แม้ฮูหยินเฒ่าสั่งให้อวี๋ซื่อจัดแจงหาซื้อเสื้อผ้าและของใช้ให้ไป๋เซียงจู๋ ทว่าไม่ได้ใส่ใจจริงจัง และอวี๋ซื่อก็รู้นิสัยของไป๋เซียงจู๋ดี นางจะนิ่งเงียบไม่มีปากเสียงเหมือนเคยอย่างแน่นอน ใครจะรู้ว่านางกลับนำเสื้อผ้ามาด้วย ฮูหยินเฒ่าไป๋ไม่เคยก้าวก่ายกิจในจวน อีกทั้งไม่เคยตำหนิติเตียนตน บัดนี้ถึงจะไม่บริภาษนางอย่างตรงไปตรงมา แต่ก็เท่ากับว่ารับทราบความคับข้องใจของไป๋เซียงจู๋แล้ว
ไฟโทสะของอวี๋ซื่อวิ่งพล่านไปทั่วในท้อง ใบหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ ลมหายใจเริ่มถี่เร็ว นางลุกยืนพรวดโดยพลัน นางเดือดดาล เดือดดาลจนแทบอดกลั้นไม่ไหว แม้นางมิใช่นายหญิงแห่งตระกูลไป๋ แต่นางก็บริหารกิจการเบื้องหน้าเื้ัจวนไป๋ในตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ นางจึงเคยชินกับการวางตนเป็นายหญิงแห่งจวนไป๋แล้ว นางจะทำให้หญิงชราเคืองขุ่นไม่ได้เป็อันขาด! นอกจากนี้ไป๋ซื่อยังกลับมาคอยปรนนิบัติใกล้ชิดฮูหยินเฒ่า หากไป๋ซื่อปั้นแต่งเื่เป่าหูเพื่อช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้ลูกสาวนางเล่า! ดังนั้น สำหรับเื่บางเื่ นางจึงจำต้องอดทนไว้
“ลูก… ลูกไม่รู้เ้าค่ะ” ตอนนี้อวี๋ซื่อทำได้เพียงแกล้งโง่ สายตาดุดันจ้องไปยังแม่เฒ่ากุ้ยที่อยู่ข้างกายและตวาดเสียงดัง “แม่เฒ่ากุ้ย นี่คือเสื้อผ้าที่เ้าตระเตรียมเป็อย่างดีหรือ เกิดอะไรขึ้นกัน”
หลังแม่เฒ่าตู้จากไป แม่เฒ่ากุ้ยคือบ่าวาุโผู้ดูแลภายในเรือนของอวี๋ซื่อที่เพิ่งได้รับการเลื่อนขั้น ขณะนี้อวี๋ซื่อไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลากตัวตายตัวแทนสักคนมาเก็บกวาดความวุ่นวายนี่
แม่เฒ่ากุ้ยใ เกรงกลัวจนเข่าอ่อนร่วงลงบนพื้นดังตุบ “นายหญิงโปรดไว้ชีวิต นายหญิงโปรดไว้ชีวิต ผ้าในคลังมีแต่สีพวกนี้ทั้งนั้นจริงๆ เ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ไม่ค่อยออกจากเรือน ไม่เคยบอกว่าชอบสีอะไรด้วย บ่าวจึง…”
ไป๋เซียงจู๋อมยิ้ม ทว่าน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “จู๋เอ๋อร์คือคนแก่ที่ขาข้างหนึ่งเหยียบเข้าโลง ไม่ต้องใส่สีสดใสอะไร ถูๆ ไถๆ ก็พออย่างนั้นสินะเ้าคะ อย่างไรเสียสองสามวันมานี้ก็ตายไปแล้วนี่นา”
ไป๋เซียงจู๋พูดพร้อมกับปิดหน้าสะอึกสะอื้น เสียงร้องไห้เศร้าโศกเสียจนทุกคนในที่นี้ล้วนทนไม่ได้
“นี่! พูดจาเหลวไหลอะไรกัน จู๋เอ๋อร์ของแม่สบายดี” ไป๋ซื่อเดินเข้ามาคว้ามือของเซียงจู๋ รีบบอกให้นางหยุดพูดสิ่งที่ไม่เป็มงคลพวกนี้
นึกถึงตอนที่อวี๋ซื่อยังไม่ได้เข้าจวน ตนเป็แก้วตาดวงใจหนึ่งเดียวของตระกูลไป๋ ต่อให้ทำเื่นั้นลงไปและต้องเผชิญหน้ากับบิดามารดาของตัวเอง แต่ไป๋ซื่อไม่อยากทนเห็นบุตรสาวของตนต้องทุกข์ทรมานถึงขนาดนี้ นี่คือก้อนเนื้อที่ออกมาจากกายของนาง หากนางไม่รัก ไป๋เซียงจู๋ก็จะถูกคนอื่นเหยียบย่ำ แม้คราวนี้พ้นภัยใหญ่หลวงมาได้ ทว่าไม่กล้าปล่อยให้บุตรสาวเจ็บช้ำน้ำใจอีกแล้ว
“ท่านแม่ นี่หลานสาวแท้ๆ ของท่านนะเ้าคะ ถึงท่านแม่ไม่โปรดนางเพียงใด นี่ก็คือผู้มีสายเืตระกูลไป๋…”
แม้ไป๋ซื่อไม่ได้กล่าวชัด แต่ฮูหยินเฒ่าไป๋เข้าใจเจตนาของไป๋ซื่อ นางกำลังตำหนิตนอยู่นั่นเอง
สีหน้าของฮูหยินเฒ่าบูดบึ้งหนัก นางรับรู้ความหมายแฝงอื่นั้แ่ได้ฟังคำพูดของไป๋เซียงจู๋ จึงฉีกยิ้มเย็นถากถางอวี๋ซื่อโดยพลัน “ได้ อย่างไรเสียหญิงเฒ่าแก่หง่อมเช่นข้ามันใกล้ลงโลงอยู่รอมร่อแล้ว แม้แต่จะลวงจะหลอกก็ยากสินะ”
“ท่านแม่ ต่อให้ลูกอาจหาญเพียงใดก็ไม่อาจมีความคิดกระด้างกระเดื่องน่าละอายเช่นนั้นหรอกเ้าค่ะ หลายปีมานี้ลูกแข็งขันตั้งใจเสมอ ท่านแม่เองก็เห็น ลูก…” พูดไปพูดมา อวี๋ซื่อเริ่มสำลัก
“ท่านย่า เื่นี้จะกล่าวโทษท่านแม่ไม่ได้นะเ้าคะ เป็เพราะแม่เฒ่ากุ้ยไม่ใส่ใจเสียมากกว่า ส่วนท่านพี่น่ะก็เหลือเกิน ถ้าไม่ชอบผ้าพวกนั้น ข้าก็พอมีอยู่ มาขอจากข้าก็ได้นี่” ไป๋ชิงโหรวมองไป๋เซียงจู๋ด้วยสายตาติติง
ไป๋เซียงจู๋ก้มหน้าลงและคลี่ยิ้มบาง “ที่เรือนของน้องมีผ้าอยู่เยอะจริงๆ นั่นแล ชุดที่เ้าใส่อยู่นี้ก็สวยสดใสยิ่งนัก ทว่าพี่ไม่ชอบแต่งตัวฉูดฉาดมาั้แ่ไหนแต่ไร มิเช่นนั้นคงไปขออย่างแน่นอน”
“พอได้แล้ว ขอไม่ขออะไร เ้าก็เป็บุตรสาวของตระกูลไป๋เหมือนกัน ตัวเองจะตัดเสื้อผ้าที มีเหตุผลอันใดต้องไปขอจากน้องเ้า” ฮูหยินเฒ่าไป๋ชายตามองอวี๋ซื่ออย่างหงุดหงิด ลูกสะใภ้คนนี้จิตใจคับแคบเหลือทน คิดเล็กคิดน้อยกับทุกสิ่งอย่าง นางเพียงแต่ตำหนิติเตียนไม่กี่ประโยคเท่านั้นก็ดันร้องไห้ออกมาเสียก่อนแล้ว อะไรดีอะไรงามก็เก็บไว้ให้ลูกสาวตนหมด ไม่เหมาะสมกับศักดิ์ศรีวงศ์ตระกูลเลยจริงๆ แต่หากตอนนี้ไม่อะลุ้มอล่วยให้บ้าง ผู้คนจะลือกันได้ว่าตนใจไม้ไส้ระกำต่อลูกสะใภ้ สุดท้ายแล้วก็เป็เพียงสะใภ้จากครอบครัวสามัญที่ไม่ได้เชิดหน้าชูตา ไม่คุ้มค่าที่ตนจะต้องโมโหโทโสเพราะนาง
“คราวหน้าคราวหลังก็จัดการให้เรียบร้อยกว่านี้หน่อย ถ้ายังเป็เช่นนี้อยู่อีก ข้าจะวางใจยกกิจในจวนนี้ให้เ้าดูแลได้อย่างไร”
ถ้อยคำของฮูหยินเฒ่าไป๋มีความหมายลึกซึ้ง ใครก็ตามในที่นี้ที่พอมีความฉลาดอยู่บ้างล้วนเข้าใจ
“เ้าค่ะ ลูกจะจำขึ้นใจ” แม้ในใจของอวี๋ซื่อคุกรุ่นด้วยความชิงชัง แต่จำเป็ต้องแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา นางเงยหน้ามองไปทางไป๋เซียงจู๋ที่ยืนอยู่อีกด้าน อยากจะปั้นยิ้มอ่อนโยนทว่าไม่สำเร็จ มุมปากแข็งทื่อเริ่มรู้สึกเป็ตะคริว “เด็กคนนี้นี่ ถ้าไม่ชอบก็มาบอกน้าตรงๆ สิ เ้าเป็หลานน้านะ มีหรือจะไม่ยุติธรรมกับเ้า”
“ต่อไปนี้น้องโอนเงินส่วนของจู๋เอ๋อร์มาที่เรือนของข้า จู๋เอ๋อร์ชอบเสื้อผ้าสีอะไรแม่อย่างข้าจะจัดการเอง วันหลังจะไม่รบกวนให้ต้องเป็ภาระน้องอีกแล้ว” ไป๋ซื่อกลับขัดจังหวะอวี๋ซื่ออย่างเ็า วาจาไม่ไว้หน้าแม้แต่นิดเดียว
ไป๋เซียงจู๋ส่งแววตาระคนประหลาดใจไปที่อวี๋ซื่อ มารดาทำเพื่อนางถึงขนาดนี้ได้ถือว่าดีมากแล้ว ความอ่อนไหวเล็กๆ ผุดขึ้นกลางหัวใจ
เมื่อเห็นว่าบุตรสาวจ้องตัวเองอย่างงุนงง ไป๋ซื่อจึงจับมือของนางมาลูบเบาๆ “ต่อจากนี้ไปแม่จะดูแลลูกเอง จู๋เอ๋อร์ลำบากแล้ว”
แม้นี่เป็เพียงถ้อยคำธรรมดาของแม่ที่มีต่อลูก แต่มันก็ทำให้ไป๋เซียงจู๋น้ำตารื้น ในชาติที่แล้ว เซียงจู๋ได้พบหน้ามารดาครั้งแรกหลังจากไป๋ซื่อถูกยกให้แต่งงานกับตาแก่เลอะเทอะคนหนึ่ง นางไม่เคยเป็สุขจากความรักความห่วงใยของมารดา แค่เห็นกันผ่านๆ ครั้งนั้นและได้ข่าวว่านางถูกรับเข้าจวนเหิงชินอ๋องในฤดูหนาวปีต่อมาเท่านั้น ทว่ามารดานางในตอนนั้นมีปัญหาหนักหนานานัปการรุมเร้า เหิงชินอ๋องสมรสกับนางเพราะคำสัญญา ทั้งที่นางก็มิได้บริสุทธิ์ผุดผ่องอีกแล้ว ซ้ำร้ายยังทุกข์ทรมานจากโรคบิด ร่างกายแก่เฒ่าโรยราไม่หยุด หลงเหลือความงามอย่างกุลสตรีเฉกเช่นในวันวานเสียที่ไหน
ถึงนางจะรู้สาเหตุต้นตอดี แต่ก็พอเดาได้ว่าชีวิตในจวนเหิงชินอ๋อง ณ เวลานั้นของไป๋ซื่อเลวร้ายเพียงใด กอปรกับมีมู่จื่อรั่วและมารดาใจทรามคู่นั้นคอยเล่นสกปรก ไป๋ซื่อจึงตายไปโดยที่เข้าจวนเหิงชินอ๋องยังไม่ครบปี
