ดูเหมือนจะหิวโหยมากเกินไปแล้ว จ้านอู๋มิ่งกินเสบียงกรังในแหวนจักรวาลรวดเดียวไปกว่าครึ่ง ปริมาณอาหารที่กินนี้ กระทั่งเขาเองยังใ เสบียงอาหารนี้เตรียมไว้สำหรับหนึ่งเดือน ตนเองกลับกินไปมากมายเพียงนี้ ดูแล้วการขุดหินจิติญญาเป็งานที่ต้องใช้พลังงานอย่างมากเลยทีเดียว ในอนาคตคงต้องพยายามทำให้น้อยลงแล้วกระมัง
จ้านอู๋มิ่งกลับมาข้างศิลาหินวิเศษพลังธาตุวารีขนาดใหญ่มหึมา สวยงามมากเสียจนรู้สึกปีติยินดีอยู่ในใจ ศิลาหินวิเศษขนาดใหญ่โตก้อนนี้ล้ำค่ากว่ากองหินจิติญญาเมื่อครู่นี้มากมายนัก เขาจัดระเบียบกำไลจนว่างข้างหนึ่ง เอาไว้สำหรับเก็บศิลาหินวิเศษก้อนนี้
ถึงแม้เขาจะยังมิทราบว่าศิลาหินวิเศษก้อนนี้ก่อเกิดมาได้อย่างไร ลักษณะกลมเช่นนี้ ดูไม่เหมือนสมบัติธรรมชาติเลยจริงๆ หรือว่าเป็อุกกาบาตที่ตกลงมาจากท้องฟ้า? แต่อุกกาบาตเหนือท้องฟ้าจะกลมมากขนาดนี้หรือ และยังมีธาตุวารีบริสุทธิ์มากเช่นนี้หรือ? เขาคิดว่ามันไม่น่าเป็ไปได้
เขาว่ายน้ำวนรอบศิลาวิเศษหินก้อนใหญ่รอบหนึ่ง ทันใดนั้น จ้านอู๋มิ่งมีความรู้สึกพิเศษชนิดหนึ่ง เขารู้สึกว่าหินใหญ่ก้อนนี้เหมือนลูกตาขนาดั์ลูกหนึ่ง!
จ้านอู๋มิ่งถูกความคิดตนเองทำให้ใจนสะดุ้งโหยง ลูกตาขนาดใหญ่โตเช่นนี้ลูกหนึ่ง? ทั้งยังมีพลังธาตุวารีบริสุทธิ์มากเช่นนี้? เขานึกถึงเื่ราวของดินแดนปฐมภูมิขึ้นมา อุทานเสียงต่ำ “ลูกั์ตาของคุนเผิง!”
จ้านอู๋มิ่งถูกการคาดเดาของตนเองทำให้ใแล้ว หลังจากเข้าสู่อาณาจักรดินแดนปฐมภูมิแล้ว ทุกส่วนของร่างกายต้องถูกกลั่นผันแปรใหม่อีกครั้งโดยพลังธาตุ พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ระดับต่ำจะกลายเป็พลังแก่นแท้จิติญญาในที่สุด ร่างกายจะบรรลุร่างแก่นแท้จิติญญา ทุกตารางนิ้วของผิวกายเต็มเปี่ยมด้วยพลังแก่นแท้จิติญญา…หากศิลาวิเศษหินก้อนนี้คือลูกั์ตาของคุนเผิง สามารถกล่าวอีกนัยหนึ่ง คุนเผิงได้ผันแปรบรรลุร่างแก่นแท้จิติญญาสำเร็จแล้วจริงๆ
จ้านอู๋มิ่งนึกถึงตำนานเล่าขานเื่นั้นขึ้นมา โลกใต้พิภพลึกล้ำทางเหนือมีมัจฉาตัวหนึ่ง นามของมันคือคุน ด้วยรูปร่างอันใหญ่โตมโหฬารของมัน ไม่ทราบว่าขนาดกี่พันลี้ ผันแปรแปลงร่างกลายเป็วิหคตัวหนึ่ง นามของมันคือเผิง แผ่นหลังของวิหคั์เผิง ไม่ทราบว่ามันมีขนาดกี่พันลี้ ยามที่มันทะยานร่างบินขึ้นด้วยความโกรธกริ้ว ปีกของมันเหมือนดั่งบดบังเมฆบนท้องฟ้าไปเลยทีเดียว
