หลังกลับถึงบ้าน ูเี่อันก็ใช้น้ำแข็งประคบใบหน้า แต่อาการบวมแดงก็ยังไม่มีทีท่าจะลดลงง่ายๆ เธอมองกระจกพลางถอนหายใจ อาทิตย์นี้เธอเจอเื่ซวยอีกแล้ว เจอคนตระกูลเฉินทีไรซวยทุกทีเลย
เธอเปลี่ยนเป็ชุดอยู่บ้านเตรียมจะลงไปทำมื้อเย็น แต่พบว่าพ่อครัวได้เริ่มเตรียมทำอาหารแล้ว ลุงสวีจึงอธิบาย
“คุณชายสั่งไว้ครับ คุณผู้หญิงได้รับาเ็มาแบบนี้ไปพักผ่อนเถอะครับ”
ูเี่อันไม่รู้จะทำอะไรยามว่าง จึงเดินไปชงกาแฟมาหนึ่งกาและเดินขึ้นไปที่ห้องหนังสือ ูเี่อันถามลู่เป๋าเหยียนว่าจะดื่มกาแฟด้วยไหม เขากำลังอ่านเอกสารอยู่จึงผลักแก้วกาแฟมาให้เธอ
ูเี่อันรินกาแฟให้เขา จากนั้นจึงเดินถือแก้วกาแฟของตนไปรอบๆ ห้องหนังสืออย่างสำรวจ
เธอเคยเข้ามาก็หลายครั้ง แต่เพิ่งสังเกตว่าห้องนี้สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกดินได้ด้วย
นอกหน้าต่างกระจกใสในยามนี้ มีแสงสีทองเรืองรองที่ไม่ได้เจิดจ้าไปทั่วทุกบริเวณเหมือนตอนเที่ยง มันส่องสะท้อนผ่านหน้าต่างเข้ามาเป็เส้นบางๆ ตกกระทบลงบนด้านข้างของชั้นว่างหนังสือไม้
บนชั้นวางหนังสือเต็มไปด้วยหนังสือมากมายเรียงกันเป็ระเบียบ กลิ่นน้ำหมึกจางๆโชยออกมาทำให้เธอรู้สึกว่า ต่อให้ใช้เวลาอยู่ที่นี่มากเท่าไรก็ไม่รู้สึกเสียดาย
“ลู่เป๋าเหยียน” เธอถาม “นายบอกว่าพระอาทิตย์ตกที่โรงบ่มไวน์สวยมาก มันสวยกว่าที่นี่หรือเปล่า”
“สวยกว่า” ลู่เป๋าเหยียนตอบ “ปลายปีมีวันหยุด ไว้ฉันจะพาเธอไปชิมไวน์ที่เพิ่งผลิตเสร็จ”
ปลายปี? ตอนนี้เดือนกรกฎาคม กว่าจะถึงปลายปีก็อีกนาน แต่ก็ไม่ได้นานเกินไปนี่เนอะ
ก็มันเหมือนชีวิตแต่งงานของเธอกับลู่เป๋าเหยียน บางครั้งก็เคารพให้ระยะห่างซึ่งกันและกัน แต่ในบางทีพวกเธอก็ใกล้ชิดกันมากจนอดรู้สึกไม่ได้ว่า พวกเธอเองก็ไม่ต่างอะไรกับสามีภรรยาคู่อื่นๆ
“นี่ ถ้ารวมกับเมื่อคืน นายให้สัญญากับฉันสองเื่แล้วนะ ห้ามกลับคำล่ะ!” เธอเอ่ยพลางยิ้มบาง
ลู่เป๋าเหยียนปิดเอกสารตรงหน้าก่อนจะจ้องูเี่อันสีหน้าจริงจัง
“ฉันเหมือนคนที่ชอบกลับคำพูดงั้นเหรอ”
ูเี่อันเบ้ปากเล็กน้อย “ใครจะไปรู้ล่ะ นายอาจจะหลอกฉันเหมือนตอนนั้นที่บอกว่าจะพาฉันไปสวนสนุกอีกก็ได้ สุดท้ายวันต่อมานายก็หายตัวไปเลย”
ก่อนหน้านั้นที่เธอไม่เคยไปสวนสนุก ก็เพราะคาดหวังกับคำสัญญาของลู่เป๋าเหยียน เมื่อเขาไปอเมริกากะทันหัน หลังจากนั้นเป็ต้นมาเธอก็ไม่ยอมให้ใครพาเธอไปสวนสนุกทั้งนั้น พอโตขึ้นถึงได้รู้ว่าตัวเองกำลังยึดติดอยู่กับอะไร
เธอแสร้งถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย
“ในบรรดาคนที่ฉันรู้จัก ฉันเป็คนเดียวที่เกิดมายังไม่เคยไปสวนสนุกเลยสักครั้ง ต้องโทษนายคนเดียวเลย ลู่เป๋าเหยียน!”
