ิอวี่รู้ดีว่า ต่อให้การขโมยไข่ัมันจะง่ายกว่าการฆ่าัทะเลทรายมาก แต่มันก็ยังมีระดับความยากอยู่พอสมควร
เพราะัทะเลทรายให้ความสำคัญกับไข่ของตัวเองมาก คิดอยากจะเข้าใกล้มันนั้นไม่ง่ายเลย
ในความเป็จริงแล้ว ัทะเลทรายให้ความสำคัญกับไข่ัมากกว่าที่พวกของิอวี่นั้นจะคาดคิดอีก
ปกติแล้ว อสูรที่มีความแข็งแกร่งอย่างมาก จะมีความสามารถในการสืบพันธุ์ที่ต่ำมาก ัทะเลทรายมีสายเืัอยู่ ดังนั้นโอกาสในการแพร่พันธุ์จึงต่ำมาก
โอกาสที่ัทะเลทรายตัวแม่จะผสมพันธุ์สำเร็จและวางไข่นั้นมีระดับต่ำอยู่แค่ร้อยละสามเท่านั้น นั่นก็หมายความว่า ัทะเลทรายจะวางไข่ัหนึ่งใบใน่ระยะเวลาระหว่างสามสิบถึงหนึ่งร้อยปี!
ไข่ันั้นถือได้ว่าเป็ของล้ำค่าอย่างมาก และมันยังเป็ของที่เกิดจากัทะเลทรายที่เป็อสูราาขั้นที่สี่ระดับสูงสุด หากเอาไปไว้ในราชวงศ์ใดราชวงศ์หนึ่งล่ะก็ จะบอกว่ามันเป็ของศักดิ์สิทธิ์สูงสุดก็ไม่เกินเลยไป!
ดังนั้น คิดอยากจะขโมยไข่ัมาจากัทะเลทรายถือได้ว่ายากมาก
อีกอย่าง ต่อให้มีวิธีเข้าใกล้ไข่ั แต่หากถูกจับได้ก็จะทำให้ัทะเลทรายนั้นโกรธ บีบหยกให้แตกมันก็อาจจะทำให้หายออกไปจากสนามรบร้างโบราณแห่งนี้ได้ แต่ว่า หลังจากที่หยกทำงานก็ยังต้องยื้อเอาไว้ให้ได้ภายในสิบวินาที
เมื่อครู่สิบวินาที ิอวี่สามารถฉวยโอกาสสังหารหลินเฮ่าที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวได้ หากัทะเลทรายโกรธขึ้นมาจริงๆ ต่อให้บีบหยกหนี คิดว่าสิบวินาทีก็ไม่น่าจะรอดมือของมันไปได้!
หากเข้าใกล้ไข่ั แล้วจะหนีจากเงื้อมมือของมันได้อย่างไรกันล่ะ?
มันเป็หนึ่งในปัญหาที่ยากลำบากอย่างมาก เหมือนมีูเาใหญ่ลูกหนึ่งตั้งตระหง่านตรงหน้าิอวี่ แต่เขาไม่อาจข้ามผ่านมันไปได้ คิดอย่างไรก็หดหู่ใจ
เพราะต่อให้คนอื่นคิดหาวิธีแทบเป็แทบตายจนได้ไข่ัไป ก็จะต้องเอามันไปให้กับผู้บริหารระดับสูงอยู่ดี แต่ิอวี่สามารถใช้วิธีการของเฮยจีดูดลมปราณตัวอ่อนัมาได้!
แค่เื่นี้เื่เดียว มันก็ทำให้ิอวี่นั้นรู้สึกหวั่นไหวมากแล้ว การขโมยไข่ันอกจากจะอันตรายแล้ว มันยังตื่นเต้นมากอีกด้วย!
“จะต้องมีวิธีเพิ่มความสำเร็จในเื่นี้ของข้าสิ”
ิอวี่คิดอย่างจริงจัง คิดอยู่นาน ในที่สุดในหัวของเขาก็เหมือนคิดอะไรได้ เขาตบหัวแล้วพูดว่า “ข้าลืมมันไปได้อย่างไรเนี่ย!”
เหมือนว่าิอวี่จะนึกอะไรดีๆ ขึ้นมาได้แล้ว เขารีบสั่งเ้าอสูรสัตว์ปีกของเขาบินไปตามทะเลทราย หากเขาเจอซากปรักหักพังดีๆ ก็จะเริ่มทดลองมันทันที!
“ทำท่าทางลึกลับจังเลย นี่ รอข้าด้วยสิ”
เฮยจีที่อยู่ข้างๆ เบะปากไม่พอใจ แล้วก็อุ้มเิหยูเยียนขี่เ้ากระเรียนขาวตามิอวี่ไปทันที
กลางทะเลทรายที่เวิ้งว้าง พวกเขาก็เหมือนอยู่กลางทะเลที่กว้างใหญ่ ไม่นานพวกเขาก็หายลับไปกับขอบฟ้า และทะเลทรายผืนนี้ก็เหมือนจะเกิดความเคลื่อนไหวขึ้น ลมยังคงพัดทรายให้ฟุ้งกระจาย ภายใต้ความเงียบสงบ มันแฝงไปด้วยลมพายุลูกใหญ่!
......
ทางทิศตะวันออกของทะเลทราย มันเป็พื้นที่ซากปรักหักพังขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
พื้นที่ซากปรักหักพังผืนนี้ใหญ่กว่าที่ผ่านมาถึงสองสามเท่า ภายในยังมีสิ่งก่อสร้างแปลกๆ มากมาย ถึงแม้พวกมันจะพังหมดแล้ว และหลายต่อหลายแห่งเสียหายหนักมาก แต่ถ้ามองไปดีๆ แล้ว ก็ยังััถึงประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของมันได้
เมื่อสายตาทอดยาวผ่านเศษซากอาคารโบราณ จะเห็นได้ว่าใจกลางซากปรักหักพังขนาดใหญ่ มีอาคารหลังหนึ่งที่มีรูปทรงคล้ายกับดอกบัวตั้งตระหง่านอยู่
เมื่อเข้าใกล้มากขึ้นก็จะเห็นว่า อาคารที่มีลักษณะคล้ายกลีบดอกไม้ แท้จริงแล้วมันคือเสาหินขนาดใหญ่แปดต้นที่ตั้งอยู่ทั้งสี่ทิศอยู่ด้านใน!
และภายในเสาขนาดใหญ่เ่าั้ มันก็เป็พื้นที่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งร้อยเมตร
พื้นเรียบเป็สีเหลืองแม้จะมีรอยร้าวเล็กๆ แต่บนพื้นก็มีเส้นที่สวยงามสลับซับซ้อนอยู่ มันแผ่ขยายออกไปโดยรอบ และไต่ขึ้นไปตามเสาหินทั้งแปดต้นด้วย
พวกมันส่องแสงสีทองจางๆ ส่งไปยังปลายยอดที่อยู่บนเสาหินทั้งแปดต้นตามลำดับ หลังจากนั้น พลังงานจากปลายเสาหินทั้งแปดก็รวมตัวกันอยู่ที่จุดศูนย์กลางและควบแน่นจนเป็ไฟทรงกลม!
แสงไฟทรงกลมเปล่งแสงสีทองออกมาและเริ่มหมุนรอบตัว
ในเวลานี้เอง ภายในลูกไฟทรงกลม ชายหนุ่มรูปร่างกำยำที่มีผิวสีขาวราวกับแป้งสาลี และผู้กล้าอีกห้าคนรอบตัวเขายืนอยู่บนพื้นราบที่เต็มไปด้วยเส้นแสง ตอนนี้แสงไฟทรงกลมลอยตัวอยู่กลางอากาศ เขายื่นฝ่ามือขวาออกไปและดึงเอาพลังงานที่ภายในออกมาไว้ที่ฝ่ามือ
ทันใดนั้นเอง ระหว่างตัวเขากับพลังงานไฟนั่นก็เกิดความเชื่อมโยงอะไรบางอย่างต่อกัน
เขาค่อยๆ หลับตาลง และเริ่มัักับอะไรบางอย่างนั่น
ผู้กล้าห้าคนที่อยู่รอบตัวเขาไม่ได้พูดอะไรเลย ยืนดูชายคนนั้นอย่างเงียบๆ จนกระทั่งผ่านไปประมาณหนึ่งนาที ชายคนนั้นก็เก็บมือกลับมา แล้วเขากับแสงนั้นก็หยุดการเชื่อมโยงกัน
“อย่างนี้นี่เอง”
ชายหนุ่มคนนั้นยังคงหลับตาอยู่ แต่ก็มีความทรงจำหนึ่งสายที่พุ่งเข้ามาในหัวของเขา
“ศิษย์พี่โอวหยาง เป็อย่างไรบ้าง?” ผู้กล้าคนหนึ่งที่อยู่ด้านหน้ารีบถาม
ที่นี่มีกันทั้งหมดหกคน แต่ละคนล้วนมาจากสายหรงเหยียน และคนที่ยืนอยู่ตรงกลาง ก็คือเด็กใหม่ที่เป็ดั่งาาของรุ่นนี้
ศิษย์ชั้นยอดผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่สาม โอวหยางเต้าอวี่!
