เพราะความตื่นใของเจี่ยงถิงเฟิง ทำให้คนด้านล่างเวทีพากันใสะดุ้งพุ่งความสนใจไปที่ฉินซี แฟนคลับด้านล่างเองก็อดวุ่นวายขึ้นมาไม่ได้ พิธีกรชายเหลือบตามองฉินซี ก่อนจะยับยั้งความไม่พอใจเอาไว้ และพูดขึ้น “ก็แค่เปียกนิดหน่อยเท่านั้นเอง...” ทำเหมือนอย่างกับเกิดอุบัติเหตุอะไรไปได้
“โอเคแล้วๆ ไม่เป็อะไรแล้วนะคะ” พิธีกรหญิงพูดแก้ไขสถานการณ์ขึ้น
แม้ว่าเกมจะยังดำเนินต่อไป แต่บรรยากาศตึงเครียดระหว่างเหลียนเหล่ยกับฉินซีก็ยังคงอยู่ ขอเพียงมีตาก็มองออกกันทั้งนั้น และภาพที่เหลียนเหล่ยจงใจตัดเชือกทั้งสามเส้น รวมทั้งภาพที่เจี่ยงถิงเฟิงตะคอกใส่เธอด้วยความโมโห ต่างก็ฝังลึกลงในใจของผู้ชม
เหลียนเหล่ยก้าวร้าวจนเคยตัว เดิมทีก็ไม่ได้คิดถึงว่าวันต่อมาจะมีข่าวเกี่ยวกับตัวเองหลุดออกมาหรือเปล่า
ในมุมมองของเธอแล้ว คนหน้าใหม่อย่างฉินซีจะไปมีความสามารถอะไร? หรือเขาจะกล้าวางตัวเป็ศัตรูกับเธอ?
พิธีกรสาวพูดพร้อมรอยยิ้มอยู่ข้างๆ “่นี้เหลียนเหล่ยเหนื่อยจากการถ่ายละครเกินไปหรือเปล่าคะ ตอนตัดเชือกถึงได้มือสั่นขึ้นมา ต้องพักผ่อนให้มากๆ เพื่อแฟนคลับมากมายที่เป็ห่วงอยู่ด้วยนะคะ”
ดังนั้นเหลียนเหล่ยที่ถูกเจี่ยงถิงเฟิงตะคอกใส่จนใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจก็เผยยิ้มออกมา จากนั้นก็พูดคล้อยตามพิธีกรสาวว่า “เฮ้อ ช่วยไม่ได้นะคะ ่นี้รับงานภาพยนตร์กับละครมาอีก นี่ยังไม่รวมงานโฆษณาเปิดตัวที่นับไม่หวาดไม่ไหวอีกนะคะ...” เหลียนเหล่ยพูดออกมาโดยตั้งใจโอ้อวดเล็กๆ
พิธีกรชายรีบแสดงสีหน้าชื่นชมขึ้นมา เขาตั้งใจพูดยกยอหญิงสาว “เทพธิดาเหลียนเหล่ยของพวกเราช่างแตกต่างจริงๆ นะครับ คงรับงานโฆษณาจนล้นมือเลยใช่ไหมครับ? ถึงอย่างไรก็ต้องพักผ่อนให้มากๆ นะครับ...”
