ต้วนเหลยถิงยังกล่าวไม่ทันจบ ทว่าทุกคนกลับเข้าใจความหมายในสิ่งที่เขาจะเอ่ย
มีคนไม่น้อยพากันขอบตาแดงก่ำและกลั้นน้ำตาเอาไว้ในเบ้าตาอย่างสุดชีวิต พั่วหุนกำขวานใหญ่ กล่าวด้วยความหนักแน่นว่า
“ไม่ว่าบนเขาจะเป็อย่างไร พวกเรายังจะขึ้นไปดูด้วยตนเองให้จงได้ขอรับ”
คนอื่นในกลุ่มต่างพากันเอ่ยเห็นด้วย
“ใช่แล้ว พวกเราจำต้องได้เห็นสถานการณ์บนเขาด้วยตาตนเองขอรับ”
“กล่าวได้ถูกต้อง แม้วันนี้จะต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ ขอเพียงได้รู้ข่าวคราวของครอบครัว ทุกสิ่งก็คุ้มค่าแล้ว”
......
ต้วนเหลยถิงทอดมองสีหน้าหนักแน่นอย่างยิ่งของคนเหล่านี้แล้วเอ่ยว่า “การวิเคราะห์เมื่อครู่ของข้าเป็เพียงการคาดเดาเท่านั้น หวังว่าภายในใจของพวกเ้าจะเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว”
ทุกคนต่างพยักหน้าขานรับ พวกเขารู้ว่าการวิเคราะห์ของต้วนเหลยถิงถูกต้อง และที่วิเคราะห์สิ่งเหล่านี้ก่อนขึ้นเขาก็เพราะหวังว่าหลังพวกตนขึ้นไปบนยอดเขาจะได้ไม่จิตใจพังทลายด้วยไม่ทันเตรียมใจเอาไว้
ครั้นเห็นทุกคนเตรียมพร้อมแล้ว ต้วนเหลยถิงจึงเอ่ยออกคำสั่งให้คนในกลุ่มปลดสายคาดเอวออกมามัดพวกเขาเข้าไว้ด้วยกัน
ยามนี้ม่านหมอกหนาทึบ ขอบเขตที่สามารถมองเห็นได้มีจำกัด ทั้งรอบข้างยังจัดวางค่ายกลกับดักเอาไว้ ขบวนของพวกเขามิอาจก้าวพลาดเป็อันขาด
ทุกคนต่างทำตามคำสั่ง ไม่นานนักก็มัดทุกคนเข้าไว้ด้วยกันจนเรียบร้อย
ต้วนเหลยถิงยังเอ่ยอีกว่า “เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ นอกจากพั่วหุน ข้าจะไม่เรียกชื่อของพวกเ้า ยามนี้จะเรียกพวกเ้าโดยเรียงตามความสูงจากมากไปน้อยว่าหมายเลขหนึ่ง หมายเลขสอง หมายเลขสาม เข้าใจแล้วหรือไม่?”
“ทราบแล้วขอรับ” ทุกคนพากันพยักหน้า ไม่มีความเห็นอื่นใดต่อคำสั่งของต้วนเหลยถิงแม้แต่นิด
“ดี” ต้วนเหลยถิงเอ่ยกับบุรุษที่ตัวสูงที่สุดว่า “เริ่มนับั้แ่เ้า จากนั้นจดจำหมายเลขของพวกเ้าเอาไว้ให้ดี”
“ขอรับ” บุรุษร่างสูงที่สุดขานหมายเลข “หมายเลขหนึ่ง”
“หมายเลขสอง” “หมายเลขสาม” ...
