เมื่อครั้งที่อยู่จวนตระกูลเหยา เหยาเชียนเชียนได้ยินเกี่ยวกับองค์ชายสามผู้นี้มาบ้างแล้ว นางไม่คิดว่าเขาและเหยาซื่อเฟิงที่อายุรวมกันเป็ปู่จะสมรู้ร่วมคิดกันจัดการเด็กคนหนึ่ง
ช่างหน้าไม่อายจริงๆ!
“ไม่ไป” นางฉีกจดหมายออกเป็สองส่วนและเผาทิ้ง “ต่อไปเื่เช่นนี้เ้าไม่ต้องนำมาบอกข้าแล้ว และข้าก็ไม่อยากรับรู้ด้วย”
แม่นมใยิ่งนัก เมื่อเห็นเหยาเชียนเชียนเผาจดหมายเช่นนั้นก็รู้สึกร้อนใจมาก ดูเหมือนว่าจะเป็ดังเช่นที่นายท่านบอกจริงๆ เกรงว่าคุณหนูจะถูกชิงผิงอ๋องดึงตัวไปเป็พวกเสียแล้ว
“คุณหนูลืมความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับองค์ชายสามในอดีตไปแล้วหรือเ้าคะ การแต่งงานนี้ท่านก็ไม่ได้เต็มใจั้แ่แรก เหตุใดยามนี้...”
“ยามนี้ข้าเป็ชายาของชิงผิงอ๋อง” เหยาเชียนเชียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า “วันหน้าบุรุษที่นอกเหนือจากชิงผิงอ๋องก็ควรจะปฏิบัติตามกฎมรรยาทอย่างเคร่งครัด หากผู้เป็ภรรยาไม่ซื่อสัตย์ แม้ข้าจะเป็หวังเฟยก็สามารถถูกนำไปแช่เข่งหมู [1] ได้ แม่นมก็คงไม่อยากเห็นข้าตายไปต่อหน้าต่อตากระมัง?”
“ข้าย่อมไม่อยากเห็นอยู่แล้วเ้าค่ะ” แม่นมคุกเข่าด้วยความกลัว
“เช่นนั้นก็ดี” เหยาเชียนเชียนโบกมือ “ข้าเหนื่อยแล้ว เ้าออกไปเถิด ต่อไปอย่าพูดถึงเื่นี้อีก”
ข้างกายของนางมีเทพสังหารผู้นั้นอยู่ หากนางยังกล้าไปพัวพันกับชายอื่น นั่นไม่เท่ากับเป็การไล่นางไปตายหรอกหรือ?
เหยาเชียนเชียนเหลือบมองตามแม่นมจนประตูปิดลงจึงถอนหายใจออกมา
แค่ให้นางลงมือกับเด็กไร้เดียงสาคนหนึ่ง องค์ชายสามผู้นี้ก็ไม่ใช่คนดีอะไร และคงไม่เป็ผลดีถ้านางไปคลุกคลีอยู่กับเขา
นางสะบัดผ้าห่มออกเตรียมตัวจะนอน พลางนึกย้อนไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจนถึงเวลานี้ ดูเหมือนว่าการหาเงินแล้วหนีไปจะเป็วิธีที่ปลอดภัยที่สุด
“หากข้าตื่นมาแล้วอยู่ในเหมืองทองคำที่ไกลจากชิงผิงอ๋องผู้นั้นสักแปดร้อยลี้ก็คงดี”
นางเม้มปาก ไม่นานนักก็ออกเดินทางไปตามหาเหมืองทองคำในความฝัน
ประตูห้องถูกผลักออกเบาๆ เงาร่างสูงใหญ่เงาหนึ่งยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง สายตาวางอยู่ที่แผลฉกรรจ์บนมุมปากของนาง
ปลายนิ้วที่แต้มขี้ผึ้งทาลงไปเบาๆ ดูเหมือนว่าผู้มาใหม่จะรังเกียจท่านอนของนางมาก หลังจากส่งเสียงหึออกมาก็หมุนตัวจากไปอย่างรวดเร็ว
วันรุ่งขึ้นอากาศแจ่มใส เหยาเชียนเชียนถูกแม่นมช่วยปรนนิบัติอาบน้ำให้ นางตามกลิ่นหอมมาจนถึงโต๊ะอาหาร และมองเล็งไปที่ปีกไก่ย่างคู่หนึ่งอย่างไม่ละสายตา
“ที่จวนเปลี่ยนพ่อครัวใหม่หรือ?”
