กู้เฟิงออกไปได้ไม่นาน เสียวอู่ก็รีบวิ่งตามออกไป แต่กู้เฟิงไปหาฉู่อี้ ส่วนเสียวอู่ตรงไปหาอู๋เฝ่ยที่สวน
“...” เมื่อเดินเข้าไปในสวน เสียวอู่ตั้งใจจะเรียกอีกฝ่ายให้มาหาตามปกติ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เดินตรงไปหาอู๋เฝ่ยแทน
เสียวอู่ยืนห่างจากอู๋เฝ่ยเพียงหนึ่งก้าวเป็เวลาสามนาที ทว่าอู๋เฝ่ยไม่หันกลับมา ยังคงอยู่ในท่าเดิม สายตาจ้องมองไปยังความว่างเปล่า แม้แต่ลมหายใจยังสม่ำเสมอ กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ไม่มีทีท่าระมัดระวังใดๆ
เสียวอู่ขมวดคิ้ว ถ้าตอนนี้เขามีอาวุธอยู่ในมือ เขาสามารถทำร้ายอู๋เฝ่ยได้สบายๆ แต่ดูเหมือนอู๋เฝ่ยจะไม่รู้ตัว ถ้าเป็คนทั่วไป เสียวอู่คงไม่คิดอะไรมาก แต่ไม่ใช่กับอู๋เฝ่ย อู๋เฝ่ยเป็ถึงบอดี้การ์ดมาสิบกว่าปี น่าจะระมัดระวังและเตรียมพร้อมรับมือกับอันตรายรอบตัว แต่ตอนนี้อู๋เฝ่ยกลับไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด!
“มองอะไรอยู่?” เสียวอู่เดินไปยืนข้างๆ อู๋เฝ่ย
อู๋เฝ่ยหันกลับมาอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงเสียวอู่ แต่ในแววตาไร้ซึ่งความสงสัยหรือความระแวดระวัง มีเพียงความนิ่งเฉย เมื่อแน่ใจว่าเป็เสียวอู่ อู๋เฝ่ยก็ถอยหลังครึ่งก้าวไปอยู่ข้างหลังเสียวอู่ จากนั้นจึงคุกเข่าลง ท่าทางเหมือนสัตว์เลี้ยงรอคำสั่งจากเ้านาย ทำให้เสียวอู่ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม
“ฉันถามว่ากำลังมองอะไรอยู่?” เสียวอู่จับคางอู๋เฝ่ยให้เชิดหน้าขึ้น
“ไม่ได้มองอะไรครับ” อู๋เฝ่ยหลุบตาลง น้ำเสียงเรียบนิ่ง ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
เสียวอู่รู้ว่าอู๋เฝ่ยพูดความจริง เขาไม่ได้มองอะไร เขาแค่รอให้เสียวอู่มารับเขาเท่านั้น แต่เสียวอู่ไม่พอใจกับคำตอบนี้ “มองมาที่ฉัน!” เสียวอู่บีบคางอู๋เฝ่ยแรงขึ้น
อู๋เฝ่ยเงยหน้าขึ้น มองตรงไปยังเสียวอู่ ในดวงตาไม่มีความโกรธแค้น ความไม่พอใจ ไม่มีทั้งสุขหรือทุกข์ มีเพียงแววตาสุกใสเหมือนลูกแก้ว แต่ไม่มีอารมณ์ใดๆ ที่มนุษย์พึงมี ในดวงตานั้นปราศจากจิติญญา!
