“คุณหยุดพูดเถอะสิ่งที่คุณพูดมันเป็การทำลายลักษณะเด่นของเครื่องเคลือบสีเขียวบ๊วยมากกว่า!”
หลินเยว่พูดออกมาอย่างอ่อนใจ
เ้าของแผงก็รู้ว่าตนเองมีความรู้น้อยจึงได้แต่หัวเราะ “แหะๆ” และพูดขึ้น “แค่มองก็รู้ว่าสหายหนุ่มเป็คนฉลาดย่อมรู้ว่านี่เป็ลักษณะเฉพาะของสีเขียวบ๊วย ตอนนี้เครื่องเคลือบเตาเผาหลงเฉวียนในสมัยซ่งใต้มันหาได้ยากแล้วนะโดยเฉพาะชิ้นที่มีขนาดใหญ่แบบนี้”
“อืม น่าเกลียดขนาดนี้ก็ทำให้หาได้ยากยิ่งกว่า บวกกับมีสัดส่วนที่ไม่สมดุลขนาดนี้ก็ยิ่งทำให้หาได้ยากยิ่งกว่าเดิม”
หลินเยว่จึงพูดแซวขึ้น
ตอนแรกเ้าของแผงเห็นหลินเยว่พยักหน้ารับในใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะดีใจขึ้นมา แต่เมื่อฟังหลินเยว่พูดต่อไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆนี่กำลังชมเครื่องเคลือบใบนี้จริงๆ หรือ? ทำไมยิ่งฟังก็เหมือนกับกำลังด่าเลยล่ะ?
“แค่กๆ......”
เ้าของแผงจึงกระแอมแห้งๆ ออกมาแล้วพยายามพูดกลบเกลื่อน “พวกเราจะเข้าใจความคิดด้านศิลปะของคนสมัยโบราณได้อย่างไรล่ะแต่เตาเผาหลงเฉวียนถือเป็เตาเผาที่มีชื่อเสียงในแผ่นดินเลยนะจะผลิตเครื่องเคลือบที่มีลักษณะแปลกๆ ออกมาก็ไม่น่าแปลกใจหรอก”
“นั่นสิ ก็ไม่น่าแปลกใจหรอกแต่ถ้าไม่ใช่เครื่องเคลือบในสมัยซ่งใต้และก็ไม่ใช่เครื่องเคลือบจากเตาเผาหลงเฉวียนก็ยิ่งไม่น่าแปลกใจยิ่งกว่า” หลินเยว่จึงวางแจกันเคลือบลงบนแผงด้วยท่าทางสบายๆ
กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับ
หากคุณยิ่งทำท่าไม่อยากได้อีกฝ่ายก็ยิ่งอยากจะขายให้คุณมากเท่านั้น
“ประโยคนี้หมายความว่าอะไรหรือ?”
เมื่อเ้าของแผงได้ยินประโยคนี้สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นท่าทางการกระทำของหลินเยว่เขาจึงเกิดอาการใจกระตุกทันที
จบเห่!
“ก็ไม่ได้หมายความว่าอะไรก็แค่เครื่องเคลือบใบนี้เลียนแบบมากจนเกินไป คุณดูสีเคลือบสิ ดูทื่อๆ ไร้ชีวิตชีวาความมันวาวของมันก็ดูหม่นหมองหากไม่มีแสงอาทิตย์ส่องก็อาจจะมองไม่เห็นถึงความมันวาวเลยสักนิด ไม่มีทางเอาไปเปรียบเทียบกับสีเคลือบของสีเขียวบ๊วยได้เลยสีเคลือบของสีเขียวบ๊วยจะเป็สีเขียวสดใสกระจ่างแวววาว แต่ดูใบนี้สิ ผมรู้สึกว่ามันเหมือนกับสีเขียวแอปเปิลมากกว่าสีเขียวบ๊วยเสียอีกแล้วดูรูปทรงของมันนะ สัดส่วนไม่มีความสมดุลเลย ก็อย่างที่คุณพูดนั่นแหละ เตาเผาหลงเฉวียนถือเป็เตาเผาที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์และด้วยเหตุผลเช่นนี้ ก็น่าจะให้ความสนใจกับลักษณะเด่นของเครื่องเคลือบมากกว่าเดิมแล้วจะผลิตเครื่องเคลือบที่มีรูปทรงไม่สมดุลแบบนี้ได้อย่างไร ขนาดกระโถนปัสสาวะยังหน้าตาไม่น่าเกลียดขนาดนี้เลยนะแล้วคุณลองดูตรงก้นแจกันสิ”
ขณะที่หลินเยว่พูด เขาก็พลิกก้นแจกันขึ้นมา
“เป็หลุมเป็บ่อ ไม่มีความสม่ำเสมอ เห็นชัดๆว่าเป็การเลียนแบบขึ้นมาใหม่ คุณดูสิ เครื่องเคลือบใบนี้มีความสมบูรณ์ขนาดนี้ถือว่าเลียนแบบได้ดีจริงๆ แต่ตรงก้นแจกันไม่ได้มีการลงสีเคลือบแน่ๆจึงเห็นเป็ตำหนิแบบนี้ หากตรงนี้ก็ลงสีเคลือบสักหน่อยไม่แน่หรอกนะอาจจะหลอกคนได้ไม่น้อย”
หลินเยว่พูดอย่างมีเหตุมีผล เ้าของแผงยิ่งฟังก็ยิ่งหน้าเสีย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่หลินเยว่พูดเกี่ยวกับก้นแจกันตรง่สุดท้ายก็เป็การพูดแทงใจดำเขาอย่างแท้จริง
ไอ้คนทำปลอมนี่มันน่าตายไปซะจริงๆ ทำไมถึงไม่ทำตรงก้นให้มันเรียบร้อยด้วยล่ะ!
ไม่อย่างนั้นมันคงจะไม่ได้ขายไม่ออกมา 3 ปีแล้ว!
หลินเยว่มองสีหน้าของเ้าของแผงที่มีอารมณ์แปรปรวนเขาจึงแอบดีใจอยู่เงียบๆ คำพูดที่เขาพูดเกี่ยวกับเครื่องเคลือบสีเขียวบ๊วยทั้งหมดล้วนเป็สิ่งที่เขาปั้นน้ำเป็ตัวขึ้นมาเพราะความจริงแล้วเรายากที่จะแยกความแตกต่างด้านสีและความมันวาวคุณพูดออกมาว่าเป็อย่างไร มันก็เป็อย่างนั้นแหละนี่เป็วิธีการพูดเกทับได้ดีที่สุด
แต่ทว่าถึงแม้ว่าเ้าของแผงจะหน้าเสียไปแล้วแต่การที่เขาทำอาชีพขายวัตถุโบราณก็ย่อมมีความชำนาญในการรับมือกับเื่แบบนี้เขาจึงปรับสีหน้าให้กลับมาเป็ปกติอย่างรวดเร็ว พร้อมหัวเราะ “แหะๆ” และพูดตอบ “ถึงจะมีตำหนิแต่ก็ไม่สามารถบดบังความงดงามของมันได้หรอกโดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องเคลือบสีเขียวบ๊วยที่มีความโดดเด่นขนาดนี้ก็แค่จัดการตรงก้นแจกันไม่เรียบร้อยเท่านั้นเองถึงจะดูเหมือนเป็การเลียนแบบขึ้นมาใหม่ แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลยเพราะหากเก็บรักษาไว้อย่างดี สีของมันก็จะเป็สีอย่างนี้แหละ นี่เป็มรดกตกทอดอันล้ำค่าของครอบครัวนั้นเลยนะพวกเขาก็ต้องเก็บรักษาไว้อย่างดีน่ะสิ ดังนั้น...... เหอๆ”
ส่วนท้ายนี้...... ถึงไม่พูดก็เป็อันรู้กัน
เสแสร้ง!
เสแสร้งต่อไปสิ!