แม่นมยิ้มและกล่าวว่า “นี่ไม่ใช่ฝีมือของพ่อครัวที่จวนเ้าค่ะ ข้าออกไปซื้อมาจากตลาดเมื่อเช้า ั้แ่มาอยู่ที่จวนนี้คุณหนูก็ไม่ค่อยเจริญอาหาร ข้าจึงออกไปซื้อของว่างและอาหารกลับมา ข้าอยากให้คุณหนูมีความสุขเ้าค่ะ”
เหยาเชียนเชียนพยักหน้า ปีกไก่ย่างชิ้นนี้หอมมาก และข้างๆ ก็ยังมีพะโล้อีกด้วย อาเหยียนน้อยต้องชอบแน่
“คุณหนูเ้าคะ” แม่นมเอ่ยขัดจังหวะ “ซื่อจื่อทรงเสวยสำรับเช้าแล้วเ้าค่ะ หากท่านอยากส่งไปให้ซื่อจื่อชิม มิสู้กินพวกนี้เองแล้วค่อยออกไปซื้อกลับมาให้ซื่อจื่อก่อนเวลาสำรับเที่ยงดีกว่าเ้าค่ะ”
เช่นนั้นก็ดี เหยาเชียนเชียนชิมทุกจานแล้ว ได้ยินจากแม่นมว่ายังมีอีกหลายอย่าง สุดท้ายกินหมดแล้วก็ยังรู้สึกไม่เต็มอิ่มอยู่บ้าง นางเอ่ยถามเสียงเบาว่า “ข้าออกจากจวนได้หรือ?”
แม่นมพยักหน้า “วันนี้ท่านอ๋องเสด็จออกไปั้แ่เช้าแล้ว หากเราลอบออกไปทางประตูหลังและรีบกลับมาก็ไม่น่าจะถูกจับได้เ้าค่ะ”
ดี!
เหยาเชียนเชียนกำหมัดมุ่งมั่น นางจะออกไปซื้อของว่างมาให้อาเหยียนน้อย
หลังจากปลอมตัวแล้ว เหยาเชียนเชียนก็เดินออกไปทางประตูหลังพร้อมกับแม่นม ั้แ่แต่งงานเข้ามาจนถึงเวลานี้ นอกจากไปตระกูลเหยาวันนั้นแล้วเลิกม่านขึ้นมองออกไป นางก็ไม่เคยได้เดินตลาดที่นี่อย่างจริงจังเลยสักครั้ง
“ร้านใดหรือ?” เหยาเชียนเชียนถามหาร้านพะโล้กับแม่นม
“อยู่ข้างหน้านั่นเองเ้าค่ะ ใกล้ถึงแล้ว”
แม่นมพานางมาถึงร้านที่สะดุดตาร้านหนึ่ง เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้วพินิจมอง เหตุใดถึงไม่ได้กลิ่นหอมอะไรเลย ไหนตีนไก่ ไหนขาหมู แล้วไหนเต้าหู้พะโล้เล่า?
“เชียนเชียน” เสียงนุ่มนวลเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างหลังนาง
เหยาเชียนเชียนหันกลับไปมองตามสัญชาตญาณ เห็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาจากข้างในอย่างช้าๆ เขามีรูปร่างซูบผอม ท่าทางอบอุ่น และดวงหน้าลึกซึ้ง เพียงแต่มีใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย ดูท่าทางอ่อนแออยู่บ้าง
“ท่าน...”