ด้วยเหตุนี้ คนทั้งกลุ่มต่างจดจำหมายเลขของตนเอง ต้วนเหลยถิงพลันโบกฝ่ามือใหญ่ “ออกเดินทาง”
ทุกคนแบ่งเป็กลุ่มเล็กตามที่จัดแจงเอาไว้ก่อนหน้านี้ จากนั้นเดินตามหลังต้วนเหลยถิงเป็ลำดับ
แม้พวกเขาจะเชื่อมกันด้วยสายคาดเอว ทว่ากลับไม่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด
มิอาจไม่กล่าวว่าไม่ว่าจะค่ายกลหรือกับดัก ต้วนเหลยถิงล้วนเชี่ยวชาญและเก่งกาจอย่างยิ่ง
ครั้นเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ต้วนเหลยถิงพลันโบกมือบอกให้พวกเขาหยุดเดินแล้วออกคำสั่งว่า “หมายเลขหนึ่ง รื้อกลไกกับดักที่อยู่บนแมกไม้ตรงหน้าเ้า
หมายเลขหก เคลื่อนก้อนหินที่เล็กที่สุดตรงข้างเท้าเ้าออกไป...”
เป็เช่นนี้ พวกเขาทำตามคำสั่งของต้วนเหลยถิงไปตลอดทาง จัดการรื้อถอนกลไกกับดักและค่ายกลบนเขาได้ทั้งหมด
ทว่าคนทั้งกลุ่มกลับไม่เข้าใจกลไกกับดักเหล่านี้แม้แต่น้อย ถึงขั้นก่อนที่ต้วนเหลยถิงจะปริปากเอ่ย พวกเขากลับไม่พบกลไกกับดักเลยสักนิด
หากมิใช่ว่าต้วนเหลยถิงนำหน้า พวกเขาทั้งกลุ่มยังไม่รู้ว่าต้องตายเช่นไรั้แ่ต้น ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการขึ้นมายังเชิงเขาเลยด้วย
ยามนี้ความรู้สึกที่ทุกคนมีต่อต้วนเหลยถิงมิใช่แค่ภักดีเพียงสองคำอีกต่อไป
สำหรับภายในใจของพวกเขา ต้วนเหลยถิงเปรียบดั่งเทพเซียน แม้ต้องสละชีวิตก็ต้องคุ้มครองความปลอดภัยของบุรุษผู้นี้ให้จงได้...
......
ณ เรือนสกุลต้วนแห่งหมู่บ้านเถาหยวน หยวนซื่อยังคงเพ่งเล็งเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน แสร้งมาเดินวนอยู่หน้าห้องของเคอโยวหรานอย่างไม่ตั้งใจั้แ่เช้าตรู่
เสี่ยวสู่กับลี่ชิวเตรียมจะออกไปช่วยงานในเรือนผู้เฒ่าเคอตามคำสั่ง ครั้นเห็นนางเดินวกไปวนมาอยู่ในลานเรือนจึงพากันรู้สึกอัดอั้นด้วยความสงสัยอยู่บ้าง ฮูหยินน้อยผู้นี้คิดจะทำสิ่งใดกันแน่?
ไม่รอให้ทุกคนใคร่ครวญให้แน่ชัด คำตอบก็กระจ่างเสียแล้ว
เคอโยวหรานเพิ่งจะผลักประตูเปิดออก หยวนซื่อพลันพุ่งเข้าไปดั่งลูกธนู ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็กระชากหมวกเหวยเม่าบนศีรษะของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำ
“ว้าว...”
