นายท่านลูบเคราตัวเองถึงแม้จะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งในคำกล่าวของอวี๋ฉี่เจ๋อแต่ท้ายที่สุดยังคงมีความคาดหวังเป็อย่างยิ่งว่าเขาจะสามารถลงสอบขุนนางได้อีกครั้งและสร้างชื่อเสียงให้กับสกุลอวี๋สุดท้ายจึงเอ่ยอย่างสองจิตสองใจว่า “ในเมื่อเ้าห้าเอ่ยเช่นนี้ถ้าเช่นนั้นจงฟังลิขิต์เถิด”
สองสามีภรรยาครอบครัวสามต่างมีสีหน้าไม่สู้ดีขณะกำลังจะเปล่งวาจา นายท่านยังเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “ห้ามผู้ใดรักษาคนสกุลเมิ่งผู้นั้นหากนางสามารถรอดไปได้ก็เท่ากับนางดวงแข็ง ยังมีอีกหนึ่งอย่างยามนี้ข้าวสารในครอบครัวเรา กระทั่งพวกเรายังไม่พอกิน หากผู้ใดกล้าเอาไปให้นางเช่นนั้นก็จงปล่อยให้ท้องของตนทนหิวแทนนางแล้วกัน” ครั้นเอ่ยมาถึงประโยคครึ่งหลังนายท่านชำเลืองมองมาทางสตรีแซ่ซ่งอยู่หลายหน
เดิมทีฮูหยินเฒ่าไม่พอใจอยู่บ้างแต่เมื่อได้ยินนายท่านชราเอ่ยว่าห้ามผู้ใดรักษาเมิ่งอวี๋เจียวใบหน้าถึงผ่อนคลายลงหลายส่วน
ลูกสามลงมือด้วยความโกรธถึงขีดสุดยามลงหวายใช้แรงอย่างมาก ต่อให้เป็บุรุษทั่วไปยังถึงขนาดเกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้วจะนับประสาอะไรกับสตรีแซ่เมิ่งที่เมื่อวานยังกระอักเืหากไม่ได้รับการรักษาให้ทันท่วงที จะต้องไม่อาจเอาชีวิตรอดได้แน่นอน
เื่ราวโต้เถียงมาถึงขั้นนี้ถือเสียว่ามีบทสรุปแล้ว
สตรีแซ่ซ่งคิดไม่ถึงว่าบุตรชายของตนจะออกหน้าช่วยเหลือแม่นางเมิ่งเช่นนี้ อีกทั้งนายท่านยังยอมฟังจริงๆแสดงให้เห็นว่าในใจของท่านพ่อยังคงเอ็นดูฉี่เจ๋อเป็อย่างมาก
นางกับสะใภ้ใหญ่แซ่จางช่วยกันเก็บถ้วยชามไปล้างในห้องหุงต้มครั้นเห็นอวี๋ฉี่เจ๋อกำลังจะกลับห้องจึงรีบเอ่ยเสียงเบา “เ้าเอาอาหารในห้องไปส่งให้แม่นางเมิ่งด้วย”
อวี๋ฉี่เจ๋อไม่แสดงท่าทีใดสตรีแซ่ซ่งนึกว่าเขาไม่ยินดีภายในใจคิดว่ารอกระทั่งเก็บกวาดในห้องหุงต้มเสร็จเรียบร้อยนางค่อยยกไปให้แม่นางเมิ่งด้วยตนเอง
ขณะกำลังขัดหม้อนางเงยหน้ามองออกไปนอกห้องหุงต้มโดยไม่ตั้งใจเมื่อพบแผ่นหลังของอวี๋ฉี่เจ๋อที่ออกมาจากเรือนฝั่งตะวันออกจึงอดยกยิ้มไม่ได้แท้จริงแล้วบุตรชายตนใบหน้าเ็า ทว่าจิตใจงดงาม
