ในตอนกลางวันของฤดูร้อน แสงแดดแรงเจิดจ้ากำลังแผดเผา
ไม่ไกลจากนอกประตูเมืองฮ่องเต้หยวนเต๋อและฮองเฮาอวี่เหวินนั่งอยู่ด้วยกันท่ามกลางแสงแดดพร้อมด้วยเหล่าข้าหลวงขุนนางหลายร้อยคนที่อยู่เื้ัพวกเขาใบหน้าของทุกคนตากแดดจนเหงื่อกาฬไหลพลั่ง
หลายคนลอบกระซิบในใจ เป็เพียงไทเฮาที่ไม่มีอำนาจใดๆ ว่ากันตามตรงนางเป็แค่สตรีที่แต่งงานแล้วและที่อยู่ในพระราชวังต้องห้ามเท่านั้น
ดูเหมือนว่าั้แ่ฮ่องเต้หยวนเต๋อขึ้นครองบัลลังก์ก็ได้ให้การดูแลพี่สะใภ้ของฮ่องเต้พระองค์ก่อนคนนี้เป็พิเศษ
ว่ากันว่า ครานั้นฝ่าาและฮ่องเต้พระองค์ก่อนสมรสกับองค์หญิงของทั้งสองแคว้นพร้อมกันเดิมทีฝ่าาถูกกำหนดให้สมรสกับองค์หญิงฉางหนิงแห่งหนานเยวี่ยแต่ทว่าฮ่องเต้พระองค์ก่อนได้พบกับองค์หญิงฉางหนิงและตกหลุมรักนางั้แ่แรกพบ
มีข่าวลือว่ายามนั้นไม่ใช่เพียงฮ่องเต้พระองค์ก่อนที่ตกหลุมรักองค์หญิงฉางหนิงั้แ่แรกพบทว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็เช่นกัน แต่ก็หมดหนทาง อำนาจฮ่องเต้ยิ่งใหญ่เกิน์ในยามนั้นฮ่องเต้พระองค์ก่อนเป็าาฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะไปแข่งขันแก่งแย่งมาได้อย่างไร?
แต่ถึงแม้ฮ่องเต้พระองค์ก่อนจะสมรสกับองค์หญิงฉางหนิงฮ่องเต้ที่ยังเป็เพียงองค์ชายในสมัยนั้นสมรสกับพระชายาอวี่เหวินทว่าภายในใจของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ดังนั้น ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของฮ่องเต้พระองค์ก่อนฝ่าาจึงให้ความโปรดปรานกับไทเฮาเป็พิเศษ
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ไม่ไกลนัก รถม้าก็เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดก็มาถึงนอกประตูเมือง ทันทีที่รถหยุดฮ่องเต้หยวนเต๋อลงจากเกี้ยวและเข้าไปต้อนรับอย่างเร่งรีบ
"ยินดีต้อนรับองค์ไทเฮา"ฮ่องเต้หยวนเต๋อโค้งคำนับคนในรถม้าด้วยท่าทางที่เคารพเป็พิเศษ
เหล่าข้าหลวงขุนนางด้านหลังเมื่อเห็นสถานการณ์นี้ก็รีบคุกเข่าลงบนพื้นทันที"ข้าน้อยเข้าพบไทเฮา เชิญองค์ไทเฮาเสด็จพ่ะย่ะค่ะ"
เสียงนั้นดังมากแม้แต่เหนียนยวี่ที่อยู่ในร้านอาหารฝั่งด้านในกำแพงเมืองก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน
ท่าทีวางตัว ฐานะทางสังคมเช่นนี้อยู่ในความคาดหมายของเหนียนยวี่ อย่างไรก็ตาม นางก็เป็ถึงไทเฮาฉางหนิงมิใช่หรือ?