โอวหยางเต้าอวี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา สายตาของเขานั้นเป็ประกาย “ข้าเจอเบาะแสของัทะเลทรายจากเศษความทรงจำของแท่นบูชาโบราณ มันน่าจะอยู่ทางเหนือของทะเลทราย”
แท่นบูชาโบราณที่โอวหยางเต้าอวี่พูดถึง มันก็คือสิ่งก่อสร้างที่เต็มไปด้วยลวดลายแห่งนี้
ซากปรักหักพังแต่ละแห่งในสนามรบร้างโบราณเคยเป็แคว้นมาก่อน แต่ละแคว้นก็จะมีแท่นบูชาโบราณตั้งอยู่ มันบันทึกเื่ราวความทรงจำเอาไว้ นั่นก็หมายความว่า บันทึกที่อยู่ในแสงสีทอง มันคือประวัติศาสตร์ทั้งหมดของแคว้นแห่งนี้
ผ่านไปกว่าหมื่นปี จิตแห่งแท่นบูชาบางแห่งถูกทำลายลงไปแล้ว ส่วนบางแห่งก็ยังเหลืออยู่ แล้วโอวหยางเต้าอวี่ก็มาเจอแท่นโบราณที่ยังไม่เสียหายเท่าไรนักแห่งนี้
ในนาทีนั้น เขาได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของซากปรักหักพังเมื่อหลายหมื่นปีก่อนจากความทรงจำผนึกอยู่ในแสงทรงกลม มีทั้งเื่ของมนุษยศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และอารยธรรมของดินแดนแห่งนี้
แน่นอนว่า โอวหยางเต้าอวี่เองก็รวบรวมจัดเรียงความทรงจำของตัวเอง และได้ผลสรุปมาในท้ายที่สุด
ัทะเลทราย เป็อสูรที่มีมากที่สุดในทะเลทรายที่อยู่ทางตอนเหนือ!
“ถ้าเช่นนั้น ศิษย์พี่โอวหยาง เราเดินทางเมื่อไหร่ดี?”
ด้านข้างของโอวหยางเต้าอวี่นั้นเป็หญิงสาวรูปร่างดีสวมชุดสีม่วง นางมัดผมหางม้า หน้าตาดี แก้มทั้งสองข้างอมชมพู ดูงดงามมาก
นางเป็ศิษย์น้องร่วมอาจารย์ของโอวหยางเต้าอวี่ มีชื่อว่าลั่วอิง เป็ผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่สาม!
ลั่วอิงไม่ได้เป็แค่ศิษย์น้องของโอวหยางเต้าอวี่ แต่นางยังเป็คนรักของเขาด้วย เดิมทีลั่วอิงนั้นเป็ผู้หญิงที่มีนิสัยแข็งกร้าวหัวรั้น แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าโอวหยางเต้าอวี่ที่สุขุม ลั่วอิงก็กลายเป็คนอ่อนหวาน หลายเื่นางก็ให้เขาเป็คนตัดสินใจ
ลั่วอิงพูดจบ อีกสี่คนที่เหลือก็มองมาที่โอวหยางเต้าอวี่ทันที รอคำตอบจากเขา
สี่คนนั้นก็เป็ศิษย์ของสายหรงเหยียนเหมือนกัน พวกเขามีพลังฝีมือขอบเขตอมฤตขั้นที่สองระดับสูงสุด
เดิมโอวหยางเต้าอวี่นั้นคิดอยากจะเดินทางไปกับลั่วอิงแค่สองคน แต่ว่า เพราะถึงเวลาขโมยไข่ัมันจะต้องมีความเคลื่อนไหวใหญ่ พวกเขาเองจึงจำเป็ต้องมีผู้ช่วย ดังนั้นทั้งหกคนถึงได้เลือกเดินทางมาด้วยกันหมด
โอวหยางเต้าอวี่หันไปมองลั่วอิง พยักหน้าพูดว่า “ในเมื่อรู้เป้าหมายแล้วว่าคือทางทิศเหนือของทะเลทราย เราก็ไปกันเลยเถอะ”
“ไม่ต้องรอซูอี้หรานก่อนหรือ? เขายังไม่ตามมาเลยนะ” ลั่วอิงชะงักไป สายตาที่มองไปทางโอวหยางเต้าอวี่ก็เหมือนจะมีประกายนิดๆ
ความหมายของลั่วอิงชัดเจนมาก ตอนนี้ซูอี้หรานน่าจะยังทำภารกิจที่อาจารย์สั่งยังไม่เสร็จ พวกเขาไปก่อนแบบนี้มันเหมือนไม่ค่อยดีเท่าไหร่
แผนฆ่าคน มีแค่พวกเขา ซูอี้หราน และหลินเฮ่าเท่านั้นที่รู้ คนอื่นไม่รู้เื่ด้วย
“ไม่เป็ไร เราไปตรวจสอบสถานการณ์ทางเหนือดูก่อน อีกไม่กี่วันเขาก็น่าจะทำภารกิจเสร็จแล้วล่ะ”
โอวหยางเต้าอวี่ยิ้ม เขารู้จักนิสัยของซูอี้หรานดี เขาวางใจมาก “เ้าไม่ต้องห่วงหรอก บนตัวของเขามีการผูกลมปราณของข้าเอาไว้ด้วย ไม่ว่าเราไปที่ไหนเขาก็ตามเราเจอ”
“อือ ได้”
ลั่วอิงพยักหน้า จากนั้นก็หันไปออกคำสั่งกับศิษย์ที่เหลืออีกสี่คน “พวกเ้าสี่คนยังจะรออะไรอยู่ บอกไปแล้วไงว่าออกเดินทางเลย ยังไม่รีบไปให้อาหารอสูรสัตว์ปีกแล้วเตรียมออกเดินทางอีก?”
ถึงแม้ลั่วอิงจะอายุน้อยกว่าศิษย์ทั้งสี่คนมาก แต่นางก็ตำหนิพวกเขาอย่างไม่ไว้หน้า
“ ... ได้”
ถึงแม้ในใจศิษย์ทั้งสี่คนจะไม่พอใจกับการกระทำแบบนี้ของลั่วอิง แต่ก็ไม่มีใครกล้าสบตากับนางตรงๆ แต่ละคนได้แต่พยักหน้า จากนั้นก็หันหลังไปยังที่พักของอสูรสัตว์ปีก
แต่ในเวลานี้เอง เงาของทุกคนก็ชะงักไป!
เพราะพวกเขาทั้งหมดต่างััได้ว่า บนท้องฟ้าที่อยู่ห่างออกไปนั้น มันมีอสูรสัตว์ปีกตัวหนึ่งกำลังบินมาทางแท่นบูชาที่พวกเขาอยู่กัน!
ทุกคนมีสายตาที่ดีมาก จ้องมองออกไปบนท้องฟ้าก็พบว่ามันเป็เหยี่ยวั์ตัวหนึ่ง
“ดูเร็วเข้า นั่นมันเหยี่ยวของซูอี้หรานนี่นา”
ทุกคนจำได้ทันทีว่ามันเป็เหยี่ยวของใคร
แต่ว่าคนที่อยู่บนตัวเหยี่ยวนั่นใครกัน?
คนที่พันผ้าสีน้ำตาลบนหัว ใบหน้าเต็มไปด้วยผ้าพันแผลจนเหลือแค่ดวงตาและคิ้วเท่านั้น พูดตรงๆ เลยก็คือ เป็คนไม่มีคิ้ว มีแค่ดวงตาสีเืหนึ่งคู่ ดูน่ากลัวมาก!
เขาคลุมเสื้อคลุมขนาดใหญ่ ท่าทางดูลึกลับแปลกประหลาด
ตอนที่โอวหยางเต้าอวี่เห็นเงานั่นครั้งแรกเขารู้สึกหัวเสียมาก คนคนนั้นนั่งอยู่บนหลังเหยี่ยวของซูอี้หราน เื่นี้เขามั่นใจมาก แต่ทำไมถึงได้ขี่อยู่บนหลังเหยี่ยวของซูอี้หรานได้ล่ะ?
ในเวลานี้ทุกคนก็คาดเดาได้ว่า ซูอี้หรานนั้นอาจจะถูกฆ่าตายไปแล้ว!
คนลึกลับอาจจะขโมยเข็มทิศในมือของเขามา แล้วก็ตามมาถึงที่นี่
เขาคงคิดว่าตนเองมีความสามารถ เอาชนะซูอี้หรานได้ สามารถสังหารทุกคนที่อยู่ที่นี่ได้ และจะชิงทุกอย่างที่เขา้าไป!
“เ้าสวะ!”
สายตาของโอวหยางเต้าอวี่นิ่งลงและกำหมัดไว้แน่น เขามองไปที่คนลึกลับคนนั้นแล้วตะคอกออกไปอย่างรุนแรงว่า “อี้หรานอยู่ที่ไหน? เ้าคืนน้องชายของข้ามานะ!”
พูดจบ โอวหยางเต้าอวี่ก็ลอยตัวขึ้น แล้วซัดหมัดขวาที่เต็มไปด้วยลมปราณออกไปโจมตีคนลึกลับที่ว่านั่น
