องค์หญิงหลานซินมองเฟิ่งเฉี่ยนอย่างประเมินครู่หนึ่ง ในใจแค่นหัวเราะเสียงเย็น นางแน่ใจเหลือเกินว่าเฟิ่งเฉี่ยนจงใจทำให้เื่ราวดูใหญ่โต จึงไม่สนใจอันใดอีก นางพุ่งสมาธิไปที่ภาพวาดของตนเอง!
สำหรับทักษะการวาดภาพ นางมีความมั่นใจในตัวเองอย่างยิ่งยวดมาโดยตลอด นางเชื่อว่าภาพวาดที่นางวาดวันนี้จะต้องทำให้คนทุกคนตื่นตะลึง ทำให้ทุกคนต้องคาดไม่ถึง!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ จิติญญาของนางยิ่งแกร่งกล้า นางตวัดพู่กันอย่างมั่นใจ ประดุจธาราไหลรินเมฆาเคลื่อนคล้อยธาราไหลริน ไหลลื่นไม่สะดุด
เพราะนางวาดภาพบนโต๊ะ ด้วยสายตาและมุมมองส่งผลให้เหล่าขุนนางใหญ่ที่รายล้อมอยู่ไม่อาจมองเห็นว่านางวาดภาพอะไรอยู่ แต่ละคนได้แต่รู้สึกประหลาดใจ
“หลานเฟยเหนียงเหนียงวาดอะไรนะ?”
“ดูจากท่าทางถือพู่กันของนาง ดูแล้วเหมือนยอดฝีมือในการวาดภาพ!”
“ได้ยินมาว่าหลานเฟยเหนียงเหนียงมีพร์เหนือผู้อื่นั้แ่ยังเยาว์ พิณ หมาก พู่กัน ภาพวาดล้วนแตกฉานทั้งสิ้น การวาดภาพเป็สิ่งที่นางถนัดที่สุด ฮองเฮาเหนียงเหนียงคิดจะเอาชนะนางในรอบศิลปะ เป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้!”
“ฮองเฮายังเืการปักผ้าที่ยากที่สุด ต้องรู้ก่อนว่าการจะทำผ้าปักที่มีรายละเอียดสมบูรณ์นั้นต้องใช้เวลาอย่างๆ น้อยก็หลายวัน บางครั้งอาจใช้เวลาหลายเดือนก็เป็ได้ ฮองเฮาต้องปักผ้าให้เสร็จภาพหนึ่งภายในเวลาอันสั้นเช่นนี้ แค่คิดก็รู้ว่าภาพที่ปักออกมาจะมีคุณภาพแค่ไหน!”
“การแข่งขันรอบนี้ ฮองเฮาต้องแพ้อย่างมิต้องสงสัย”
“...”
ข้างหูได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของขุนนางทั้งหลายไม่ขาดสาย เฟิ่งเฉี่ยนเลือกที่จะปิดหูปิดตาตนเอง รอเมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมนางเข้าประจำที่และสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หยิบเข็มที่สนด้ายเรียบร้อยแล้วเล่มหนึ่งไว้ระหว่างปลายนิ้วทั้งสอง สายตาจับจ้องไปยังผ้าขาวที่ตรึงเอาไว้ห่างออกไปสามก้าว สายตานั้นนิ่งลึกหาใดเปรียบ บรรยากาศรอบกายดูเหมือนจะสงบลง...
ด้านซ้ายถัดจากตำแหน่งประทับ หานปิงจีนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น กระดูกสันหลังของนางเหยียดตรงราวกับต้นสน สายตามองจมูก จมูกมองใจ สายตาไม่ล่อกแล่ก กระทั่งสายตาของนางเหลือบไปเห็นแสงสะท้อนสีเงิน ที่แหวกอากาศออกไปทำให้เกิดภาพน่าตกตะลึง จึงดึงดูดความสนใจของนางไปเสียสิ้น!
นางหันหน้าไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อจับจ้องสายตาจึงถูกภาพตรงหน้าทำให้ตื่นตระหนก!
นางเห็นเพียงข้อมือของฮองเฮาสั่นสะท้าน เข็มปักผ้าราวกับธนูที่น้าวอยู่บนแล่ง ดีดตัวออกไปราวกับเหินพร้อมกับปลายเข็มอีกด้านหนึ่งที่สนด้ายสีทองปักลงบนผ้าปักผืนบาง ส่งผลให้ผืนผ้าปักสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ปรากฏให้เห็นจุดสีทอง ทั้งเร็วทั้งแม่นและหนักแน่น!
คนทั้งหมดสูดลมหายใจเข้าเสียงดังอย่างใ ยังไม่ทันได้ผ่อนลมหายใจออกมาก็สูดลมหายเข้าลึกอีกเฮือกหนึ่ง!