“ในที่สุดเ้าก็ยอมมาพบข้าแล้ว” ชายหนุ่มก้าวเข้ามาและจับมือนางไว้โดยไม่เอ่ยขอ “ข้ายังคิดว่าเ้าโกรธจนไม่อยากพบหน้าข้าแล้วเสียอีก”
มาถึงก็ถูกผู้ใดไม่รู้จับมือ เหยาเชียนเชียนใช้สายตาแบบที่ใช้มองอันธพาลไล่มองเขา รูปร่างหน้าตาไม่เลว ดูจากความชำนาญคงจับมือหญิงสาวมาไม่น้อยกระมัง
“คุณชาย โปรดสำรวมด้วย”
เหยาเชียนเชียนสะบัดมือเขาออก สีหน้าเริ่มมีเค้าความไม่พอใจ ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ได้ล่าถอยไป ทั้งยังก้าวเข้ามาอีกครึ่งก้าว และมองไปทางนางด้วยสายตาโศกเศร้ารู้สึกผิด
“เ้าจะโกรธข้าก็ได้ แต่อย่าทำตัวเหินห่างกับข้าเช่นนี้เลย ข้าเคยค้านเื่การแต่งงานกับเสด็จพ่อแล้ว แต่น่าเสียดายที่เสด็จพ่อรักเหลียนโม่มากกว่า เป็ข้าเองที่ทำให้เ้าต้องน้อยใจ”
กล่าวถึงตรงนี้ หากยังไม่รู้สถานะของคนตรงหน้าอีก เหยาเชียนเชียนก็ควรเปลี่ยนเป็สมองหมูแล้วจริงๆ
นางเหลือบมองแม่นมอย่างเ็า ใช้ของว่างมาล่อนาง หลอกใช้ความรักที่นางมีต่ออาเหยียนให้มาพบองค์ชายสาม ไม่เลวเลยจริงๆ!
“องค์ชายสาม ยามนี้หม่อมฉันเป็พระชายาของชิงผิงอ๋องแล้ว เื่ในอดีตก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถิดเพคะ ก่อนหน้านี้เป็อย่างไรหม่อมฉันไม่อยากพูดถึงแล้ว ที่มาพบกันวันนี้ก็ไม่เหมาะสม หากวันหน้าพบกันอีก หม่อมฉันหวังเป็อย่างยิ่งว่าจะอยู่ในสถานที่ที่ชิงผิงอ๋องอยู่ข้างกันเท่านั้นเพคะ”
เป่ยเซวียนเฉิงกำพัดในมือแน่นอย่างเงียบๆ เขาดูออกว่าเหยาเชียนเชียนไม่ได้โกรธเขา นางมีความรักต่อเขามานานหลายปี เขาไม่เชื่อว่าเพียง่เวลาไม่กี่วันนางจะกลายเป็อย่างที่เหยาซื่อเฟิงบอกว่านางทอดทิ้งเขาไปแล้ว
นี่มันเป็ไปไม่ได้เลย และเขาก็จะไม่ยอมให้เื่แบบนี้เกิดขึ้นด้วย
“เชียนเชียน หากเ้ายังถือโทษโกรธข้า เช่นนั้นข้าก็จะยื่นโองการต่อเสด็จพ่อ วอนขอให้เขาคืนเ้าให้ข้า หากเ้าและข้าไปด้วยกัน เสด็จพ่อต้องรู้ว่าเรารักกัน และจะต้องทรงอนุญาตแน่นอน”
แววตาของเขาโศกเศร้า มุมปากประดับรอยยิ้มหมองหม่น
“หากไม่ทรงอนุญาต ขอแค่ได้ฝังศพร่วมกับเ้า ข้าก็สงบใจได้แล้ว”
เหยาเชียนเชียนอ้าปาก นางยังไม่ทันพูดสักครึ่งคำก็เห็นแม่นมที่อยู่ข้างหลังคุกเข่าลงอย่างร้อนใจและกล่าวอ้อนวอนซ้ำๆ ว่า “องค์ชายสามอย่าทรงทำเื่โง่เขลาเลยเพคะ คุณหนูของหม่อมฉันต้องไม่อยากให้พระองค์ทำเช่นนี้เพื่อนางแน่!”
เหยาเชียนเชียนโกรธจนหลุดหัวเราะออกมา “ผู้ใดบอกว่าข้าไม่อยาก ในเมื่อองค์ชายสามมีรักลึกซึ้งต่อหม่อมฉันถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็ไปสิ ไปเลยเพคะ”
ดูเหมือนว่านางจะยังระบายความโกรธไม่สาแก่ใจ นางเบี่ยงตัวเปิดทางให้อีกฝ่ายและมองไปทางประตู
“เชิญ”
นางเพิ่งแต่งงานกับชิงผิงอ๋อง หากองค์ชายสามผู้นี้จริงใจต่อนางเหมือนเปลือกนอกจริง เขาก็คงไม่รอจนถึงเวลานี้เพื่อลอบบอกสิ่งเหล่านี้กับนาง
แสดงท่าทางคับข้องใจที่ต้องเก็บกดไว้ในใจ เสแสร้งบอกว่าอยากอยู่กับนาง แม้ต้องพลีชีพเพื่อรักก็ไม่เสียดายแม้แต่น้อย ดีเลย นางจะช่วยให้ละครของเขาสำเร็จ
“เชียนเชียน เ้าไม่เชื่อข้าจริงๆ” เป่ยเซวียนเฉิงหลุบตาลงอย่างเศร้าสร้อย เดิมทีเขามีร่างกายผอมบางอยู่แล้ว ยามนี้ยิ่งดูน่าสงสาร “หรือว่าเหลียนโม่ดีถึงเพียงนั้นจริง เสด็จพ่อถึงได้รักเขา และแม้แต่เ้าก็ด้วย”
เขาน้ำตาคลอเล็กน้อย ในแววตานั้นคล้ายกับซ่อนคำพูดเป็พันเป็หมื่นคำไว้ ทว่าสุดท้ายก็ทำได้เพียงถอนหายใจ
“ความสัมพันธ์ของข้ากับเ้าในหลายปีมานี้ คงเทียบกับ่เวลาไม่กี่วันที่พวกเ้าอยู่ด้วยกันได้ แต่เ้ายังจำคำมั่นสัญญาของเราได้อยู่หรือไม่”
นางชินกับนิสัยเผด็จการของเป่ยเหลียนโม่ไปเสียแล้ว เหยาเชียนเชียนขนลุกเมื่อได้ยินประโยคแสลงหูนั้น ก่อนจะพูดอย่างนอบน้อมว่า
“ทุกเื่ในโลกมีเหตุผลของมัน องค์ชายสามบอกว่าพระองค์ไม่ได้รับความรักจากผู้คนรอบข้าง ทว่าพระองค์ไม่เคยคิดหาเหตุผลบ้างเลยหรือ?”
เชิงอรรถ
[1] แช่เข่งหมู หมายถึง วิธีการลงโทษในสมัยโบราณ นักโทษจะถูกขังไว้ในเข่งหมูซึ่งมัดปากเข่งด้วยเชือก จากนั้นนำไปแขวนกับคานไม้และแช่ลงในแม่น้ำ สำหรับนักโทษที่ทำความผิดสถานเบา จะต้องโผล่ส่วนศีรษะขึ้นมาเหนือผิวน้ำเป็ระยะเวลาหนึ่ง สำหรับนักโทษทำความผิดสถานหนัก จะถูกแช่ลงไปทั้งตัวจรดศีรษะจนกระทั่งเสียชีวิต โดยส่วนมากเป็โทษลักลอบคบชู้หรือทำผิดประเวณี