และก็สามารถกล่าวอีกนัยหนึ่ง คุนเผิงมีรูปร่างอันใหญ่โตมโหฬาร สยายปีกกว้างร่วมสามพันลี้ ปกคลุมท้องฟ้า บดบังพระอาทิตย์ ฤทธิ์เดชดุร้ายทะยานฟ้า หากเป็เช่นนี้จริงๆ เช่นนั้นแล้วั์ตาของคุนเผิงจะใหญ่โตมากขนาดนี้ก็ไม่น่าแปลกแต่อย่างใด เริ่มแรกคุนเผิงเป็สัตว์ดุร้ายธาตุวารีโดยกำเนิด ต่อมาภายหลังกลายเป็สัตว์ร้ายธาตุวายุ ั์ตาสองข้าง หนึ่งวารี หนึ่งวายุ สามารถแปรเปลี่ยนหยินและหยาง เหลือบมองขึ้นถึง์สูงสุดเก้าชั้นฟ้า เหลียวมองลงล่างบรรลุโลกใต้พิภพขุมนรกอเวจีชั้นเก้า เป็หนึ่งในสัตว์อสูรหยิ่งผยอง ฤทธิ์เดชแข็งแกร่งทระนง อหังการสุดในโลกหล้า
คุนเผิงแรกกำเนิดเป็มัจฉา เมื่อแยกจากน้ำกลายร่างเป็วิหค เป็สัตว์อสูรควบคุมธาตุวารีและธาตุวายุที่ทรงพลังและร้ายกาจมากที่สุดในโลกหล้า รับการสักการะเป็เทพเ้าแห่งมหาสมุทร มีศักดิ์ฐานะสูงส่งยิ่งนักในชนเผ่าสมุทร ดังนั้น สถานพำนักของคุนเผิงที่ดำรงอย่างโดดเดี่ยวอยู่ในมหาสมุทรวันสิ้นโลกตลอดมา มิมีคนในชนเผ่าสมุทรคนไหนหาญกล้าเกิดความโลภกล้ำกรายสถานที่นี้ ถ้ามิใช่เผ่ามนุษย์จำนวนมากบุกรุกเข้ามา คาดว่าชนเผ่าสมุทรก็จะไม่กล้ำกรายเช่นกัน
จ้านอู๋มิ่งรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก หากั์ตาธาตุวารีของคุนเผิงอยู่ภายในทะเลสาบแห่งนี้ เช่นนั้นั์ตาธาตุวายุของมันก็ควรจะอยู่ในบริเวณใกล้ๆ นี้หรือไม่? จ้านอู๋มิ่งตื่นเต้นจนมือไม้สั่นแล้ว รีบเร่งตรวจสอบบริเวณรอบๆ จนทั่วทันที สุดท้ายจ้านอู๋มิ่งก็ต้องผิดหวังแล้ว โชคดีที่จ้านอู๋มิ่งปลงตก คิดได้อย่างรวดเร็ว กล่าวถึงที่สุด สามารถั์ตาคุนเผิงข้างหนึ่งได้ก็ถือเป็โอกาสวาสนาครั้งยิ่งใหญ่เทียมฟ้าแล้ว
จ้านอู๋มิ่งส่ายหน้าไปมา ยามนี้เพิ่งนึกขึ้นมาได้ ในทะเลสาบแห่งนี้ไม่มีสัตว์อสูรแม้แต่ตัวเดียว มีแต่ปลากับกุ้งที่ไร้สติปัญญาส่วนหนึ่งเท่านั้น ดูแล้วถึงแม้คุนเผิงจะสิ้นชีวิตลง แต่ว่าั์ตาของมันยังคงเปี่ยมกลิ่นอายสายเืของคุนเผิง สำหรับชนเผ่าสมุทร นี่คือกลิ่นอายที่มิอาจล่วงล้ำชนิดหนึ่ง ดังนั้นทะเลสาบแห่งนี้จึงได้เงียบสงบเช่นนี้
จ้านอู๋มิ่งใส่ั์ตาของคุนเผิงเข้าไปในกำไลใส่ของอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้น เขาก็ยังไม่ถอดใจยอมแพ้ค้นหาใต้ทะเลสาบอย่างระมัดระวังเที่ยวหนึ่ง แต่กลับไม่พบสิ่งของพิเศษใดๆ เพิ่มอีก
พลังวารีเหนือธรรมชาติในทะเลสาบยังคงเข้มข้นรุนแรงมาก จ้านอู๋มิ่งรู้สึกจิตใจห่อเหี่ยวแล้ว ตนเองกลับทะลวงด่านบรรลุราชันาแล้ว อาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียนมีเพียงผู้บ่มเพาะระดับต่ำกว่าราชันาเท่านั้นจึงสามารถเข้าไปได้ จ้านอู๋มิ่งนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตรงก้นทะเลสาบ มิคิดจะออกไปไหนแล้ว ทันใดนั้น เขากลับคิดออกมาได้แล้ววิธีหนึ่ง ในเมื่อสามารถเปลี่ยนธาตุแห่งชีวิตให้เป็จิติญญาแห่งชีวิต แล้วบรรจุเข้าไปในถ้ำนภาได้ เช่นนั้นก็สมควรใช้พลังอนัตตาบีบอัดพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ให้เป็พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาได้เช่นเดียวกัน เหมือนเช่นกดทับสำลีให้กลายเป็ลูกเหล็ก ปริมาตรย่อมแปรเปลี่ยน ขนาดเล็กลงมาก หากพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ถูกควบแน่นจนลดขนาดเล็กลง ขอบเขตฐานการบ่มเพาะของตนจะหวนคืนกลับสู่ระดับปรมาจารย์นักยุทธ์หรือไม่?
คิดถึงตรงนี้ จ้านอู๋มิ่งรีบเร่งโคจรพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาขึ้นมาทันที แล้วระดมพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ทั่วร่าง เริ่มทำการขัดเกลาผันแปร…
เวลานี้ จ้านอู๋มิ่งยังไม่ทราบว่า ขณะที่เขากำลังฝึกฌานบ่มเพาะอย่างมีความสุขอยู่นั้น บนเกาะเล็กๆ แห่งนี้กลับเกิดการต่อสู้นองเืขึ้นมาแล้ว
……
การหายตัวไปของจ้านอู๋มิ่ง ทำให้ตู้เยว่ิและคนอื่นๆ วิตกกังวลเหมือนมดบนกระทะร้อน แต่ว่าเกาะก็ใหญ่เพียงแค่นี้ หลายคนพากันค้นหาจนทั่วเกาะหลายต่อหลายครั้งแล้ว กลับยังไม่พบร่องรอยของจ้านอู๋มิ่ง พลังการต่อสู้ของจ้านอู๋มิ่งนั้นนับว่าแข็งแกร่งในหมู่พวกเขา เพียงแค่ดูจากที่เขาสังหารองค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรด้วยพลังอันรุนแรงอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด พลังการต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งยิ่งนัก แตกต่างจากปรมาจารย์นักยุทธ์อันเรียบง่ายที่เขาแสดงให้เห็นภายนอก
ดังนั้นขณะทุกคนออกล่าขุมทรัพย์เพียงลำพัง ไม่มีผู้ใดกังวลเื่ความปลอดภัยของจ้านอู๋มิ่ง แต่จ้านอู๋มิ่งกลับไม่หวนกลับมาตามเวลานัดหมาย พวกเขาค้นหาทั่วทั้งเกาะแล้วก็ยังมิเห็นแม้แต่เงา
ทะเลสาบที่จ้านอู๋มิ่งซ่อนอยู่ข้างใต้ ตู้เยว่ิก็ดำลงไปดูมาแล้ว แต่ทะเลสาบลึกเกินไป เขาดำลงไปมิทันถึงก้น ได้แต่ถอยกลับขึ้นมาเสียก่อน เขามิสามารถดำลงไปถึงก้นทะเลสาบด้านล่าง ด้วยเหตุผลเดียวกัน จ้านอู๋มิ่งเองก็ย่อมมิสามารถดำลงไปอยู่ใต้น้ำได้เช่นกัน และทะเลสาบนั้นดูไปแล้วก็มิได้มีสิ่งใดเป็พิเศษ ถึงแม้จะรู้สึกถึงพลังเหนือธรรมชาติอันเข้มข้นโดยรอบ แต่บนเกาะนี้มีดอกไม้พืชพันธุ์แปลกประหลาดมากเกินไป พลังเหนือธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก ดังนั้นพวกเขาจึงได้ละเลยไป
ตู้เยว่ิปวดศีรษะแทบตายแล้ว จ้านอู๋มิ่งเป็สมบัติวิเศษ เป็ดั่งแก้วตาดวงใจของสำนัก ก่อนที่เขาจะเดินทางมา ท่านอาได้กล่าวเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะต้องปกป้องคุ้มครองจ้านอู๋มิ่งให้ดีๆ นี่เพิ่งจะเข้าสถานพำนักของคุนเผิง วันแรกก็ทำสมบัติวิเศษนี้หายไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นก็ยังไม่กระจ่าง จะมีชีวิตอยู่หรือตายก็ยังมิทราบ มีแต่เพียงกลับไปที่นาวาปราณจิติญญาของสำนักเท่านั้น เพื่อดูว่าป้ายิญญาของจ้านอู๋มิ่งนั้นยังปกติดีอยู่หรือไม่
สิ่งที่พวกเขากังวลมากที่สุดก็คือ หลังจากกลับถึงสำนักแล้วจะอธิบายอย่างไรกับท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่าและอาจารย์เ้าสำนัก ตลอดจนเหล่าบรรดาผู้าุโ
หลายคนช่วยกันค้นหาอีกคืนหนึ่งบนเกาะขนาดเท่าฝ่ามือนี้ แทบจะพลิกผืนทรายบนชายหาดกันเลยทีเดียว
เช้าวันรุ่งขึ้น ตู้เยว่ิพบว่ารอบๆ เกาะมีศิษย์จากสำนักนิกายอื่นขึ้นมาแล้วจำนวนมิน้อย กลุ่มละสามถึงห้าคน พากันมุ่งหน้าเข้ามาทางด้านนี้ในสภาพอันทุลักทุเล สิ่งที่ทำให้ตู้เยว่ิตะลึงก็คือ ด้านหลังของศิษย์สำนักนิกายเหล่านี้ ชนเผ่าสมุทรนับมิถ้วนเดินอยู่บนยอดคลื่น ตามมาติดๆ
ตู้เยว่ิรู้สึกห่อเหี่ยวใจแล้ว เห็นได้ชัดว่า ชนเผ่าสมุทรถูกดึงดูดเข้ามาโดยศิษย์สำนักนิกายที่กำลังหลบหนีกลุ่มนี้ ยามนี้พวกเขาก็ได้กลายเป็ส่วนหนึ่งของเกาะโดดเดี่ยวนี้ไปด้วยแล้ว ถูกชนเผ่าสมุทรปิดล้อมไว้ที่นี่ ไม่สามารถออกไปได้แล้ว
ศิษย์แต่ละสำนักนิกายและนักยุทธ์อิสระที่หนีขึ้นเกาะรวมตัวเข้าด้วยกัน กลับมีจำนวนมากกว่าสองร้อยคน ทุกคนถูกไล่ล่าสังหารโดยชนเผ่าสมุทรอย่างอเนจอนาถ เพราะคนที่หนีขึ้นมาบนเกาะส่วนใหญ่ล้วนได้รับาเ็
ตู้เยว่ิไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด ราชันาจำนวนมากมายเช่นนี้ กลับถูกชนเผ่าสมุทรกลุ่มหนึ่งไล่ล่าสังหารอย่างน่าสังเวชเช่นนี้
ทุกคนล้วนอับจนปัญญา ถ้ามิใช่เพราะการหายตัวไปของจ้านอู๋มิ่ง ทำให้พวกเขาต้องเสียเวลาอยู่บนเกาะนี้คืนหนึ่ง ยามนี้พวกเขาควรอยู่ห่างออกไปนับพันลี้เนิ่นนานแล้ว มิต้องมาตกอยู่ภายในวงล้อมของชนเผ่าสมุทรแต่อย่างไร
สถานพำนักของคุนเผิงเป็แดนศักดิ์สิทธิ์ในจิตใจของชนเผ่าทะเล ก่อนหน้านี้มีนักเสี่ยงโชคเพียงไม่กี่คนล่วงล้ำเข้ามา พวกเขาก็มิได้ใส่ใจอะไรมากมายนัก บัดนี้ แต่ละสำนักนิกายใหญ่มาล่าขุมทรัพย์ในสถานพำนักของคุนเผิงอย่างอึกทึกครึกโครม มิอาจไม่ดึงดูดความสนใจของชนเผ่าสมุทรขึ้นมา
ชนเผ่าสมุทรซุ่มซ่อนอยู่ภายในสถานพำนักของคุนเผิงเนิ่นนานแล้ว พุ่งเป้าไปยังศิษย์ชั้นยอดของแต่ละสำนักนิกาย
หลังจากเหล่าศิษย์แต่ละสำนักนิกายหลบรอดจากการโจมตีของสัตว์อสูรในมหาสมุทรหลายระลอก หนีกระจัดกระจายไปรอบทิศทาง เวลานี้ กลับมาถูกขับไล่โดยชนเผ่าสมุทรที่หลั่งไหลมาจากทั่วทั้งสี่ทิศแปดทาง
แน่นอน มีหลายคนเช่นกันที่ฝ่าออกจากวงล้อมของชนเผ่าสมุทรสำเร็จ เนื่องจากวงล้อมมีขนาดใหญ่มากเกินไป กองกำลังของชนเผ่าสมุทรกระจัดกระจายเกินไป มีศิษย์สำนักนิกายที่พลังต่อสู้แข็งแกร่งจำนวนมากมายเข่นฆ่าออกเป็เส้นทางโลหิตสายหนึ่ง หลบหนีออกไป ศิษย์ที่พลังการต่อสู้ธรรมดาและโชคไม่ดีโดนสกัดกั้นถอยกลับมา
ในตอนแรกตู้เยว่ิแปลกใจ ทำไมชนเผ่าสมุทรจึงต้องจำเพาะเจาะจงขับไล่ผู้คนมาที่เกาะแห่งนี้? สกัดกั้นตนเองที่โชคร้ายไว้ในนี้พอดี คิดถึงสถานการณ์ตอนที่ตนเองขึ้นเกาะมา พลันตู้เยว่ิก็สามารถเข้าใจสาเหตุแล้วในทันใด บนเกาะแห่งนี้ชนเผ่าสมุทรได้จัดวางกับดักล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว
แต่รอจนชนเผ่าสมุทรขับไล่ทุกคนมาถึงที่นี่จึงพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างมิถูกต้อง องค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรกลับมิมีการเคลื่อนไหวใดๆ บนเกาะยังมีเผ่ามนุษย์อยู่…
การหายตัวไปขององค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทร ทำให้ชนเผ่าสมุทรบันดาลโทสะแล้ว เริ่มแรกนี่คือแผนการปิดล้อมปราบปรามที่ถูกกำหนดขึ้นโดยชนเผ่าสมุทร องค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรจะไม่หายตัวไปโดยไร้เหตุผล นอกจากเสียชีวิตแล้ว!
การสิ้นพระชนม์ขององค์ชายชนเผ่าสมุทรปลุกกระแสความโกรธแค้นของเผ่าสมุทรขึ้นมา พวกเขาเริ่มบุกโจมตีขึ้นมาบนเกาะ หลังจากที่ลูกศิษย์แต่ละสำนักนิกายเข้ามาบนเกาะ เหยียบย่างลงบนผืนเกาะ พลันก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาต่อสู้กับชนเผ่าสมุทรกลางมหาสมุทรมาก่อน ชนเผ่าสมุทรทั้งหมดล้วนสามารถแสดงพลังเหนือธรรมชาติ ลูกศิษย์ของแต่ละสำนักนิกายต้องแบ่งพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้เพื่อการสัประยุทธ์กลางอากาศ พลังยุทธ์ถูกลดทอนลงมาก พลังการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายนั้น ฝ่ายหนึ่งเพิ่มขึ้น อีกฝ่ายลดลง ราชันาจากเผ่ามนุษย์และปรมาจารย์นักยุทธ์ของชนเผ่าสมุทรต่อสู้พัวพันกันจนแยกแยะไม่ออก
ตอนนี้อยู่บนบกแล้ว ในใจทุกคนมีความเชื่อมั่นเกิดขึ้น สามารถใช้พลังราชันาได้ตามปกติแล้ว หลายคนนั้นยังมีความหยั่งรู้และประสบการณ์ที่เกินกว่าระดับของราชันาเบื้องต้น แข็งแกร่งยิ่งกว่าราชันาเบื้องต้นทั่วไป
ชนเผ่าสมุทรตามติดขึ้นฝั่งมา ถึงแม้สถานที่นี้คือเกาะกลางสมุทร พลังวารีเหนือธรรมชาติเต็มเปี่ยม แต่บนบกกับในทะเลแตกต่างกันโดนสิ้นเชิง พลังการต่อสู้ของชนเผ่าสมุทรลดทอนลงอย่างใหญ่หลวง พลังของฝ่ายหนึ่งเพิ่มขึ้น ทว่าอีกฝ่ายหนึ่งลดลง เหล่าบรรดาศิษย์แต่ละสำนักนิกายอาศัยชัยภูมิของเกาะรักษาตำแหน่งอย่างมั่นคง
การศึกครั้งนี้จะไม่มีการอ่อนข้อต่อกัน เข่นฆ่าสังหารกันจนมืดฟ้ามัวดิน รบราฆ่าฟันกันหนึ่งวันเต็ม ชนเผ่าสมุทราเ็ล้มตายเป็จำนวนมาก บรรดาศิษย์แต่ละสำนักนิกายที่าเ็อยู่แล้วก็าเ็เพิ่มอีก ทั้งยังต่อสู้จนเสียชีวิตไปส่วนหนึ่ง สุดท้ายชนเผ่าสมุทรก็ต้องล่าถอยออกไปยังรอบนอกของเกาะ
เมื่อรวมกับคณะของตู้เยว่ิเข้าไปอีกคณะหนึ่ง สำนักบริบาลเดรัจฉานมีทั้งหมดสี่คณะถูกปิดกั้นอยู่บนเกาะ โชคดีที่ศิษย์ของสำนักบริบาลเดรัจฉานมีจุดแข็งอยู่บ้าง นั่นคือสามารถควบคุมสัตว์อสูร ดังนั้น ศิษย์ของสำนักบริบาลเดรัจฉานจึงกลายเป็กำลังสำคัญไปแล้ว