ภายในลานเรือนไม่มีผู้ใดอวี๋ฉี่เจ๋อรีบสาวเท้าเข้าไปในห้องเล็ก ผลักประตูไม้จนเกิดเสียงดัง ‘เอี๊ยดอ๊าด’ ก้มหน้าลงมองอวี๋เจียวที่กำลังปิดเปลือกตาทั้งสองราวกับหลับฝันหวานใบหน้าสวยสดงดงามเงียบสงบเพียงแต่คิ้วโก่งดุจใบหลิวทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
อวี๋ฉี่เจ๋อวางถ้วยอาหารลงบนพื้นตรงกองฟางข้างกายของนางอย่างไร้เสียงหยิบถ้วยใส่น้ำที่ว่างเปล่าขึ้นมาแล้วกลับไปยังเรือนฝั่งตะวันออก
อวี๋เมิ่งซานเอ่ยอย่างค่อนข้างตกตะลึงเมื่อพบว่าเขาถือถ้วยเปล่ากลับมา “แม่นางเมิ่งกินเสร็จเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
“ไม่ใช่ขอรับ” อวี๋ฉี่เจ๋อเอ่ยอย่างเรียบง่าย
หลังจากรินน้ำอุ่นต้มสุกลงในถ้วยจนเต็มอวี๋ฉี่เจ๋อถือถ้วยเดินกลับไปยังห้องเล็กอีกครั้งหนนี้เสียงผลักประตูทำให้อวี๋เจียวผู้นอนอยู่บนกองฟางรู้สึกตัวนางเปิดเปลือกตาทั้งสองข้างแล้วมองไปทางอวี๋ฉี่เจ๋อ
การกระทำของอวี๋ฉี่เจ๋อชะงักเล็กน้อยเขาหลบเลี่ยงดวงตาดุจผลซิ่ง[1]ของอวี๋เจียวย่อกายลงวางถ้วยดินเผาที่รินน้ำจนเต็มไว้บนพื้นในระยะที่อวี๋เจียวสามารถเอื้อมถึงได้จากนั้นหยัดกายลุกขึ้นเดินไปข้างนอก
อวี๋เจียวข่มความเจ็บบนกายเอาไว้ปริปากเอ่ยถามไปทางอวี๋ฉี่เจ๋อ “ตอนนี้รัชศกอะไร?”
อวี๋ฉี่เจ๋อชะงักหันกลับมามองอวี๋เจียว ภายในดวงตาดุจดอกท้อฉายแววค่อนข้างประหลาดใจ
อวี๋เจียวใช้มือค้ำยันพื้นเอาไว้ค่อยๆ หยัดกายขึ้นนั่งครึ่งตัวอดกลั้นความเ็ปบริเวณหน้าอกแล้วเอ่ยซ้ำอีกครั้งว่า “ตอนนี้รัชศกอะไร? ข้า...คือใคร?”
แววตาของอวี๋ฉี่เจ๋อฉายแววสั่นไหวริมฝีปากปิดสนิทตอบกลับอย่างราบเรียบ “ไท่เยี่ยนเ้า...แซ่เมิ่งนามอวี๋เจียว”
นิ้วเรียวของอวี๋เจียวกำชายอาภรณ์ที่อยู่บนพื้นไว้แน่นหลังได้ยินคำกล่าวของอวี๋ฉี่เจ๋อนางสูดอากาศหายใจเข้าลึก นิ่งเงียบเป็เวลานานก่อนจะเปล่งเสียงถามอวี๋ฉี่เจ๋อว่า “เ้าคือหลานชายลำดับที่ห้านามอวี๋ฉี่เจ๋อ? ข้าออกเรือนกับเ้าเพื่อเสริมมงคล?”
เดิมทีอวี๋ฉี่เจ๋อคิดว่านางถูกทุบตีจนสมองเสียหายไปเสียแล้วเมื่อเห็นนางเอ่ยคำว่า ‘ออกเรือนเพื่อเสริมมงคล’ อย่างชัดเจนเช่นนี้ พลันเกิดเป็ความร้อนระอุขึ้นบนใบหน้า ใบหูแดงก่ำหน้าตาฉายแววขุ่นเคือง น้อยครั้งนักจะเห็นเขาเอ่ยอย่างยากควบคุมอารมณ์ “ในเมื่อเ้ารู้ชัดเจน เ้าก็ไม่ควรทำเื่ไร้ยางอายเช่นนั้น!”
