สตรีแซ่อวี๋โจวเอ่ยวาจาตำหนิตนเองอย่างเสแสร้งทำให้อวี๋หรูไห่ปวดใจขึ้นมาทันใดหวนนึกถึงความทุ่มเทแรงกายแรงใจของฮูหยินเฒ่าตลอดหลายปีมานี้ถึงแม้จะลำเอียงไปบ้าง แต่ก็ถือเป็เื่ทั่วไป โดยสรุปไม่ได้ปฏิบัติต่อบุตรหลานครอบครัวใหญ่และครอบครัวรองอย่างทารุณเกินไป
“ลูกอกตัญญู! ดูสิว่าเ้าทำให้แม่ของเ้าโกรธจนเป็เช่นไรแล้ว?” อวี๋หรูไห่เอ่ยด้วยความโมโห“ส่งจิ่นซูไปเรียนในสำนักศึกษาระดับอำเภอคือความคิดของข้าเ้าก็จะทำให้ตาแก่อย่างข้าโมโหจนลงโลงไปด้วยงั้นหรือ?!”
สตรีแซ่จางกับอวี๋เฉียวซานถูกตำหนิจนใบหน้าซีดเซียวสตรีแซ่จางเอ่ยด้วยท่าทีหวาดผวา “ท่านพ่อ พวกเราไม่ได้คิดจะยั่วโมโหท่านกับท่านแม่แต่จือโจวก็เป็หลานของท่านเช่นกันท่านทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดเตรียมการให้จิ่นซูกับจิ่นเหยียนเหตุใดถึงไม่อาจส่งจือโจวไปสำนักศึกษาระดับอำเภอบ้างเล่าเ้าคะ?”
อวี๋หรูไห่ถูกก่อกวนจนปวดหัวสตรีแซ่อวี๋โจวที่อยู่ข้างกายยังคงปาดน้ำตา เขาเอ่ยด้วยใบหน้าเ็าว่า“เ้ามันสตรีผมยาวความรู้สั้น ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ จิ่นซูอายุมากกว่าจือโจวอีกทั้งยังถูกสกุลหลิวถอนหมั้น หากไม่มีผลงานติดตัวจะหารืองานแต่งที่ดีกว่านี้ได้อย่างไร? หากภายหน้าในจวนมีเงินเหลือค่อยส่งจือโจวไปเรียนในสำนักศึกษาระดับอำเภอก็ยังไม่สายเหตุใดพวกเ้าต้องก่อเื่จนเป็เช่นนี้?”
สตรีแซ่จางไม่เชื่อคำพูดที่บอกว่าหากภายหน้ามีเงินเหลือจะส่งจือโจวไปเรียนในสำนักศึกษาระดับอำเภอของอวี๋หรูไห่ตลอดหลายปีมานี้นางไม่เคยแก่งแย่งเพื่อบุตรของตนในเมื่อวันนี้พูดกันตามตรงและบาดหมางกับครอบครัวสามแล้วเช่นนั้นก็ต้องแย่งชิงจนได้บางสิ่งมาอยู่ในมือเสียบ้าง
“ท่านบอกว่าจิ่นซูอายุมากกว่า แต่จิ่นเหยียนอายุน้อยกว่าจือโจวเพียงหนึ่งปีตอนแรกที่ท่านส่งจิ่นเหยียนเข้าไปในสำนักศึกษาระดับอำเภอเหตุถึงไม่คิดว่าควรจะส่งจิ่นซูไปก่อนเ้าคะ?” สตรีแซ่จางโต้เถียง “ท่านพ่อ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากใช้เหตุผลกับท่านจิตใจผู้คนล้วนแต่บิดเบี้ยว หากวันนี้จือโจวเป็คนที่อายุมากกว่าท่านจะทำอย่างไรเ้าคะ?”
