ยามเดินออกจากประตู นางมองสำรวจไปโดยรอบก็พบว่าที่นี่งดงามหรูหรามาก ขณะเดินออกไปก็มีหญิงสาวสวมอาภรณ์สีเขียวเดินมาจากฝั่งตรงข้าม สตรีคนนั้นยกถาดใส่พวงองุ่นสดใหม่อยู่ในมือ
นางรู้ว่าผลไม้สมัยโบราณเป็ของล้ำค่ายิ่ง โดยเฉพาะองุ่นสดแบบนี้ ละแวกใกล้เคียงเมืองชิ่งไม่มีการเพาะปลูกองุ่น หากอยากกินต้องเปลืองทั้งคนทั้งทรัพยากรในการขนส่งมาจากที่อื่น ดังนั้นอย่าเห็นว่ามันเป็เพียงองุ่นผลเล็กๆ เป็อันขาด เพราะมูลค่าของมันเทียบเท่ากับค่าใช้จ่ายภายในครัวเรือนของชาวบ้านทั่วไปเป็เวลาหนึ่งปีเลยทีเดียว
สตรีผู้นั้นคงจะเป็สาวใช้ของที่นี่ อาภรณ์ที่นางสวมอยู่ตอนนี้สะดุดตาเกินไป มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนของที่นี่ หากระหว่างทางพบเจอใครเข้า เกรงว่าแม้แต่ทางหนีทีไล่ก็จะไม่มี พอเห็นสตรีคนนั้นเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นางก็รีบเดินหน้าเข้าหา ภายใต้สายตาคลางแคลงของสตรีผู้นั้น นางก็ใช้สันมือสับไปบนต้นคอของอีกฝ่ายจนสลบอย่างไม่ไว้ไมตรี
เพื่อป้องกันมิให้นางฟื้นขึ้นมากลางคัน ถังชิงหรูก็ใช้ยาสลบของวิเศษที่เตรียมไว้แต่ไม่ได้ใช้ยามถูกลักพาตัว
หลังลากสาวใช้คนนั้นไปซ่อน นางก็สวมอาภรณ์ของสตรีผู้นั้น แล้วยกถาดผลไม้เข้าไปในลานสวน ตอนนี้นางมีสถานะแล้ว ย่อมสามารถเดินไปไหนมาไหนได้อย่างเปิดเผย แต่ยังวิตกว่าอาจไปพบเจอคนรู้จัก ดังนั้นจึงเลือกเดินเส้นทางที่คนผ่านน้อยสุด
"เ้าเดินมาทางนี้ได้อย่างไร" มีคนผู้หนึ่งเข้ามาขวางทางเดิน ก่อนด่านางเสียยกใหญ่ "เ้าคงมาใหม่ล่ะสิ แต่ถึงจะเป็คนใหม่ แม้แต่เส้นทางในจวนยังเดินหลงนี่มันใช้ไม่ได้ องุ่นนี้เป็ของนายท่าน นายท่านอยู่เรือนข้างฝั่งตะวันออก เ้าแล่นมาทำอันใดตรงนี้ รีบกลับไปเร็วๆ หากนายท่านไม่ได้กิน เ้าได้น่าดูแน่"
เรือนข้างฝั่งตะวันออก? สถานที่ที่นางเพิ่งออกมาคือเรือนข้างฝั่งตะวันออกหรอกรึ หรือว่าคนที่นางตีจนสลบไปก็คือนายท่านที่เขาเอ่ยถึง
แล้วนี่คือที่ไหน ไยถึงรู้สึกคุ้นนัก จริงสิ นึกออกแล้ว การตกแต่งของที่นี่ช่างดูคล้ายจวนชิ่งอ๋องยิ่ง แต่ก็มีส่วนที่แตกต่างกันอยู่
ถังชิงหรูก้มหน้าก้มตาไม่ให้คนผู้นั้นเห็นใบหน้าของตนเองอย่างชัดเจน รีบตอบกลับไป "เ้าค่ะ"
ภายใต้การจับตามองของคนผู้นั้นนางจำเป็ต้องเดินกลับไป ที่จริงนางอยากไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ ขืนอยู่นานกว่านี้แค่หนึ่งเค่อ[1] คนผู้นั้นฟื้นขึ้นมานางต้องเสร็จแน่ๆ