กล่าวจบสะบัดชายอาภรณ์พลางปิดประตูไม้หันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
อวี๋เจียวผู้นั่งพิงกำแพงครึ่งตัวร้องโหยหวนภายในใจมารดามันเถอะ ์บัดซบเล่นตลกกับนางแล้ว!
เมื่อครู่ขณะนอนหลับสะลึมสะลือนางฝันถึงเื่หนึ่ง ภายในฝันนางชื่อว่าอวี๋เจียว เพียงแต่แซ่เมิ่งนางคือภรรยาที่ถูกสกุลอวี๋ซื้อตัวมาเพื่อแต่งงานเสริมมงคลให้กับบุตรชายคนเล็กของครอบครัวรองผู้ป่วยออดๆแอดๆ
เห็นทีเื่นี้จะไม่ใช่ความฝันเพียงแต่เป็ความทรงจำในร่างนี้
เดิมทีนางคิดว่าตนเองยังไม่ตายเพียงแค่ฝันประหลาดเท่านั้น แต่เมื่อดูจากยามนี้นางคงตายไปแล้วจนไม่อาจตายได้ยิ่งกว่านี้เสียแล้วจิติญญาหวนกลับมาเกิดใหม่อยู่ในร่างของสตรีนางหนึ่งชื่อเดียวกันอยู่ในยุคสมัยที่ไม่มีจารึกไว้ในประวัติศาสตร์
ยามนี้อวี๋เจียวปวดหัวยิ่งนักเพราะเมิ่งอวี๋เจียวผู้นี้ทิ้งปัญหาใหญ่เอาไว้ให้นางเ้าของร่างเดิมรู้ว่าบุตรชายครอบครัวรองเป็คนขี้โรค ไม่รู้ว่าวันใดจะตายนอกจากนั้นยังเชื่อคำยุยงของผู้มีเจตนาไม่ดีในสกุลอวี๋ภายในบรรดาบุตรหลานของสกุลอวี๋ที่มีอนาคตมากที่สุดในยามนี้นางเลือกอวี๋จิ่นเหยียนผู้เป็บุตรชายคนเล็กของครอบครัวสามฉวยโอกาสขณะที่เขากลับจากสำนักศึกษาเพื่อมาพักผ่อนในจวนปลดเปลื้องอาภรณ์แล้วปีนขึ้นไปบนเตียงของอวี๋จิ่นเหยียน
ผลคือ...อวี๋จิ่นเหยียนเป็คนจิตใจมั่นคงแน่วแน่ครั้นเข้าประตูมาพบกับเมิ่งอวี๋เจียวที่อยู่บนเตียงของตนพลันหันหลังออกไปบอกคนในสกุลอวี๋เมิ่งอวี๋เจียวหวาดกลัวยิ่งนักจึงวิ่งออกไปนอกจวนสกุลอวี๋คนสกุลอวี๋กลัวว่าเื่จะแพร่งพรายออกไปข้างนอกถึงได้ไล่ตามออกไป
เมิ่งอวี๋เจียวร้อนรนจนไม่เลือกหนทางสะดุดล้มตกลงมาจากตีนเขาจนกระดูกซี่โครงหักและถูกคนสกุลอวี๋จับตัวกลับมา
บิดาของอวี๋จิ่นเหยียนนามอวี๋ฮั่นซานของครอบครัวสามโกรธเคืองยิ่งนักใช้หวายเฆี่ยนเมิ่งอวี๋เจียวเจียนตายแล้วขังไว้ในห้องเล็กโกโรโกโสคาดว่าหลังจากนั้นเมิ่งอวี๋เจียวคงจะสิ้นใจจากนั้นิญญาของนางถึงได้บังเอิญเข้ามาในร่างนี้
ยามนี้อวี๋เจียวนึกถึงภาพยามนางใช้วาจาเกี้ยวพาราสีอวี๋ฉี่เจ๋อหลังจากเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาได้คิดแล้วรับรู้แค่ว่าปวดหัวยิ่งนัก!
