องครักษ์รีบกล่าวเสริมอีกว่า“ข้าน้อยไปตรวจสอบมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ มีคนเจตนายิงพิราบสื่อสารพ่ะย่ะค่ะ”
“เป็ใครกัน?”
องครักษ์มีท่าทีอ้ำอึ้ง“หลินเฟยที่ถูกส่งเข้าไปอยู่ในตำหนักเย็นพ่ะย่ะค่ะ พิราบสื่อสารจะบินผ่านเส้นทางนั้นทุกวันพ่ะย่ะค่ะ”
ประจวบเหมาะกับเป็เวลาพลบค่ำเมื่อเซียวเยี่ยนได้รู้เื่นี้ ใบหน้านั้นเ็าอย่างกับอะไรดีเขาเดินผ่านอุทยานหลวง ใต้ฝีเท้านั้นราวกับมีลมหมุน เขากำลังมุ่งหน้าไปสู่ตำหนักเย็นทุกที่ที่เขาเดินผ่านไม่มีใครกล้าขัดขวาง
ขณะที่เขากำลังเดินผ่านเข้าไปในตำหนักในเพื่อไปยังเรือนที่แยกออกมาลำพังนั้นหลินชิงเวยได้ฉวยโอกาสยิงนกพิราบสื่อสารที่เหลือเพียงไม่กี่ตัวนั้นลงมาอีกตัวหนึ่งเวลานี้กำลังใช้ไม้ง่ามแทงนกพิราบและนำไปย่างบนกองไฟ ส่วนซินหรูนั้นนั่งน้ำลายสออยู่ด้านข้างเนิ่นนานแล้ว“ใส่เกลืออีกนิด แล้วใส่น้ำองุ่นอีกเล็กน้อย”
“ไปหยิบไม้ฟืนมาอีกหน่อย”
ซินหรูลุกขึ้นไปหอบไม้ฟืนแห้งใต้ต้นไม้ตามความ้าของหลินชิงเวยนางไหนเลยจะคิดว่าเมื่อนางก้มตัวลงไปจะพบว่าไม้ฟืนแห้งที่นางกำลังจะหยิบมีสิ่งของพันรอบอยู่เมื่อนางหยิบไม้ฟืนออกแล้วเห็นกระจะตา ทำให้นางใจนแทบสิ้นสติ
“งู! มีงู!”
เห็นเพียงงูตัวหนึ่งที่ถูกรบกวนจากความสงบค่อยๆเลื้อยบนพื้น ซินหรูใเสียจนทางหนึ่งร้องลั่นและอีกทางหนึ่งยกเท้าหนี
หลินชิงเวยพูดทั้งที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา“ต่อไปเมื่อเ้าได้พบเห็นบ่อยๆ ก็จะเคยชินไปเอง”
ซินหรูหวาดกลัวยิ่งยวดแต่งูตัวนั้นไม่มีเจตนาจะทำร้ายนางมันเพียงแต่เลื้อยไปในมุมมืดอีกมุมหนึ่งเพื่อซ่อนตัวซินหรูได้ยินเสียงมีคนเข้ามาจึงช้อนตาขึ้นมองกลับเห็นเป็เซียวเยี่ยน
ทั้งๆที่อากาศไม่ได้หนาวนัก ทว่าซินหรูกลับสั่นสะท้าน
“พี่สาว...”
“หืม?”
“มีคนมาแล้วเ้าค่ะ”ซินหรูชี้ไปที่บุรุษผู้ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับพูดกับหลินชิงเวย
ซินหรูอาศัยอยู่ในตำหนักเย็นตลอดมาั้แ่ถือกำเนิดนางไม่เคยได้พบกับคนข้างนอก สำหรับบุรุษนางได้พบเพียงบุรุษที่ไม่นับเป็บุรุษอย่างเช่นพวกขันทีไม่กี่คนในตำหนักเย็นเวลานี้มีบุรุษที่เป็บุรุษแท้จริงทั้งแท่งมาปรากฏอยู่ตรงหน้า นางจึงมองเสียจนตาพร่า
สามารถแยกแยะออกว่าอีกฝ่ายคือบุรุษนั่นแสดงให้เห็นว่าััที่หกของนางยังมิได้ถูกทำลายไปจนหมดสิ้น
ซินหรูกระจ่างแจ้งขึ้นมาบ้างแล้วว่าเหตุใดสตรีจึงชมชอบบุรุษเขามีรูปร่างสูงใหญ่เช่นนั้น ใบหน้านั้นหล่อเหลาเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมอยู่บนร่างกายนั้นชวนมองมากกว่า ซินหรูไม่รู้ว่าผู้ที่มาเป็ใคร แต่นางคิดว่าสตรีโดยส่วนใหญ่ล้วนชอบบุรุษลักษณะเช่นนี้
เพราะดวงตาของเขาเหมือนเทพเซียนบน์เพียงแต่สีหน้าบนใบหน้านั้นออกจะเ็าไปสักหน่อย
หลินชิงเวยได้ยินเช่นนั้นกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอันใดนักเพียงแต่ตอบกลับมาประโยคหนึ่ง “มาก่อความวุ่นวาย?” พูดแล้วค่อยๆช้อนตาขึ้นมองเมื่อเห็นเซียวเยี่ยน สายตาของนางจึงจับจ้องอยู่บนร่างของเขา
ไฟที่ย่างนกพิราบนั้นกำลังย่างนกพิราบเสียงดังเปรี๊ยะๆกลิ่นหอมนั้นตลบอบอวลไปทั้งเรือนหลังเล็ก
ผ่านไปอึดใจหนึ่งหลินชิงเวยจึงกล่าวขึ้นยิ้มๆ ว่า “หนุ่มน้อยรูปงามมาจากที่ใดกัน”
ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยนัยของการหยอกเย้า
เซียวเยี่ยนขมวดคิ้วสายตาของเขาเลื่อนจากใบหน้าของนางไปยังนกพิราบในมือที่กำลังย่างไฟอยู่ “เ้ากำลังทำอะไร?”
หลินชิงเวยชูพิราบย่างในมือขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า“ท่านมิใช่เห็นแล้วหรือ ท่านคงไม่ได้ตามกลิ่นหอมนี้มากระมัง? ข้าจำไม่ได้ว่าในตำหนักในยังมีท่านอีกคนเข้ามาจากด้านนอกหรือ?”
องครักษ์ที่ติดตามมาเข้ามาในภายหลังเมื่อเห็นเหตุการณ์ในใจเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ผู้ร้ายกลับเป็หญิงนางนี้ถึงกับเป็นางและนางกำลังย่างอยู่ในมืออีกหนึ่งตัว!
ต้องรู้ว่าพิราบสื่อสารเ่าั้ล้วนเป็เขาที่ทุ่มเททั้งกายและใจเพื่อฝึกฝนพวกมันขึ้นมาเพื่อให้เซียวเยี่ยนนำมาใช้สำหรับส่งข่าวสารเป็การเฉพาะยามนี้ไฉนจึงกลายมาเป็อาหารให้กับสตรีนางนี้ได้!