เสี่ยวอีเคยพูดว่าระบบป้องกันตัวสามารถใช้ได้เพียงสามครั้งต่อวัน วันนี้ใช้ไปแล้วครั้งหนึ่งยังเหลืออีกสองครั้ง แต่หากถูกคนถูกคนจำนวนมากบุกโจมตี โอกาสสองครั้งของนางก็ไร้ประโยชน์ เว้นแต่มั่นใจว่าจะจับตัวหัวหน้าของพวกเขาได้ค่อยเปิดระบบป้องกันสองครั้งที่เหลือ อย่างไรเสียชนะเป็เ้าแพ้ย่อมเป็โจร
ถังชิงหรูเดินไปพลางใคร่ครวญปัญหาไปพลาง ท้ายที่สุดก็ไม่รู้ว่าเดินมาถึงไหน นางมองไปโดยรอบ ถึงพบว่ากลับมายังเรือนข้างตะวันออกแล้ว
"รีบเผ่นดีกว่า" รอบด้านไร้ผู้คน เป็เวลาเหมาะสมที่จะหลบหนีพอดี
แม้ว่านางจะสนใจสถานที่แห่งนี้อยู่ไม่น้อย อยากรู้ยิ่งว่าคือที่ไหน แต่แม้ว่าอยากรู้อยากเห็นเพียงใด ก็ต้องใคร่ครวญถึงความปลอดภัยของตนเองไว้ก่อน อย่าไปอยากรู้สิ่งที่ไม่ควรรู้ให้มากนัก มิเช่นนั้นอาจหนีไม่พ้นอุ้งมือมาร ไม่แน่ว่าอาจถูกจับกลับมาเพราะความอยากรู้อยากเห็นก็เป็ได้
"เ้าน่ะ..." คนผู้หนึ่งร้องเรียกถังชิงหรู "องุ่นของนายท่านไฉนถึงเพิ่งมาส่งเอาป่านนี้ เ้าไม่รู้หรือว่านายท่านไม่ชอบรอผู้ใด"
ถังชิงหรูพูดในใจ นายท่านโรคประสาทน่ะสิ แค่จะกินองุ่นยังต้องยุ่งยากขนาดนี้
นางหันไปยอบกายคำนับ แสร้งทำเป็หวาดกลัว "เ้าค่ะ"
"เ้ามาจากเรือนไหน" คนผู้นั้นมองถังชิงหรูด้วยสายตาเคลือบแคลง
ถังชิงหรูก้มหน้าลง เอ่ยอย่างนอบน้อม "บ่าวเป็คนของเรือนสุจริตเ้าค่ะ"
นั่นเป็นามของสถานที่ที่นางเพิ่งหนีมา ยามที่ออกมาเหลือบไปเห็น้าเขียนอักษรว่าเรือนสุจริต
คนผู้นั้นขมวดคิ้ว "เมื่อเป็คนของเรือนสุจริต ไฉนของจึงมาอยู่ในมือเ้าได้ บ่าวไพร่เ่าั้นับวันยิ่งไม่รู้จักกฎเกณฑ์มากขึ้นทุกที"
ถังชิงหรูก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสนทนา คนผู้นั้นเห็นนางตัวสั่นก็หยุดว่ากล่าวตำหนิ
"มัวแต่ยืนเซ่ออยู่ไย นายท่านรอนานแล้ว ยังไม่รีบส่งของเข้าไปอีก" คนผู้นั้นกล่าวจบก็เดินจากไปด้วยความรำคาญ เดินไปไม่กี่ก้าว ก็หันมามองนางอีก
ถังชิงหรูถอนใจเบาๆ ด้วยความจนใจ ดูท่าวันนี้นางคงจะหนีไม่พ้น จำต้องยกถาดเดินตามไป
ภายใต้การนำทางของคนผู้นั้น นางก็มาถึงสถานที่ที่เรียกว่าเรือนหมึกนิล ยามเข้าไปด้านในเป็ห้องโอ่โถง เห็นบุรุษคนหนึ่งกำลังก้มหน้าอ่านตำราอยู่
ในมุมมองของถังชิงหรู ท่าทางของคนผู้นั้นดูคล้ายบุรุษชาวซีอวี้[2] แต่นางเห็นแค่ใบหน้าซีกข้าง ที่จริงก็ไม่ได้เห็นอะไรมากมาย
ชายผู้นั้นเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นหน้ากากพยัคฆ์ หน้ากากชิ้นนั้นวาดได้ดุดันน่าเกรงขาม แลดูน่าพรั่นพรึง ถังชิงหรูวางถาดองุ่นบนโต๊ะ ก้มศีรษะต่ำเตรียมถอยออกไป แต่ขณะหมุนกายมา เสียงของบุรุษผู้นั้นก็ดังมาจากด้านหลัง "ฝนหมึก"
ถังชิงหรู "..."