ลู่เป๋าเหยียนนิ่งไป “ทำไมไม่ให้พี่ชายเธอพาไป?”
คำถามนี้จู่โจมจุดอ่อนของเธอเข้าให้ ูเี่อันกระแอมหนึ่งทีก่อนตอบ
“ตอนนั้นพี่ฉันกำลังเตรียมตัวไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ต่างประเทศ พี่ยุ่งถึงขนาดเวลาจะมาเล่นกับฉันยังแทบไม่มี แม่ฉันก็ไม่สบาย คงไปที่แบบนั้นไม่ไหว พอหลังจากนั้น...แม่ก็จากไป ฉันก็เลยไม่มีอารมณ์อยากไปสวนสนุกแล้วล่ะ”
ที่จริงจะว่าเธอไม่อยากไปเลยก็ไม่เชิง เวลามีคนมาเล่าให้เธอฟังว่าที่นั่นสนุกมากอย่างนู้นอย่างนี้ เธอก็เคยหวั่นไหวอยู่บ้างเหมือนกัน แต่เมื่อนึกถึงคำสัญญาที่ลู่เป๋าเหยียนให้ไว้ เธอก็ปฏิเสธทุกครั้งที่มีคนอาสาจะพาไป
เธอกำลังรอลู่เป๋าเหยียน สิบกว่าปีมานี้เธอรอเขามาโดยตลอด
“วันหยุดคราวหน้าฉันจะพาเธอไป” ลู่เป๋าเหยียนตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน เสียงทุ้มต่ำของเขาดูน่าเชื่อถือ
“คราวนี้ฉันไม่ได้โกหก”
“ถ้านายโกหกฉันอีก ขอให้จมูกนายยาวเหมือนพินอคคิโอจริงๆ ด้วย”
ูเี่อันทิ้งกาแฟไว้ให้ลู่เป๋าเหยียน ส่วนตัวเองก็เดินออกจากห้องไป
เมื่อถึงเวลามื้อเย็น เธอก็พบว่าทางห้องครัวเตรียมโจ๊กเอาไว้ให้ คงเพราะเห็นว่าเธอน่าจะเคี้ยวอาหารได้ลำบาก หลังลู่เป๋าเหยียนกินข้าวเสร็จ เขาก็บอกเธอว่ามีธุระต้องออกไปข้างนอก ูเี่อันจึงถามอย่างสงสัย
“นี่ก็ดึกแล้ว นายจะไปไหนอีกเหรอ” ท่าทางของเธอราวกับกำลังตัดพ้อสามีที่กำลังจะกลับบ้านดึก
“ไปบริษัท” ลู่เป๋าเหยียนยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยคำหยอกเย้า
“แต่ถ้าเธออยากให้ฉันอยู่ที่นี่เป็เพื่อนเธอ ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้”
ูเี่อันเม้มปากก่อนจะแลบลิ้นใส่เขา
“ใครอยากให้นายอยู่เป็เพื่อนกัน อยากไปไหนก็ไปเลย ฉันจะกลับห้องแล้ว”
เธอวิ่งขึ้นบันไดไป เมื่อถึงห้องก็ถึงกับหอบหายใจ เธอเดินไปที่ข้างหน้าต่างและได้เห็นลู่เป๋าเหยียนกำลังขึ้นรถไปกับอาเฉียน
ตอนที่ลู่เป๋าเหยียนบอกว่าจะอยู่เป็เพื่อนเธอก็ได้ เธอถึงรู้ตัวว่า นี่เธอเริ่มเข้าไปจุ้นจ้านกับชีวิตของลู่เป๋าเหยียนแล้วอย่างนั้นเหรอเนี่ย
ก่อนหน้านี้เขามักจะออกจากบ้านไปโดยไม่บอกกล่าว กลับมาอีกทีก็ดึกดื่น แต่เธอไม่เคยถามอะไรให้มากความเลย เพราะกลัวว่าเขาจะรำคาญ เธอกลัวว่าตัวเองจะก้าวข้ามเส้นแบ่งที่ขีดเอาไว้ในใจ เผลออินไปกับบทบาทของคุณนายลู่
แต่แล้วเธอก็ควบคุมตัวเองไม่ได้และเผลอล้ำเส้นนั้นไปเสียแล้ว แต่เหมือนลู่เป๋าเหยียน...จะไม่ได้รำคาญ
การกระทำดังกล่าวของเขาทำให้เธอดีใจอย่างไม่อาจปฏิเสธ
