โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ่นของอั้นเยว่สุดยอดอย่างที่สุด ที่ที่ควรงอนก็งอน ควรเว้าก็เว้า ควรนูนก็นูน แค่ได้มองก็เป็บุญตา เป็สาวงามระดับเดียวกับนางมารน้อยเย่ชิงอู่แห่งตระกูลเย่เลย เพียงแต่ว่าเถ้าแก่เนี้ยดูมีอายุกว่าหน่อย...ผู้หญิงมีอายุช่างไร้เทียมทานจริงๆ
“คิกๆ...น้องชาย เ้าเอาแต่จ้องพี่สาวคนนี้ตาไม่กะพริบ เ้าก็คิดอะไรกับพี่สาวเหมือนกันหรือ?” สายตาของเย่ชิงหานดึงดูดความสนใจของเถ้าแก่เนี้ยขึ้น อั้นเยว่ยกแก้วที่มีเหล้าสีแดงอยู่ข้างใน หัวเราะคิกๆ ออกมา เดินส่ายสะโพกตรงเข้ามานั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขา เด็กหนุ่มคนนี้เมื่อสักครู่นั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะริมหน้าต่าง เห็นได้ชัดว่าอายุของเขายังน้อยแต่กลับให้ความรู้สึกแก่ผู้ที่มองว่าได้ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนฉันนั้น มันดึงดูดความสนใจของนางอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว พอดีกับที่เย่ชิงหานจ้องมองมายังตนเองจึงถือโอกาสนี้เข้ามาพูดคุยด้วย
“เหอะๆ พี่สาวมีเสน่ห์น่าหลงใหลขนาดนี้ ถ้าเป็ชายแท้ก็คงต้องคิดอย่างแน่นอน” เย่ชิงหานกวาดตามองหน้าอกที่ชูชันของอั้นเยว่ อาเจ้คนนี้เล่ห์เหลี่ยมไม่ธรรมดาจริงๆ ดึงความสนใจของทุกคนให้มาอยู่ที่ตนเองแทน
“คิกๆ น้องชาย เ้าก็นับเป็ชายแท้หรือ? กลัวว่าแม้กระทั่งรสชาติของอิสตรีเ้าก็ยังไม่เคยลิ้มลองกระมัง?” อั้นเยว่จงใจเขย่าหน้าอกที่อวบอิ่มของตน ทำสีหน้ายั่วยวน อากัปกิริยาของนางทำให้ทุกคนหัวเราะขึ้นอย่างสนุกสนาน
“เหอะๆ ใช่ไม่ใช่ชายแท้พี่สาวลองแล้วจะรู้เอง หรือว่าพวกเราไปลองดูกันตอนนี้เลย?” เย่ชิงหานยกแก้วเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นดื่มอย่างเชื่องช้าแล้วพูดออกมาด้วยสีหน้าชั่วร้าย
ใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลเย่สิบห้าปีภายในใจสะสมความกลัดกลุ้มต่างๆ ไว้มากมาย ตอนนี้อยู่ที่เมืองหมันห่างจากตระกูลหลายร้อยกว่ากิโลเมตรภายในใจรู้สึกมีอิสระปลอดโปร่งโล่งสบายขึ้น อีกทั้งเป็คนมีชีวิตมาทั้งสองโลกเื่ใต้สะดืออะไรทำนองนี้ไม่รู้สึกประหม่าเลยสักนิด เมื่อถูกหยอกเย้ามาจึงได้หยอกเย้ากลับ
“เอ่อ...” อั้นเยว่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ทุกครั้งจะเป็นางที่พูดหยอกเย้าคนอื่น วันนี้กลับเจอคนอื่นหยอกเย้าเสียเอง
“ฮ่าๆ ถูกต้องๆ! น้องเยว่ไม่ไปลองดูเล่า มีฝีมือละก็เ้าดูดน้องชายคนนี้ให้แห้งไปเลยก็ได้!”
“ในที่สุดอั้นเยว่ก็เจอคู่ปรับเสียที เด็กหนุ่มคนนี้ดูท่าจะมีอนาคตยาวไกล เล่ห์เหลี่ยมก็แพรวพราว”
ทุกคนที่อยู่ในชั้นรับประทานอาหารเป็ครั้งแรกที่เห็นอั้นเยว่ถูกต้อนจนจนมุมต่างหัวเราะออกมาอย่างพออกพอใจ รีบพูดสำทับกันขึ้นมา
อั้นเยว่เป็พวกที่เจนจัดการปะทะคารมเกี่ยวกับเื่พวกนี้อยู่แล้ว ดวงตาที่หยาดเยิ้มของนางเกิดประกายแสงวาบผ่านมีความคิดแล่นขึ้นมาอย่างหนึ่งจึงพูดขึ้นว่า “ไม่เลว กล้าดี เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าพี่สาวรังแกเ้า พี่สาวตอนนี้พลังฝีมืออยู่ในระดับสองของขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ พี่สาวจะใช้พลังแค่ครึ่งหนึ่งต่อสู้กับเ้า ถ้าหากเ้าเอาชนะได้พี่สาวจะอยู่กับเ้าคืนหนึ่ง ตกลงไหม?”
