีปล้นและทำร้ายคนในหมู่บ้านชนบทในอำเภอซั่ง และแน่ใจได้ว่าพวกมันคิดร้ายกับเด็กหนุ่มสกุลหลี่ขอรับ”
เจียงชิงอวิ๋นเกิดความสงสัยอยู่ในใจ เหตุใดโจรในอำเภอซั่งจึงได้มาที่อำเภอฉางผิง? โจรทั้งสองคนนี้มีเป้าหมายใดกันแน่?
“ท่านโปรดพิจารณาดูว่า จะจับชายทั้งสองคนมาวันนี้เสียเลย หรือจะปล่อยสายเบ็ดยาวล่อปลาใหญ่ รอจนพวกมันลงมือจึงค่อยจับซึ่งหน้า เมื่อมีหลักฐานชัดแจ้งแล้วจะได้ลงทัณฑ์อย่างหนักขอรับ”
เจียงชิงอวิ๋นมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นโดยพลัน เอ่ยเสียงเย็นว่า “สะกดรอยตามพวกมันไปก่อน เพื่อสืบหาตัวผู้อยู่เื้ั ส่งคนไปอารักขาสกุลหลี่อย่างลับๆ โดยเฉพาะหรูอี้ ห้ามให้เกิดเื่เสียหายใดๆ เป็อันขาด”
“ขอรับ”
สกุลหลี่ยังไม่รู้ตัวว่าแผนการชั่วกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้แล้ว
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้