ได้ยินการคาดเดาที่น่าขยะแขยงของเขาแล้ว อวิ๋นอี้พลันอยากจะหัวเราะออกมา
หากนางไม่เคยมองเขาอยู่ในสายตา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคิดว่าตนเองเป็ผู้ใดกัน?
คำถามเช่นนั้น เป็การดูถูกและทำร้ายความจริงใจของนางทั้งสิ้น
ตอนนี้พวกเขาต่างมิได้สติกัน นางดื่มมา ส่วนเขาก็โกรธจัด อวิ๋นอี้มิอยากเถียงกับเขา
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามสงบสติอารมณ์ “ฝ่าาปล่อยก่อน ข้าเจ็บไปหมดแล้วเพคะ”
ด้วยประโยคที่นุ่มนวล ใต้แสงจันทร์ในคืนฤดูร้อน บางเบาราวกับขนนกลอยตกบนหัวใจของเขาอย่างกะทันหัน
หรงซิวขยับริมฝีปากแน่น ปล่อยมือออก และค่อยๆ เว้นระยะห่างระหว่างทั้งสอง
อวิ๋นอี้ถอนตัวออกจากอ้อมแขนของเขา เหลือบมองเขาพลันเดินไปในจวนโดยไม่พูดอันใดสักคำ
ทั้งสองเข้าไปในจวนโดยไม่มีผู้ใดที่มีสีหน้าสู้ดี
พ่อบ้านถามอย่างระมัดระวังว่า “ฝ่าา ฮูหยิน อาหารพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ จะทานเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“ไม่ล่ะ” นางตอบว่า “ข้าทานมาแล้ว”
“กับผู้ใด?” หรงซิวถามโพล่งออกมา
อวิ๋นอี้ยิ้มและชำเลืองมองเขา “กับลู่จงเฉิงเพคะ”
จริงๆ ก็รู้คำตอบอยู่แล้ว ทว่าเมื่อนางพูดออกมาเช่นนี้ หรงซิวก็ยังริษยา
เขาอดทนไว้ไม่พูดอันใด ทันทีที่เข้าไปในห้อง เขาก็จับอวิ๋นอี้เข้ามากอดแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แ่เบาว่า “ต่อไปเ้าอยู่ห่างจากลู่จงเฉิงหน่อยได้หรือไม่?”
อวิ๋นอี้ไม่ค่อยมีสติ ฤทธิ์เหล้ายังสูง ทำให้นางมีปฏิกิริยาที่ช้ากว่าปกติ หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ถามว่า “เพราะเหตุใดเพคะ?”
“ข้าไม่ชอบเลย” หรงซิวพูด
เขาพลิกร่างผอมเพรียวของนางให้หันกลับมา ทั้งสองเผชิญหน้ากัน ใกล้จนสามารถเห็นแววตาสีเข้มของเขาได้อย่างชัดเจน
อวิ๋นอี้เลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนว่าเขาอยู่กับหว่านฉือคงจะเหนื่อยและหนักใจ
“ได้หรือไม่?” หรงซิวถามอีกครา
นางพยักหน้าตอบอย่างร่าเริง “ได้สิเพคะ แต่ท่านต้องสัญญากับข้า”
“เ้าพูดมา” เมื่อเห็นนางท่าทีน่ารัก หรงซิวก็สงบลงเล็กน้อย มือของเขาบีบแก้มนางเบาๆ มีรอยยิ้มที่มุมปาก
อวิ๋นอี้ยิ้มตาม “ต่อไปฝ่าาต้องห่างกับหว่านฉือ”
หรงซิวมิคิดว่านางจะพูดถึงหว่านฉือ จึงอธิบายอย่างลังเลว่า “ข้ากับนางเป็เพียงเพื่อนสมัยเด็ก เ้าอย่าได้คิดมาก”
“ข้าคิดมากไปหรือ?” อวิ๋นอี้หัวเราะ ทว่าในใจกลับเศร้า
นางเพียงอยากจะถามเพื่อทดสอบเขา ทว่าเขากลับไม่ยอมตกลงอย่างโดยดี ความคับข้องใจในหัวใจของนางยิ่งปั่นป่วนมากขึ้น แม้แต่อารมณ์แย่ๆ ในใจที่พยายามระงับไว้ก็พุ่งออกมา
นางมองไปเขา จงใจพูดยั่วยุเขา “ฝ่าา หากข้าบอกว่าหากมีนางจะไม่มีข้า มีข้าไม่มีนาง ฝ่าาต้องเลือกคนหนึ่งระหว่างเรา ฝ่าาจะเลือกผู้ใดเพคะ?”
“อวิ๋นเออร์ เ้าเป็อันใดไป?” หรงซิวขมวดคิ้ว “เ้าอย่าไร้เหตุผลเช่นนี้สิ เ้ากับนางจะเอามาเปรียบกันมิได้ และเื่เมื่อวาน เ้าให้ข้าไปดูแลนางเองนี่”
“ใช่! ข้าบอกให้ท่านไปดูแลนาง ท่านก็ไป ฝ่าาเชื่อฟังมาก หากตอนนี้ข้าบอกให้ท่านมิต้องสนใจนาง ฝ่าาจะทำได้หรือไม่เพคะ?”
“นางมิได้ทำอันใดผิด จู่ๆ ข้ามิสนใจนาง..”
“เช่นนั้นลู่จงเฉิงทำอันใดผิดเพคะ ท่านบอกให้ข้าห่างจากเขา” อวิ๋นอี้ไม่เข้าใจตรรกะของหรงซิว จึงถามอย่างดุดัน
หรงซิวหายใจเข้า จู่ๆ พูดขึ้นว่า “จริงๆ แล้วเ้ามิอยากห่างจากลู่จงเฉิงใช่หรือไม่?”
“เกี่ยวอันใดกับเขา? ฝ่าา ท่านต้องรู้ก่อนว่า เื่ของท่านกับข้า ไม่เคยเกี่ยวกับเขา อย่าได้คิดว่าหลายเื่ที่ข้ามิได้พูดจะแปลว่าข้ามิรู้ เื่รักใคร่ลับๆ ในวัยเยาว์ของฝ่าากับหว่านฉือ คิดว่าข้าตาบอดมองไม่ออกหรือ? จนถึงตอนนี้ฝ่าาก็ยังไม่บอกความจริงกับข้า ยังมิอยากตัดเยื่อใยสัมพันธ์กับนาง ฝ่าาเคยมีข้าอยู่ในสายตาจริงหรือ เคยมองข้าว่าเป็ชายาของท่านบ้างหรือไม่?” อวิ๋นอี้พูดเร็วมาก หน้าอกของนางขึ้นๆ ลงๆ อย่างแรงแต่คำพูดของนางชัดถ้อยชัดคำ “ไม่เลย ฝ่าามิเคยเลย หากฝ่าาจะเคารพศักดิ์ศรีของข้าบ้าง คงไม่ทำเื่ที่มันเกินเลยถึงเช่นนั้น”
“ข้าไม่เคารพเ้าเมื่อใดกัน?” หรงซิวโต้กลับ “ข้าทำเื่อันใดเกินเลย?”
เขายังมิรู้เลยว่าเขาทำผิดตรงที่ใดกัน!
อวิ๋นอี้ดูเ็ามาก “ฝ่าามิรู้ งั้นข้าจะบอกให้ฟังเพคะ ข้าให้ท่านไปดูแลหว่านฉือเพราะข้าเห็นความสำคัญของชีวิตนาง แม้ว่าข้าจะหึงหรือตระหนี่เพียงใดก็ตาม ทว่าข้าไม่อาจจะให้ท่านละเลยชีวิตคนได้ ในเวลาเดียวกันนั้น ดวงตาของฝ่าากลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความห่วงใยต่อนาง แม้ว่าข้าจะบอกให้ท่านออกมา ท่านจะฟังข้าหรือไม่? และท่านไม่ควร...”
