ในที่สุดร่างของนักพรตก็ถูกหามออกไป สีหน้าของทุกคนแย่ลง หวางอูนั่งอยู่ที่โต๊ะด้วยความหงอยเหงาเศร้าสร้อย กลับพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบายใจว่า “ครั้งนี้ไม่เท่าไหร่หรอก ครั้งหน้าฉันจะหาคนที่เก่งกว่านี้มาอีก”
“นายอย่าทำร้ายคนอื่นอีกเลย นายไม่ได้ยินที่นักพรตที่ตายแล้วพูดเหรอ ว่าห้องเรียนนี้มีิญญาอาฆาตน่ะ? ไม่แน่ว่ามันอาจจะมองพวกเราอยู่ นายพูดอย่างเหิมเกริมเช่นนี้ ไม่กลัวถูกพบเหรอ” ตวนมู่เซวียนแสยะยิ้มพูด
คำพูดของเขาทำให้สีหน้าของหวางอู่เปลี่ยน สายตาของหวางอู่ได้มองไปรอบๆ อย่างรู้สำนึก เขาพูดอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “นอกจากเชิญผู้ที่เก่งกล้าแล้ว นายบอกพวกเราสิยังมีวิธีอะไรอีกไหม?” หรือว่าในพวกเรามีใครปราบผีได้?”
“นายพูดไม่ผิด แต่นายอย่าลืมว่า เกมนี้คือสิ่งที่พวกเราทุกคนทั้งชั้นเรียนต้องเผชิญ การเข้าไปพัวผันกับสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาตินั้นไม่มีผลใดๆ ต่อทั้งเกมนี้” ตวนมู่เซวียนยิ้มพลางพูด
“เห้อ ถึงจะเป็เช่นนี้ นายก็ไม่ได้อยู่ในรายการที่ต้องเลือกเหมือนกันเหรอ? หากพรุ่งนี้เลือกนาย นายจะทำยังไง” หวางอู่ชี้หน้าที่สดใสของตวนมู่เซวียนแล้วพูด
“งั้นก็ทำตามสิ ยังไงฉันก็ไม่เป็ไรอยู่แล้ว” ตวนมู่เซวียนพูดด้วยความมั่นใจ
“งั้นจะรอดู คนที่จะตายจะช้าหรือเร็วก็คือนาย” หวางอู่พูดจบ แล้วหันหลังเดินออกไป และเพื่อนๆ ที่อยู่โดยรอบมองหน้ากัน แล้วมองไปโดยรอบแล้วนั่งลง
ฉันกลับมาที่โต๊ะ ครูคณิตศาสตร์เริ่มเข้ามาสอน แต่ฉันแอบคุยกับหลี่โม่ฟ๋านว่า “ดูแล้วคงไม่หวังที่จะให้นักพรตมาช่วยพวกเราแล้วน่ะ ิญญาอาฆาตตนนั้นคงจะแข็งแกร่งมาก แน่นอนว่าไม่ใช่นักพรตธรรมดาทั่วไปที่จะจัดการได้ นักพรตท่านนั้นที่มาวันนี้ ดูท่าจะมีตบะอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาตายอย่างน่าอนาถ”
“ใช่ นักพรตท่านเก่งขนาดนั้นยังตายเลย” ดูแล้วถ้าหามาอีกก็ไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะพวกเราล้วนเป็นักเรียนกลุ่มหนึ่ง จะไปรู้จักผู้ทีเก่งกล้าสามารถเ่าั้ได้ที่ไหน” หลี่โม่ฟ๋านพูด