เหนียนยวี่มองจากระยะไกลและเห็นบุรุษชุดขาวข้างรถม้าะโลงมานั่นคือหลีอ๋องจ้าวเยี่ยน
นอกประตูกำแพงเมือง จ้าวเยี่ยนลงจากหลังม้าหันไปโค้งคำนับให้ฮ่องเต้หยวนเต๋อ จากนั้นเขาก็เดินไปข้างรถม้าและเปิดม่านออกภายในม่าน นางข้าหลวงกำลังประคองไทเฮาลงมา
นางแต่งกายด้วยชุดสีฟ้า ผมยาวม้วนเป็ลอนและสวมหมวกสีฟ้าปกปิดไว้ใบหน้าวัยสี่สิบของนางได้รับการดูแลอย่างดี ไม่ผัดแป้งแต่งหน้าทว่าก็ยังคงยากจะปกปิดเสน่ห์เสื้อผ้าธรรมดายิ่งทำให้ความเงียบสงบสมถะในตัวนางดูเพิ่มมากขึ้น
“ฮ่องเต้ไม่จำเป็ต้องสุภาพ แดดร้อนเยี่ยงนี้ฝ่าาพาคนติดตามมาต้อนรับมากมายด้วยตัวเอง มากเกินกว่าที่ฉางหนิงจะสมควรรับแล้ว”ไทเฮาฉางหนิงลงจากรถม้า ประสานมือคารวะให้ฮ่องเต้หยวนเต๋อ สุภาพอ่อนโยนท่าทางประหนึ่งคนออกบวชที่สง่างามและน่าเกรงขาม
ครั้นฮ่องเต้หยวนเต๋อเห็นไทเฮาก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่งแต่ฮองเฮาอวี่เหวินก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างสงบ ใบหน้ายิ้มแย้ม“พี่สะใภ้ไปฉีซานเพื่อฝึกฝนครานี้ ไปนานหลายปีเปิ่นกงและฝ่าาคิดถึงและเป็ห่วงพี่สะใภ้ยิ่งนัก ได้ยินว่าพี่สะใภ้อยากกลับวังในใจเปิ่นกงและฝ่าาดีใจอย่างมาก ตำหนักฉางเล่อมีนางข้าหลวงคอยดูแลตลอดทุกวันเฝ้ารอให้พี่สะใภ้กลับมา”
ฉางไทเฮาเหลือบมองฮองเฮาอวี่เหวิน ยังคงดูสบายๆ สง่างามและไร้ที่ติ"ตัวข้าเป็คนที่ออกบวชมาเกินครึ่งชีวิตแล้ว ตามเหตุตามผลแล้วไม่ควรกลับมาทว่าครานี้มีคนจากแคว้นหนานเยวี่ยมา ข้าไม่กลับมาก็ไม่ดีดังนั้นพิจารณาแล้วว่าต้องกลับมา จึงให้ฝ่าาออกพระราชโองการ"
“หนานเยวี่ยเป็ครอบครัวของพี่สะใภ้ มีคนจากหนานเยวี่ยมาพี่สะใภ้ต้องเข้าวังเป็ธรรมดา” ฮ่องเต้หยวนเต๋อยังคงให้ความเคารพและสุภาพเขาเหลือบมองจ้าวเยี่ยนและกล่าวอย่างเร่งรีบ “เยี่ยนเอ๋อร์ แดดแรงนักช่วยประคองแม่เ้าขึ้นรถม้า พวกเรากลับวังหลวงแล้วไว้ค่อยคุยกัน เจิ้นจะสั่งให้ทำอาหารให้พี่สะใภ้”
“ได้พ่ะย่ะค่ะ” จ้าวเยี่ยนรับคำสั่ง ประคองไทเฮาฉางหนิงขณะกำลังจะขึ้นรถม้า พลันมีลูกธนูคมกริบพุ่งทะลุอากาศละลิ่วมาและเป้าหมายของลูกธนู...
ทุกคนมองไปยังจุดที่ลูกธนูพุ่งไปและตื่นตระหนก
"คุ้มกัน!" ฮ่องเต้หยวนเต๋อตอบสนองเป็คนแรก ะโเสียงดัง
เป้าลูกธนูที่พุ่งหานั้นมิใช่ใครอื่น นั่นคือฮองไทเฮาฉางหนิง!