“ชิ...อั้นเยว่ เ้าคิดจะบ่ายเบี่ยงชัดๆ เ้าเด็กหนุ่มคนนี้พลังปราณรบเห็นๆ กันอยู่ว่าแค่ระดับแรกของขอบเขตขั้นสูง ส่วนเ้าระดับสองของขอบเขตเยี่ยมยุทธ์สูงกว่าเขาสองระดับขอบเขต ห้าระดับขั้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งประสบการณ์การต่อสู้จริงของเขายังไม่พอ แล้วอย่างนี้จะสู้กับเ้าได้อย่างไร?”
ทุกคนที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ฟังอดไม่ได้ที่จะพูดแย้งขึ้น ระดับสองของขอบเขตเยี่ยมยุทธ์แม้ใช้พลังเพียงแค่ครึ่งเดียวก็ใช่ว่าผู้ที่อยู่ในระดับขอบเขตขั้นสูงจะเอาชนะได้ ประกอบทั้งทุกคน้าที่จะดูเื่สนุกยิ่งขึ้นไปอีกจึงได้ช่วยกันพูดขึ้น
“ตกลง ข้ารับปาก”
เย่ชิงหานคิดไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ จากนั้นยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายแล้วพูดขึ้น “แต่ว่า การต่อสู้นี้ข้าขอเลื่อนไปอีกเป็สามเดือนข้างหน้าแล้วกัน อีกสามเดือนหลังจากนี้ข้าจะสู้กับเ้า หากแพ้ข้าจะทำงานให้เ้าสามเดือน แต่ถ้าชนะเ้าต้องอยู่กับข้าคืนหนึ่ง ตกลงไหม?”
“สามเดือน?” อั้นเยว่มองเห็นยิ้มชั่วร้ายของเย่ชิงหาน พลันรู้สึกขนลุกขึ้นมา
ทุกคนที่อยู่ข้างๆ ทนรอไม่ไหวต่างพากันโห่ร้องขึ้น
“อั้นเยว่ไม่ต้องกลัว ได้คนงานฟรีสามเดือนแลกนอนด้วยคืนเดียว เดิมพันนี้คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ข้าเห็นด้วย”
“อั้นเยว่รับปากเขา อย่าบ่ายเบี่ยง ระดับขอบเขตขั้นสูงเพียงแค่สามเดือนจะฝึกได้ถึงระดับไหนกันเชียว?”
“ถูกต้อง เถ้าแก่เนี้ยถ้าบ่ายเบี่ยงอีก ต่อไปพวกข้าไม่มาที่นี่อีกแล้ว”
อั้นเยว่มองดูทุกคนที่ราวกับวัวตัวผู้ที่เกิดอารมณ์กระสันต์ รู้สึกเสียใจภายหลังเล็กน้อยที่พูดออกไปเช่นนั้น แต่แค่พริบตาเดียวก็คิดได้ว่าเ้าเด็กหนุ่มคนนี้ฝึกพลังยุทธ์มาตั้งนานเพิ่งจะอยู่แค่ระดับแรกของขอบเขตขั้นสูง ระยะเวลาสามเดือนอย่างมากสุดก็บรรลุถึงระดับสองเท่านั้น ตนเองใช้พลังเพียงครึ่งเดียวก็สามารถเอาชนะได้โดยง่าย ในเมื่อไม่มีทางเลือกจึงพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ตกลง วันนี้พี่สาวจะเดิมพันกับเ้า ถ้าแพ้อยู่ด้วยคืนหนึ่งใช่ไหม? ถึงจะเป็อย่างนั้นพี่สาวก็ยังได้กำไรอยู่ดี...คิกๆ”
“แหะๆ ทุกคนช่วยเป็พยาน ภายในไม่เกินสามเดือนข้าต้องมาแน่” เย่ชิงหานดื่มเหล้าที่อยู่ในแก้วรวดเดียวจนหมด จากนั้นหมุนตัวเดินตรงไปประตูทางออก
“น้องชาย ข้าเชื่อว่าเ้าทำได้” ชายรูปร่างสูงใหญ่หัวเราะอย่างพออกพอใจ เ้าเด็กคนนี้กู้หน้าพวกเขาคืนมา แต่เมื่อเห็นเย่ชิงหานสะพายห่อสัมภาระเดินออกไปข้างนอกจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “เอ๊ะ...นั่นเ้าจะไปไหน?”
