โหยวเสี่ยวโม่เห็นหลี่จวิ้นถึงขั้นจะลงไม้ลงมือ ยากที่จะเชื่อ ในใจคิดว่าคงยากที่จะเลี่ยง คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินเสียงโมโหของคนแก่ดังขึ้น หันหลังดูถึงพบว่าเป็ผู้เฒ่าที่ดูแลหอคัมภีร์
ผู้เฒ่าท่าทีโมโหเดินมาพร้อมจดจ้องไปยังหลี่จวิ้นที่บอกว่าจะสั่งสอนโหยวเสี่ยวโม่เมื่อครู่ ใบหน้านิ่งขรึม ขึงขังดูออกว่ากำลังโกรธ จากนั้นเอ่ยเสียงเย็นเยือก “หากบอกเหตุผลที่เหมาะสมให้ข้าไม่ได้ล่ะก็ ภายในหนึ่งปีนี้อย่าได้คิดจะเข้าหอคัมภีร์แม้แต่ครึ่งก้าว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โหยวเสี่ยวโม่เริ่มลนลาน หลี่จวิ้นก็เช่นกัน
หลี่จวิ้นรีบอธิบาย “ผู้าุโซุน นี่ไม่ใช่ความผิดข้า โหยวเสี่ยวโม่ต่างหาก เขาพูดจาไม่ดีกับข้า ดังนั้นข้าจึงอยากสั่งสอนเขา”
เขาจึงเล่าเื่ที่โหยวเสี่ยวโม่พูดจาไม่ดีให้ผู้เฒ่าฟังอีกรอบ แน่นอนว่า เขาเลือกพูดแค่บางอย่าง เื่ก่อนหน้าไม่ได้เอ่ยถึงแม้แต่นิด อย่างไรก็ตาม อะไรที่ยกความผิดให้โหยวเสี่ยวโม่ได้ เขาพูดออกมาหมด ไม่พอ ยังลากเจียงหลิวที่กำลังยืนดูร่วมด้วย
“ผู้าุโซุน ที่ข้าพูดมานั้นล้วนเป็ความจริง ท่านถามศิษย์น้องเจียงได้ ตอนนั้นเขาก็อยู่ข้างๆ”
โหยวเสี่ยวโม่เบิกตาโต คนนี้ช่างหน้าไม่อาย พลิกจากหน้ามือเป็หลังมือหาได้ละอาย
เจียงหลิวตั้งใจหันไปมองโหยวเสี่ยวโม่ชั่วครู่ จากนั้นทำทีเผยสีหน้าลำบากใจ คิดหนักแล้วเอ่ยออกมา “ที่ศิษย์พี่พูดมาก็ไม่ผิด แต่ศิษย์พี่โหยวไม่ได้ตั้งใจพูดเช่นนั้น ผู้าุโซุนอย่าโทษศิษย์พี่โหยวเลย ข้าเชื่อว่าเขาไม่ได้ตั้งใจหรอก”
ฟังจากที่เขาพูด โหยวเสี่ยวโม่คิ้วผูกเป็ปม เป็คำพูดขอความเห็นใจ แต่เขาไม่ได้ผิดอะไร ทำไมต้องเห็นใจ?
สถานการณ์เช่นนี้ เท่ากับว่าหลักฐานพยานมัดตัว
หากคนที่อยู่หน้าพวกเขาตอนนี้ไม่ใช่ผู้าุโซุนแต่เป็คนอื่น เมื่อฟังพวกเขาสองคนพูดจบ เดาว่าคงตัดสินความผิดให้โหยวเสี่ยวโม่แน่นอน
กระนั้น ขณะที่หลี่จวิ้นทำหน้าสะใจรอดูโหยวเสี่ยวโม่ถูกลงโทษ ใบหน้าเคร่งขรึมดูไม่ออกว่าคิดอะไร ก็หันมาพูดกับโหยวเสี่ยวโม่ “เ้าพูดซิ ว่าตกลงเกิดเื่อะไรขึ้น?”
