“ผมไม่เชื่อหรอก คุณให้เสวี่ยหรูมาบอกกับผมด้วยตัวเองสิ” แม้ว่าจางหวาเฟิงจะพูดเช่นนี้แต่ในใจของเขากลับไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเื่ตลอดสามปีมานี้ หลังจากที่หลี่เสวี่ยหรูกลับเมืองหลวงไปเธอก็ไม่เคยติดต่อเขามาเลยสักครั้ง เมื่อสองวันก่อนนั่นอีกหญิงขี้เหร่ที่เขาฉุดมาผิดคนก็ยังบอกเขาอีกว่าหลี่เสวี่ยหรูน่ะ รังเกียจเขาจะตายแถมยังดูแคลนเขาด้วย
แต่ตอนที่เขาหาตัวหลี่เสวี่ยหรูเจอ เธอกลับพูดจารักใคร่ลึกซึ้งและไม่ว่าจะพูดอะไรก็ดูมีเหตุผลเสียทุกอย่าง อีกทั้งเธอยังไม่ได้ปฏิเสธตอนที่เขาเข้าใกล้เธออีก
จางหวาเฟิงในเวลานั้นเชื่อคำพูดของหลี่เสวี่ยหรูเข้าเต็มเปา แต่เมื่อเขามาคิดไตร่ตรองดูทีหลังก็พบว่าในคำพูดของหลี่เสวี่ยหรูมีช่องโหว่อยู่เต็มไปหมด
ตอนนี้การปรากฏตัวของหลี่กั๋วกังได้ทำลายจินตนาการอันสวยงามครั้งสุดท้ายที่เขามีต่อหลี่เสวี่ยหรูลงไปหมดแล้ว
เพราะงั้นหลี่เสวี่ยหรูคิดจะทิ้งเขาแล้วไปหาผู้ชายคนอื่นจริงๆ งั้นหรือ?
เหอะ เขาไม่ยอมหรอก!
“ฉันไม่มีทางปล่อยให้เสวี่ยหรูมาเจอนายหรอก...เสวี่ยหรูเองก็ไม่้าจะพบนายด้วย” หลี่กั๋วกังกล่าว “พวกเธอสองคนไม่จำเป็ต้องพบหน้ากันอีกแล้ว” เขาตบซองเงินพลางกล่าวว่า “ในนี้มีเงินอยู่ห้าร้อยหยวน เงินเท่านี้เพียงพอให้นายกลับบ้านเกิดไปตบแต่งภรรยาสวยๆ ได้สักคนแล้ว”
วัฒนธรรมการแต่งงานในชนบทจะมอบสินสอดหลักๆ อยู่สามอย่าง ได้แก่ นาฬิกา จักรเย็บผ้า และจักรยาน รวมมูลค่าของสามอย่างนี้ก็แค่สี่ร้อยหยวนเท่านั้น แต่หลี่กั๋วกังยังใจดีให้เขาเพิ่มอีกหนึ่งร้อยหยวนจึงรวมทั้งหมดเป็เงินห้าร้อยหยวน เขารู้สึกว่าจำนวนเงินขนาดนี้ ตระกูลหลี่ของพวกเขาก็ชดเชยให้จางหวาเฟิงมากพอแล้ว
ถ้าจางหวาเฟิงฉลาดก็คงรีบรับเงินแล้วจากไปเสีย แต่หากเขา...
“ผมมีเสวี่ยหรูอยู่แล้วทั้งคนผมมีใจให้แค่เสวี่ยหรูเพียงคนเดียว ไม่มีทางแต่งกับผู้หญิงคนอื่นได้หรอก” จางหวาเฟิงฉีกยิ้มเผยให้เห็นฟันเกๆ ของเขา “ผมกับเสวี่ยหรูน่ะ เนื้อแนบเนื้อกันไปแล้วล่ะครับคุณลุง คุณจะให้ผมได้แล้วทิ้งอย่างนั้นหรือ ผมเองก็ไม่ใช่คนประเภทนั้นเสียด้วยสิ”
หลี่กั๋วกังมีสีหน้าแย่ลงทันที “พูดไร้สาระอะไรกัน! นายเองก็ไม่ลองส่องกระจกดูตัวเองซะหน่อยล่ะ เป็แค่คางคงอย่าริอาจคิดกินเนื้อหงส์ นายคิดว่าเสวี่ยหรูจะชอบนายจริงๆ งั้นหรือ?”