หลินเยว่แอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ของชิ้นนี้ใครๆก็มองออกว่าเป็ของเลียนแบบขึ้นมาใหม่ คิดว่าผมเป็พวกมือใหม่แล้วคิดจะเอาเปรียบล่ะสิ
บนถนนเส้นนี้ใครๆ ก็พูดโกหกเป็ ใครๆก็ปั้นน้ำเป็ตัวได้ ส่วนหลินเยว่ก็ฝึกทักษะการโกหกและการหาจังหวะมาจากการฝึกสำรวจแผงั้แ่ตอนแรกๆแล้ว
ไม่ว่าจะอยู่ในวงการการพนันหินหยกหรือวงการวัตถุโบราณอาจารย์จะเตือนลูกศิษย์ไว้ว่า “ฟังให้มาก สังเกตให้มาก ััให้น้อย”ส่วนหนึ่งเป็เพราะ้าป้องกันอาการวู่วามของลูกศิษย์อีกส่วนก็เพื่อให้ลูกศิษย์ฉลาดทันคนมากขึ้น จะได้รู้ทันว่าผู้ขายมีกลเม็ดหลอกลวงอย่างไร
เ้าของแผงพูดมาตั้งนานแต่หลินเยว่ก็ไม่ได้รู้สึกคล้อยตามเลย ทำให้เขาแอบผิดหวังอยู่เล็กๆ
มีความหนักแน่นจริงๆ คนผู้นี้น่าจะเป็พวกที่มีความชำนาญแล้ว!
แต่ว่ายังหนุ่มขนาดนี้ก็เป็พวกที่มีความชำนาญแล้วอย่างนั้นหรือช่างเห็นได้น้อยจริงๆ
เ้าของแผงไม่ได้แสดงความรู้สึกผ่านทางสีหน้าออกมาเขาทำเพียงส่ายศีรษะและพูดขึ้น “หากไม่อยากได้แล้วล่ะก็ มิตรภาพระหว่างพวกเรายังเหลืออยู่หรือเปล่า?”เ้าของแผงทำเป็ลองใจโดยการยื่นมือออกไปรับเครื่องเคลือบ
เขา้าลองดูท่าทีของหลินเยว่
คาดไม่ถึงว่าหลินเยว่จะคลายมือออกยินยอมให้เขานำแจกันเคลือบกลับมาอย่างง่ายดาย
ปฏิกิริยาของหลินเยว่ทำให้เ้าของแผงผิดหวังมากเด็กหนุ่มคนนี้เป็พวกเชี่ยวชาญแล้วจริงๆ ถึงไม่ได้ทำตามในสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้
ไม่อยากได้แล้วจะพูดเปลืองน้ำลายขนาดนี้ทำไมล่ะ!
“ความจริงก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากได้หรอกนะ หลักๆก็คือพอดูท่าทีของเถ้าแก่แล้วก็เลยรู้ว่าของชิ้นนี้คงไม่ถูกแน่ๆ ผมก็เลยปัดความคิดที่อยากจะซื้อทิ้งไป”
หลินเยว่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแม้กระทั่งตัวเขาเองก็ยังรู้สึกว่าตนเองเปลี่ยนไปแล้ว เขากลายเป็คนที่มีลูกล่อลูกชนมากขึ้น
แต่ทว่า การมีลูกล่อลูกชนจะทำให้เอาตัวรอดได้ดีกว่า
“คุณคิดอยากได้อย่างนั้นหรอ?”เ้าของแผงอึ้งไปชั่วครู่ เขาคิดว่าการซื้อขายครั้งนี้คงไม่สำเร็จคาดไม่ถึงว่าเขายังมีความหวังอยู่ ดังนั้น ความเป็พ่อค้าเ้าเล่ห์ก็เริ่มเปิดเผยออกมาเขาจึงลองสอบถามราคาที่หลินเยว่ตั้งไว้ในใจ “คุณคิดจะจ่ายด้วยเงินเท่าไรล่ะ?”
“100 หยวนเอากลับไปทำเป็แจกันดอกไม้”
หลินเยว่เหลือบมองแจกันเคลือบในมือของเ้าของแผงอีกครั้งแล้วส่ายศีรษะพร้อมพูดต่อ“พูดตามจริงนะ ผมคิดว่าขนาดแค่ 100 หยวนผมยังรู้สึกขาดทุนอยู่เลยตอนนี้หากซื้อดอกไม้สักช่อ ร้านขายดอกไม้ก็แถมแจกันมาด้วยแล้วหากไม่ได้คิดว่าแจกันใบนี้มีสีเคลือบที่ไม่เลว ผมคงไม่คิดจะซื้อแจกันเคลือบใบนี้หรอกนะ”
“100 หยวน?”
เ้าของแผงเกือบจะหลุดปากะโเสียงดังเขาจ้องหลินเยว่นิ่งเพื่อดูว่าอีกฝ่ายกำลังพูดล้อเล่นอยู่หรือเปล่าเมื่อมั่นใจว่าไม่ได้ล้อเล่นแล้ว เขาจึงฝืนยิ้มพร้อมส่ายศีรษะและพูดขึ้น“หลายปีมานี้ผมเพิ่งเคยเห็นคนเสนอราคาแบบคุณอย่างคุณเขาไม่ได้เรียกว่าเสนอราคาแล้ว เห็นชัดๆ ว่ากำลังหักคอกัน ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่มีทางขายในราคา100 หยวนอย่างต่ำต้อง 1 หมื่น”
“1 หมื่น?”หลินเยว่ถึงกับหลุดหัวเราะพร้อมพูดขึ้น “ผมกล้ารับประกันว่าไม่มีทางขายแจกันเคลือบใบนี้ด้วยราคา1 หมื่นถึงจะเป็พวกเพิ่งเขามาทำอาชีพนี้ก็ไม่มีทางยอมจ่ายเงิน 1 หมื่นหยวนเพื่อซื้อแจกันเคลือบที่มีลักษณะเช่นนี้เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ผมเพิ่มราคาให้คุณนิดนึง ผมทำอาชีพนี้มาตั้งนานก็เพิ่งเคยเห็นแจกันเคลือบที่มีสัดส่วนแปลกประหลาดแบบนี้เป็ครั้งแรกก็ถือว่าเป็สิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง... 150 เป็อย่างไรบ้าง?”
เ้าของแผงได้ยินเช่นนี้จึงรีบส่ายศีรษะเขาพูดด้วยความโกรธจัด “ผมว่าคุณไม่ได้คิดจะซื้อแจกันเคลือบใบนี้จริงๆ หรอก... 150หยวน แค่ค่าขนส่งยังไม่คุ้มเลยอย่างต่ำต้อง 7 พันหยวนหากรับได้คุณก็เอาไป หากรับไม่ได้ พวกเราก็จากกันด้วยดีเถอะ!”
เ้าของแผงพูดอย่างหนักแน่นเด็ดขาดสีหน้าเขามีแต่ความโกรธจัด ดูเหมือนว่าราคา 7 พันหยวนจะเป็ราคาที่ต่ำที่สุดเท่าที่เขารับได้แล้ว
เสแสร้ง!
เสแสร้งต่อไปสิ!
หลินเยว่มองเ้าของแผงด้วยสีหน้าอ่อนใจทำไมถึงไม่ไปเป็นักแสดงล่ะ เพราะการเสแสร้งเช่นนี้ถือว่าอยู่ในระดับาาจอเงินเลยทีเดียว
แจกันเคลือบที่มีก้นเป็แบบนี้แล้วยังเห็นได้อย่างชัดเจนขอแค่เป็คนปกติ ก็ไม่มีทางยอมจ่ายเงินด้วยราคาสูงถึง 7 พันหยวนนอกเสียว่าจะโง่เหมือนสมองถูกลาโง่เตะกระเด็น!
แต่ทว่าหลินเยว่รู้ถึงสภาพภายในของเครื่องเคลือบชิ้นนี้เป็อย่างดีเขาประเมินได้ว่านอกจากตรงส่วนก้นแจกันเคลือบแล้ว ส่วนอื่นล้วนเป็ของแท้ทั้งหมดดังนั้น หาก 7 พันหยวนเป็ราคาต่ำสุดที่อีกฝ่ายรับได้เขาก็ยินดีซื้อไว้โดยไม่คิดจะต่อรองราคาต่อ แต่ทว่าราคา 7 พันหยวนนี้ไม่มีทางเป็ราคาต่ำสุดที่อีกฝ่ายรับได้อีกทั้งเวลานี้เป็เวลาที่เหมาะที่สุดที่เขาจะฝึกฝนการต่อรองราคาเขาจึงไม่มีทางยอมไปง่ายๆ อย่างแน่นอน
“เปิดร้านขายของทั้งทีก็ต้องมีราคาที่แสดงความจริงใจต่อกันสิใครๆ ก็รู้ว่าลักษณะของแจกันเคลือบใบนี้เป็อย่างไร คงไม่ต้องให้ผมพูดหรอกนะไม่ใช่ว่าผมไม่อยากซื้อ แต่เป็เพราะคุณเปิดราคาสูงจนเกินไป”
หลินเยว่จึงโยนปัญหากลับไปที่ตัวอีกฝ่ายอย่างมีชั้นเชิง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้