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน เข็มปักผ้าที่ปักขึ้นลงบนผืนผ้านั้นพลันหมุนกลับหนึ่งร้อยแปดสิบองศาแล้วเหินกลับมาปักผ่านผืนผ้าจากนั้นเข้ามาสู่มือของฮองเฮาอีกครั้ง!
สีหน้าท่าทางของฮองเฮาเป็ไปอย่างธรรมชาติ ทุกคนยังไม่ทันได้หอบหายใจก็เห็นข้อมือของนางสั่นสะท้านอีกครั้ง เข็มปักผ้าอีกเล่มหนึ่งเหินออกไป!
เป็เช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า...
เข็มปักผ้าปักผ่านทะลุขึ้นลงบนผืนผ้า เร็วเสียจนทำให้คนตกตะลึง!
ทักษะการปักผ้าชนิดเข็มบินเช่นนี้ ช่างมีสีสันทำให้ภูติผีถึงขั้นร้องไห้...!
คนทั้งหมดตกอยู่ในอากัปกิริยาทึ่มทื่อ!
วิธีการปักผ้าที่น่าตื่นตะลึงเช่นนี้ ไม่เคยได้ยินและไม่เคยได้เห็นมาก่อน!
เข็มปักผ้าปักขึ้นลงบนผืนผ้าไม่หยุด ส่งผลให้คนดูถึงกับตาพร่า บนผืนผ้าค่อยปรากฏให้เห็นภาพประหลาดขึ้น มองไม่ออกว่าเป็ภาพอะไรกันแน่ ทว่าดูจากการปักผ้าแล้วเป็ระเบียบเรียบร้อย จากจุดเริ่มต้นตรงกลางตีออกไปด้านข้างทีละน้อย...
ทุกคนมองเฟิ่งเฉี่ยนด้วยสายตาที่ใช้มองสัตว์ประหลาด ลูกั์ตาแทบจะพลัดหลุดออกมานอกเบ้า นี่ใช่การปักผ้าหรือ นี่มันเข็มปักผ้าบินขั้นเทพชัดๆ!
ดวงตาเ็าราวกับน้ำแข็งพันปีของหานปิงจีตื่นตะลึง นางเลิกคิ้วโดยไม่รู้ตัว เป็ครั้งแรกที่นางมองเฟิ่งเฉี่ยนด้วยสายตาสนอกสนใจ ในสายตานั้นยังปนเปไปด้วยความชื่นชม
ไม่ได้มีอะไรอื่น แต่เป็เพราะนางได้กลิ่นอายสังหารจากเข็มปักผ้าบินขั้นเทพอย่างไร้ขอบเขต!
กลิ่นอายสังหารเช่นนี้ มันคุ้นเคยเกินไป!
นั่นคือทักษะการใช้เข็มเงินปลิดชีพคู่ต่อสู้โดยไร้ซุ่มเสียง ต้องอาศัยการฝึกฝนเป็เวลายาวนานจึงจะทำได้ นางแน่ใจได้เลยว่าหากที่ปรากฏอยู่ตรงข้ามมิใช่ผืนผ้า แต่เป็คนๆ หนึ่ง เช่นนั้นคนๆ นี้ได้ตายไปไม่รู้กี่หนแล้ว!
ฮองเฮาถึงกับใช้ทักษะในการสังหารคนระดับนี้มาใช้กับการปักผ้า การกระทำเช่นนี้ช่างบ้าคลั่งเกินไป!
หากนางมิใช่อัจฉริยะคนหนึ่ง ก็ต้องเป็คนเสียสติคนหนึ่ง!
ไม่อาจไม่ยอมรับว่า นางบังเกิดความสนใจในตัวฮองเฮาอย่างมาก!
เซวียนหยวนเช่อมองใบหน้าด้านข้างของเฟิ่งเฉี่ยนด้วยแววตานิ่งลึก ในแววตานั้นเปล่งประกายและอ่อนโยน มุมปากยกขึ้นเป็รอยยิ้มเย้ายวนอย่างร้าย
เฉียนแยน เ้าไม่ทำให้กูผิดหวังจริงๆ สร้างความประหลาดใจอย่างใหญ่หลวงให้แก่เจิ้นอีกครั้ง!
มือของซือคงเซิ่งเจี๋ยที่รินสุราให้ตนเองหยุดชะงัก เขาตกตะลึงมองเฟิ่งเฉี่ยนแสดงการปักผ้าด้วยทักษะเข็มบินขั้นเทพ สุราล้นออกจากจอกหยกขาว เขาตกตะลึงไปสามวินาทีจากนั้นจึงได้สติกลับมาและวางจอกสุราลง ต่อมาเขาหัวเราะเบาๆ ดวงตาดำขลับของเขาราวกับมีดวงดาวนับพัน!
สตรีนางนี้ ช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน นางซ่อนความลับไว้ในตัวมากมายแค่ไหนกันแน่นะ?