ตู้เยว่ิโชคดีที่ได้ฆ่าองค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรไปั้แ่แรก มิฉะนั้นศิษย์แต่ละสำนักนิกายที่ถูกสกัดกั้นไว้บนเกาะคงยากที่จะรักษาชีวิตรอด โชคดีที่พวกเขายึดเกาะเอาไว้ก่อน พื้นที่ ได้เปรียบด้านชัยภูมิที่ดีกว่า ทั้งยังสามารถยึดถือเป็ที่มั่น
เมื่อเผชิญหน้ากับความกดดัน พลันศิษย์แต่ละสำนักนิกายละทิ้งอคติต่อกันทันที วางแผนร่วมมือ กำจัดศัตรูกันอย่างแข็งขัน แต่ละสำนักนิกายต่างก็วางแนวป้องกันบนเกาะ ตั้งฐานที่ตั้งชั่วคราว ในขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ หวังว่าผู้แข็งแกร่งของสำนักนิกายท่านอื่นสามารถให้ความช่วยเหลือได้ ทุกคนล้วนทราบว่า ถ้าไม่มีความช่วยเหลือ รอจนทัพเสริมชนเผ่าสมุทรมาถึง เกาะแห่งนี้คงจะป้องกันไว้ได้ยากแล้ว สุดท้ายทุกคนก็ต้องกลายเป็อาหารจานใหญ่ของชนเผ่าสมุทร
ชนเผ่าสมุทรปิดตายเกาะแห่งนี้ ระดมกำลังเสริมจากมหาสมุทรแถบอื่นอย่างรวดเร็ว คิดจะยึดเกาะแห่งนี้ให้ได้ในคราวเดียว ทำลายล้างศิษย์แต่ละสำนักนิกายจนสิ้น ถึงแม้ใน่เวลาหลายปีที่ผ่านมา ชนเผ่าสมุทรและเผ่ามนุษย์จะไม่ขัดแย้งรุนแรงมากนัก เนื่องจากการดำรงอยู่ของเมืองวันสิ้นโลก ชนเผ่าสมุทรจำนวนน้อยยังค้าขายกับมนุษย์บนบกด้วย แต่ความนัยลึกๆ ในใจที่ฝังแน่นอยู่ในกระดูก พวกเขายังคิดว่ามนุษย์นั้นเป็อาหารอันโอชะ ครั้งนี้เผ่ามนุษย์กลับหาญกล้า ล่วงล้ำเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเ้าสมุทร นี่คือการท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดต่อชนเผ่าสมุทร
ดังนั้น ชนเผ่าสมุทรจึงเร่งรุดมาพร้อมกับกองกำลังทั้งหมด โชคดีที่เจตจำนงของคุนเผิงในสถานพำนักของคุนเผิงไม่ได้ส่งผลตุ่์เท่านั้น ทว่ามีผลสะกดข่มต่อชนเผ่าสมุทรเช่นเดียวกัน แต่กล่าวถึงที่สุดแล้วที่นี่ก็ยังเป็ถิ่นฐานของชนเผ่าสมุทร มีน้ำทะเลอยู่ทุกแห่งหน ชนเผ่าทะเลสามารถสำแดงพลังการต่อสู้เหนือธรรมชาติในสถานที่ที่มีธาตุน้ำอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งจำนวนของชนเผ่าสมุทรมากกว่ามนุษย์มากมายนัก มากันเป็กลุ่มก้อนในคราวเดียว ดังคำกล่าวที่ว่าสองหมัดยากต้านทานสี่กร มนุษย์ย่อมต้องเป็ฝ่ายเสียเปรียบอยู่บ้าง
เมฆครึ้มตั้งเค้าปกคลุมเกาะนิรนามแห่งนี้อย่างแ่า ศึกานองเืครั้งใหญ่กำลังจะเริ่มต้นเปิดฉาก…