หลายวันต่อมา ลู่เป๋าเหยียนก็เริ่มงานยุ่งขึ้นทุกที ตอนเช้าเขาส่งเธอไปที่ทำงาน แต่เมื่อเลิกงานก็มักจะเป็อาเฉียนที่มารับเธอกลับบ้าน บางวันสี่ทุ่มกว่าเขาถึงกลับมา บางวันเขาก็ยุ่งจนถึงเที่ยงคืน ซึ่งเธอเผลอหลับไปแล้ว
แม่ของเฉินเสวียนเสวียนยังคงถูกคุมขัง ส่วนแผลของูเี่อันก็เริ่มสมานตัวหลังผ่านไปได้สองวัน ตอนนี้หลงเหลือเพียงรอยแผลจางๆ หมอบอกเธอว่าไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ก็คงหายดี
ถึงูเี่อันจะไม่ได้รักสวยรักงามแบบลั่วเสี่ยวซี แต่เธอก็ใส่ใจใบหน้าของตัวเองอยู่เหมือนกัน แค่คิดว่าตัวเองต้องมีรอยแผลอยู่บนใบหน้าแบบนี้ไปอีกสักระยะก็อดเซ็งไม่ได้
คืนนี้ลู่เป๋าเหยียนกลับมาค่อนข้างเร็ว เมื่อถึงบ้านเขาก็เห็นูเี่อันกำลังนั่งทำหน้าเซ็งอยู่บนโซฟา จึงถามเธอว่าเป็อะไร เธอทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ก่อนตอบ
“ถ้าฉันเสียโฉม นายจะรังเกียจฉันไหม”
ลู่เป๋าเหยียนลูบใบหน้านวลก่อนตอบ “ก่อนหน้าที่เธอจะเสียโฉมก็ไม่ได้สวยไปกว่าตอนนี้เท่าไร ฉันยังยอมแต่งงานกับเธอเลยไม่ใช่เหรอ”
ูเี่อันถลึงตาใส่เขาอย่างเคืองๆ
“...ลู่เป๋าเหยียน นายไปไกลๆ เลย!”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มก่อนจะยื่นหลอดยาที่บนฉลากมีภาษาฝรั่งเศสกำกับอยู่ให้เธอ ซึ่งเธอเองก็อ่านไม่ออก
“นี่คืออะไร กินได้หรือเปล่า?”
“ฉันให้คนเอามาจากฝรั่งเศส ไว้รักษาแผลเป็” ลู่เป๋าเหยียนเอ่ย “อย่าลืมทายาก่อนนอน ใช้ติดต่อกันไม่กี่วัน เธอก็ไม่ต้องเสียโฉมแล้ว”
“จริงหรอ!” ูเี่อันดีใจจนแทบจะะโบนโซฟา เธอถลาเข้าไปกอดลู่เป๋าเหยียนอย่างลืมตัว
“ขอบคุณค่ะพี่เป๋าเหยียน”
พูดจบเธอก็หอมแก้มลู่เป๋าเหยียนหนักๆ หนึ่งที ก่อนจะสวมรองเท้าแตะและเดินกลับห้องไป
จะว่าเห่อยานี้ก็ใช่ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ต้องนอนเร็วอยู่ดี
หลังทายาและล้มตัวลงนอนบนเตียง ูเี่อันก็นึกถึงภาพเมื่อครู่ที่ตนหอมแก้มลู่เป๋าเหยียน
ตายๆๆ นี่เธอติดเป็นิสัยไปแล้วหรือไง อีกหน่อยถ้าเธอยังเอาเปรียบเขาแบบนี้โดยไม่รู้ตัวอยู่เรื่อยๆ จะโดนเขาหาว่าเป็สาวหื่นหรือเปล่าเนี่ย
วันรุ่งขึ้น หลังตื่นนอนูเี่อันก็รีบเข้าไปส่องกระจกในห้องน้ำ เธอมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้คิดไปเอง รอยแผลบนหน้าเธอเหมือนจะเริ่มจางลงแล้วเล็กน้อย เธอจึงรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นในพริบตา