หลังจากหมวกเหวยเม่าหลุดออก ผู้คนในลานเรือนก็พากันเปล่งเสียงร้องด้วยความตกตะลึงโดยไม่รู้ตัว
เคอโยวเยวี่ยพลันพุ่งเข้าไปกอดเอวเคอโยวหราน เอ่ยด้วยความตื่นเต้นไม่ต่างกับเป็ดน้อย
“พี่หญิงใหญ่ ท่านงามขึ้นอีกแล้ว ในสิบลี้แปดหมู่บ้านนี้ไม่มีสตรีนางใดงามกว่าท่านแล้วเ้าค่ะ”
ไป๋ซื่อถูกหมังจ้งประคองเดินมายังข้างกายของเคอโยวหราน เอ่ยโดยไม่ตระหนี่คำชมว่า
“จะใช่แค่สิบลี้แปดหมู่บ้านได้อย่างไร กระทั่งในเมืองหลวงยังยากจะหาสตรีที่งดงามเช่นนี้”
มารดาสกุลต้วนถลึงตาจ้องหยวนซื่อ จัดการชิงหมวกเหวยเม่ากลับมาจากในมือของนางแล้วสวมให้เคอโยวหรานอย่างเบามือ
“ใช่แล้ว งามถึงเพียงนี้ ยามออกข้างนอกจะต้องปกป้องตนเองให้ดี ครั้งหน้าจำต้องระวังตัว อย่าปล่อยให้ผู้อื่นถอดหมวกเหวยเม่าของเ้าได้อีก”
“เ้าค่ะ ขอบพระคุณท่านแม่เ้าค่ะ” เคอโยวหรานขานรับ
โชคดีที่ตนมีนิสัยชอบแปลงโฉมทุกวันเพื่อปกปิดใบหน้างามประณีตเอาไว้บ้าง ทำให้ทุกคนเห็นว่าตนค่อยๆ งดงามขึ้น เช่นนี้จึงจะไม่ทำให้ผู้อื่นนึกสงสัยมากนัก
นอกจากนี้ตนยังเอาข้าวของในมิติวิเศษให้ทุกคนใช้ด้วยเช่นกัน ยามนี้ไม่เพียงแต่ตนที่มีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ภายในเรือนนอกจากหยวนซื่อ ทุกคนก็ล้วนงดงามขึ้นมากทีเดียว
ถงซื่อถูกเคอโยวหลานกับลี่ชุนประคองเอาไว้ ต่างพากันถลึงตาจ้องหยวนซื่อคราหนึ่งด้วยความไม่พอใจ
ทางฝั่งหยวนซื่อยังคงนิ่งงัน เหตุใดผิวพรรณบนใบหน้าและลำคอของเคอโยวหรานถึงได้เกลี้ยงเกลาเนียนละเอียด ไม่มีร่องรอยใดแม้แต่นิดเลยเล่า?
ตลอดหลายวันมานี้เคอโยวหรานสวมหมวกเหวยเม่า มิอาจเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้ ทว่าไม่เห็นหน้าเพียงไม่กี่วันกลับงดงามขึ้นไม่น้อย เป็เช่นนี้ได้อย่างไร?
ไม่รอให้หยวนซื่อคิดใคร่ครวญจนได้คำตอบ ข้างนอกลานเรือนพลันมีเสียงของผู้ใหญ่บ้านเฉินเอ่ยขึ้นว่า “ซานหลางกับโยวหรานอยู่ในเรือนหรือไม่?”
เคอโยวหรานโบกมือ เสี่ยวสู่กับลี่ชิวรีบเปิดประตู ครั้นเห็นผู้ใหญ่บ้านเฉินมาเยือน นางจึงรีบเข้าไปรับและถามว่า “ท่านผู้าุโมีเื่อันใดหรือเ้าคะ?”
ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยด้วยความยินดี “โยวหราน วันพรุ่งโรงงานจะเปิดกิจการแล้ว ตามหลักควรจะคารวะฟ้าดิน
โรงงานแห่งนี้มีเ้ากับสกุลต้วนเป็คนริเริ่มการก่อสร้าง ตาเฒ่าจึงมาบอกให้พวกเ้าไปเข้าร่วมพิธีเปิดโรงงานสักหน่อย”
เคอโยวหรานคลี่ยิ้มบาง “ดูข้าสิเ้าคะ กระทั่งเื่สำคัญเช่นนี้ยังหลงลืมไปเสียแล้ว ข้าไม่รู้เื่การเซ่นไหว้ฟ้าดิน จำต้องเตรียมเครื่องเซ่นไหว้อันใดบ้างหรือเ้าคะ?”