เมื่อฟังเช่นนี้ ทุกคนตะลึงงัน
คนที่มาหอคัมภีร์บ่อยจะรู้ว่าผู้าุโซุนเป็คนที่เคร่งครัดที่สุดในสำนักเทียนซิน เขาไม่เคยลำเอียงกับศิษย์คนไหนมาก่อน แม้ศิษย์คนนั้นจะเป็ศิษย์ของเ้าสำนักก็ตาม ความคิดเขาสามารถใช้คำว่าหัวโบราณมาบรรยายได้ เพราะให้ความสำคัญกับกฎระเบียบมาก
ดังนั้นเมื่อครู่ที่เห็นหลี่จวิ้นจึงชักสีหน้าทันควัน เพราะเขาทำลายกฎของหอคัมภีร์
และเพราะเช่นนี้ หลี่จวิ้นถึงรีบชิงฟ้องก่อน เขารู้ว่าถ้าผลักไสความผิดให้โหยวเสี่ยวโม่ เขาก็ไม่ต้องกังวลเื่รับโทษ
แต่ว่า เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่า ผู้าุโซุนจะเอ่ยถามโหยวเสี่ยวโม่ขึ้นเอง พอคิดว่าโหยวเสี่ยวโม่อาจพูดสิ่งที่ตนไม่ได้พูดออกไป หลี่จวิ้นเริ่มวิตก
โหยวเสี่ยวโม่ไม่ทันคิดว่าผู้าุโซุนจะเอ่ยถามตัวเอง ดีใจพลันรีบเอ่ย “ผู้เฒ่า เื่เป็เช่นนี้ขอรับ…”
เขาไม่ได้จิตใจแม่พระ หลี่จวิ้นกล้าทำร้ายเขา ก็อย่ากลัวว่าเขาจะพูดความจริง อีกอย่างกับคนที่ตั้งใจตั้งแง่กับตัวเอง ยิ่งไม่สมควรใจอ่อน กระนั้นจึงเล่าเื่ทั้งหมดอย่างละเอียด
หลี่จวิ้นที่อยู่ด้านข้างหน้าซีดขาวจนขาวกว่านั้นไม่ได้อีก…
ดังที่ควรจะเป็ เมื่อผู้าุโซุนฟังโหยวเสี่ยวโม่พูดจบ สายตาลุกวาวมองหลี่จวิ้นอย่างดุดัน สีหน้าเย็นะเืแล้วเอ่ย “ข้าเคยบอกไว้แล้ว การอ่านตำราที่หอคัมภีร์ให้อ่านทีละเล่ม อ่านจบค่อยหยิบเล่มใหม่ เ้าเป็ศิษย์พี่ ไม่เพียงไม่เป็ตัวอย่างให้ศิษย์น้อง แล้วยังทำให้ศิษย์น้องลำบากใจ ละเลยกฎระเบียบของหอคัมภีร์ ข้าล่ะอยากรู้นักเชียว ว่าตำราของหอคัมภีร์กลายเป็ของเ้าั้แ่เมื่อไหร่กัน?”
พูดจบพลันสะบัดแขนเสื้ออย่างแรง ใบหน้าโกรธเคืองนั้นน่ากลัว
หลี่จวิ้นเข่าอ่อน หน้าซีดเผือด เอ่ยปากสั่น “ศิษย์…ยอมรับความผิด เชิญท่านผู้าุโซุนลงโทษ”
ผู้าุโซุนทำเสียงฮึ “หลี่จวิ้นละเลยกฎระเบียบหอคัมภีร์ ทำลายความเป็มาของหอคัมภีร์ ลงโทษภายในหนึ่งปีห้ามเหยียบเข้าหอคัมภีร์ หากเ้ารู้สึกอยากคัดค้าน ให้เรียกอาจารย์เ้ามาพบข้าเพื่อพูดคุยได้”
หลี่จวิ้นหรือจะกล้าบอกเื่นี้กับอาจารย์ ขานรับเสียงอ่อน “ศิษย์…ไม่มีอะไรคัดค้านขอรับ”
หอคัมภีร์ของสำนักเทียนซินนั้นครอบคลุมจักรวาล ไม่ว่าตำราอะไรก็มีหมดทั้งข้อมูลเนื้อหาความรู้ ตำราเพื่อความผ่อนคลาย พวกนี้ล้วนเป็ตัวช่วยที่ดีในการฝึกฝน ดังนั้นหากไม่สามารถเข้ามาที่นี่หนึ่งปีสำหรับบางคนแล้วทรมานกว่าโดนลงทัณฑ์เสียอีก
เมื่อลงโทษหลี่จวิ้นเสร็จ ผู้าุโซุนก็มองโหยวเสี่ยวโม่ อีกฝ่ายสีหน้าเหมือนเกิดใหม่ สายตาเปล่งประกายเผยรอยยิ้ม พลันกล่าว “ส่วนเ้า ทำเสียงดังอึกทึกในหอคัมภีร์ ลงโทษไม่ให้เข้าหอคัมภีร์สามวัน”
โหยวเสี่ยวโม่ชะงัก นี่จะ…เบาเกินไปรึเปล่า กับเขาแล้วแทบไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เขารีบขานรับ ยกมือคำนับแล้วกล่าว “ขอรับ ท่านผู้าุโ”
สีหน้าทุกคนตกตะลึง หากพวกเขายังฟังไม่ออกว่าผู้าุโซุนลำเอียงไปทางโหยวเสี่ยวโม่ นับว่าหูสองข้างคงไร้ประโยชน์สิ้นดี ผู้าุโซุนที่มีชื่อเสียงเื่ความเข้มงวด กลับลำเอียงเข้าข้างโหยวเสี่ยวโม่ นี่เป็ความจริงที่น่าตกตะลึง!
โหยวเสี่ยวโม่ในสำนักเทียนซินนับว่าเป็คนมีชื่อเสียงแล้ว เพราะทั้งแขนงโอสถและแขนงการต่อสู้ต่างรู้จักชื่อเขา ก่อนหน้านี้หากหลี่จวิ้นไม่ได้เอ่ยชื่อเขา แต่ทุกคนก็รู้จักเขาอยู่แล้ว
เพียงแต่คนที่พวกเขาต่างรู้จักอยู่ลึกๆ ในใจคนนี้ กลับถูกโฉลกผู้าุโซุนที่ดูแลหอคัมภีร์เสียนี่ ช่างเป็ข่าวที่พิเศษจริงๆ!
เจียงหลิวสายตานิ่งเงียบ เมื่อผู้าุโซุนจากไปจึงรีบกล่าวกับโหยวเสี่ยวโม่สีหน้ารู้สึกผิด “ศิษย์พี่โหยว ข้าขอโทษ ข้าไม่รู้ว่าศิษย์พี่หลี่จะเป็คนเช่นนั้น หากข้ารู้ว่าเขาทำแบบนั้นกับท่าน ข้าไม่มีทางให้เขาทำร้ายท่านแน่”
โหยวเสี่ยวโม่เผยรอยยิ้มฝืนๆ “ไม่เป็ไรหรอก เ้าไม่รู้ก็ไม่แปลก”
“ศิษย์พี่โหยว ท่านไม่กล่าวโทษข้าหรือ?” เจียงหลิวเอ่ยอย่างระวังพลันสังเกตสีหน้าเขา
“ข้าไม่เคยโทษเ้า ข้ารู้ว่าเ้าไม่รู้ความจริงทั้งหมดถึงพูดแบบนั้นออกไป ดีที่ความจริงเปิดเผยแล้ว!” โหยวเสี่ยวโม่ส่ายหัวพลัน
“งั้นก็ดี” เจียงหลิวโล่งอก จากนั้นเขารีบยื่นตำราม้วนเ้าปัญหานั่นให้โหยวเสี่ยวโม่ “ศิษย์พี่โหยว ตำราม้วนนี้ท่านเอาไปอ่านก่อนเถอะ ถือซะว่าเป็การไถ่โทษที่ศิษย์น้องพูดผิด ท่านต้องรับไว้นะ ไม่งั้นข้าจะรู้สึกว่าท่านไม่ให้อภัยข้า”
“งั้น…ข้าไม่ปฏิเสธล่ะนะ” โหยวเสี่ยวโม่เห็นเขาพูดจาหนักหนา จึงรับมาอย่างจำใจ
อันที่จริงเขาก็ใช่ว่าต้องได้ตำราม้วนนี่เสียเมื่อไร ตำราสัตว์ปีศาจขั้นกลางยังมีหลายเล่มที่เขาจำไม่หมด เดิมที่ตั้งใจว่าจะจำพวกนี้ให้หมดก่อน แล้วค่อยดูว่ามีศิษย์พี่คนไหนอ่านจบรึยัง คิดไม่ถึงจะเจอเจียงหลิวก่อน จึงเกิดเื่พวกนั้นตามมา
จากนั้น เจียงหลิวไม่ได้รอจึงออกไปก่อน
โหยวเสี่ยวโม่หยิบตำราม้วนที่เขาได้มา แม้ปากจะบอกไม่เป็ไร แต่นั่นคือเื่เท็จ
เขากับเจียงหลิวความสัมพันธ์ไม่ได้ใกล้ชิดขนาดนั้น แม้มาจากบ้านเกิดเดียวกัน อีกอย่างก่อนหน้านี้เขาไม่ได้กล่าวโทษอะไรหลี่จวิ้น แต่เขาไม่เพียงไม่ช่วยเขาพูด ซ้ำยังกล่าวโทษเขาอีก กระทั่งให้เขาเอ่ยปากขอโทษ
แล้วยังคำพูดที่ขอความเห็นใจนั่นอีก เขามาคิดๆ ดู ยังไงก็รู้สึกแปลกอยู่ดี ชัดว่านั่นเป็การราดน้ำมันบนกองไฟ พูดตามจริง ในใจเขาตอนนี้รู้สึกขนลุกขนพอง
