ก่อนออกมากับหลิ่วจิ้งในวันนี้หั่วอี้คิดแค่ว่าหลิ่วจิ้งมีจิตใจกว้างกว่าสตรีทั่วไปสักหน่อยจึงไม่ปฏิเสธความลำบากและยอมรับงานส่งเทียบเชิญโดยไม่ปริปากบ่นใดๆ
แต่ตลอดวันที่อยู่ด้วยกันมากลับก่อเกิดเป็ความรู้ใจดั่งเป็คู่คิดบางครั้งเขาก็ไม่ได้มองว่าหลิ่วจิ้งเป็สตรีผู้หนึ่ง ถึงขั้นที่บางครายังหลงนึกไปว่าหลิ่วจิ้งเป็ลูกน้องที่เป็ดั่งแขนขาของเขาสามารถเข้าร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาได้เสียด้วยซ้ำ
ความมั่นใจที่มีอยู่เต็มเปี่ยมเป็เสน่ห์ของหลิ่วจิ้งที่หั่วอี้ััได้สตรีเช่นนี้แม้ไม่ได้มีสัมพันธ์ทางเนื้อหนังกับนางก็ยังทำให้จิตใจของหั่วอี้ไหลล้นไปที่ตัวนางเขาเก็บความคิดล้อเล่นกลับไป หันมาพินิจพิเคราะห์หลิ่วจิ้งอย่างตั้งใจ
เมื่อคิดได้ดังนี้ หลังจากหั่วอี้ใคร่ครวญอย่างจริงจังแล้วจึงเอ่ยว่า“ทางทิศเหนือของเมืองต้าอี้มีป่าดอกหอมหมื่นลี้ [1] อยู่แห่งหนึ่ง แต่ไรมาในฤดูกาลนี้ก็เป็่เวลาที่ดอกหอมหมื่นลี้บานสะพรั่งหอมหวนนักวันพรุ่งฮูหยินไปชมกับสามีดีหรือไม่”
เดือนแปดดอกหอมหมื่นลี้หอมอบอวล หายากนักที่แม้ว่าจะพ้นเดือนแปดไปแล้วแต่ยังสามารถชมดอกหอมหมื่นลี้บานสะพรั่งเต็มป่าได้หลิ่วจิ้งจึงอยากชมขึ้นมาเช่นกัน
ริมฝีปากแดงของนางเผยอขึ้นเผยรอยยิ้มงามดั่งก่อนมา เอ่ยเสียงเบาว่า“ท่านแม่ทัพวางแผนได้ดีเหลือเกินทำเอายามนี้ข้าได้กลิ่นหอมของดอกหอมหมื่นลี้ขึ้นมาแล้ว”
เห็นโฉมงามเป็สุข หั่วอี้ก็รู้สึกว่าเขาตัดสินใจได้ถูกต้องนัก มุมปากพลันมีรอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นมา
วันนี้หลิ่วจิ้งอารมณ์ดีเป็พิเศษเพราะนางได้ทำความเข้าใจแคว้นชางอี้ในภาพกว้าง นางขยับตัวขึ้นมาเกาะที่หน้าต่างพลางทอดสายตาออกไปยังทิวทัศน์นอกตัวเรือ
มองออกไปไกล น้ำในทะเลสาบไหลนิ่ง แสงจันทร์คืนนี้ช่างงดงามนักเงาเดือนเสี้ยวสะท้อนอยู่บนผิวน้ำราบเรียบ
แสงโคมบนฝั่งและดวงดาวกลางนภาต่างพากันส่องประกายอยู่บนผิวน้ำยามมีเรือลอยลำผ่านทำให้เกิดคลื่นเป็วงกระเพื่อมใหญ่กระทบภาพสะท้อนของแสงดาวและแสงโคมจนขุ่นมัว กลายเป็เกล็ดแสงไม่เสมอกันชวนให้หลิ่วจิ้งคิดถึงความเปลี่ยนแปลงนานาที่เกิดขึ้นเพียงชั่วอึดใจ
ว่าแล้วหลิ่วจิ้งก็รู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุความแค้นของครอบครัว เป็ดั่งศิลาก้อนเขื่องที่กดทับหัวใจนางอยู่และคอยทะลักเข้ามาในใจใน่เวลาที่นาง้าจะมีความสุขเป็เหตุให้แม้ว่านางอยากเบิกบานใจเพียงใดก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้