“เอาล่ะค่ะ พวกเรามาเล่นเกมกันต่อเถอะ” พิธีกรหญิงถอนหายใจในใจ ก่อนจะยิ้มพร้อมกับจบเื่ไม่คาดฝันเมื่อครู่ลง
เจี่ยงถิงเฟิงรังเกียจการพยายามเปลี่ยนเื่ และกลบเกลื่อนความผิดของหญิงสาวฝั่งตรงข้ามของพิธีกรทั้งสองมาก สีหน้าของเขาค่อยๆ กลายเป็เ็า แล้วเดินเข้าไปขัดพิธีกรหญิงด้วยรอยยิ้ม “พวกเราเปลี่ยนทีมกันหน่อยดีกว่าไหมครับ? ผมอยากอยู่กับฉินซีน่ะ”
พิธีกรหญิงยกมือขึ้นปิดปากยิ้ม “ไอ๊หยาๆ ดูเหมือนว่าเจี่ยงถิงเฟิงจะชอบอยู่กับฉินซีมากเลยนะคะ ที่แท้คนหน้าตาดีก็ได้รับความนิยมขนาดนี้เอง”
ฉินซีรับรู้ได้ถึงความหวังดีของเจี่ยงถิงเฟิง ดังนั้นเขาจึงยิ้มพลางชมพิธีกรหญิง “ใช่ครับ ก็เหมือนอย่างคุณไง หน้าตาสะสวย คนรอบตัวผมชอบดูรายการที่คุณเป็พิธีกรไม่น้อยเลยนะครับ”
พิธีกรหญิงยกมือปิดปากยิ้มอีกครั้ง “ฉินซีนี่พูดจาน่ารักจริงๆ นะคะ… เอาล่ะ พวกเรามาเปลี่ยนทีมกันเถอะ” พิธีกรหญิงอารมณ์ดีมาก เธอจัดการจัดทีมใหม่ จากนั้นก็เล่นเกมต่อไป
เหลียนเหล่ยเองก็ไม่ได้เล่นลิ้นอะไรในการเล่นเกมรอบนี้อีก เพราะถ้าทำอย่างนั้นก็จะส่งผลเสียต่อนักแสดงคนอื่นในทีม
ไม่นาน ฉินซีกับเหลียนเหล่ยก็เข้าไปเป่ายิ้งฉุบกัน
เหลียนเหล่ยมองฉินซีด้วยความเกลียดชัง หลังจากนั้นก็หันไปพูดกับกล้องพร้อมรอยยิ้มหวาน “ฉินซี นายจะต้องยอมให้ฉันหน่อยนะ”
คนด้านล่างเวทีจำนวนไม่น้อยต่างก็เห็นความเกลียดแค้นของทั้งสองได้ชัด ทั้งยังรู้ว่าดูเหมือนทั้งสองคนจะไม่ถูกกัน เมื่อตอนนี้เหลียนเหล่ยมาไม้นี้ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกรังเกียจขึ้นในใจ ทว่าเหลียนเหล่ยกลับไม่รู้สึก เธอคิดว่าตัวเองยังคงรักษาภาพลักษณ์สดใส ใจกว้างยามอยู่หน้ากล้องได้ดีเหมือนเดิม และแฟนคลับของเธอก็จะต้องชื่นชมเธออย่างมากมายแน่นอน!
ฉินซีถนัดด้านการแสดงกว่าเหลียนเหล่ยมาก ใบหน้าของเขาประดับไปด้วยรอยยิ้ม ทั้งยังมีความรู้สึกอึดอัดและขัดเขินของมือใหม่อยู่ ถ้าเป็แบบนี้แล้ว… ก็จะต้องมีคนรู้สึกว่าคำพูดนี้ของเหลียนเหล่ยดูเป็การ ‘ข่มขู่’ เขาอย่างแน่นอน “ผมจะยอมให้รุ่นพี่เหลียนเหล่ยแน่นอนครับ” เขาพูดออกมาอย่างจริงใจ
การแสดงละครนี่ มีใครที่ทำไม่ได้กัน?
สีหน้าของเหลียนเหล่ยกลายเป็นิ่งงัน ด้วยคิดไม่ถึงว่าเ้าเด็กใหม่นี่จะยับยั้งอารมณ์ได้ขนาดนี้ ดูแล้วก็ราวกับไม่ได้มีความคิดอะไรเลย และเป็เพียงหน้าใหม่ที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาเท่านั้น!
เธอลอบขบฟันเล็กน้อย ก่อนจะเผยยิ้มออกมา “เอาล่ะ 1 2 3...”
จู่ๆ ฉินซีก็ได้ยินเสียง “ติ๊ง” ขึ้นในหัว จากนั้นก็มีเสียงเตือนเบาๆ ดังขึ้นมาในสมอง ระบบแฟนคลับเริ่มทำงาน เ้าของร่าง ยินดีด้วย วันนี้โชคของคุณจะเพิ่มขึ้น!
ฉินซีนิ่งไป ในตอนนั้นเขาบังเอิญยื่นมือออกกรรไกรไปพอดี
และเมื่อมองมือของเหลียนเหล่ยที่ออก… กระดาษ!
ในใจของฉินซีเกิดความประหลาดใจขึ้นมา แต่เบื้องหน้าก็ยังต้องเผยยิ้มเอาไว้ เขารีบชักมือกลับมา สีหน้าของเขาซีดลงเล็กน้อย และยังประดับไปด้วยความรู้สึกอึดอัดขัดเขิน “ขอโทษนะครับ รุ่นพี่ ผม… ผมดันชนะไปโดยไม่ได้ตั้งใจซะแล้ว”
เหลียนเหล่ยสามารถแสดงละครได้่หนึ่ง แต่จะสามารถอดกลั้นแสดงต่อไปตลอดได้อย่างไร เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของฉินซี เธอก็มองมันเป็คำพูดโอ้อวดของผู้ชนะ สีหน้าของเหลียนเหล่ยเปลี่ยนไป แม้แต่ภายในกล้องก็ยังเห็นความไม่พอใจของเธอ เหลียนเหล่ยขบฟันพยายามฝืนยิ้ม “นายไม่ได้บอกว่าจะยอมให้ฉันหรอกเหรอ?”
