“อิ๋นซิง มานี่สิ”
อูิโยวโบกมือให้ แต่มันดันะโถอยหลังหนีไปสองสามก้าว อูิโยวขมวดคิ้วไม่พอใจ เอื้อมมือไปหยิบถุงผ้าออกจากแขนเสื้อ แล้วเทเมล็ดดวงดาวออกมาสองสามเมล็ด นี่เป็อาหารที่นกดวงดาวโปรดปรานมากที่สุด
อิ๋นซิงเอียงศีรษะและมองไปยังเมล็ดดวงดาวในมือเขา กำลังพิจารณาว่าจะเข้าไปหรือไม่เข้าไปดี
สุดท้ายแล้วของกินก็มีแรงดึงดูดที่ยิ่งใหญ่ อิ๋นซิงบินไปข้างกายอูิโยวและจิกเมล็ดดวงดาวเ่าั้เข้าปาก ิโยวจึงอาศัยจังหวะนี้คว้าจับมันเอาไว้ในอ้อมแขน
“เ้ายังจะหนีอีก ทั้งออกไปเที่ยวสนุกทั้งทอดทิ้งข้า จะใจร้ายเกินไปแล้วนะ”
อิ๋นซิงกรีดร้องใส่เขาหลายครั้ง เพื่อต่อต้านพฤติกรรม 'รุนแรง' ของเขาที่ปฏิบัติต่อตัวมัน
อูิโยวตีหัวของอิ๋นซิงเบาๆ
“ขอถามเ้าหน่อย สิ่งที่ข้าขอให้นำไปให้ไป๋เจ๋อ เ้ามอบให้เขาแล้วใช่หรือไม่”
อิ๋นซิงก้มศีรษะแล้วร้องเบาๆ สองสามครั้ง ิโยวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ลูบขนของมันและเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“ช่างเถอะ คราวนี้ข้าจะไว้ชีวิตเ้า คราวหน้าหากยังใส่อารมณ์เช่นนี้ข้าไม่ปล่อยเ้าไปแน่ เข้าใจหรือไม่”
ิโยวปลดกระบอกไม้ไผ่เล็กๆ จากข้อเท้าของอิ๋นซิง ก่อนจะดึงจดหมายออกมา ขณะที่กำลังจะเปิดออกดูก็มีคนเดินเข้ามาจากด้านนอก
อูิเยี่ยเปิดประตูเข้ามา เห็นอิ๋นซิงะโขึ้นไปบนคานและส่งเสียงร้องพลางมองิโยวที่อยู่ด้านล่างด้วยท่าทีไม่พอใจ
“อิ๋นซิงเพิ่งจะกลับมา เ้าก็แกล้งมันแล้วหรือ”
ิโยวเงยหน้าและแลบลิ้นให้อิ๋นซิง ก่อนจะเอ่ยว่า “พี่ใหญ่ ท่านอย่ามากล่าวหาข้านะ ใครจะรู้ว่ามันอยู่ในอารมณ์ไหน เพิ่งจะกลับมาแต่ไม่ยอมให้ข้าแตะต้องตัวมันด้วยซ้ำ”
“เป็เช่นนั้นหรือ”
ิเยี่ยโบกมือให้อิ๋นซิงที่อยู่บนคาน มันกระพือปีกบินลงมา ก่อนจะหยุดเกาะบนไหล่ของเขา
“ดูสิ มันยังให้ข้าเข้าใกล้อยู่เลย” ิเยี่ยใช้นิ้วแตะจะงอยปากเ้านกแสนรู้ มันก็ส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว ิเยี่ยหัวเราะเสียงดังชี้ไปยังิโยว
“ข้าเข้าใจแล้ว มันคงรังเกียจที่ตัวเ้ามีแต่กลิ่นเหม็น มันเอาแต่บอกว่าเ้าอยู่แต่ในห้องทั้งวี่ทั้งวัน นี่เ้าไม่ได้อาบน้ำมานานเท่าไรแล้วเนี่ย”
ิโยวพูดด้วยความโกรธว่า “พูดจาไร้สาระ ข้าอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกวัน!”