เสียวอู่หายใจติดขัด กระชากตัวอู๋เฝ่ยขึ้นมาจากพื้นฉับพลัน “ไปกับฉัน”
อู๋เฝ่ยถูกเสียวอู่ลากไปอย่างรวดเร็ว ตอนแรกอู๋เฝ่ยยังไม่ทันตั้งตัว ทำให้เดินเซไปมา่สองสามก้าวแรก แต่หลังจากนั้นก็ปรับตัวได้ ถึงจะเดินตามไม่ทัน แม้ไม่ใช่เื่ง่าย ทว่าเขายังคงไม่แสดงอาการใดๆ ออกอะไร ปล่อยให้เสียวอู่ลากไปตลอดทาง
แต่เสียวอู่ผู้ช่อบสังเกตฝีเท้าของผู้คนมาโดยตลอด เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าจังหวะการก้าวเดินของเขากับอู๋เฝ่ยนั้นแทบจะเป็จังหวะเดียวกัน ราวกับทั้งสองเรียงแถวต่อกัน ดูเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อกลับถึงห้อง เสียวอู่ผลักอู๋เฝ่ยลงบนเตียง แล้วหันไปล็อกประตู
อู๋เฝ่ยมองเตียงใต้ร่างของตน นึกสงสัยเล็กน้อย เขาเคยขึ้นเตียงนี้หลายครั้ง ครั้งแรกหลังจากการแสดงสด เพราะร่างกายถูกใช้งานเป็ครั้งแรก เขาจึงเป็ไข้เล็กน้อย เสียวอู่พาเขามานอนบนเตียง แล้วเฝ้าเขาอยู่ข้างเตียงทั้งคืนจนไข้ลดลง แล้วจึงไล่เขาลงจากเตียงอีกครั้ง จากนั้นหลังจากการแสดงสดทุกครั้ง เสียวอู่ก็จะให้เขานอนบนเตียงหนึ่งคืนเสมอ แต่เตียงของเสียวอู่ก็ไม่ได้นุ่มนัก มันแข็งพอๆ กับพื้น แค่อุ่นกว่า
แต่ครั้งนี้ อู๋เฝ่ยไม่รู้เลยว่าทำไมเสียวอู่ถึงพาเขามานอนบนเตียง
“ถอดเสื้อผ้า” ยังไม่ทันคิดอย่างถี่ถ้วน คำสั่งของเสียวอู่ก็ตามมาติดๆ
อู๋เฝ่ยลังเลเล็กน้อย แต่ก็เริ่มถอดเสื้อผ้าตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
จริงๆ แล้ว MB ส่วนใหญ่ในร้านไม่ค่อยสวมเสื้อ โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงขึ้นป้าย มักจะแต่งตัววาบหวิว แต่อู๋เฝ่ยเป็ข้อยกเว้น เพื่อให้อู๋เฝ่ยถูกคนในร้านมองน้อยลง เสียวอู่จึงให้เขาใส่เสื้อผ้าครบชุด เสื้อผ้าก็เป็แบบหลวมๆ แม้ว่าอู๋เฝ่ยจะไม่ค่อยพันหน้าอก หน้าอกของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นแต่อย่างใด อย่างน้อยก็ไม่เด่นเท่า MB ที่ชอบโชว์กล้ามอกในร้าน
ใน SuperMoment นอกจากสัตว์เลี้ยงตัวเล็กอ้อนแอ้นแล้ว ก็ยังมีหนุ่มกล้ามโต ผิวเข้มเป็สัตว์เลี้ยง หรือควรจะพูดว่า ที่นี่มีสัตว์เลี้ยงทุกประเภท ทั้งพวกอ่อนหวาน และพวกแมนๆ แต่อู๋เฝ่ยเป็คนเดียวในร้านที่เป็อินเตอร์เซ็กส์! นับั้แ่อู๋เฝ่ยเริ่มแสดงสด จะเรียกเขาว่าเป็สมบัติของ SuperMoment ก็คงไม่ผิดนัก เพราะเป็ครั้งแรกที่เสียวอู่ถูกสัตว์เลี้ยงของตัวเองแย่งซีนบนเวที สองเดือนต่อมา มีคนมาดูอู๋เฝ่ยจำนวนมากขึ้นๆ! แต่เนื่องจากอู๋เฝ่ยถูกขังอยู่ในกรง ผู้คนจึงได้แต่มอง ไม่อาจแตะต้อง
ก่อนหน้านี้เสียวอู่ไม่เคยคิดมาก เพราะวิธีการแสดงของเขาค่อนข้างประหลาด เขาไม่มีความสามารถในการควบคุมเวทีเหมือนกู้เฟิง จึงต้องใช้เครื่องมือและรูปแบบภายนอกต่างๆ นานามาชดเชย เขาเคยพาม้าขาวและสุนัขล่าเนื้อขึ้นเวทีด้วยซ้ำ ดังนั้นสำหรับอู๋เฝ่ย เขาคิดว่าตัวเองระมัดระวังดีแล้ว แต่หลังจากที่กู้เฟิงสะกิดเขาเื่นี้ เขาถึงตระหนักได้ว่า การปกป้องอู๋เฝ่ยตามสัญชาตญาณของเขา อาจไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ของร้านเท่านั้น
เมื่ออู๋เฝ่ยถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่กางเกงชั้นใน เสียวอู่ก็กระโจนเข้าไป ขยำหน้าอกอู๋เฝ่ยด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วกดร่างของอีกฝ่ายลงบนเตียงที่ไม่นุ่มนัก
อู๋เฝ่ยหรี่ตาลงเล็กน้อย พร้อมกลืนเสียงคราง เจ็บ แค่เพียงไม่กี่ครั้ง เสียวอู่กลับบีบเค้นหน้าอกเขาจนเป็รอยแดง แต่อู๋เฝ่ยเองก็ปรับจังหวะลมหายใจเข้า อดทนต่อความเ็ปเงียบๆ แม้กระทั่งเมื่อมืออีกข้างของเสียวอู่เคลื่อนลงมายังเป้ากางเกงของเขา เขาก็ยอมกางขาออกแต่โดยดี
อู๋เฝ่ยไม่เข้าใจว่าทำไมเสียวอู่ถึงทำเหมือนจะนอนกับเขา ปกติแล้วนอกจากตอนแสดงแล้ว เสียวอู่จะไม่มีเซ็กส์กับเขาเลย แม้แต่ตอนฝึกซ้อมส่วนตัวก็แทบจะไม่ถึงขั้นสอดใส่ แต่มักจะใช้เครื่องมือต่างๆ จนกว่าเขาจะหลั่ง เสียวอู่เองก็เป็พวกมักน้อยในกามเหมือนกัน ที่จริงจะบอกว่าเป็พวกมักน้อยก็ไม่ได้ เพราะความปรารถนาของเสียวอู่ถูกสงวนไว้เพื่อปลดปล่อยบนเวทีการแสดงทั้งหมด อู๋เฝ่ยขึ้นเวทีเดือนละครั้ง แต่เสียวอู่แสดงสัปดาห์ละครั้ง!
ถึงจะไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่จำเป็ต้องเข้าใจ อู๋เฝ่ยไม่มีความอยากรู้อยากเห็น เสียวอู่ให้ทำอะไรก็ทำ เพราะที่นี่เขาเป็เพียงสัตว์เลี้ยงที่ไม่มีความคิดเห็น ไม่มีสิทธิ์มีเสียง! ใช่แล้ว เป็สัตว์ ไม่ใช่มนุษย์!
อู๋เฝ่ยหลับตาลง รอให้เสียวอู่ฉีกกางเกงชั้นในของเขาออก และสอดใส่มาในตัว
แต่เปล่า อู๋เฝ่ยได้ยินเพียงเสียงเอ่ยถามของเสียวอู่ “ความโกรธของนาย การต่อต้านของนายล่ะ?”
อู๋เฝ่ยกะพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงงเล็กน้อย “กฎของสัตว์เลี้ยง...”
เสียวอู่ปิดปากอู๋เฝ่ยไว้
เขารู้เื่กฎของสัตว์เลี้ยงดีกว่าอู๋เฝ่ย แต่...เสียวอู่พบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเสียแล้ว อู๋เฝ่ยเป็สัตว์เลี้ยงที่ดีอย่างไม่มีข้อกังขา และในฐานะครูฝึกระดับแนวหน้า เขาก็้าให้อู๋เฝ่ยเป็สัตว์เลี้ยงที่ดีและเชื่อฟัง แต่ทำไมถึงไม่อยากยอมรับล่ะ? ทำไมถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ? มาสเตอร์บอกว่าเขาไม่ได้ติดใจอะไรกับอู๋เฝ่ย มาสเตอร์บอกว่าอู๋เฝ่ยป่วยทางจิต ตอนนี้เขารู้ชัดและยอมรับสิ่งเหล่านี้แล้ว แต่มันไม่ได้ช่วยอะไร เขายังคงหาทางออกไม่ได้อยู่ดี เขาไม่อยากให้อู๋เฝ่ยขึ้นป้ายในร้าน แต่ถ้าเขาปล่อยอู๋เฝ่ยไป อย่าว่าแต่มาสเตอร์ ลูกค้าที่ได้เคยได้รับอาหารตาแต่ไม่เคยได้ลิ้มลองของสดใหม่ต้องโกรธแน่นอน จะทำยังไง? เขาควรทำยังไงดี?
เสียวอู่และอู๋เฝ่ยมองหน้ากันอยู่นาน ความนิ่งเฉยของอู๋เฝ่ยทำให้เสียวอู่ยิ่งหงุดหงิด สุดท้ายเขาก็ผลักอู๋เฝ่ยออก ลุกขึ้นแล้วขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ
ในห้องน้ำ เสียวอู่เปิดก๊อกน้ำเต็มอ่างล้างหน้า แล้วมุดหน้าลงไปในน้ำ จนน้ำท่วมถึงใบหู เสียวอู่สามารถทำให้ตัวเองสงบลงได้อย่างรวดเร็วเมื่ออยู่ในน้ำ
จริงๆ แล้วเสียวอู่เคยกลัวน้ำมาก อาจเป็เพราะก่อนที่เขาเจอกู้เฟิง เขาเกือบจมน้ำตาย ถึงแม้ว่าตอนนั้นเขาจะหมดสติไปแล้ว จำไม่ได้ว่าเคยทุรนทุรายในน้ำหรือไม่ แต่ร่างกายคงจำความรู้สึกตอนใกล้ตายได้ ดังนั้นเขาจึงหลีกเลี่ยงน้ำ แม้แต่การว่ายน้ำและดำน้ำที่เขาเคยชอบและชำนาญ เขาก็เลิกทำไป แต่หลังจากมาสเตอร์เฟิงจื่อรู้เื่เข้า ก็ไม่ยอมให้เขาหนีจากมัน ใน่ที่เขาพักฟื้นและฝึกฝน มาสเตอร์มักจะพาเขาไปแช่ในอ่างน้ำวน
ต้องเท้าความก่อนว่าอ่างอาบน้ำที่มีฟองอากาศเยอะและมีคลื่นน้ำกระแทกอยู่ตลอดเวลานั้น เวลานอนแช่ในอ่างอาจจะสบาย แต่ถ้าเอาหน้ามุดลงไปในน้ำที่มีแต่ฟองอากาศกับน้ำวน เป็เื่ที่ช่างเ็ป ยิ่งเขาขัดขืน เขาก็ยิ่งสำลักน้ำหนักขึ้น
ครั้งแรกๆ เขาถูกทำโทษอย่างหนัก เกือบจมน้ำตาย แต่หลังจากนั้นเขาก็เรียนรู้ที่จะควบคุมความกลัว ทำให้ตัวเองสงบลง เขาจึงพบว่า ถ้าตัวเองไม่ตื่นเต้น ไม่ขัดขืน ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ มาสเตอร์เฟิงจื่อก็จะดึงเขาขึ้นมา หลังจากนั้นไม่กี่ครั้ง น้ำก็กลายเป็สิ่งที่ทำให้เสียวอู่สามารถควบคุมอารมณ์และความคิดได้อย่างรวดเร็ว
เสียวอู่ไม่สูบบุหรี่ จริงๆ แล้วหลังจากภารกิจลับล้มเหลว เขาปฏิเสธทุกอย่างที่ทำให้ร่างกายเสพติด รวมถึงบุหรี่ เหล้า กาแฟ ชา และยาที่ทำให้เสพติด เช่น ยาแก้ปวดและยานอนหลับ ดังนั้นเวลาที่เสียวอู่รู้สึกหงุดหงิด เขามักจะใช้น้ำในการบรรเทา ไม่ว่าจะมุดหน้าลงไป หรือราดน้ำใส่ตัว วิธีเหล่านี้ล้วนทำให้เขาสงบลงได้อย่างน่าทึ่ง