อวี๋ซื่อถูกไป๋ซื่อดักคอจนกระอึกกระอักไม่น้อย ทว่าไม่กล้าคัดค้านอะไรทั้งสิ้น วันสองวันนี้ไป๋ซื่อหวนคืนสถานะสู่ขวัญใจคนโปรดอีกครั้ง และฮูหยินเฒ่าไป๋ก็ไม่ได้กักนางไว้ในเรือนด้วย ผู้คนมักได้ยินเสียงหัวเราะออกมาจากเรือนฮูหยินเฒ่าอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าอย่างไรไป๋ซื่อก็เป็ลูกสาวของตน มีหรือจะไม่รัก ดูท่าฮูหยินเฒ่าน่าจะเลิกถือโทษโกรธเคืองแล้ว นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย ตนต้องหาทางทำให้กิตติศัพท์ของสองแม่ลูกนี่ฉาวโฉ่ยิ่งกว่าเดิม ต้องกำจัดเสี้ยนหนามคู่นี้โดยเร็ว
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ให้จู๋เอ๋อร์ย้ายไปเรือนของหลัวเอ๋อร์เถิด เรือนเ้าเองก็สมควรที่จะเติมข้าวของบ้างแล้ว อีกอย่างพ่อเ้ากำลังจะกลับมา ถึงเวลานั้นถ้ามีผ้างามข้าจะส่งไปให้” ฮูหยินเฒ่าไป๋สรุปส่งท้าย ไม่มีใครในที่นี้บังอาจคัดค้าน
ไป๋เซียงจู๋รู้สึกเบิกบานสำราญใจยิ่งเมื่อเห็นท่าทางประหนึ่งกินแมลงวันเข้าไปของอวี๋ซื่อ แต่ภายนอกกลับทำทีน่ารักว่าง่ายอย่างดิบดี
ขณะทุกคนกำลังนึกว่าได้เวลาแยกย้ายแล้ว จู่ๆ ฮูหยินเฒ่าไป๋ก็เรียกรั้งไป๋เซียงจู๋ไว้ “ยายชอบประคำที่หลานให้มาเมื่อครั้งก่อนมาก บัดนี้ยายจะให้สิ่งหนึ่งแก่หลานเช่นเดียวกัน พอถึงงานเลี้ยงชมดอกไม้วันที่สิบห้า หลานก็สวมมันไปร่วมเสียนะ”
นางกล่าวพร้อมกับส่งสายตาให้แม่เฒ่าจาง แม่เฒ่าจางรับทราบ ไม่นานนักก็ถือกล่องไม้แกะสลักใบน้อยออกมา เพียงแรกเห็นก็รู้ได้ว่ากล่องไม้จันทน์นั่นไม่ใช่ของธรรมดาดาษดื่น ดังนั้นสิ่งที่อยู่ด้านในย่อมล้ำค่ามากไม่แพ้กันเป็แน่
“ท่านแม่”
“ท่านแม่”
ไป๋ซื่อและอวี๋ซื่อเปล่งเสียงโดยพร้อมเพรียงกัน ทั้งสองเคยเห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องไม้ใบนี้ ไม่แปลกที่จะร้องด้วยความใ
เมื่อเห็นมารดาตกตะลึงเช่นนี้ สีหน้าของไป๋ชิงโหรวก็ไม่สู้ดีแล้ว นางเคยได้ยินว่าท่านย่ามีปิ่นดอกไห่ถังแปดสหาย [1] ชิ้นหนึ่ง ปิ่นนี้ครั้งหนึ่งไทเฮาหรือฮองเฮาในขณะนั้นเป็ผู้ประทานแก่ฮูหยินเฒ่าไป๋ นั่นคือครั้งแรกที่ตระกูลไป๋ได้รับเชิญเข้าวังในฐานะวาณิชหลวง และไทเฮาทรงปูนบำเหน็จปิ่นชิ้นนี้เป็รางวัลด้วยตนเอง
เชิงอรรถ
[1]八宝海棠珠钗 ปิ่นดอกไห่ถังแปดสหาย คือ ปิ่นขาคู่ประดับผมลวดลายดอกไห่ถังซึ่งทำจากอัญมณีแปดชนิด