ฝนศีรษะเ้าน่ะสิ
ไม่ต้องบอกก็รู้ คนผู้นี้ต้องเป็บิ๊กบอสของที่นี่แน่
แม้ไม่รู้ที่มาของคนผู้นี้ แต่รู้สึกได้ว่าไม่ใช่คนน่าคบหา แม้ว่าตนเองจะไม่กลัวตาย แต่ก็ไม่อยากต้องมาตายอย่างเปล่าประโยชน์
นางเดินไปที่โต๊ะหนังสือ ม้วนแขนเสื้อขึ้น หลังจากนั้นก็เทน้ำลงไปบนแท่นหมึก
พรืด! น้ำหกพรวดสาดไปถูกบุรุษที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ด้านข้างจนเปียกไปทั้งตัว
ชายผู้นั้นหน้าดำทะมึนหันมามองนางอย่างเ็า สายตาเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร
นางรีบคุกเข่า ก้มศีรษะเอ่ยว่า "นายท่านโปรดไว้ชีวิต บ่าวไม่ได้ตั้งใจเ้าค่ะ ต่อไปบ่าวมิกล้าอีกแล้ว"
ชายผู้นั้นกำหมัดทุบโต๊ะอย่างแรงดังปัง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น "ยังไม่รีบทำความสะอาดให้เรียบร้อยอีกรึ"
ถังชิงหรูรีบลุกขึ้นเก็บกวาดทำความสะอาด ยามนางจัดการเสร็จเรียบร้อย ก็เห็นสาวใช้สองคนยกสำรับอาหารเข้ามา
"ตั้งสำรับ" ชายผู้นั้นวางตำราในมือลง รับผ้าที่นางส่งให้มาเช็ดคราบน้ำบนใบหน้า
ถังชิงหรูพลันรู้สึกอยากสาปแช่งคนนัก วันนี้นางคงลืมดูปฏิทินหวงลี่ก่อนออกจากบ้าน ถึงได้เจอแต่เื่น่าตื่นตระหนกเื่แล้วเื่เล่า
ชายผู้นั้นนั่งอยู่หน้าโต๊ะ วางท่าเป็นายใหญ่
ถังชิงหรูยืนอยู่ข้างกายเขา ทำตัวเป็สาวใช้เชื่อฟังคำสั่งอย่างซื่อสัตย์ นางแสดงบทบาทเป็สาวใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยสัญชาตญาณที่ฝังอยู่ในกระดูกของร่างนี้
ความเป็สาวใช้ที่อยู่ภายในคือสิ่งที่ติดตัวมาอย่างล้ำลึก ทุกครั้งยามอยู่ต่อหน้าน่าหลันหลิง นางก็มักจะแสดงความอ่อนแอออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่หาใช่เพราะนางหวาดกลัวน่าหลันหลิง แต่เป็ความรู้สึกของเ้าของร่างเดิมที่ยังคงอยู่
ถังชิงหรูพบว่าบุรุษผู้นั้นไม่กินเนื้อสัตว์ อาหารที่อยู่เต็มโต๊ะล้วนเป็อาหารมังสวิรัติทั้งสิ้น นางมองอาหารเ่าั้แล้วพลันนึกอยากปลงผมให้บุรุษผู้นี้เสียจริงๆ จะได้เป็บุญวาสนาของชาวประชา
แม้ไม่รู้ว่าเขามีสถานะใด แต่เท่าที่วิเคราะห์จากการมองเห็น สถานที่แห่งนี้ไม่น่าจะดีสักเท่าไร และเขาก็เป็บิ๊กบอสของที่นี่เสียด้วย ดังนั้นย่อมเป็คนชั่วในหมู่คนสามานย์
"นายท่าน เ้าสำนักหวังขอเข้าพบขอรับ" มีเสียงดังมาจากด้านนอก คนผู้นั้นคือบุรุษที่จับตัวนางเข้ามาส่งผลไม้เมื่อครู่