นางนึกถึงคนในครอบครัวของนางขึ้นมาอีกแล้ว คิดว่าหากคนที่อยู่ข้างกายในยามนี้เป็คนในครอบครัวที่ใกล้ชิดกับนางมากที่สุดจะดีงามเพียงใด
หั่วอี้โอบตัวหลิ่วจิ้งพลางชมทิวทัศน์ที่อยู่ห่างไกลออกไปแต่เขากลับไม่ได้ััถึงความเปลี่ยนแปลงภายในใจของหลิ่วจิ้งหลิ่วจิ้งฝืนทนความเ็ปในใจ ไม่ยอมให้หั่วอี้เห็นความทุกข์ใจของนาง
หั่วอี้ชี้มือออกไปไกลๆ ที่นั่นมีแสงโคมเรืองรองงดงามนักหลิ่วจิ้งเองก็มองตามมือของหั่วอี้ไปในขณะที่กำลังตกตะลึงกับทัศนียภาพงดงามของธรรมชาติ ทันใดนั้นก็มีคนแง้มประตูเบาๆเสียงอ่อนละมุนของสตรีดังมาจากประตูห้อง “ท่านแม่ทัพอยู่ข้างในใช่หรือไม่เ้าคะ”
หลิ่วจิ้งหันมองหั่วอี้ด้วยความสงสัยวันนี้นางไม่ได้พาสาวใช้ทั้งสองหรือองครักษ์แม้สักคนมาด้วยแล้วผู้มาเยือนจะเป็ผู้ใดกัน?
หั่วอี้ยักไหล่อย่างอ่อนใจ เพราะเขาฟังออกว่าคนที่มาคือใครสหายที่เติบโตมาด้วยกันแต่เล็กจนโตแล้วเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าคนที่มาก็คือคุณหนูแห่งจวนเสนาบดีจ้าวอี้หรง
คราก่อนก็เป็เพราะอีกฝ่ายก่อเื่จึงทำให้หั่วอี้พลัดหลงกับหลิ่วจิ้งจนภายหลังเพราะร้อนใจนักเขาจึงต้องเรียกใช้องครักษ์ลับที่แฝงตัวอยู่ในย่านกลางเมืองออกมาช่วยหาตัวนางและอาเหมิ่งต๋าก็มาขัดจังหวะเื่ดีงามของเขาเพราะเื่นี้อีกด้วย
เมื่อคิดถึงตรงนี้หั่วอี้ก็ต้องส่ายหน้าพลางเอ่ยกับหลิ่วจิ้งอย่างจนใจว่า “เป็อี้หรง บุตรีแห่งจวนเสนาบดีคราก่อนยังไม่ได้ให้พวกท่านรู้จักกันอย่างเป็ทางการ ครั้งนี้ก็พอดีได้แนะนำให้พวกท่านรู้จักกันอย่างเป็ทางการเสียที”
จวนเสนาบดี! หลิ่วจิ้งเตรียมระวังตัวขึ้นมาในทันใด ผู้ที่มาจะต้องไม่ธรรมดาเป็แน่
“พี่อี้ เป็ท่านจริงด้วย ตอนที่เสี่ยวเอ้อร์มาส่งอาหารเมื่อครู่ข้าพอดีเดินผ่านมา มองเห็นคราหนึ่งยังนึกว่ามองผิดไปเสียอีกพอกลับไปคิดดูสักพักจึงคิดว่ามาดูสักหน่อยดีกว่า คิดไม่ถึงจริงๆว่าจะได้พบพี่อี้ที่นี่ น้องหญิงมาคารวะท่านเ้าค่ะ” จ้าวอี้หรงหันไปย่อตัวคำนับหั่วอี้ประคองตัวนางไว้เบาๆ ไม่ให้นางคำนับเขา
จ้าวอี้หรงอาศัยจังหวะนี้ขยับเข้าไปอิงข้างตัวหั่วอี้ “พี่อี้นี่เป็หญิงงามที่มาท่องทะเลสาบเป็เพื่อนท่านหรือเ้าคะ?”
จ้าวอี้หรงว่าพลางมองหลิ่วจิ้งด้วยสายตาท้าทาย
ตอนที่หั่วอี้ไปเปิดประตู หลิ่วจิ้งไม่ได้ตามเข้าไปด้วยหากแต่นั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง เพียงขยับตัวให้หันหน้าไปมองทางประตูเท่านั้น
เพราะเห็นว่าหลังจากไปเปิดประตูหั่วอี้ก็สนทนากับสตรีที่มาเยือน หลิ่วจิ้งจึงตั้งใจมองอีกฝ่าย ช่างมีวาสนาต่อกันเสียจริง นี่ไม่ใช่สตรีชุดแดงที่มาแย่งซื้อสร้อยประคำกับนางในหอหรงซินหรอกหรือ? ว่ากันว่ามีวาสนาพันลี้ได้รู้จัก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดไม่ว่าจะมองอย่างไรนางกลับรู้สึกว่านี่เป็เวรกรรมต่างหาก
หลิ่วจิ้งมองดูหั่วอี้ที่สนทนาอยู่กับจ้าวอี้หรงอย่างออกรสออกชาติ เห็นทีคงหลงลืมเื่ที่บอกไว้ตอนต้นว่าจะแนะนำพวกนางให้รู้จักกันไปนานแล้วกระมังไฟกองหนึ่งค่อยๆ ลุกลามอยู่ในใจนาง อุตส่าห์จะได้สบายใจสักครากลับต้องมาถูกทำลายดังนี้เสียแล้ว
ภาพครั้งก่อนในหอหรงซินที่หั่วอี้เอาแต่สนทนากับจ้าวอี้หรงจนมองผ่านว่านางมีตัวตนอยู่พลันปรากฏขึ้นมาในสมองของนางหลิ่วจิ้งจึงยิ่งรู้สึกโมโห
“ท่านพี่ นี่คือ?” หลิ่วจิ้งไม่รอให้หั่วอี้เอ่ยปากก็เดินเข้าไปหาเขาเองเอื้อมมือไปกุมมือขวาของหั่วอี้เอาไว้ พลางส่งสายตาแสนซื่อบริสุทธิ์มองจ้าวอี้หรง
ท่านพี่!จ้าวอี้หรงเ็ปใจนักเมื่อได้ยินสตรีในห้องเรียกขานหั่วอี้เช่นนั้น นางรู้อยู่นานแล้วว่าหั่วอี้ไม่ได้มีสตรีเพียงคนเดียวเพียงแต่นางไม่เคยได้พบกับตัวสักหน นางจึงเอาแต่หลอกตนเองว่าสตรีเหล่านี้ก็เป็เพียงของเล่นที่หั่วอี้นำกลับไปหาความสำราญเท่านั้น
ตลอดหลายปีมานี้นางไม่เคยได้ยินข่าวว่าหั่วอี้จะแต่งสตรีบ้านใดเข้าจวน นางจึงพยายามบำรุงรักษาสุขภาพอย่างเต็มกำลังพลางฝันหวานไปว่าวันหนึ่งหั่วอี้จะมาสู่ขอนาง
จ้าวอี้หรงจึงไม่อาจทนรับได้เมื่อมีคนเรียกขานหั่วอี้ว่าท่านพี่ทั้งสายตาแสนละมุนที่หั่วอี้หันมองสตรีผู้นั้นยามได้ยินนางเรียกก็ยิ่งทำให้จ้าวอี้หรงริษยาเหลือทน