เขายกแขนขึ้นแล้วดมใต้รักแร้ก็ไม่ได้กลิ่นอะไร แต่มีบางอย่างที่ประหลาด นกดวงดาวเป็นกแห่งจิติญญา และอิ๋นซิงก็เป็หนึ่งในนกดวงดาวที่เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ดีที่สุด วันนี้มันมีท่าทีผิดแปลกไปจริงๆ
“หรือบางทีร่างกายของเ้าอาจปนเปื้อนกลิ่นที่อิ๋นซิงไม่ชอบ การรับรู้กลิ่นของมันอ่อนไหวมาก อีกเดี๋ยวเ้าไปล้างเนื้อล้างตัวอีกสักรอบแล้วกัน”
สิ่งที่อูิเยี่ยแนะนำมานั้น ทำให้ิโยวได้แต่เม้มริมฝีปากและไม่ตอบอะไร
“จริงด้วยสิ!”
ทันใดนั้นิโยวก็ส่งจดหมายในมือให้ิเยี่ยแล้วพูดว่า “อิ๋นซิงนำจดหมายกลับมาแล้ว ข้ายังไม่ได้อ่าน พี่ใหญ่ลองดูสิ”
ลายมือบนนั้นดูสละสลวย แค่มองก็รู้ว่าเป็ิหลิงผู้อ่อนโยนเขียนมา
อูิเยี่ยอ่านั้แ่ต้นจนจบ สีหน้าเดี๋ยวก็เป็กังวลเดี๋ยวก็มีความสุข ทำให้ิโยวเริ่มเป็กังวล
“ในจดหมายเขียนว่าอะไรหรือ”
ิเยี่ยยื่นจดหมายให้เขา “นี่เป็จดหมายของพี่สาวเ้า เ้าอ่านเองเถอะ”
ิโยวหยิบมาอ่านอย่างรวดเร็วั้แ่ต้นจนจบ เมื่อเห็นเนื้อความตอนท้ายก็เผยยิ้มออกมา
“ฮ่าๆ ข้ารู้อยู่แล้ว รู้อยู่แล้วว่าไป๋เจ๋อสนใจท่านพี่หญิงของข้า เขาเอาแต่ทำตัวเ็า ไม่แสดงความรู้สึกในใจออกมา”
อูิเยี่ยมองน้องชายก่อนจะส่ายหัว แล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ดูเ้าสิ มีความสุขมากอย่างกับตนเองจะสู่ขอภรรยาอย่างไรอย่างนั้น”
ิโยวะโโลดเต้นอย่างมีความสุข ท้ายที่สุดก็ก้าวไปจับแขนของิเยี่ยแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ ท่านเอ่ยเช่นนี้เพราะท่านไม่ดีใจกับท่านพี่หญิงของข้าอย่างนั้นหรือ แม้ว่าไป๋เจ๋อจะมองไม่เห็น แต่เขาเป็คนดีและหล่อเหลา ทั้งคู่ล้วนเป็คนที่ยอดเยี่ยม พวกเขามีใจต้องกัน เท่ากับ์ส่งให้มาคู่กันไม่ใช่หรือ”
แน่นอนว่าในใจของิเยี่ยรู้สึกยินดีกับิหลิง เขาดีดหน้าผากของิโยวแล้วพูดว่า “ในใจของเ้าไม่ว่าอะไรที่เกี่ยวข้องกับคุณชายใหญ่ตระกูลหลิ่วล้วนดีไปเสียหมด ท่านพี่หญิงของเ้าคงเอาเปรียบเขาสินะ!”
“พี่ใหญ่ พูดเช่นนี้ได้อย่างไร ทั้งสองเป็คู่ที่เหมาะสม จะมาบอกว่าใครได้เปรียบใครเสียเปรียบได้อย่างไรกัน”
อูิเยี่ยส่ายศีรษะ เขาปวดหัวกับน้องชายคนนี้จริงๆ
“อย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไป ยังมีเื่อื่นอีก เ้าคงเห็นแล้วใช่ไหม”
อูิโยวหุบยิ้ม นั่งลงบนโต๊ะด้านข้างแล้วรินชาสองถ้วย วางหนึ่งถ้วยเบื้องหน้าพี่ชายก่อนจะหยิบอีกถ้วยขึ้นมาจิบ
เ้าเด็กคนนี้มีเก้าอี้ก็ไม่นั่ง กลับนั่งบนโต๊ะ มันช่าง...ิเยี่ยรู้สึกจนใจ ได้แต่จิบชาแล้วพูดว่า
“หุบเขาไป่หลิงเปรียบดังคลังยาสมุนไพร พวกเราไม่จำเป็ต้องเข้าร่วม ก่อนหน้านี้เพียงแค่จัดหายาสมุนไพรและส่งไปยังเทือกเขาจู่เสียเท่านั้น”
ิโยววางถ้วยชาลง มุมปากยกขึ้น เข้าใจความคิดของพี่ชายดีที่สุด
“พี่ใหญ่ ข้ารู้นิสัยของท่าน ท่านอยากไปยังเทือกเขาจู่เสียใช่หรือไม่”
ที่ิโยวเอ่ยออกมาไม่ได้ทำให้ิเยี่ยใเลยสักนิด ทั้งยังตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม “ข้ารู้ว่าเ้าก็อยากไปเหมือนกัน”
ิโยวเผยรอยยิ้มขี้เล่น แล้วขยับเข้าใกล้อีกฝ่าย “พี่ใหญ่ ให้ข้าไปด้วยได้หรือไม่”
ิเยี่ยส่ายหัวโดยไม่ลังเล “ลืมที่ท่านแม่พูดแล้วหรือ อีกอย่าง เมื่อหลายเดือนก่อน่ที่เ้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองหลวงเฟิ่งเทียนเคยสาบานว่าอย่างไร ก่อนการสืบทอดตำแหน่งผู้นำหุบเขา เ้าจะออกจากที่นี่ไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว”
ิโยวเป็กังวลมากจนลืมเื่นี้ไปเสียสนิท ในเวลานั้นเพราะผลการทำนายของหลิ่วไป๋เจ๋อทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ คิดเพียงว่าต้องเร่งฝึกฝน ทำให้เผลอตกปากรับคำเื่ใหญ่เช่นนี้ออกไป ตอนนี้การฝึกฝนของเขาประสบความสำเร็จเป็อย่างมาก แต่กลับต้องติดอยู่ในหุบเขา ไม่สามารถเคลื่อนไหวไปที่ใดได้
เขาเอ่ยด้วยหน้าตาบูดบึ้ง “พี่ใหญ่จะโหดร้ายกับข้าเช่นนั้นหรือ หากท่านไม่ให้ข้าออกจากหุบเขา ข้าจะกลั้นใจตายจริงๆ แน่!”
ิโยวแสร้งทำเป็น่าสงสารต่อหน้าิเยี่ย อีกฝ่ายดื่มชาจนหมดแก้วแล้ว จึงลุกขึ้นยืนและเอ่ยว่า “ไม่ได้ก็คือไม่ได้ หากเ้าออกจากหุบเขา รอดูแล้วกันว่าข้าจะจัดการกับเ้าอย่างไร!”
อูิเยี่ยพาอิ๋นซิงไปยังที่พำนักของไป๋เซียงถิงพร้อมกับจดหมาย ในฐานะมารดาของพวกเขาสามคนพี่น้องและทำหน้าที่ชั่วคราวเป็ผู้นำหุบเขา อูิเยี่ยจึงต้องแจ้งให้นางทราบและร่วมกันหารือ
เมื่ออูิเยี่ยก้าวออกจากตัวเรือน อิ๋นซิงก็บินตามเขามาโดยไม่ลังเล ิโยวกระทืบเท้าด้วยความโกรธและะโตามหลังทั้งคนทั้งนก “ไม่ให้ไปข้าก็จะไม่ไป!”
เขานอนพิงอยู่บนราวหน้าต่าง มองดูทั้งคนทั้งนกที่เดินไกลออกไป จากนั้นบนใบหน้าพลันมีรอยยิ้ม
“ในที่สุดเ้าไป๋เจ๋อก็ตกลงปลงใจกับพี่หญิงของข้าแล้ว ดีจริงๆ !”
แต่เพียงครู่ต่อมา สีหน้าก็เปลี่ยนเป็เศร้าโศก เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นมองดูซ้ำๆ เพิ่งจะประสบความสำเร็จจากการฝึกฝน แต่ตอนนี้กลับนำไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ อูิโยวควานหาบางสิ่งในอกเสื้อ หาอยู่นานจนท้ายที่สุดก็หยิบถุงผ้าใบหนึ่งออกมา “ตอนนี้เ้าคงอยู่กับท่านพี่หญิงของข้า เช่นนั้นข้าก็โล่งใจแล้ว”
ห้าวันต่อมา อาจเป็เพราะดวงอาทิตย์ลาลับฟ้าไปแล้ว อากาศในฤดูใบไม้ผลิจึงชื้นขึ้นมาอีกครั้ง หุบเขาไป่หลิงมีฝนตกโปรยปราย สายฝนชำระล้างสิ่งต่างๆ รอบด้านจนสะอาด
ร่างเพรียวบางของคนสามคนกำลังปีนขึ้นเขาทีละขั้น หนทางทั้งชันและลื่น ทั้งสามช่วยพยุงกันและกัน แต่ก็พากันล้มลุกคลุกคลานหลายต่อหลายครั้ง เมื่อมาถึงทางเข้าหุบเขา ร่างกายก็เปียกชุ่มและเต็มไปด้วยโคลน สภาพช่างน่าสังเวชยิ่งนัก
ปากทางเข้าของหุบเขาไป่หลิงมีผู้คุ้มกันยืนเฝ้ายามอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นคนสามคนเดินเข้ามาจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดยั้งไว้
“พวกเ้าเป็ใคร มาทำอะไรที่นี่”
เหยาเยวี่ยก้าวไปข้างหน้า คำนับทักทายผู้คุ้มกัน
“ข้ากับน้องสาวทั้งสองมาที่นี่เพื่อตามหาคน ไม่ทราบว่าพี่ชายจะให้พวกข้าเข้าไปได้หรือไม่”
แม้ว่าทั้งสามจะเป็สาวงาม เหยาเยวี่ย ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกขนานนามว่าเป็หญิงงามที่สุดในหอนางโลม ทว่าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง พวกนางจึงแต่งกายด้วยชุดลำลองสบายๆ และสวมหมวกไม้ไผ่ ผู้คุ้มกันจึงมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง แล้วจะยอมให้พวกนางเข้าไปได้อย่างไร
“ที่นี่คือหุบเขาไป่หลิง ไม่สามารถให้ใครเข้าไปได้ตามใจชอบ”
เด็กสาวที่อยู่ข้างหลังก้าวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเอ่ยด้วยความโกรธ “พวกเรามาตามหาอูิโยว คุณชายรองตระกูลอู แล้วพวกเ้าจะมาขวางทางได้อย่างไร”
ผู้คุ้มกันยิ้มและเอ่ยว่า “ปกติก็มีเด็กสาวมากมายมาตามหาคุณชายรองของพวกเราอยู่แล้ว พวกเ้าก็คงไม่ต่างกัน ไปๆ ไม่ใช่ว่าพวกเราอยากทำให้แม่นางทั้งสามลำบาก แต่หุบเขาไป่หลิงไม่ใช่สถานที่ที่จะปล่อยให้คนนอกเข้าไปได้ง่ายๆ”
“เ้า~!”
เด็กสาวถูกเหยาเยวี่ยลากไปข้างหลัง แล้วค่อยเอ่ยกับเหล่าผู้คุ้มกันด้วยถ้อยคำที่ไพเราะ “พี่ชายช่วยนำคำพูดสักสองสามคำไปบอกคุณชายรองอูได้หรือไม่เ้าคะ”
ผู้คุ้มกันเป็คนฉลาด เมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าเอ่ยวาจาด้วยท่าทีสง่า คาดเดาว่าแม่นางผู้นี้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดา จึงพยักหน้าตอบรับ
“ได้!”
พี่ใหญ่ได้หารือกับมารดารวมไปถึงเหล่าผู้าุโเสร็จสิ้นแล้ว วันรุ่งขึ้นเขาจะนำลูกศิษย์นับร้อยคนเดินทางจากหุบเขาไปยังเทือกเขาจู่เสีย ในบรรดาคนเ่าั้ไม่ได้มีตนรวมอยู่ด้วย อูิโยวนอนพิงบนกรอบหน้าต่าง มองดูเม็ดฝนตกกระทบใบไม้ด้วยความเบื่อหน่ายและหดหู่ใจ เขาแสนกระตือรือร้น อยากจะออกไปนอกหุบเขาเพื่อพบท่านพี่หญิงและหลิ่วไป๋เจ๋อ
ท่ามกลางม่านฝน จู่ๆ ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น วิ่งตรงเข้ามายังเรือนของเขาด้วยความเร่งรีบ เมื่อเข้ามาแล้ว ิโยวก็เห็นใบหน้าอีกฝ่ายได้ชัดเจน คนผู้นี้เป็ยามที่หน้าทางเข้าหุบเขา
“คุณชายรอง”
ิโยวปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าไปในเรือนและมอบผ้าให้เขาใช้เช็ดน้ำฝน
“ขอบคุณคุณชายรอง”
“เ้ามาหาข้าด้วยเหตุใด”
ผู้คุ้มกันกล่าว “มีหญิงสามคนจากนอกหุบเขาเดินทางมาตามหาคุณชายรอง หนึ่งในนั้นบอกว่านางเป็สหายเก่าของคุณชายรองขอรับ”
“หญิงสาว? สหายเก่าอย่างนั้นหรือ”
ผู้คุ้มกันพยักหน้า
“พวกนางหน้าตาเป็อย่างไร”
ผู้คุ้มกันส่ายหัว “ทั้งสามคนสวมหมวกไม้ไผ่ ข้าน้อยมองเห็นไม่ชัดนัก ทว่าจากท่าทางดูเป็คนดี เหมือนจะเป็ชาวบ้านทั่วๆ ไปและไม่รู้ศิลปะการต่อสู้”
อูิโยวครุ่นคิดอยู่นาน แต่ก็คิดไม่ออกว่าคือผู้ใด
“จะอย่างไรก็ช่างเถอะ ไปดูก่อนค่อยว่ากันอีกที!”
แต่ก่อนที่เขาจะก้าวออกจากประตู ก็ถูกผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านหลังหยุดเอาไว้
“คุณชายรอง โปรดอย่าลืมว่าเวลานี้ท่านไม่สามารถออกจากหุบเขาได้”
อูิโยวตีหน้าผากของตน “เหตุใดข้าถึงลืมอีกแล้วเนี่ย! เ้ากลับไปหาแม่นางทั้งสามก่อน บอกให้รอสักครู่ เดี๋ยวข้าตามไป”
เขาวิ่งฝ่าสายฝนตรงไปยังเรือนของอูิเยี่ยผู้เป็พี่ชาย ไม่ว่าด้านนอกหุบเขานั้นคือใคร ตนก็มีเหตุผลที่จะออกไปจากหุบเขาแล้ว แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ
“ให้แม่นางเ่าั้เข้ามา เ้าไม่จำเป็ต้องออกไป”
“พี่ใหญ่!”
อูิเยี่ยเอื้อมมือไปเคาะหัวของิโยว “หากจะใช้ข้ออ้างนี้เพื่อออกจากหุบเขาแล้วล่ะก็ ไม่มีทางซะหรอก!”
————————————————