"ให้เขาเข้ามา" บุรุษสวมหน้ากากที่อยู่ในห้องกล่าวเสียงห้วน
หลังจากนั้นคนผู้หนึ่งก็ผลักประตูเข้ามา คนผู้นั้นประสานมือคำนับต่อบุรุษสวมหน้ากาก กล่าวว่า "นายท่าน เมื่อครู่ได้ข่าวมาว่าชิ่งอ๋องมีเื่ทะเลาะวิวาทกับเมิ่งหลิง เมิ่งหลิงอยากจัดการชิ่งอ๋อง แต่ท่านอัครเสนาบดีไม่อนุญาต สถานการณ์ในเมืองหลวงเกิดการเปลี่ยนแปลง ทูตจากแคว้นหลินพาองค์หญิงของพวกเขามาอภิเษกสมรสเชื่อมสัมพันธไมตรี ฮ่องเต้ทรงตัดสินพระทัยตอบรับการอภิเษกสมรสนี้ หากพระองค์ผูกสัมพันธ์กับแคว้นหลิน พระราชอำนาจก็จะมั่นคงเป็ปึกแผ่น ท่านอัครเสนาบดีไม่อยากให้อำนาจหลุดมือ ย่อมพยายามขัดขวางอย่างสุดกำลัง ตอนนี้ทั้งในราชสำนักและภายนอกต่างวุ่นวาย นายท่าน พวกเราควรจะทำอย่างไรขอรับ"
บุรุษสวมหน้ากากเปิดกลไกของหน้ากาก เผยให้เห็นริมฝีปาก คีบอาหารเข้าปาก พลางกล่าวเสียงเรียบ "ไม่ต้องทำอันใดทั้งสิ้น คอยดูก็พอ"
"แล้วทางชิ่งอ๋อง..." เ้าสำนักหวังมองบุรุษที่อยู่ตรงข้ามอย่างระมัดระวัง
"แค่เด็กหนุ่มขนยังขึ้นไม่ครบคนเดียวจะก่อคลื่นลมอะไรได้"
"ขอรับ" เ้าสำนักหวังปาดเหงื่อที่หน้าผาก กล่าวเสียงสั่น "หากนายท่านไม่มีเื่อื่นจะบัญชา ข้าน้อยก็ขอตัวก่อน"
"สตรีคนนั้นตอนนี้อยู่ที่ไหน" บุรุษสวมหน้ากากถามขึ้นมาอย่างปุบปับ
เ้าสำนักหวังคิดก่อนตอบ "อยู่ในมือเ้าสำนักจางขอรับ ตอนนี้คิดว่าคงกลายเป็ศพไปแล้วกระมัง รสนิยมของเขารุนแรงแค่ไหน นายท่านก็ทราบดี"
"สตรีที่ชอบยุ่งเื่ของชาวบ้าน ตายไปก็ดี จะได้ไม่ต้องเพิ่มปัญหาให้พวกเรา" บุรุษสวมหน้ากากหัวเราะเยาะหยัน
ถังชิงหรูกำหมัดแน่น
หมอนี่... น่าซัดสักหมัดจริงๆ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาลงมือ นางต้องรักษาความปลอดภัยของตนเองไว้ก่อน ค่อยหาโอกาสระบายความแค้นทีหลัง
ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่น่าจะเป็องค์กรอะไรบางอย่าง เพราะเหตุใดพวกเขาถึงทราบข่าวของเมืองชิ่ง แม้แต่ข่าวจากเมืองหลวงก็ยังไม่เว้น คนผู้นี้มีเป้าหมายใดกันแน่
แม้ว่าเฉินิจะมีนิสัยเอาแต่ใจ แต่แท้จริงแล้วหาได้มีความคิดจิตใจล้ำลึก คนแบบนี้ไหนเลยจะเท่าทันจิ้งจอกเฒ่าเ่าั้ นางอดห่วงถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึงแทนเขามิได้
หลังจากเ้าสำนักหวังไปแล้ว ภายในห้องก็กลับคืนสู่ความสงบอีกครา