บุรุษองอาจเปิดเผยเช่นหั่วอี้ จะมองการต่อสู้อย่างลับๆระหว่างสตรีออกได้ที่ใด เขาทั้งยินดีที่ได้พบกับจ้าวอี้หรงทั้งเปรมปรีดิ์ที่หลิ่วจิ้งเป็ฝ่ายเข้ามาจับมือเขาก่อนจึงไม่ได้สังเกตเลยว่าสตรีทั้งสองคนกำลังลอบขัดแข้งขัดขากัน
“พี่อี้ ท่านพ่อและท่านพี่ของข้ากำลังทานอาหารอยู่ในห้องข้างหน้าพี่อี้จะไปนั่งด้วยสักพักหรือไม่เ้าคะ”จ้าวอี้หรงไม่อยากได้ยินถ้อยคำพิสูจน์ฐานะของสตรีในห้องจากปากของหั่วอี้จึงรีบเอ่ยปากเชิญหั่วอี้ไปนั่งอีกห้อง
หั่วอี้กำลังจะแนะนำให้หลิ่วจิ้งและจ้าวอี้หรงสองคนรู้จักกันแต่เมื่อได้ยินจ้าวอี้หรงบอกว่าท่านเสนาบดีก็อยู่บนเรือด้วยจึงไม่กล้าชักช้าและรีบตกลงทันที
“ฮูหยิน ไปคารวะท่านเสนาบดีด้วยกันกับสามีเถิดท่านเสนาบดีและบิดาของข้าคบค้ากันมานานปี แต่เล็กมาข้าซุกซนนักจึงถูกท่านเสนาบดีโบยเอาไม่น้อยเลย ท่านคงไม่รู้ สมัยนั้นท่านเสนาบดีโบยข้าจริงๆจนยามนี้เมื่อนึกย้อนกลับไปก็ยังรู้สึกว่าแผ่นหลังที่โดนโบยนั้นยังเจ็บอยู่เลย”
“เหอๆๆ” จ้าวอี้หรงได้ยินคำของหั่วอี้ก็หัวเราะยกใหญ่ดูท่าว่าทั้งสองคนจะสนิทสนมกันเสียอย่างยิ่ง มองไม่ออกว่าไม่คุ้นเคยกันแม้แต่น้อย
“หั่วอี้ นี่เ้ากำลังล้อหลอกหญิงงามคนใดอีกยังมีคนเชื่อคำเ้าอีกหรือ ยามนี้หลังก็ยังเจ็บอยู่ เ้าหลอกผีหรือไร”
คำพูดล้อเล่นเสียงดังลอยเข้ามาในห้อง พอเสียงมาคนก็มาด้วยหลิ่วจิ้งเงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือน เขาเป็บุรุษหน้าตาหล่อเหลาท่าทีองอาจผู้หนึ่งผู้ที่มาหน้าตาคล้ายกับจ้าวอี้หรงอยู่มากเพียงแต่เขาทำให้นางรู้สึกถึงความแข็งแกร่งอาจหาญไม่เหมือนกับท่าทีระรานคนของจ้าวอี้หรง ชายผู้นั้นปากเอ่ยคำกระเซ้าหั่วอี้แต่ดวงตาเป็ประกายกลับมองมาทางหลิ่วจิ้ง
หลิ่วจิ้งััได้ว่าชายผู้นั้นเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นนาง คล้ายว่ามีความตกตะลึงแต่ก็คล้ายว่ามีความทะนงตนซ่อนอยู่ภายใน เขาต้องไม่ใช่พวกลูกผู้ดีมีเงินธรรมดาๆเป็แน่ เพราะนี่เป็สายตาและอากัปกิริยาที่ทั้งหลักแหลมทั้งเฉียบคมซึ่งจะพบเห็นได้ในผู้มีฐานะสูงศักดิ์เท่านั้น
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] ดอกหอมหมื่นลี้ ในภาษาจีนมีชื่อว่า ดอกกุ้ยฮวา