ข้างกายเขา ปฏิกิริยาตอบสนองของซือคงจวินเย่ตรงข้ามกับเขา ั์ตาของเขาหดแคบลง สีหน้าดำทะมึนสุดขีด
เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าฮองเฮาที่ถูกกล่าวถึงมาโดยตลอดว่าเป็คนหน้าอกใหญ่ไร้สมอง นอกจากเดินหมากล้อมได้แล้ว ถึงกับปักผ้าได้ด้วย?
และมองจากทักษะการปักผ้าเข็มบินขั้นเทพนี้ นางมีวรยุทธ์ เพียงแต่ที่นางฝึกฝนมิใช่เทพยุทธ์ เห็นได้ชัดว่าบนร่างของนางไม่มีกลิ่นอายเทพ แต่เป็การอาศัยทักษะพิเศษและแรงจากข้อมือควบคุมเข็มเท่านั้น!
ไม่กล่าวถึงการปักผ้า ลำพังเพียงแค่ทักษะเข็มบินของมือคู่นี้ ก็ทำให้คนต้องรู้สึกมหัศจรรย์แล้ว!
และนางยังเลือกที่จะใช้ทักษะเข็มบินในการปักผ้า ช่างทำให้คนรู้สึกเหลือเชื่อ!
อยากจะผ่าสมองของนางออกมาดูเหลือเกิน ว่านางคิดได้อย่างไรกันแน่?
องค์หญิงหลานซินััได้ว่าบรรยากาศรอบข้างเปลี่ยนไป ขณะที่นางเปลี่ยนพู่กันจึงเงยหน้าขึ้นมองปราดหนึ่ง ทำให้หัวใจของนางเต้นรัวเมื่อสูดลมหายใจเย็นวาบเข้าลึกๆ!
เป็ไปได้อย่างไร?
ฮองเฮาถึงกับปักผ้าเป็จริงๆ?!
อีกทั้งฝีมือและวิธีการปักผ้าเช่นนี้...ช่างทำให้คนตกตะลึง!
นางพลันรู้สึกว่าความกดดันมีมากขึ้นเป็สองเท่า นางรีบรวบรวมสมาธิวาดภาพของตนเองต่อไป
ต่อให้ฮองเฮาปักผ้าเป็จริงๆ แล้วอย่างไรเล่า?
ต่อให้วิธีการปักผ้าของฮองเฮาพิเศษอย่างยิ่ง แล้วอย่างไรเล่า?
สุดท้ายแล้วที่แข่งขันยังคงเป็ผลงานภาพวาดของใครที่โดดเด่นมากกว่า!
ดังนั้น นางยิ่งต้องตั้งใจวาดภาพจึงจะถูกต้อง!
เืนักสู้ในกายนางลุกพรึ่บขึ้นทันที มันลุกฮือขึ้นมราทันที สีหน้าและท่าทางมุ่งมั่นยิ่งกว่าที่ผ่านมา!
ขุนนางใหญ่ทั้งหลายที่อยู่ด้านซ้ายและขวาของท้องพระโรงต่างปากอ้าตาค้าง โดยเฉพาะหลี่เต๋อหรงที่แทบจะตาถลนออกมา เขาไม่อยากจะเชื่อว่าฮองเฮาจะปักผ้าเป็จริงๆ อีกทั้งทักษะการปักผ้ายังอยู่ในขั้นเทพเซียนเช่นนี้!
“ท่านมหาเสนาบดีเฟิ่ง ท่านมิใช่กล่าวว่าฮองเอาปักผ้าไม่เป็หรอกหรือ? เช่นนั้นตอนนี้เกิดอะไรขึ้นอับกนาง?”
เฟิ่งชังกุมขมับั้แ่เริ่มต้นกระทั่งบัดนี้ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองความอับอายของบุตรสาว ได้ยินคำพูดของหลี่เต๋อหรงเขาไม่แม้แต่จะเงยหน้า เขาแค่นเสียงฮึอย่างไม่สบอารมณ์ “คนแซ่หลี่ เ้าอย่าทำเป็ได้คืบเอาศอก! หากทำให้ข้ามีโทสะขึ้นมา เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะให้เ้าเห็นดีกัน!W
หลี่เต๋อหรงพูดอย่างโมโห “ท่านมหาเสนาบดีเฟิ่ง ข้าก็แค่ถามท่านประโยคหนึ่ง จำเป็หรือที่ท่านต้องกดขี่ผู้อื่นเช่นนี้? ท่านไม่อยากตอบก็ช่างเถิด ข้าคร้านจะถามแล้ว!”
เฟิ่งชังฟังออกถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของเขา จึงเงยหน้าขึ้นมองเขาทว่ากลับเหลือบไปเห็นทักษะการปักผ้าของบุตรสาวโดยไม่ตั้งใจ เขาถึงกับตาค้างและทึ่มทื่อไปทันที ปากของเขาอ้าเล็กน้อย ตาค้าง!
เขากำลังเห็นอะไร?
นี่คือบุตรสาวของเขาหรือ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้