ชายผู้นั้นนั่งกินอยู่นาน ในที่สุดการรับประทานอาหารก็สิ้นสุด เขาหันมาพูดกับถังชิงหรู "เมื่อครู่ยังฝนหมึกไม่เสร็จ ตอนนี้เ้าไปจัดการให้ข้าอีกที"
ถังชิงหรูสูดหายใจลึก เอ่ยอย่างนุ่มนวล "เ้าค่ะ นายท่าน"
นางเดินไปที่โต๊ะหนังสือ หลังจากนั้นก็ฝนหมึกให้เขาอย่างกระสับกระส่าย ฝนไปพลาง สังเกตด้านนอกไปพลาง
เมื่อครู่นางตีคนสลบไปสองคน คนหนึ่งก็คือเ้าสำนักจาง ส่วนอีกคนก็คือสาวใช้ผู้นี้
สาวใช้มีสถานะต่ำต้อย ต่อให้ตายไปก็ไม่มีใครสนใจ แต่เ้าสำนักจางผู้นั้นเขาเป็ถึงเ้าสำนัก สถานะไม่ต่ำแน่นอน เช่นนั้นก็ยิ่งถูกพบได้ง่าย
เดิมทีนางแค่คิดจะหนีออกไป ดังนั้นจึงมิได้ใช้ยาสลบ เพียงแต่ใช้ผ้ามัดเขาไว้บนเตียง แล้วก็เอาของอุดปากไว้ หากรู้แต่แรกว่าต้องเจอเื่เยอะขนาดนี้ ใช้มีดจัดการเขาเสียก็หมดอุปสรรคไปได้แล้วหนึ่งคน
"หากข้าเป็เ้า คงจะฝนหมึกอย่างสงบไม่มองโน่นมองนี่ ราวกับเป็การบอกว่าเงินสามร้อยตำลึงฝังอยู่ตรงนี้เหมือนอย่างเ้า ต่อให้ไม่มีคนระแวงสงสัยแต่แรก แต่เ้าแสดงช่องโหว่มาเยอะขนาดนี้ ใครไม่สงสัยก็แย่แล้ว" บุรุษที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ กล่าวเยาะหยันเสียงเย็น
ถังชิงหรูตกตะลึง กำหินฝนหมึกไว้แน่น มองบุรุษตรงหน้าด้วยสายตาแข็งกระด้าง "ท่านรู้ว่าเป็ข้าั้แ่เมื่อไร"
"ตอนแรกก็ไม่รู้สึกว่าผิดปรกติตรงไหน แต่ยามนี้เ้าก็เผยตัวออกมาแล้วมิใช่หรือ ข้าก็แค่โยนประทัดใส่เ้าไปประโยคเดียว เ้าก็สารภาพออกมาเอง" บุรุษสวมหน้ากากมองนางอย่างเหยียดหยัน "ความสามารถของเ้ามีแค่นี้เองหรือ ช่างน่าผิดหวังจริงๆ"
"ท่านคิดจะจัดการกับข้าอย่างไร" ถังชิงหรูวางสิ่งของในมือ
เมื่อถูกเปิดโปงแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดต้องตื่นเต้น นางมิต้องเสแสร้งในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง รวมถึงไม่ต้องเป็วัวเป็ม้าให้เขาอีกด้วย
--------------------------------------------------------------------------------
[1] การนับเวลาแบบจีน หนึ่งเค่อมีค่าประมาณ 15 นาที หนึ่งชั่วยามจะมีแปดเค่อ
[2] คนจีนสมัยโบราณเรียกดินแดนทางตะวันตกว่าซีอวี้ หมายถึงเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ในปัจจุบัน อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน