ลิงน้อยกินเกาลัดไปห้าหกเม็ดติดต่อกัน เซวียเสี่ยวหรั่นจึงไม่ให้มันอีก เกาลัดย่อยยาก มันยังเล็ก กินให้น้อยหน่อยจะดีกว่า
เธอส่งมีดพับให้เหลียนเซวียน เพื่อให้เขาปอกเกาลัดกินเอง
ก่อนหันมาเด็ดกล้วยที่สุกแล้วปอกเปลือกส่งให้ลิงน้อย
กล้วยน้ำว้าย่อมเป็ของที่ลิงน้อยคุ้นเคยอย่างดี ตอนที่มันยื่นมือมารับ สายตายังหยุดอยู่ที่กองกล้วยน้ำว้านานมาก
เซวียเสี่ยวหรั่นกลั้นหัวเราะ เ้าลิงนี่คงจะกำลังด่านางอยู่ในใจแน่ๆ ว่าไปขโมยกล้วยของพวกมันมาเยอะขนาดนี้
ลิงน้อยจ้องกองกล้วยน้ำว้า มองกล้วยในมือของมันเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าอาบรอยยิ้มของเซวียเสี่ยวหรั่น ผ่านไปชั่วครู่ก็กินกล้วยไปอย่างเงียบๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ลิงน้อยไม่ก่อปัญหา หลังให้อาหารอยู่หลายครั้ง เธอก็เริ่มได้การยอมรับขั้นต้นจากมันแล้ว
กินกล้วยหมด ลิงน้อยก็เริ่มตาปรือ เนื่องจากเสียเืมากประกอบกับเจ็บแผล ทำให้มันอ่อนเปลี้ยอย่างเห็นได้ชัด
"ง่วงแล้วก็นอนเถอะ พรุ่งนี้ก็ดีขึ้น"
เซวียเสี่ยวหรั่นย่อลงนั่งข้างตัวมัน เอื้อมมือไปลูบศีรษะของลิงน้อย หลังจากนั้นลูบไหล่ไหลเรื่อยลงมาที่แขนของมัน จบจากด้านซ้ายก็ย้ายมาด้านขวา แล้วลูบหน้าท้องของมันต่อ
นี่คือลูกลิงตัวผู้ เซวียเสี่ยวหรั่นจ้องหนอนน้อยที่่ล่างของมันพลางหัวเราะคิกคัก
เธอเป็พี่คนโตในรุ่นเล็กสุดของครอบครัว น้องชายกับญาติผู้น้องล้วนแต่อายุน้อยกว่าเธอหลายปี เธอเองก็นับได้ว่าเห็นพวกเขาเติบโตมาั้แ่สวมกางเกงเปิดก้น [1] เ้าลิงน้อยตอนนี้ก็ไม่น่าจะต่างกับเด็กอายุหนึ่งขวบสักเท่าไร
ตอนแรกร่างกายของมันยังตึงเครียด แต่พอเธอค่อยๆ ลูบให้มันอย่างผ่อนคลาย แววตาก็เปลี่ยนเป็อ่อนโยนเริ่มจะเคลิ้ม ไม่ช้าก็หลับตาลง
"เฮ่อ หลับเสียที ไม่รู้ว่าจะตื่นมากวนตอนกลางดึกรึเปล่า เ้าตัวเล็กนี่เอาใจยากจริง"
เซวียเสี่ยวหรั่นตักน้ำใส่ถ้วยวิ่งไปล้างมือหลังก้อนหิน
วิธีเกลี้ยกล่อมลิงของนางได้ผลดีทีเดียว ดูเ้าลิงน้อยนี่สิ ถึงกับยอมเชื่อฟังแต่โดยดี เหลียนเซวียนนั่งแทะเกาลัด พลางชื่นชมเลื่อมใสเซวียเสี่ยวหรั่นอยู่ในใจ
"ไอ้หยา หมดไปอีกแล้วหนึ่งวัน เื่สำคัญทำไม่เสร็จสักอย่าง ยังไม่ได้หาต้นเฮ่อกับต้นหมา ประตูก็ยังไม่ได้ทำ อ้อ... มีเสื่อปูที่นอนอีกอย่างก็ยังไม่ได้ทำเหมือนกัน" เซวียเสี่ยวหรั่นหย่อนก้นนั่งข้างกองไฟ ยื่นมือมานวดต้นขาที่ปวดเมื่อย
เหลียนเซวียนเหลือบมองนาง แล้วปอกเกาลัดกินต่อ แม่นางผู้นี้บ่นได้บ่นดีทุกวัน จนเขาเริ่มชินเสียแล้ว
"มาอยู่ที่นี่เจ็ดแปดวัน ฉันน่าจะผอมไปสักสามสี่กิโลได้แล้วละมั้ง" เซวียเสี่ยวหรั่นดึงขอบกางเกงที่เริ่มหลวม เดิมทีกางเกงเก้าส่วนตัวนี้สวมแล้วแน่น แต่ตอนนี้รู้สึกได้ว่าต้นขาหลวมลงไปไม่น้อย
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดีกว่ากัน
แววตาของเหลียนเซวียนขรึมลง ั้แ่เป็ผู้ใหญ่เต็มตัวนี่คือ่เวลาที่ตนเองผ่ายผอมที่สุดแล้ว