“พูดถึงผู้ทีเก่งกล้าสามารถ ฉันมีคนที่อยากจะเลือกคนหนึ่ง” ทันใดนั้นฉันก็พึมพำพลางพูด พยักหน้าบ้าง แต่ก็ยับยั้งความคิดนี้ไป
หลี่โม่ฟ๋านมองฉันด้วยความประหลาดใจ และก็ไม่พูดอะไร
“ใช่แล้ว วันนี้เป็วันศุกร์แล้ว พรุ่งนี้ก็เป็วันเสาร์แล้วก็วันอาทิตย์แล้ว ่เวลาเหล่านี้ ฉันคิดว่าไม่น่ามีแบบสอบถามในกลุ่มแล้ว” ฉันพูดขึ้นทันที
“ก็ดูว่าผีจะให้พวกเราหยุดไหม” หลี่โม่ฟ๋านพูดอย่างเ็ปรวดร้าว
ฉันก็ยิ้มอย่างเ็ปรวดร้าว หลี่โม่ฟ๋านพูดไม่ผิด ความเป็ความตายของพวกเราตอนนี้ล้วนอยู่ในมือของผีร้ายที่อยู่ในห้องเรียน
“นายพูดว่าห้องเรียนของพวกเรา มีิญญาอาฆาตที่มองไม่เห็นตนหนึ่งจริงๆ ไหม? แล้วทำไมเขาต้องสาปพวกเราด้วย” หลี่โม่ฟ๋านมองไปทั่วทั้งห้องพลางพูด เดิมทีก็เป็แค่การเล่นพิเรนทร์ แต่กลับกลายเป็ความตายในทุกๆ ครั้ง จนตอนนี้ ทั้งห้องเรียนได้กลายเป็สัตว์ร้ายที่กลืนกิน และเกือบจะกลืนกินพวกเราให้หมดสิ้น
“ไม่รู้ว่า เื่ด่วนที่พวกเราต้องทำคือมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ไม่ใช่คิดถึงเื่อื่น” ฉันส่ายหน้าพลางพูด
ตอนเย็น ฉันกลับมาถึงบ้าน หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว ก็เริ่มเปิดโทรศัพท์มือถือและเริ่มสนทนา นี่คือสภาพปกติ ฉันตอนนี้ก็ได้ทิ้งการเรียนแล้วเหมือนกัน เวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับการสนทนา QQ
ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลย คนที่คุยกับฉันก็คือเย่รั่วเซวี่ย หลังจากที่ฉันได้ช่วยเธอไว้ แค่ 2 วันสั้นๆ ความสัมพันธ์ของพวกเราได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ถึงขั้นที่ทั้งสองฝ่ายสามารถคุยเื่ส่วนตัวกันได้
“นายว่าเพื่อนๆ ในชั้นเรียนทำไมน่ารำคาญเช่นนี้” ทันใดนั้นเย่รั่วเซวี่ยได้พูดขึ้นใน QQ
“ยังไงกัน” ฉันถามใน QQ ด้วยความสับสน
“เพื่อนเ่าั้ของฉัน มักจะพูดกับฉันอย่างเป็สารทเล็กหน่อยๆ ว่า พอปรากฏรายการที่ต้องเลือกของพวกเขา ให้ฉันอย่าเลือกพวกเขาเด็ดขาด โดยเฉพาะยังต้องให้ฉันเลือก.....”
“นี่ก็น่าแปลก พวกผู้หญิงปัดแข้งปัดขากัน” ฉันพูดใน QQ
“อ้อ กลุ้มใจจริงๆ หากกลับไปเป็เหมือนเมื่อก่อนได้ก็คงดี” เย่รั่วเซวี่ยพูดใน QQ อย่างเลี่ยงไม่ได้
“ใช่” ฉันพูดแบบนี้ใน QQ แต่สัญชาตญาณบอกว่า ฉันไม่ได้กลัวคำสาปของห้องเรียน ที่้ามากกว่าคือหวังจะให้ความสัมพันธ์ของฉันกับเย่รั่วเซวี่ยพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น
“ใช่แล้ว หากในรายการที่ต้องเลือกมีฉันปรากฏอยู่ เธอจะเลือกฉันไหม?” เย่รั่วเซวี่ยพูด
“แน่นนอนว่าไม่เลือก” ฉันรีบเขียนใน QQ
“รู้อยู่แล้วว่านายจะไม่เลือก ฉันก็จะไม่หาเสียง” เย่รั่วเซวี่ยพูดจบ ยังส่งอิโมจิคอนที่น่ารักมา 1 อัน
พวกเราสองคนก็ได้คุยกันนานมาก ในคำพูดของเธอ ฉันได้ข่าวคราวในชั้นเรียนที่ฉันไม่รู้ เช่นเซียวหนานเป็คู่แข่งในเื่ความรักกับผู้หญิงบางคน จ้าวเฉินเห้อทำลายผู้มาแล้วหลายคน ในขณะเดียวกันนักเรียนหญิงส่วนใหญ่ในห้องเรียน ล้วนมีความรู้สึกดีๆ ต่อตวนมู่เซวียนกัน
“งั้นเธอล่ะมีความรู้สึกดีกับใคร” ฉันถามด้วยความตื่นเต้น
“ไม่บอก ฉันจะไปอาบน้ำแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยกัน” เย่รั่วเซวี่ยพูด
ฉันมองโทรศัพท์มือถือ แล้วได้ส่งไปประโยคหนึ่งอย่างจับพลัดจับพลูว่า “ตอนที่เธออาบน้ำถ่ายรูปส่งมาสักใบได้ไหม ฉันจะได้ช่วยเธอปราบผีได้”
เย่รั่วเซวี่ยคล้ายกับว่าถูกคำพูดที่น่าอายของฉันสยบแล้ว ผ่านไปสักครู่ เขากลับส่งอิโมจิคอนรูปโกรธมา 1 อัน หลังจากนั้นพูดมาประโยคสั้นๆ ว่า “ลามก ไสหัวไป!”
ฉันเพิ่งวางโทรศัพท์มือถืออย่างชื่นมื่น ไม่นานฉันก็นอนหลับแล้ว
วันที่ 2 ฉันรีบเร่งฝีเท้ามาที่โรงเรียน ตอนนี้เป็วันเสาร์แล้ว หลังจากที่ขึ้นม.ปลาย วันหยุดก็จะไม่ใช่ 2 วันอีกแล้ว แต่จะเป็ 1 วัน วันเสาร์ตอนบ่ายหยุดถึงวันอาทิตย์ตอนเย็นจะต้องศึกษาด้วยตนเอง
ฉันมองโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา ในใจก็ไม่ได้เกิดความกลัวต่อแบบสอบถามในครั้งต่อไป แต่รอคอยแบบสอบถามในรอบใหม่อย่างเต็มอกเต็มใจ
หลังจากที่มาถึงห้องเรียน เพื่อนๆ ที่อยู่โดยรอบก็นั่งกันอยู่ เพราะว่าได้เตรียมใจไว้แล้ว
และในเวลานี้ หวางอู่ก็พุ่งเข้ามาอีก ข้างๆ เขามีนักพรตคนหนึ่ง นักพรตท่านนี้หน้าตาดูแก่หง่อม สวมชุดคลุมนักพรต หนวดที่ขาวยาวมาจนถึงขา ดูแล้วช่างคล้ายกับเทพที่อยู่ในโทรทัศน์
คนแบบนี้ไปแสดงเป็จางซานเฟิง ซึ่งให้ชายชราคนนี้เดินเข้ามา สีหน้าท่าทางที่นอบน้อมของเขานั้นถึงขั้นสุดแล้ว หลังจากที่ชายชราคนนี้เดินเข้ามา นักเรียนที่อยู่โดยรอบก็ตะลึงงัน
รีบมีคนะโพูดว่า “ชายชราคนนี้ไม่ใช่ว่าคือเ้าสำนักลัทธิเต๋าของเมืองเราเหรอ? ได้ยินว่าชื่อเฉินเต้าหลิง”
“ใช่ ยังเคยออกอากาศในสถานีโทรทัศน์ เล่ากันว่าเป็ศาสดาลัทธิเต๋าดั้งเดิม”
“เยี่ยมไปเลย มีท่านอยู่ทุกอย่างก็ไม่เป็ปัญหาแล้ว”
เพื่อนๆ โดยรอบวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมาเรื่อยๆ ทุกคนล้วนมีอารมณ์ตื่นเต้น คราวนี้แม้แต่ฉันก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วล้าอย่างแท้จริง ในเมื่อเฉินเต้าหลิงโด่งดังเช่นนี้ ดูท่าน่าจะมีความสามารถจริงๆ
“ทุกคนเงียบกันหน่อย” ท่านเฉินเต้าหลิงปริปากพูดอย่างช้าๆ น้ำเสียงของท่านคล้ายว่ามีเสน่ห์สยบผู้คนได้ ทำให้ทุกคนรู้สึกได้ว่าต้องหุบปากลง
“ให้ข้าดูโทรศัพท์มือถือของพวกเธอหน่อย” ท่านเฉินเต้าหลิงพูด
หลังจากนั้นมีนักเรียนหญิงคนหนึ่งรีบส่งโทรศัพท์มือถือให้ท่านเฉินเต้าหลิง ท่านเฉินเต้าหลิงรับโทรศัพท์มือถือ และชายตามองด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง หลังจากนั้นก็นำโทรศัพท์มือถือส่งคืนให้กับนักเรียนหญิงคนนี้
“เื่นี้จัดการยากน้อย” ท่านเฉินเต้าหลิงปริปากพูดอย่างช้าๆ
“ท่านนักพรต ไม่ว่าจะเท่าไหร่ ท่านว่ามา ฉันจะไม่ต่อราคาเด็ดขาด ฉันถูกทรมานจนจะบ้าอยู่แล้ว” หวางอู่รีบพูด
“ไม่ใช่เื่เงิน ก็แค่เื่นี้ค่อนข้างลำบาก โรงเรียนแห่งนี้คือสถานที่ที่เฮี้ยนมาก ในนี้เมื่อพันปีก่อน ได้รวมไอิญญาไว้นับไม่ถ้วน และไอิญญาเหล่านี้ถูกคำสาปดูดเข้ามา ได้กลายเป็คำสาปที่แข็งแกร่งนานแล้ว หาก้าทำลายคำสาปนี้ ดูจากภายนอกแล้วคงไม่ได้” ท่านเฉินเต้าหลิง
“ไม่สามารถทำลายได้จากด้านนอก ความหมายของท่านคือ?” หวางอู่พูด
“ไม่ผิด ทำได้แค่ต้องพึ่งตัวของพวกเธอเอง เื่นี้ ฉันไร้ซึ่งความสามารถจริงๆ ” ท่านเฉินเต้าหลิงส่ายหน้าพลางพูด พูดจบก็หันหลังเดินออกไป
หวางอู่รีบร้อน เขารีบะโพูดว่า “ท่านนักพรต ท่านพูดว่าจะช่วยฉันไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าเป็โอกาสที่ดีเหรอ”
ท่านเฉินเต้าหลิงส่ายหน้าพลางพูด “เ้าไม่เข้าหรอก ตอนนี้ข้าก็ได้ช่วยพวกเ้าแล้ว พอเถอะ ข้าจะต้องกลับแล้ว”
“ท่านล้อเล่นเหรอ ตอนนี้พวกเราทุกคนล้วนอยู่ภายใต้การข่มขู่ของิญญา พวกเราจะตายได้ทุกเมื่อ” หวางอู่แผดเสียงพูดแล้วจับแขนของท่านเฉินเต้าหลิง
ท่านเฉินเต้าหลิงส่ายหน้า และสะบัดแขนเบาๆ พูดแล้วก็แปลก หวางอู่มีร่างกายที่แข็งแกร่ง นึกไม่ถึงว่าจะถูกท่านเฉินเต้าหลิงผลักไปอีกด้านหนึ่ง หลังจากนั้นท่านเฉินเต้าหลิงที่แก่หง่อมก็เดินออกไป
ตอนที่ท่านจะเดินออกห้องเรียนไป ท่านหันมามองพวกเราด้วยความรู้สึกลุ่มลึก แล้วออกจากห้องเรียนไป