“ข้า...ข้าย่อมต้องส่งจือโจวไปเรียนในสำนักศึกษาระดับอำเภอ!”ขณะอวี๋หรูไห่เอ่ยประโยคนี้ได้ไร้ความมั่นใจแต่เขาไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับสตรีแซ่จางอีกต่อไปเพราะถึงอย่างไรเหตุผลที่เถียงข้างๆ คูๆ ของสตรีก็มีมากมาย
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“เื่ส่งจิ่นซูไปสำนักศึกษาระดับอำเภอเป็อันสรุปแต่เพียงเท่านี้แล้วครอบครัวใหญ่ของพวกเ้าไม่ต้องนึกแค้นเคืองในใจ ข้าลั่นวาจาไว้ตรงนี้รอกระทั่งวันหน้าเงินทองในจวนมั่งคั่งจะส่งจือโจวไปสำนักศึกษาระดับอำเภอ!หลานชายไม่กี่คนนี้ ข้าย่อมหวังว่าพวกเขาจะมีความสามารถโดดเด่นสร้างชื่อเสียงเกียรติยศให้กับวงศ์ตระกูล!ไม่ว่าตลอดหลายปีมานี้ชีวิตภายในจวนจะลำบากเพียงใด ถึงแม้เงินจะไม่เพียงพอข้าก็จะต้องรวบรวมเงินค่าครูส่งพวกเขาไปเรียนในสำนักศึกษาทุกคนขอเพียงจือโจวคิดจะร่ำเรียนและสอบขุนนาง ข้าจะเลือกที่รักมักที่ชังได้อย่างไร?”
ในยามนี้ นอกจวนมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมีเสียงของสตรีเสียงดังไม่กี่คนในหมู่บ้านดังข้ามกำแพงประตูเข้ามา “กลางวันแสกๆท่านหมอสกุลอวี๋ปิดประตูจวนทำไมกัน?”
ครั้นอวี๋หรูไห่ได้ยินเสียงจากภายนอกพลันเก็บสีหน้า ปรายตามองคนสกุลอวี๋ภายในห้อง“ควรจะทำอะไรก็ไปทำ จะได้ไม่เป็ที่ขบขันของผู้คน!”
ทะเลาะเบาะแว้งกันจนเป็เช่นนี้นึกไม่ถึงว่าผู้เฒ่าจะยังลำเอียงเข้าข้างครอบครัวสาม สตรีแซ่จางรู้สึกหนาวเย็นในใจแต่ก็รู้ว่าผู้เฒ่าเป็คนห่วงหน้าตา หากยังคงโวยวายต่อไปจนทำให้คนในหมู่บ้านเห็นเื่น่าขบขันเช่นนั้นครอบครัวใหญ่คงตกอยู่ในสถานะไม่ดีแน่นอน
คนในห้องกำลังจะแยกย้าย สตรีแซ่จ้าวลุกขึ้นจากพื้นแล้วถลึงตาไปทางสตรีแซ่จางกับสามีด้วยความรังเกียจ
อวี๋หรูไห่นึกถึงเงินค่ารักษาที่มู่เหยี่ยนให้มาหากไม่ใช่เพราะสตรีแซ่จางก่อเื่ขึ้นมากะทันหันอวี๋หรูไห่คงเอ่ยปากเอาเงินค่ารักษาจากอวี๋เจียวแล้ว
“แม่หนูเมิ่ง เงินค่ารักษาที่สกุลมู่ให้มาเล่า?” อวี๋หรูไห่เห็นอวี๋เจียวกำลังจะออกไปจึงรีบเรียกนางเอาไว้
ฝีเท้าของอวี๋เจียวชะงักเล็กน้อย เมื่อครู่ขณะภายในห้องกำลังกันทะเลาะอย่างครึกครื้นอวี๋เจียวแอบนับเงินค่ารักษาที่สกุลมู่ให้มา ทั้งหมดคือเงินยี่สิบตำลึง
นางหยิบกระเป๋าเงินดอกบัวออกมาจากในอกแล้ววางลงบนโต๊ะ
อวี๋หรูไห่รีบเปิดออก เงินสีขาวกระจ่างปรากฏสู่สายตาทุกคนในห้องดวงตาของแต่ละคนต่างทอประกาย เงินค่ารักษามากมายถึงเพียงนี้นี่นับเป็ครั้งแรกที่คนสกุลอวี๋ได้เห็น
อวี๋หรูไห่นับดู ทั้งหมดคือเงินสิบสองตำลึงแต่เขากลับรู้สึกไม่ชอบมาพากลเขาจดจ้องถุงเงินดอกบัวตอนที่ข้ารับใช้สกุลมู่เอาให้อวี๋เจียวอย่างละเอียดถุงเงินแลดูนูนกว่าตอนนี้ไม่น้อย