แม้ว่าตอนท้ายเขาจะขอโทษ และตัวเองก็ให้อภัยแล้ว แต่เื่บางอย่างหากเคยเกิดขึ้นแล้ว ก็ยากที่จะลืม ดังนั้นโหยวเสี่ยวโม่ตัดสินใจเงียบๆ ว่า อีกหน่อยหากเจอเขา จะต้องรักษาระยะห่างให้มากที่สุด
เจียงหลิวที่จากไปหาได้รู้อะไร การเสแสร้งนั้นไม่ได้เกิดประโยชน์แม้แต่นิด
เมื่อกลับถึงทัพพิภพ โหยวเสี่ยวโม่ก็แอบหดหู่ที่ถูกห้ามไม่ให้ไปหอคัมภีร์สามวัน
นับแต่ศิษย์พี่ใหญ่บอกเขาเื่ดินแดน์วิมาน เขาตั้งใจว่าจะขลุกอยู่แต่ในหอคัมภีร์หลายๆ วัน เพราะอยากค้นคว้าข้อมูล
แต่พอคิดว่าหลี่จวิ้นถูกสั่งห้ามหนึ่งปี ความหดหู่ก็หายไป และรู้สึกสบายใจไม่น้อย
ดึกคืนนั้น โหยวเสี่ยวโม่ใช้เวลากว่าสองชั่วยามในการอ่านย่อยเนื้อหาทั้งหมดที่จำเร็วมาจากหอคัมภีร์ รุ่งเช้าถัดมา ขณะที่เขาแกล้งทำเป็กำลังจะไปตักน้ำล้างหน้า ก็พบว่าเื่เมื่อวานนั้นแพร่กระจายแล้ว
คนส่วนมากพูดถึงเื่ที่หลี่จวิ้นถูกลงโทษ ส่วนเื่ที่ลำเอียงเข้าข้างโหยวเสี่ยวโม่ แม้ทุกคนจะไม่กล้าพูดออกมาซึ่งหน้า แต่ลับหลังก็มีแอบพูดถึงบ้าง ส่วนใหญ่จะบอกว่าโหยวเสี่ยวโม่โชคดี
แต่การลงโทษของผู้าุโซุนนั้นเอนเอียงไปทางโหยวเสี่ยวโม่จริง แต่วิธีที่เขาลงโทษก็ถูกต้องตามหลักการ หลี่จวิ้นละเมิดกฎหอคัมภีร์หลายข้อ ถูกลงโทษหนึ่งปีถือว่าสมควรแล้ว
โหยวเสี่ยวโม่ไม่คิดว่าพวกปากมากในสำนักเทียนซินจะทำหน้าที่ได้ดีขนาดนี้ ทุกครั้งที่เกิดเื่กับตัวเขา มักจะแพร่สะพัดทันทีทันใด เล่นเอาเขาหดหู่ไปมาก
แต่โหยวเสี่ยวโม่ก็แอบหวังว่าเมื่อหลิงเซียวได้ยินข่าวลือจะรีบมาหาเขา แต่ผ่านไปวันหนึ่ง หลิงเซียวก็ไม่ได้มาตามที่เขาหวังไว้ จะบอกว่าไม่ผิดหวังก็คงเป็เื่โกหก
ทว่าเขาหารู้ไม่ว่าที่หลิงเซียวไม่ได้มาหาเขา เพราะทังฝานออกคำสั่ง ห้ามเขามาทัพพิภพบ่อยเกินไป หลิงเซียวที่ต้องสวมบทบาทหลินเซียวให้ดี หลายวันมานี้จึงต้องเชื่อฟังทำตัวเป็ให้สมกับเป็ ‘ศิษย์เอก’
ผ่านไปอีกสองวัน โหยวเสี่ยวโม่หลอมยาเซียนตันขั้นสองได้มากมาย ในที่สุดก็ตัดสินใจเริ่มทดลองหลอมยาเซียนตันขั้นสาม เพื่อบรรลุนักหลอมโอสถขั้นสาม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้