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ได้สังเกตถึงอารมณ์หดหู่ของเขา ยังคงบีบนวดปลีน่องของตนเองต่อไป และถือโอกาสยืดขาเข้าไปใกล้กับกองไฟอีกหน่อย
พอย่างเข้าสู่ยามราตรี อุณหภูมิก็ต่ำลงมาก เท้าคือส่วนที่หนาวง่ายที่สุด พอเท้าเย็น ร่างกายคนก็จะไม่รู้สึกอบอุ่น
แน่นอนว่าเธอไม่กล้าถอดรองเท้า หลายวันมานี้ยามนอนหลับเธอไม่เคยถอดรองเท้าแม้แต่ครั้งเดียว สวมมาหลายวัน วิ่งไปโน่นมานี่ตลอดเวลา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากลิ่นคงจะน่าสะพรึงมาก
"พรุ่งนี้ต้องซักถุงเท้า หากไม่ซักอีก ถุงเท้าก็คงเปลี่ยนเป็ปลาเน่าแล้ว ทั้งเหม็นทั้งแข็ง ถึงรมคนไม่ตายแต่ปาหัวคนแตกได้" เธอพึมพำอีกประโยค
"แค่กๆ" เหลียนเซวียนซึ่งกำลังแทะเกาลัดอยู่สำลักอย่างรุนแรง
"เฮ่อ เหลียนเซวียน กินช้าๆ หน่อยสิ โตขนาดนี้แล้ว กินเกาลัดแล้วยังสำลักอยู่อีกหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นลุกขึ้นมารินน้ำใส่ถ้วยให้เขา พอเดินมาถึงข้างกายก็เอื้อมมือมาช่วยตบหลังให้ "ดื่มน้ำสักหน่อย"
"แค่กๆ" เหลียนเซวียนไอจนเริ่มปวดแผลเล็กน้อย
ครู่หนึ่งค่อยทุเลาลงแล้ว ถึงหันมาส่ายหน้าให้นาง เซวียเสี่ยวหรั่นเอาถ้วยวางใส่มือเขาก่อนรั้งมือกลับ
เหลียนเซวียนรับน้ำมาดื่มครึ่งถ้วย รู้สึกว่าไม่ช้าก็เร็วตนเองคงต้องอกแตกตายเพราะถ้อยคำที่ไม่เห็นคนใตายไม่เลิกราของนาง
เซวียเสี่ยวหรั่นวางถ้วยลง แล้วถือจานใส่ใบคาวมัจฉาที่ล้างน้ำแล้วกลับไปนั่งข้างกองไฟ
"เหลียนเซวียนาแบนตัวท่านยังเจ็บอยู่หรือ"
เขาไม่ใช่ตะกรันเหล็กสักหน่อยจะไม่เจ็บได้อย่างไร แต่เขาทนได้ เหลียนเซวียนสั่นศีรษะ
เซวียเสี่ยวหรั่นใช้ตะเกียบคีบใบคาวมัจฉาเข้าปาก ใบคาวมัจฉาที่ไร้กลิ่นไร้รส ไม่อาจนับว่าอร่อย
"ใบคาวมัจฉานี้สามารถลดการอักเสบและแก้ปวด ขับพิษไข้ เหมาะกับคนได้รับาเ็อย่างพวกท่าน ท่านกินสักหน่อยเถอะ อืม ถึงกลิ่นของมันไม่ค่อยดีเท่าไร แต่พอชินแล้วเดี๋ยวก็ดีเอง ที่ที่ข้าจากมาผักคาวมัจฉาเย็นเป็อาหารที่ได้รับความนิยมมากทีเดียว"
เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบตะเกียบของเขาใส่มือเ้าตัว
ผักจื่อจี๋นี่? กินแบบนี้เลย? ผักชนิดนี้มีกลิ่นคาวปลารุนแรงมาก เหลียนเซวียนลังเลใจอยู่
"กินซะ กินซะ ตอนนี้สมุนไพรมีประโยชน์หาง่ายเสียที่ไหน ข้าพบหญ้าคาวมัจฉาที่ริมโตรกธาร ่นี้จะขุดกลับมามากหน่อย ท่านกับลิงน้อยจะได้กินกันทั้งคู่" ถ้อยคำของเซวียเสี่ยวหรั่นเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ
สมุนไพรที่เธอรู้จักมีไม่มาก เื่ที่ช่วยได้จึงมีจำกัด
เหลียนเซวียนคีบสองสามใบใส่ปากเคี้ยว กลิ่นคาวรุนแรงกรุ่นอวลอยู่โพรงปาก กรามของเขาขึงตึงขึ้นมาทันที พยายามบีบไว้ไม่ให้คายออกมา แล้วกลืนลงท้องไป
"ว้าว เก่งมากๆ กินอีก กินอีกเยอะๆ เคยชินเมื่อไร ท่านก็จะชอบรสชาติแบบนี้ไปเอง"
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางเลื่อนจานไปไว้ที่ใต้ตะเกียบของเขา
เหลียนเซวียนซ่อนมุมปากที่กระตุกไม่หยุดไว้ภายใต้หนวดเครา ชอบกลิ่นคาวเช่นนี้น่ะหรือ? หลอกเด็กรึไง?
"รีบกินๆ ท่านปู่ท่านย่าของข้าชอบกินผักคาวมัจฉามาก เดิมทีข้าก็ไม่ชอบ แต่ผักจานนี้อยู่บนโต๊ะอาหารมาหลายปีแล้ว ถูกวางยาจนเคยชิน กลายเป็ความชอบโดยไม่รู้ตัว ฮิๆ"
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มตาหยี ดันจานผักคาวมัจฉามาถึงตะเกียบของเขา
แม่นาง... เ้าถูกวางยาจนเคยชิน ก็เลยหันมาวางยาผู้อื่นบ้างรึ เหลียนเซวียนปั้นหน้าต่อไปไม่ไหวจริงๆ
แต่ตะเกียบในมือกลับถูกดันตลอดเวลา เหลียนเซวียนจึงต้องเกร็งหนังศีรษะใช้ตะเกียบคีบด้วยความจำใจ ขณะส่งเข้าปาก แม้แต่หนวดยังสั่นระริก
เซวียเสี่ยวหรั่นฉีกยิ้มกว้าง คีบผักคาวมัจฉาใส่ปากของตัวเองบ้าง เธอรู้ดี ครั้งแรกของคนที่ได้ัักับมัน จะยังไม่คุ้นชินกับรสชาติของมัน แต่ถ้ากินเยอะขึ้น ก็จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเอง
เหลียนเซวียนฝืนกินผักคาวมัจฉาจนหมด สายตาเหมือนคนไม่มีใครรักเช่นนั้นทำให้เซวียเสี่ยวหรั่นอดขำไม่ได้
ไม่ช้าเธอก็เข้าสู่ห้วงนิทราด้วยรอยยิ้ม
กลางดึก เธอถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงร้องเจี๊ยกๆ ของลิงน้อย
เหลียนเซวียนตื่นนานแล้ว แต่เขารับผิดชอบหน้าที่แค่เติมฟืน ไม่สนใจลิงน้อยตัวนั้น
ลิงน้อยน่าจะตื่นเพราะเจ็บแผล มันร้อง "เจี๊ยกๆ" ไม่หยุด แต่กลับไม่กล้าขยับเขยื้อน คิดว่าพอขยับแล้วก็ยิ่งรู้สึกเจ็บ
ใบหน้าของมันเจือไปด้วยความทรมาน มุกน้ำตาไหลออกมาเป็สายทางหางตา
เซวียเสี่ยวหรั่นลุกขึ้นมานั่งข้างลิงน้อย
"เด็กดี ไม่ต้องกลัวเจ็บ อย่าขยับส่งเดช พวกเราจะรักษาแผลของเ้าให้หาย อีกไม่กี่วันก็ดีขึ้นแล้วล่ะ" เธอเอื้อมมือไปลูบศีรษะของมันอย่างเวทนาสงสาร "ลิงน้อยของพวกเราเป็บุรุษกล้าหาญ ไม่กลัวลำบาก ไม่กลัวเจ็บ ลิงน้อยของพวกเราเป็เด็กน่ารัก ว่าง่าย หลับให้สบายเถอะนะ"
ลูกลิงตัวหนึ่งอาจยังไม่ถึงหนึ่งขวบด้วยซ้ำ ขาข้างหนึ่งก็หักขนาดนี้จะไม่เจ็บได้อย่างไร
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกสงสาร มือก็ยิ่งนุ่มนวลอ่อนโยนมากขึ้น
ปากก็กระซิบ มือก็ลูบเบาๆ ลิงน้อยที่ร้องโหยหวนตลอดเวลาไม่ช้าก็ค่อยๆ สงบ ดวงตาสีดำสุกใสจ้องรอยยิ้มที่อ่อนโยนตรงหน้า ไม่ร้องไห้อีกต่อไป
เหลียนเซวียนเติมฟืนไปเงียบๆ ข้างหูมีแต่เสียงกระซิบถ้อยคำไร้แก่นสาร น่าขบขัน เสียงของนางหาได้ใสกังวาน หรือไพเราะเสนาะหู แต่กลับทำให้รู้สึกอุ่นใจและรื่นรมย์ในค่ำคืนเปล่าเปลี่ยวไร้ผู้คน
...
[1] กางเกงเด็กที่เว้า่ก้นกับเป้าไว้สำหรับให้ขับถ่ายได้