ในความทรงจำของเมิ่งอวี๋เจียวอวี๋ฉี่เจ๋อคือคนหัวโบราณที่ไม่อาจหัวโบราณยิ่งกว่านี้ได้แล้วเป็คนขี้โรคที่สูงสง่าและหยิ่งทระนงดุจดังบุปผาที่ยากจะเข้าถึง
เขาไม่เคยให้เมิ่งอวี๋เจียวเข้าไปในห้องของเขาตลอดหลายวันที่เมิ่งอวี๋เจียวเข้ามายังสกุลอวี๋ นางได้สนทนากับเขาไม่ถึงสิบประโยคเสียด้วยซ้ำ
เมิ่งอวี๋เจียวคนก่อนพึ่งจะปีนขึ้นเตียงของอวี๋จิ่นเหยียนแต่นางที่พึ่งจะฟื้นขึ้นมากลับใช้ร่างกายของเมิ่งอวี๋เจียวเกี้ยวพาราสีอวี๋ฉี่เจ๋ออย่างไร้ยางอายเกรงว่าภายในใจของอวี๋ฉี่เจ๋อคงเห็นนางเป็สตรีไม่เจียมตนอย่างแท้จริงเสียแล้ว
อวี๋เจียวไม่มีเวลามาละอายใจเพราะร่างกายและขาทั้งสองข้างนี้เ็ปยิ่งนัก หากไม่รักษาให้ทันท่วงทีอากาศร้อนเช่นนี้ เป็ไปได้สูงว่าอาจจะอักเสบถึงตอนนั้นคงไม่อาจรักษาขาทั้งสองข้างนี้เอาไว้ได้
แต่ตอนนี้นางถูกขังไว้ในห้องเล็กโกโรโกโสนี้ทั้งตัวมีแค่วิชาแพทย์ แต่กลับไร้หนทางรักษาตนเอง
อวี๋เจียวยกถ้วยอาหารที่อวี๋ฉี่เจ๋อวางไว้บนพื้นขึ้นมารู้สึกกลืนอาหารไม่ค่อยลง แต่โชคดีที่นางเป็คนอยู่ง่ายมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อจู่ๆต้องมาอยู่ในสถานที่แห่งนี้กลับไม่รู้สึกตื่นตระหนกมากนัก
หลังจากสะใภ้รองแซ่ซ่งขัดหม้อเสร็จเรียบร้อยและกลับมายังเรือนฝั่งตะวันออกพบว่าอวี๋ฉี่เจ๋อนั่งอ่านตำราอยู่ตรงหน้าโต๊ะในห้องของตนจึงเอ่ยถามออกไปว่า “ฉี่เจ๋อ เ้ารู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นบ้างแล้วหรือไม่?”
อวี๋ฉี่เจ๋อไม่เงยหน้าขึ้นสายตายังคงจับจ้องตำรา เอ่ยอย่างราบเรียบว่า “ไม่ขอรับแค่หลอกท่านปู่เท่านั้น”
ถึงแม้ภายในใจของสตรีแซ่ซ่งจะเดาได้แต่นางยังคงไม่ยอมแพ้ เมืุ่์อยู่ท่ามกลางความสิ้นหวังจะต้องมีความหวังและการรอคอยอย่างไม่ย่อท้อ
ครั้นนางได้ฟังพลันกักเก็บความผิดหวังภายในใจเอาไว้พยายามแสดงออกราวกับไม่เป็อะไร เอ่ยกับอวี๋ฉี่เจ๋อว่า “เ้าไปดูสิว่าแม่นางเมิ่งกินข้าวเสร็จแล้วหรือไม่? รีบเอาถ้วยชามกลับมา จะได้ไม่มีผู้ใดพบเข้า”
เชิงอรรถ
[1] ผลซิ่งหรือผลแอปริคอท