ฉินซีขบริมฝีปาก แสดงท่าทีราวกับกำลังครุ่นคิด “ถ้าแบบนั้น… พวกเราเป่ายิ้งฉุบอีกรอบไหมครับ?”
พิธีกรหญิงรีบเข้ามาแทรก “นั่นไม่ได้นะคะ พวกเราต้องทำตามกติกา ต่อเลยค่ะ ต่อเลย”
เหลียนเหล่ยคิดไม่ถึงว่าพิธีกรหญิงจะไร้ไหวพริบขนาดนี้ เธอถลึงตาใส่อีกฝ่ายไป แต่กลับไม่ได้เดินไปนั่งใต้ถังน้ำด้วยตัวเอง พิธีกรชายจึงพูดขึ้นทั้งรอยยิ้ม “ไอ๊หยา ต้องยอมให้สุภาพสตรีเสียหน่อยแล้วหรือเปล่าครับ”
ฉินซีมองเหลียนเหล่ยด้วยใบหน้าใสซื่อ “รุ่นพี่เหลียนเหล่ยยังต้องให้คนหน้าใหม่อย่างผมยอมให้เหรอครับ?” ฉินซีสร้างกับดักคำพูดขึ้นมา และเหลียนเหล่ยก็ตกหลุมพรางเข้าไปเต็มๆ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แน่นอนว่าเธอไม่อยากถูกคนอื่นดูถูก เธอจะ้าให้ฉินซีมายอมให้เหรอ? ไม่!
เหลียนเหล่ยนั่งลงใต้ถังน้ำด้วยความขุ่นเคือง จากนั้นสมาชิกในทีมของเธอก็เข้าไปตัดเชือก และผลก็ออกมาว่าโชคของเธอไม่ดีนัก เสียง “ซ่า” ดังขึ้น น้ำในถังราดลงบนตัวของเธอ เหลียนเหล่ยกรีดร้องเสียงแหลม ก่อนจะยกมือปิดหน้าลุกยืนขึ้นะโเสียงดัง “น้ำกระเด็นเข้าไปในตาของฉันแล้ว” ทำเอานักแสดงชายที่ตัดเชือกอับอายขึ้นมา
เหลียนเหล่ยกระทืบรองเท้าส้นสูงเดินกลับไปอย่างรุนแรง “เปลี่ยนเกม”
สีหน้าของเธอย่ำแย่เกินไปแล้ว พิธีกรชายทำได้เพียงพูดยิ้มๆ เพื่อปกปิด “ดูเหมือนว่าวันนี้เหลียนเหล่ยจะกลายเป็หลุมดำของเกมแล้วนะครับ ถ้าแบบนั้นพวกเราลองเปลี่ยนเกมกันเถอะ เกมต่อไป การท้าทายครั้งยิ่งใหญ่!”
หลังจากนั้นอุปกรณ์เล่นเกมก็ถูกปรับเปลี่ยน พิธีกรอธิบายกติกา
ฉินซีขมวดคิ้วเข้าหากัน คิดไม่ถึงว่าเกมนี้จะเล่นกันบนท่อนไม้กลม และยังคงแบ่งออกเป็ทีมสีแดง และสีน้ำเงินตามเดิม ทุกทีมจะส่งคนไปปีนไม้กลม หลังจากนั้นก็จะเริ่มต้นที่ตรงกลาง ใครถูกผลักตกลงมาก่อนก็จะเป็ฝ่ายแพ้ ก่อนหน้านี้แบ่งทีมไว้อย่างไร ตอนนี้ก็ยังแบ่งแบบเดิม และโชคไม่ดีที่ฉินซีบังเอิญมาเจอกับเหลียนเหล่ยอีกครั้ง
เหลียนเหล่ยบีบแหวนที่นิ้วกลางอย่างรุนแรง แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นัก “ฉินซี ครั้งนี้ไม่แน่ว่าใครจะชนะแล้วนะ”
ฉินซีทำเป็ไม่รับรู้ถึงความเกลียดชังของเหลียนเหล่ย เขาพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “รุ่นพี่เก่งกว่าผมมากครับ” ถ้าเธอยังเอาชนะฉันไม่ได้ ขอโทษนะ เธอก็ไม่ควรจะเป็รุ่นพี่ที่เข้ามาก่อนแล้วล่ะ
ทั้งสองปีนขึ้นไปบนท่อนไม้กลม ในตอนนั้นบรรยากาศทั้งบนและล่างเวทีต่างก็ตึงเครียด ทุกคนต่างกังวลว่าทั้งสองคนจะทำอะไรวุ่นวาย
ฉินซีมองเหลียนเหล่ยที่ขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และในตอนนั้นฉินซีก็ได้เห็นความชั่วร้ายในแววตาของเหลียนเหล่ย อีกทั้งในความชั่วร้ายนั้นก็ยังแฝงความได้ใจเอาไว้ อะไรทำให้เหลียนเหล่ยมั่นใจขึ้นมาได้ในชั่วพริบตา? ในตอนที่ฉินซีกำลังตั้งสติ เหลียนเหล่ยพลันพุ่งมาด้านหน้า ขาทั้งสองของเธอเกาะอยู่บนท่อนไม้กลม ก่อนจะยื่นมือเข้ามาบีบคอของฉินซี ฉินซีคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะตรงเข้ามาลงมือบีบคอเขา และในวินาทีที่ยังตอบสนองไม่ได้ เขาก็รู้สึกถึงความเจ็บแสบบนคอของตัวเอง
เจ็บ!
ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างแทงเข้ามาข้างในคอ มันเ็ปไปหมด!
ฉินซีส่งเสียงร้องออกมาโดยอัตโนมัติ เขาปล่อยมือทั้งสองออก ในวินาทีนั้นวุ่นวายมากเกินไป เท้าที่ซ่อนอยู่ใต้กระโปรงยาวของเหลียนเหล่ยถีบเข้าที่ตัวฉินซีอย่างรุนแรง ฉินซีตกลงจากท่อนไม้กลม เหลียนเหล่ยรีบพลิกตัวลงไป จากนั้นก็กรีดร้องขึ้นมา “ไอ๊หยา ฉินซี นายเป็อะไรไป” จากนั้นก็อาศัยตอนที่คนอื่นยังเข้ามาไม่ถึงผลักฉินซีลงไป โดยมองดูแล้วก็เหมือนเพียงจะยื่นมือเข้าไปพยุงเขาเท่านั้น
แต่ฉินซีกลับกลิ้งตกลงไปจากเวที
เสียง “ปัง” ดังสนั่น ทุกคนต่างก็นิ่งไปด้วยความตะลึงงัน
ฉินซีขบฟันแน่น ไม่เพียงแค่รู้สึกเจ็บที่ลำคอ แต่ยังมีที่ต้นขาและข้อศอกด้านขวาด้วย ตอนที่ตกลงไปจากที่สูงโดยไม่ทันระวัง เขารู้สึกว่าเหมือนตัวเองจะได้ยินเสียงดัง “กร๊อบ” อย่างกับเสียงกระดูกหัก เจ็บ! เจ็บเกินไปแล้ว!
หลังจากกลับมาเกิดใหม่ เขาก็ไม่เคยได้รับความเ็ปขนาดนี้มาก่อน
เขาลุกขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง และทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นเท่านั้น เขามองโคมไฟ้า ก่อนจะกะพริบตาปริบๆ… ดวงตาของเขาแห้งผาก… ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเหมือนย้อนกลับไปตอนก่อนตาย เขาได้ยินเสียงเืของตัวเองไหลริน และรู้สึกถึงความเ็ปอย่างหนัก แต่กลับไร้วิธีการช่วยเหลือตัวเอง
เจ็บมาก!
ฉินซีจับพื้นพยุงตัว ก่อนจะได้สติกระจ่างขึ้น ดูเหมือนว่าเพื่อจะพิสูจน์ว่าตอนนี้ตัวเองไม่เหมือนกับตอนที่ตายอีกแล้ว เขาจึงใช้แรงพยุงตัวพยายามลุกขึ้นนั่ง ทีมงานและคนด้านล่างเวทีต่างก็ได้สติกลับมา พวกเขารีบพุ่งเข้าไปทางฉินซี
เจี่ยงถิงเฟิงใจนหน้าซีด สวี่เทาเองก็ไม่ได้ต่างกัน แม้ว่าโดยส่วนมากจะเป็เพราะเขากังวลว่าเฉินเจวี๋ยอาจจะมาโมโหเขาก็ตาม
แฟนคลับด้านล่างเวทีเข้ามาพยุงตัวของฉินซีก่อนเป็คนแรก เขาพยายามจะพยุงตัวฉินซีให้ลุกขึ้น เจี่ยงถิงเฟิงจึงะโเตือนเสียงดัง “อย่าขยับมั่วๆ ถ้ากระทบไปถึงซี่โครงจะทำยังไง? อาจจะแทงอวัยวะภายในได้นะ!”
แฟนคลับหน้าซีด และไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าอีก
ฉินซีกลืนน้ำลายลงไป จากนั้นก็มองเหลียนเหล่ยที่กำลังลอบได้ใจอยู่ด้วยสายตาเยือกเย็น เขายิ้มออกมาทั้งใบหน้าที่ซีดเซียว และพูดขึ้นกับผู้กำกับรายการ “ไม่เป็ไรครับ ผมยังถ่ายต่อได้ แค่ตกลงมาเท่านั้น”
เจี่ยงถิงเฟิงโมโหจนขนลุก ดวงตาของเขาแดงก่ำ ใบหน้าเริ่มปรากฏความดุดัน เขารู้ว่า่นี้จะถูกตัดออกตอนออกอากาศ เขาจึงเดินเข้าไปด้วยความโมโห จากนั้นก็ตวาดใส่ฉินซี “ไปโรงพยาบาลก่อน! จะยังถ่ายอะไรอีก?”
แน่นอนว่าผู้กำกับไม่เห็นด้วย ถ้ามีเื่วุ่นวายถึงขั้นไปโรงพยาบาล รายการก็จะลำบากไปด้วย
“อืม ผมคิดว่ายังได้อยู่ ถ่ายต่อเถอะ ฉินซีไม่เป็อะไรใช่ไหม?” ผู้กำกับถามฉินซี
“ไม่เป็อะไรครับ ต่อได้เลย” เขาจะออกไปทั้งอย่างนี้ได้อย่างไร? นี่ไม่ใช่สิ่งที่เหลียนเหล่ย้าเหรอ? ตั้งใจเอาคืนเขาอย่างรุนแรง ทั้งยังอยากให้เขาออกไปจากรายการ ถ้ายิ่งสามารถทำให้ผู้กำกับไม่พอใจได้ นั่นก็ยิ่งดี! เขาจะปล่อยให้เหลียนเหล่ยทำตามใจได้อย่างไร? ถ้าจะให้ฉินซีก้มหัวจากไปด้วยความผิดหวังละก็ ไม่! ไม่มีทาง!
ฉินซีดันตัวแฟนคลับที่พยุงตัวเองออก “ขอบคุณครับ” เขาหันหน้ากลับมาจัดเสื้อผ้าของตัวเอง สีหน้าของเขาสงบนิ่ง แต่ใบหน้าและสายตากลับแฝงความหนักแน่นเอาไว้ “พวกเราถ่ายรายการกันต่อเถอะครับ”
เมื่อฉินซีออกปากแบบนั้น แล้วใครจะห้ามเขาได้อีก?
เจี่ยงถิงเฟิงอดกลั้นอารมณ์โมโหไม่ได้ เขาไม่ไว้หน้าเหลียนเหล่ยอีก สวี่เทาเองก็เหมือนกัน เขายิ่งไม่ชอบใจเหลียนเหล่ยมากขึ้นไปอีก
่หลังของรายการ เหลียนเหล่ยยิ่งเล่นก็ยิ่งมีความสุข ฉินซีพยายามทนความเ็ปที่แขน ขา และคอเอาไว้ ใบหน้าของเขาประดับไปด้วยรอยยิ้ม นี่แหละดารานักแสดง ยามที่คนนอกมองมาภาพลักษณ์ที่แสดงออกย่อมต้องดูดี อดทนต่อความเ็ปเอาไว้และฝืนยิ้มออกมา
ฉินซีอดกะพริบตาถี่กว่าปกติไม่ได้ มันเ็ปมาก...
ดูเอาเถอะ วันนี้นายเจ็บเท่าไร นายต้องจำเอาไว้ ครั้งหน้าจะได้รู้ว่าต้องเอาคืนกลับไปให้ร้ายแรงเท่าไร!
ฉินซีเหยียดยิ้มในใจ จากนั้นก็จดจำเหลียนเหล่ยลงในสมอง