และแล้วก็พิสูจน์ได้ว่าลู่เป๋าเหยียนไม่ได้หลอกเธอ ไม่กี่วันต่อมารอยแผลบนหน้าก็จางหายไปหมดจริงๆ แขนขวาของเธอเองก็หายสนิท มีเพียงแต่ลู่เป๋าเหยียนเท่านั้นที่ยังงานยุ่งไม่เปลี่ยน
เธอไม่ได้บอกลู่เป๋าเหยียนเื่ที่แขนของเธอหายดีแล้ว เพราะเธอชอบที่ได้นั่งรถไปทำงานกับเขา ไม่อย่างนั้นตอนเช้าเธอคงมีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงตอนกินข้าวเท่านั้นที่จะได้เห็นหน้าเขา
และในเช้าวันหนึ่ง ูเี่อันก็อดไม่ได้ที่จะถามลู่เป๋าเหยียน
“ลู่เป๋าเหยียน ่หลายวันมานี้นายกำลังยุ่งเื่อะไรอยู่กันแน่”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มมุมปาก “พรุ่งนี้เธอก็จะรู้เอง”
ูเี่อันรู้ดีว่าต่อให้ถามอีกเขาก็ไม่บอก “พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้”
เธอเปิดประตูลงจากรถและเดินเข้าไปในสถานีตำรวจ ก่อนจะลงมือทำงานของตัวเอง
ไม่กี่วันที่ผ่านมามีแต่คดีเล็กๆ น้อยๆ เธอกับเจียงเส้าข่ายจึงรับผิดชอบวินิจฉัยแค่เคสาเ็ภายนอกไม่กี่อย่าง ทำให้บรรยากาศในออฟฟิศดูสบายๆ ไม่เคร่งเครียดเหมือนเวลาเกิดคดีฆาตกรรม
เมื่องานไม่ได้ยุ่งมากมาย เธอจึงอดไม่ได้ที่จะรอคอยการมาของวันพรุ่งนี้ วันนี้ลู่เป๋าเหยียนจงใจทำเป็ลึกลับ เธอยิ่งอยากรู้ว่าเื่ที่เขาบอกจะเกี่ยวกับตัวเองด้วยหรือเปล่า
แต่เมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึง ทุกอย่างก็ดูปกติดี แม้แต่อาหารเช้าก็ไม่ได้มีอะไรผิดแปลกไป
หลังกินข้าวเช้าเสร็จ ลู่เป๋าเหยียนก็ส่งสัญญาณบอกให้เธอเตรียมออกจากบ้านได้แล้ว เธอเห็นว่าคงไม่ดีถ้าจะแสร้งทำต่อไป ไม่งั้นความคงแตกก่อนแน่ จึงชูแขนขวาขึ้นมาโบกสะบัดให้เขาเห็น
“แขนฉันหายดีแล้ว ขับรถไปทำงานเองได้แล้วล่ะ”
ลู่เป๋าเหยียนนิ่งไป ก่อนจะส่งกุญแจรถของเธอมาให้
“ขับรถระวังล่ะ”
เธอพยักหน้าและก้าวขึ้นรถบิวอิค ลากรอสส์ของตัวเอง
เธอไม่ได้แตะพวงมาลัยมานานจนรู้สึกไม่คุ้นชิน เธอไม่ใช่คนชอบรถ ที่เริ่มขับรถก็เพราะสะดวกเวลาไปทำงาน แต่ตอนนี้เธอพบว่าที่จริงแล้วตัวเองชอบนั่งรถของลู่เป๋าเหยียนไปทำงานมากกว่า
ฮือ รู้อย่างนี้แกล้งทำเป็ยังไม่หายดีต่อดีกว่า
เมื่อถึงสถานีตำรวจ เสียวอิ่งก็เอ่ยปากแซว
“เอ๋? ทำไมวันนี้ผอ.ลู่ไม่ได้มาส่งเธอล่ะ”
“ฉันเจ็บแขนเขาเลยมาส่งฉัน่ที่ผ่านมา ตอนนี้แขนฉันหายดีแล้วไง” ูเี่อันยิ้ม “เขาไม่ใช่คนขับรถซะหน่อย”
“ว่าแต่...” เสียวอิ่งพูดพลางแตะูเี่อันเบาๆ “ผอ.ลู่สุดหล่อเพื่อภรรยาสุดที่รักถึงกับทำลายเครือเฉินจนล้มละลายจริงๆ งั้นเหรอ”
“เครือเฉินทำไมนะ?” ูเี่อันไม่อยากจะเชื่อ “ล้มละลาย?”