“ข้าจะเข้าไปเทือกเขารกร้างฝึกฝนประสบการณ์ต่อสู้จริงสักหน่อย ภายในสามเดือนเดี๋ยวจะกลับมาให้ตรงเวลา”
เสียงหนึ่งลอยดังมาแต่ไกล ทุกคนที่อยู่ในชั้นรับประทานอาหารได้ฟังดังนั้นล้วนหมดคำจะพูด...เด็กหนุ่มคนนี้ช่างองอาจห้าวหาญเสียจริง อะไรคือลับหอกในเวลาที่จะออกรบ ก็เ้าเด็กหนุ่มคนนี้อย่างไรเล่า เตรียมการเมื่อเื่จวนตัว...
ทุกคนในโรงเตี๊ยมได้ฟังล้วนอับจนปัญญา เด็กหนุ่มคนนี้ไม่มีทั้งพลังฝีมือและประสบการณ์ต่อสู้จริงกลับยังกล้าเดิมพันกับอั้นเยว่ ต้องเข้าใจว่าผู้ที่สามารถเปิดกิจการโรงเตี๊ยมในเมืองหมันซึ่งเป็ที่ที่เต็มไปด้วยคนดีคนเลวอยู่เต็มไปหมดเช่นนี้ หากไม่มีความสามารถและภูมิหลังในระดับหนึ่งยังจะสามารถคงอยู่ต่อไปได้ไหม?
แต่ก็มีหลายคนที่คาดหวังไปในอีกทางที่แตกต่าง ดูจากท่าทางที่สงบเยือกเย็นของเ้าเด็กหนุ่มคนนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะยังมีฝีมือที่เก็บซ่อนไว้อยู่ก็เป็ได้ และที่คาดหวังที่สุดคือให้เ้าเด็กหนุ่มนี้ชนะ อั้นเยว่แม่เสือสาวที่เคยแต่งงานมาแล้วคนนี้ สามปีก่อนนางมายังเมืองหมันและเปิดโรงเตี๊ยมอั้นเยว่ ทุกๆ วันจะพูดเล่นหยอกเย้ากับลูกค้าราวกับว่าจะง่ายกับทุกคน แต่ว่าตลอดสามปีมานี้กลับไม่เคยเห็นใครที่คว้านางมาไว้ในมือได้จริงๆ สักคน อย่าพูดถึงว่าจะได้นางเลย แค่จะจับหรือลูบคลำสักครั้งยังทำได้ยาก แม้คนพวกนี้หมกตัวอยู่ที่นี่มาตลอด แต่น้องๆ แต๊ะอั๋งยังไม่เคยได้ััเลยสักครั้ง ดังนั้นทุกคนต่างเจ็บใจและหมั่นเขี้ยว จึงคาดหวังว่าเ้าเด็กหนุ่มคนนี้จะเป็ตัวแทนพวกเขาจัดการกับนางให้ได้
“ซวยแล้ว! อย่าบอกน่ะว่าเ้าเด็กหนุ่มคนนั้นไม่มีประสบการณ์ต่อสู้จริงๆ บุ่มบ่ามเข้าไปยังเทือกเขารกร้างแบบนี้ไม่ต่างจากเอาชีวิตไปทิ้งสักนิด” ชายรูปร่างสูงใหญ่เหมิ่งหลงร้องขึ้น เดินสองสามเก้าไปถึงยังหน้าประตูใช้สายตาสอดส่องมองหา แต่ว่าภายนอกผู้คนสัญจรไปมาเต็มไปหมดแน่นอนว่าไร้ซึ่งเงาของเย่ชิงหาน
เอ่อ! ทุกคนตกอยู่ในอาการครุ่นคิด สายตาล้วนปรากฏแววของความห่วงกังวลขึ้น เทือกเขารกร้างไม่ใชู่เาเล็กๆ ธรรมดา หากเหยีบย่างเข้าไปภายในส่วนลึกต้องจบชีวิตอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่อันตรายที่สุดภายในเทือกเขาไม่ใช่มารอสูร แต่เป็...ผู้ล่า
“หวังว่าน้องชายคนนี้อย่าได้พบเข้ากับผู้ล่าเลย...” เถ้าแก่เนี้ยอั้นเยว่แสนสวยรู้สึกเกิดความเสียใจขึ้น นางเริ่มอธิษฐานขอพรให้เย่ชิงหานอย่างจริงใจ
.................................
เย่ชิงหานได้ออกมาจากเมืองหมันเป็เวลานานแล้ว ในตอนนี้เขาเดินอยู่บนถนนใหญ่ภายในูเา
เมืองหมันอยู่ข้างๆ ของเทือกเขา แค่ออกมาจากเมืองก็ถือว่าเข้ามายังเทือกเขาแล้ว มีเื่เล่าเกี่ยวกับเมืองหมันเมื่อหลายปีก่อนว่า มีเหตุการณ์มารอสูรบุกเข้าไปทำร้ายผู้คนในเมืองจนาเ็ล้มตายเป็จำนวนมาก แต่หลังจากผ่านการล่าจากนักเสี่ยงภัยทั้งหลาย มารอสูรที่อยู่ในอาณาเขตบริเวณรอบๆ เมืองหมันจึงเหลือน้อยมาก
เย่ชิงหานล้วงเอาห่อของออกมาจากอก ข้างในมีของที่จำเป็ต่อการดำรงชีวิตในเทือกเขาซึ่งได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว มีกริชเล็กอันหนึ่ง ของแห้ง น้ำและของใช้อื่นๆ...
ความจริงแล้วเขาอยากเข้ามาล่ามารอสูรในเทือกเขาั้แ่แรกแล้ว หากพูดกันตามหลักการ อาศัยพลังฝีมือระดับขอบเขตขั้นสูงของเขาสามารถจัดการกับมารอสูรระดับหนึ่งระดับสองที่แยกตัวหรือถูกฝูงทิ้งไว้ตัวเดียวได้อย่างไม่มีปัญหา สัตว์อสูรของตนเอง เสี่ยวเฮย้าแก่นผลึกมารอสูรเป็จำนวนมากในการข้ามผ่าน่ระยะอ่อนแอ แถมตัวเองยังจนอีก ในเมื่อหมดหนทางเลยต้องเข้ามาล่าด้วยตนเอง
แล้วทำไมวันนี้ถึงเพิ่งเข้ามาล่าอย่างนั้นหรือ? นั่นก็เพราะเย่ชิงหานไม่มีประสบการณ์ในการเข้ามายังเทือกเขารกร้างมาก่อน และยังไม่มีประสบการณ์การต่อสู้จริง ดังนั้นจึงใช้เวลาสองวันก่อนหน้านี้เสาะหารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเื่พวกนี้อยู่ บวกกับพอดีวันนี้วางเดิมพันกับเถ้าแก่เนี้ยอั้นเยว่ จนในที่สุดทำให้สามารถตัดสินใจได้อย่างแน่นอนจึงตรงเข้ามาภายในเทือกเขาทันที
สวบ! สวบ!
เย่ชิงหานพุ่งทะยานไปตามทางบนเขาอย่างรวดเร็ว ในมือถือกริชพร้อมกับโคจรพลังปราณรบ ตามที่เขาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพของเทือกเขารกร้างแห่งนี้ บริเวณชั้นนอกยี่สิบกว่ากิโลเมตรจะไม่มีมารอสูรให้เห็น ตอนนี้เป็เวลาบ่าย เขาต้องทำเวลาก่อนที่ฟ้าจะมืดเพื่อเข้าไปให้พ้นอาณาเขตบริเวณรอบนอกยี่สิบกิโลเมตรนี้ให้ทัน เพื่อเข้าสู่เขตแดนรอบนอกที่มารอสูรระดับหนึ่งอยู่รวมกัน แล้วเสาะหาที่ปลอดภัยในเขตนั้นพักแรม จากนั้นพอฟ้าสางค่อยเริ่มออกล่ามารอสูรระดับหนึ่ง
เทือกเขารกร้างมีมารอสูรอยู่อย่างหนาแน่น แต่ว่าพวกมันจะอาศัยอยู่ตามเขตแดนอย่างเป็ระบบ ธรรมดาตามเขตแดนรอบนอกจะเป็มารอสูรระดับหนึ่งและมีมารอสูรระดับสองปะปนบ้างเล็กน้อย ถัดเข้าไปจะเป็เขตแดนของมารอสูรระดับสองและมารอสูรระดับสามปะปนบ้างเล็กน้อย ไล่เรียงเช่นนี้ไปตามลำดับ แต่จะมีบ้างบางครั้งที่มารอสูรระดับสูงที่อยู่ภายในส่วนลึกของเทือกเขาออกมาเดินเตร็ดเตร่เที่ยวเล่น ถ้าหากพวกนักเสี่ยงภัยเจอเข้ากับมารอสูรระดับสูงที่ออกมาเดินเตร็ดเตร่เที่ยวเล่น ก็ถือเสียว่าโชคไม่ดีและถึงคราวซวยของตนเองก็แล้วกัน