“ทำไมจะไม่ชอบผมเล่า? พ่อของผมเป็ถึงหัวหน้าหมู่บ้าน ส่วนป้าใหญ่ของผมก็แต่งงานกับเลขานุการประจำเมือง ตอนนั้นการที่เสวี่ยหรูจะกลับมาได้หรือไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับคำพูดของผมทั้งนั้น! เป็เธอที่ยอมถอดเสื้อผ้าตัวเองออกแล้วลงมือยั่วยวนผม”
ไม่อาจปล่อยให้เขาออกไปพูดจาไร้สาระเช่นนี้ได้เด็ดขาด!
หลี่กั๋วกังถลึงตาด้วยความโกรธ ตอนนี้ในใจเขามีเพียงความคิดนี้เท่านั้น
“ฉันจะไม่ปล่อยให้หลี่เสวี่ยหรูแต่งงานกับนายเด็ดขาด” หลี่กั๋วกังกล่าว “ถ้านายคิดว่าห้าร้อยหยวนมันน้อยเกินไป งั้นพวกเราก็มาหารือกันอีกครั้ง...นาย้าเท่าไหร่?”
“ผมไม่้าเงินหรอก ผม้าแค่หลี่เสวี่ยหรูเท่านั้น!” จางหวาเฟิงพูดในใจต่อว่า ‘คิดว่าฉันโง่จริงๆ หรือ? หากแต่งกับหลี่เสวี่ยหรูแล้ว ก็ได้ทั้งเงินทั้งคนงามแม้แต่หน้าที่การงานก็ยังได้ด้วย’
หลังจากเขากล่าวจบเขาก็ผลักเก้าอี้ออกแล้วยืนขึ้น หันหลังเตรียมจะเดินออกจากห้องไป
“หยุดเดี๋ยวนี้!” หลี่กั๋วกังจะยอมปล่อยให้จางหวาเฟิงหนีไปได้อย่างไร เขายืนขึ้นแล้วยื่นมือออกมาขวางไว้ “เ้าหนุ่ม นายก็จงฉลาดหน่อยเถอะนะ อย่าปฏิเสธเงินเลย...แม้นายจะหลงใหลเสวี่ยหรูขนาดไหนแต่เสวี่ยหรูน่ะไม่อยากแต่งกับนายเลย พวกเธอสองคนก็แยกทางกันแต่โดยดีเถอะ ถ้านายมีเงินอยู่ในมือ อยากตบแต่งภรรยาแบบไหนก็จะไม่ได้เชียวหรือ?”
จางหวาเฟิงหรี่ตาลงไม่ได้พูดอะไร เหมือนเขากำลังฟังและเก็บไปพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสีย
หลี่กั๋วกังรู้สึกโล่งใจไปหนึ่งเปลาะ
ผ่านไปประมาณหนึ่งนาที จางหวาเฟิงก็หันกลับไปนั่งที่เดิมแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณลุง ผมว่าคุณก็พูดถูกอยู่เหมือนกันนะ”
หลี่กั๋วกังเอง ก็กลับมานั่งที่ของตนแล้วเช่นกัน
ในเวลานี้บริกรเข้ามาส่งอาหารพอดี พ่อครัวมีทักษะฝีมือในการทำอาหารดีมาก รูปลักษณ์อาหารก็ดูสวยงาม อาหารเหล่านี้เต็มไปด้วยสีสันและกลิ่นน่าทาน ทำให้คนเห็นแล้วน้ำลายสอเลยทีเดียว
จางหวาเฟิงกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
หลี่กั๋วกังมีเื่ในใจจึงกินไม่ลง ดังนั้นเขาจึงนั่งมองจางหวาเฟิงกินอาหาร ผ่านไปประมาณห้านาที เขาก็ทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากถามออกมา “นาย้าเงินเท่าไหร่กันแน่?”
จางหวาเฟิงกลืนอาหารในปากลงท้องแล้วเอ่ยตอบ “มันก็ขึ้นอยู่กับว่า พวกคุณคิดว่าหลี่เสวี่ยหรูมีค่าแค่ไหน”
คำพูดนี้ฟังดูน่าเกลียดเกินไปแล้วราวกับเขากำลังขายลูกสาวตัวเองเสียอย่างนั้น หลี่กั๋วกังมีสีหน้ามืดมน “คนเราต้องรู้จักพอ เงินห้าร้อยหยวนที่ฉันเตรียมไว้ให้นายก็นับว่าไม่น้อยแล้ว นักศึกษามหาวิทยาลัยอดทนไม่กินไม่ดื่มทั้งปีก็ยังเก็บเงินไม่ได้เท่านี้เลย...เอาอย่างนี้แล้วกันฉันให้นายเพิ่มอีกหนึ่งร้อยหยวน ถือว่าเป็ค่าเดินทางพิเศษสำหรับนาย”
จางหวาเฟิงยิ้มเยาะแล้ววางตะเกียบลงบนโต๊ะ “คุณจะส่งขอทานออกไปหรือไง? อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะในตำแหน่งรองผู้จัดการโรงงาน เงินเดือนๆ หนึ่งก็เกือบหนึ่งร้อยหยวนแล้วกับเงินหกร้อยหยวน มันก็เป็แค่เงินเดือนครึ่งปีของคุณเอง”
หลี่กั๋วกังออกปากถาม “งั้นนาย้าเท่าไหร่?”
จางหวาเฟิงเรียกร้องคำโต “…หนึ่งพัน?”
“หนึ่งพัน?” หลี่กั๋วกังคาดไม่ถึงว่าจางหวาเฟิงจะโลภมากขนาดนี้ มีตั้งกี่ครอบครัวที่มีเงินเก็บไม่ถึงหนึ่งพันหยวนเลยด้วยซ้ำ แต่เขาอ้าปากทีก็พูดออกมาได้ว่าหนึ่งพันหยวน หลี่กั๋วกังสามารถหาเงินก้อนนี้ได้สบายๆ แต่ทำไมเขาต้องมอบมันให้จางหวาเฟิงด้วยเล่า?
“มากเกินไปแล้ว ฉันจะไปหาเงินหนึ่งพันหยวนมาให้นายได้จากที่ไหนกันเล่า?”
จางหวาเฟิงต่อรอง “งั้นคุณให้ได้เท่าไหร่ล่ะ?”
หลี่กั๋วกังครุ่นคิดแล้วจึงตอบไปว่า “มากสุดก็แปดร้อยหยวน” นี่เป็จำนวนเงินสูงสุดที่เขายอมรับได้แล้ว
จางหวาเฟิงดูมีความสุดมากในคราวนี้ “ได้ แปดร้อยก็แปดร้อย”
หลี่กั๋วกงพลันมีความสุขขึ้นมา
“แต่ว่า...” จางหวาเฟิงยิ้มทะเล้น “ใครจะอยากกลับไปอยู่ชนบทกัน ในเมื่อสามารถอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ได้เช่นนี้ รองผู้จัดการโรงงานหลี่คุณหางานในปักกิ่งในผมสักงานสิครับ เื่นี้คงไม่ใช่เื่ยากหรอกใช่ไหม?”
หลี่กั๋วกังแทบจะคุมสีหน้าไม่อยู่ เขาเกือบจะหลุดด่าออกมา ‘แกก็ช่างไม่ส่องกระจกดูตัวเองบ้างเลย ยังคิดจะทำงานที่ปักกิ่งอีกเนี่ยนะ แกคู่ควรงั้นหรือ!’
จางหวาเฟิงมีเหตุผลเพียงพอ เขากล่าวเสริม “คุณดูสิ หากผมแต่งงานกับหลี่เสวี่ยหรู เช่นนั้นผมก็ได้อาศัยอยู่ในเมืองปักกิ่งแล้วไม่ใช่หรือ? แต่ละเดือนเสวี่ยหรูมีรายได้สี่สิบกว่าหยวน เท่านี้ก็เพียงพอที่จะเลี้ยงครอบครัวได้แล้ว ผมมีเมียแล้ว เงินก็มีแล้ว แต่ยังไม่มีงานทำ...ตอนนี้ไง คุณก็ช่วยหางานให้ผมหน่อยสิ ผมก็ต้องมีงานทำด้วยนะ”
ทั้งในและนอกคำพูด ล้วนแต่เป็ตัวเขาที่ขาดทุน
หลี่กั๋วกังรู้สึกเหมือนเืขึ้นหน้า เขาโกรธจนตาดำมืด เขาไม่เคยเห็นคนถ่อยที่หน้าด้านหน้าทนไร้ยางอายแบบนี้มาก่อนเลย!
จางหวาเฟิงนั่งไขว้ขาพลางแกว่งขาไปมา “ผม้าเงิน และก็้างานด้วย คุณลุงรีบจัดการให้ผมโดยเร็วที่สุดเลยนะ ตราบใดที่ผมมีงานทำแล้ว จากนี้ไปผมกับหลี่เสวี่ยหรูก็จะกลายเป็คนแปลกหน้าต่อกัน”
หลี่กั๋วกังกล่าวทันควัน “ฉันจะไปหางานให้นายได้จากไหน?! ฉันให้เงินนายหนึ่งพันหยวนก็แล้วกัน ส่วนนายรับเงินแล้วอยากไปที่ไหนก็ตามใจ แบบนี้เป็อย่างไร?”
จางหวาเฟิงกล่าวตอบ “คุณลุง คุณเป็ถึงรองผู้จัดการโรงงาน ทั้งโรงงานเสื้อผ้า นอกจากหัวหน้าโรงงานแล้ว รองลงมาก็เป็คุณ...โอ้ ใช่แล้ว ผมยังได้ยินมาอีกนะว่า อีกเดี๋ยวคุณลุงก็จะได้ขึ้นเป็หัวหน้าโรงงานแล้วนี่นา หากเื่ที่ว่าหลี่เสวี่ยหรูอยากกลับเมืองหลวงจนถึงขั้นมายั่วยวนผมถึงที่หรือแม้แต่เื่ที่เธอกลับเมืองปักกิ่งไปแล้ว ก็ทิ้งคู่รักจากชนบทอย่างไม่สนใจใยดี ถ้าเื่นี้แพร่กระจายออกไปล่ะก็ ไม่รู้ว่าคุณลุงยังจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็หัวหน้าโรงงานอีกไหม? อย่างไรผมก็ไม่กลัวขายหน้าผู้คนอยู่แล้ว หากไม่หางานให้ผม ผมก็แค่ไปหาหัวหน้าของเสวี่ยหรู...ไม่สิ ไปหาหัวหน้าของคุณลุง แล้วคุยกับเขาเสียหน่อย”
หลี่กั๋วกังกัดฟันกรอด “นายมันบ้าไปแล้ว โรงงานเสื้อผ้าเป็ของรัฐบาล ฉันพูดไปก็ไม่มีประโยชน์!”
จางหวาเฟิงหัวเราะเยาะอีกฝ่าย แล้วเคาะนิ้วลงกับโต๊ะอาหารพลางกล่าวว่า “คุณลุง คุณทำเหมือนผมเป็เด็กสามขวบเลยนะ! ผมบอกคุณไว้เลย ผมไม่้าเป็แค่คนงานชั่วคราว แต่ผม้าเป็คนงานประจำ...หากลุงสามารถหางานให้ผมได้ล่ะก็ ผมจะคิดเงินลุงแค่ห้าร้อยหยวนก็พอครับ!”