เมื่อเห็นว่าลูกธนูนั้นกำลังพุ่งเข้ามาที่หน้าผากของฉางไทเฮาหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนที่อยู่ด้านข้างกลับใช้ตัวเข้ามาบังใน่เวลาเร่งรีบโอบกอดไทเฮาในอ้อมแขน
"อัก..." จ้าวเยี่ยนส่งเสียงฮึมฮัมเบาๆ ด้วยท่าทีใลูกธนูที่ลอบสังหารไทเฮาไม่เบี่ยงทิศทาง
"เยี่ยนเอ๋อร์..." ใบหน้าของฉางไทเฮาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันมองดูใบหน้าอันเ็ปของจ้าวเยี่ยนและเืที่ไหลออกมาจากเสื้อผ้าสีขาวตรงแผ่นหลังใบหน้าที่สงบนิ่งในที่สุดก็มีคลื่นอารมณ์พาดผ่าน "เร็ว มาช่วยเร็วเข้า"
ฉากที่หลีอ๋องจ้าวเยี่ยนใช้ร่างของเขาขวางลูกธนูเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนฮ่องเต้หยวนเต๋อไม่คาดคิดทุกคนต่างตกตะลึงไปชั่วครู่หนึ่ง ยามที่ฉางไทเฮาเปล่งเสียงเรียก แต่ละคนล้วนกลับมาได้สติทันที
ฮ่องเต้หยวนเต๋อรีบก้าวไปข้างหน้าทันทีรับหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนจากพระหัตถ์ของฉางไทเฮา วางร่างเขาลงบนเกี้ยวออกคำสั่งอย่างเข้มงวด “ดูแลไทเฮาขึ้นรถม้า เพิ่มกำลังทหารคุ้มกันรีบกลับไปวังหลวงทันที นอกจากนี้ วันนี้เจิ้นจะสอบสวนอย่างละเอียด แท้จริงเป็ผู้ใดกันแน่ที่กล้าลอบสังหารไทเฮาต่อหน้าต่อตาเจิ้น!”
แท้จริงนั้นผู้ใด้าลอบสังหารไทเฮากันแน่?
ทุกคนล้วนมีคำถามนี้อยู่ในใจ
แม้กระทั่งเหนียนยวี่ที่อยู่ในร้านอาหารไม่ไกลเมื่อเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ยังต้องขมวดคิ้วเช่นกัน
มองไปยังทิศทางที่ลูกธนูพุ่งมา ไร้ซึ่งร่องรอยเงื่อนงำใดๆ
นางไม่คิดว่าเื่เช่นนี้จะเกิดขึ้นในวันที่มารับเสด็จไทเฮา
ลอบสังหารหรือ?
ฉางไทเฮายังไม่ทันได้เข้าเมืองชุ่นเทียนก็เกิดเื่ลอบสังหารผู้ใดที่ร้อนใจรอไม่ไหวจนอยากจะฆ่าฉางไทเฮาเช่นนี้?
มีคนที่ไม่อยากให้ฉางไทเฮากลับมาหรือ?
เหนียนยวี่เลิกคิ้วและยิ่งรู้สึกว่าเื่ราวน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากผ่านเื่ราวเมื่อครู่นั้นขบวนที่รอต้อนรับไทเฮาก็ไม่กล้าอ้อยอิ่งอีกต่อไปกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งเข้าไปในประตูเมือง กระจายล้อมรอบถนนหนทางกางกองกำลังป้องกันไม่เหลือไว้แม้แต่ช่องว่างใดๆ
กองกำลังทหารเดินผ่านร้านอาหาร เหนียนยวี่มองไปบนเกี้ยว ชายหนุ่มหลับตาแน่นจนดวงตายิบหยี
ใช้ตัวบังลูกธนูงั้นหรือ?
ในหัวของเหนียนยวี่ผุดภาพรอยแผลเป็สีชมพูบนแผ่นหลังของชายหนุ่ม...
ชาติก่อน นางเคยเป็ดั่งเด็กสาวตัวน้อยที่ริเริ่มเข้าใจความรักนางอยากรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับชายหนุ่มที่นางรัก
ตอนอยู่ในห้อง นางเคยถามว่าแผลเป็นั้นมาจากไหน เขาได้แต่หัวเราะไม่เอ่ยตอบอะไร ไล่ถามหลายครั้ง เขาก็ไม่ตอบ นางจึงเลิกคิดที่จะค้นหา
และในที่สุดนางก็ได้รู้ที่มาของรอยแผลเป็
ขณะอยู่ในความคิด กองทหารได้หายลับไปที่มุมถนนแล้วเหนียนยวี่ยกถ้วยชาขึ้นมาและค่อยๆ จิบอย่างช้าๆ ลมฤดูร้อนปะทะบนใบหน้าสดชื่นผิดปกติ พาให้สมองกระจ่าง
เหนียนยวี่อยู่ในร้านอาหารเป็เวลาพักใหญ่ทว่าแค่ลงบันไดและออกจากประตูมา ม้าพันธุ์งามตัวหนึ่งส่งเสียงร้องแหลมทำให้ผู้คนบนถนนร้องด้วยความตื่นตระหนก
"ว้าว..." เสียงร้องของเด็กดังมาจากกลางถนน ผู้คนรอบๆเห็นทุกอย่างในสายตา ใบหน้าทุกคนล้วนตกตะลึง
ม้าตัวนั้นพุ่งเข้ามาหาเด็กแทบจะจินตนาการภาพได้ว่าเด็กคนนั้นจะจบชีวิตลงไปอยู่ใต้เกือกม้าอย่างไร
บนหลังม้า บุรุษชุดน้ำเงินดึงสายบังเหียนจนตึง เมื่อเห็นเด็กน้อยกลางถนน ทว่าในดวงตาของเขาเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ราวคบเพลิง ไม่มีเด็กคนนั้นในสายตาเพียงสักนิดชีวิตของเด็กน้อยถูกมองว่าไร้ค่า แม้เหยียบย่ำลงไปเขาก็ยังกังวลว่าม้าของตนจะทำให้เขายิ่งควบคุมยาก
“ออกไป!” ชายคนนั้นะโด้วยน้ำเสียงรุนแรง
เมื่อเห็นว่ากีบม้ากำลังจะเหยียบลงบนตัวเด็กร่างบางร่างหนึ่งก็แวบผ่านเข้ามา และในชั่วพริบตา ก็มีคนอีกคนอยู่บนหลังม้า
เหนียนยวี่นั่งอยู่ด้านหลังชายคนนั้น บังคับสายบังเหียนแน่นออกแรงแทงปิ่นปักผมในมือลงไปบนตัวม้าอย่างไร้ความปรานี แทงอย่างไม่ยั้งมือ ม้าพันธุ์งามกรีดร้องลั่นยกขาหน้าขึ้นสูง เหนียนยวี่ออกแรงดึงเชือกหากเป็ชาติก่อนแรงของนางคงทำให้ของม้าตัวนี้ยกขาหน้าขึ้นได้อย่างง่ายดายและไม่ล้มลงไปทว่าร่างกายนี้อายุเพียงสิบห้า ไม่เคยได้รับการฝึกฝนเรี่ยวแรงก็คงแตกต่างจากชาติที่แล้วมาก
ทว่านางอาศัยจังหวะม้ายกขาหน้าขึ้นในเวลาเสี้ยวหนึ่งเท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเปลี่ยนทิศทางของม้า
เป็ไปตามคาด ขาหน้าของม้าย่ำลงพื้นเดิมที่มันต้องเหยียบลงบนหัวเด็กน้อย ทว่ากลับเบี่ยงทิศทางลงข้างตัวเด็ก
ทุกคนต่างตกตะลึงกับฉากนี้ รวมถึงบุรุษบนหลังม้าด้วย
บุรุษผู้นั้นยังคงไม่ได้สติ เหนียนยวี่ดึงรั้งบังเหียนควบคุมม้าเปลี่ยนทิศทางและหันกลับมาทางประตูเมือง...