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ “ท่านไม่ควรกลับจวนไปกับนาง ถึงแม้ว่าจะไปจวนนาง ฝ่าาควรบอกให้ข้ารู้สักคำใช่หรือไม่เพคะ? ทว่าฝ่าาไม่เลย ท่านช่างเป็อิสระ ไร้กังวล ราวกับว่าข้ามิเคยมีตัวตน มีเพียงท่านและหว่านฉือ ฝ่าากลับจวนไปกับนาง บุรุษสตรีสองต่อสอง มิกลับเรือนเลยทั้งคืน ข้าอยากถามว่าท่านไปค้างคืนในบ้านสตรีสาวโสดในฐานะใด? ได้ ข้าจะสมมติว่าเมื่อคืนสถานการณ์ของหว่านฉือยังอันตราย ท่านกลับมิได้ ทำอันใดไม่ถูก แต่วันนี้เล่าเพคะ วันนี้ทั้งวันท่านไม่กลับจวน ยังคงอยู่ที่จวนของหว่านฉือ ฝ่าามิรู้ว่าข้ากังวลใจเื่ท่าน ยิ่งมิรู้ว่าในทุกนาทีที่ข้าเฝ้ารอ ใจของข้านั้นทรมานเช่นไร ฝ่าามีแต่นางอยู่ในสายตา ฝ่าาเคยคิดหรือไม่ว่าหากเื่แพร่ออกไป หน้าตาข้าในฐานะพระชายาตัวจริงจะเอาไปไว้ที่ใด? คนภายนอกที่มิรู้ความ จะเอาข้าไปพูดเช่นไร?”
“อวิ๋นเออร์ ที่เมื่อคืนข้ามิได้กลับมา เพราะว่าหว่านฉือ...”
“มิต้องอธิบายให้ข้าฟัง” อวิ๋นอี้ยกมือขึ้นขัดเขา “คำพูดของท่านจริงเท็จเพียงใดข้ามิอยากจะไปชั่งใจ ข้ารู้ว่าธรรมชาติของบุรุษนั้นเ้าชู้ ทั้งยังข้าอยู่ในต้าอวี่ บุรุษธรรมดายังมีภรรยาเยอะสนมอีกมากมาย ฝ่าาเป็ถึงองค์ชาย ทั้งยังหล่อเหลา จะมีสนมก็เป็เื่ธรรมดา แต่ฝ่าา ข้า้าใช้ชีวิตเป็คู่เพียงสองคนเท่านั้น ข้า้าเพียงความรักและความห่วงใยที่มิเหมือนผู้ใดเท่านั้น หากสิ่งที่ท่านให้ข้า เอาไปให้ผู้อื่นอีกเช่นกัน เช่นนั้นข้ายอมไม่รับสิ่งใดเลย”
นางหันหลังกลับ เอวของนางเรียวบาง
เหมือนว่าหรงซิวจะได้รู้จักนางใหม่อีกครา
นางเป็เหมือนเมื่อก่อน ทว่ามีความแตกต่างชัดเจน
เขามิอยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำว่าคำพูดที่เฉียบขาดและโหดร้ายเช่นนั้นมาจากปากของนาง
ก่อนหน้านี้นางหลงใหลเขามากแท้ๆ!
หรงซิวเปิดปากพูดช้าๆ “ไม่เอาสิ่งใดเลย หมายความว่าเช่นไร?”
“หมายถึงการหย่า”
“อวิ๋นอี้ เ้ามีสติหรือไม่? เ้าเป็พระชายาของข้า! อยากจะหย่าก็หย่าได้เช่นไร! ข้าบอกเลยนะว่าไม่มีวัน!” หรงซิวระงับความโกรธและพูดอย่างเด็ดขาด
นางกล้าดีเช่นไรมาบอกว่าหย่า!
นางกล้าพูดเื่หย่าจริงๆ!
เขาโกรธมากจนอยากจะเป็บ้า อยากจะกดนางไว้แล้วจัดการนาง ทว่าสติของเขาบอกว่าหากเขาทำเช่นนั้นเื่มันจะกู่ไม่กลับเป็แน่
หรงซิวเอามือเท้าสะเอว หายใจเข้าลึกๆ มองดูนางแล้วพูดว่า “ค่ำแล้ว พักผ่อนเถิด”
“เชิญฝ่าาออกไปนอนอีกห้องเพคะ” อวิ๋นอี้พูดอย่างมั่นใจ “ก่อนที่ฝ่าาจะคิดได้ว่าควรจะปฏิบัติตนเช่นไรในความสัมพันธ์ของเรา ได้โปรดอยู่ห่างจากข้า มิต้องมายั่วยุข้า”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้