ผู้ใหญ่บ้านเฉินโบกมือพลางหัวเราะร่า “ไม่ต้องๆ เครื่องเซ่นไหว้พวกข้าเตรียมเอาไว้หมดแล้ว วันพรุ่งพวกเ้าแค่เข้าร่วมเป็พอ เื่อื่นๆ ตาเฒ่าเตรียมการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”
“เช่นนั้นก็ได้เ้าค่ะ” เคอโยวหรานเอ่ยด้วยความยินดี อาศัยการบดบังของชายแขนเสื้อล้วงหยิบใบสัญญาที่ร่วมลงนามกับอินจิ่วออกมา
“ท่านผู้าุโเ้าคะ หลังจากทำเต้าหู้กับเต้าฮวยออกมาแล้วให้ส่งตรงไปยังตำบลกับอำเภอใกล้เคียงไม่กี่แห่งนี้นะเ้าคะ ไปยังหน้าร้านสาขาย่อยของโรงสุราฟู่หยวน จากนั้นส่งมอบให้เถ้าแก่ของหน้าร้านสาขาย่อยเป็พอเ้าค่ะ”
ผู้ใหญ่บ้านเฉินรับใบสัญญามา ตกตะลึงเสียจนเอ่ยสิ่งใดไม่ออก “นี่...เอ่อ...นะ...นี่มัน...”
เคอโยวหรานรีบรินน้ำชาร้อนให้ผู้ใหญ่บ้านเฉินหนึ่งจอก ทั้งยังลอบใส่น้ำสระบัวเจ็ดสีลงไปในนั้น นางประคองส่งด้วยสองมือพลางเอ่ยปลอบประโลมว่า
“ท่านผู้าุโอย่าเพิ่งตื่นตระหนกจนเกินไป ดื่มน้ำสงบสติอารมณ์สักหน่อยก่อนเ้าค่ะ แค่หารือการค้าได้ใบสั่งซื้อมาไม่กี่ใบ ท่านอย่าได้ตื่นเต้นจนหมดสติไปเชียวนะเ้าคะ เช่นนั้นข้าคงได้มีความผิดมหันต์เสียแล้ว”
มือผู้ใหญ่บ้านเฉินสั่นเทา ชายชรารับจอกน้ำชามาดื่มหลายอึก เมื่อทำเช่นนี้จึงค่อยๆ มีเรี่ยวแรงกลับมาเอ่ยถามว่า
“โยวหราน เ้าเก่งกาจเกินไปแล้ว ใบสั่งซื้อจำนวนมากถึงเพียงนี้ เ้าไปหารือมาได้อย่างไร?
หากขายเต้าหู้ได้เป็จำนวนมากเยี่ยงนี้ทุกวัน เช่นนั้นจะต้องได้กำไรสักเท่าใดกัน? เ้าช่วยตาเฒ่านับสักหน่อย ทำอย่างไรข้าก็คิดไม่ออก?”
เคอโยวหรานยกยิ้มเอ่ย “ท่านผู้าุโเ้าคะ จำนวนเต้าหู้ที่้าในแต่ละวันจะมีการปรับเปลี่ยน โรงงานจำต้องส่งสินค้าตามจำนวนที่สั่งซื้อล่วงหน้าหนึ่งวันเ้าค่ะ
แต่หากคิดตามจำนวนที่ขายให้โรงสุราฟู่หยวนครั้งก่อนหน้านี้ ในแต่ละเดือนพวกเราจะได้เงินส่วนแบ่งอย่างน้อยนับหมื่นตำลึงเ้าค่ะ”
“นะ...นับหมื่น...หมื่น...” ผู้ใหญ่บ้านเฉินถึงกับลิ้นเป็ตะคริว เงินนับหมื่นตำลึง นั่นมันหมายความว่าอย่างไรกัน?
เงินทองตั้งมากมายขนาดนั้น เหตุใดเขาถึงรู้สึกหวั่นใจอย่างน่าประหลาดเสียแล้ว?