มิน่าลู่เป๋าเหยียนถึงบอกว่าวันนี้เธอก็จะรู้เอง ที่แท้เื่นี้เองน่ะเหรอ?
ูเี่อันรีบเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาอ่านข่าว เครือเฉินเกิดเื่แล้วจริงๆ หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ั้แ่ข่าวฉาวเื่เฉินเจียฉูไม่ผ่านมาตรฐานด้านความสะอาดถูกเปิดเผย พวกเขาก็เริ่มมีปัญหา ราคาหุ้นตกลงไม่หยุด จนกระทั่ง่ที่ผ่านมาเครือลู่ไล่ช้อนซื้อหุ้นเกือบทั้งหมดของเครือเฉิน ก่อนจะทยอยขายบริษัทย่อยของเครือเฉินทั้งหมด ขณะนี้จึงไม่มีเครือเฉินอยู่อีกแล้ว
จากรายงานข่าว ที่เครือเฉินได้รับจุดจบอันน่าเศร้าแบบนี้ เป็เพราะพวกเขาไปมีเื่กับเครือลู่ คุณนายเฉินเองตอนนี้ก็ยังคงถูกควบคุมตัว
เื่นี้ทำให้คนเชื่อมโยงมาถึงทางสถานีตำรวจ ซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่าูเี่อันทำงานอยู่ที่นี่ ฉะนั้นจึงพอเดาได้ว่า แท้ที่จริงแล้วตระกูลเฉินไม่ได้มีปัญหากับเครือลู่โดยตรง แต่เป็เพราะพวกเขาแตะต้องูเี่อัน ทำให้ลู่เป๋าเหยียนโกรธจัดต่างหาก
มีบุคคลลึกลับออกมาคอมเมนต์ไว้ว่า ที่จริงแล้วคนของตระกูลเฉินมาทำร้ายูเี่อันจึงเกิดเื่ขึ้น แต่เื่ราวรายละเอียดเป็อย่างไรคงบอกไม่ได้
หลังจากนั้นกระทู้ข่าวต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตก็แทบลุกเป็ไฟ มิน่าเสียวอิ่งถึงมาถามเธอแบบนี้
“คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่พวกเรารู้นะว่าวันนั้นที่สองแม่ลูกตระกูลเฉินมา พวกเขาทำร้ายเธอ” เสียวอิ่งยิ้มตาหยี “เพราะเื่นี้ผอ.ลู่ของเธอเลยโมโหใช่ไหมล่ะ โอ๊ย ผอ.ลู่จะหล่อไปแล้วนะคะ! โมโหทีจัดการศัตรูซะสิ้นซาก เท่สุดๆไปเลย เมื่อไรเื่ชวนเพ้อฝันแบบนี้จะเกิดขึ้นกับฉันบ้างนะ!”
เพ้อฝัน? เครือเฉินไม่ใช่บริษัทเล็กๆ ที่ผ่านมาพวกเขาพยายามกลบข่าวฉาวและเื่ผิดพลาดอย่างหนัก ที่จริงไม่ควรจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ด้วยซ้ำ การที่เครือลู่ไล่ช้อนซื้อหุ้นแบบนี้คงต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเกินจะจินตนาการ
าทางธุรกิจแบบนี้มันน่าเพ้อฝันตรงไหน? ถึงาครั้งนี้จะไม่มีเขม่าดินปืน แต่มันก็โหดร้ายทารุณไม่แพ้กันไม่ใช่หรืออย่างไร
ูเี่อันนึกไปถึงวันที่เธอถูกคุณนายเฉินตบหน้า สายตาของลู่เป๋าเหยียนเย็นเยียบ ตอนนั้นเธอดูไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไร แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว
