คำพูดที่ดูเย่อหยิ่งดังอื้ออึงเป็อย่างยิ่ง ดังกึกก้องไปทั่วท้องถนน ราวกับเสียงสายฟ้าที่ดังสนั่นอยู่ในหูของทุกคน
ทุกคนต่างผงะไปในทันที มองไปทางฉินอวี่ผู้หยิ่งผยองด้วยความตกตะลึง จนทุกคนต่างพูดไม่ออก และคนที่ได้พูดเยาะเย้ยไปก่อนหน้านั้นต่างก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันที
ใช่แล้ว ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่โหย่วฉายจะมีสถานะเป็เช่นไร แต่ตอนนี้เขาเป็ศิษย์ของผู้เฒ่าร้องไห้ เมื่อมีผู้เฒ่าร้องไห้อยู่ ก็ไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกิน
เป็เวลานานจนนับไม่ได้ มีคนที่ตายด้วยน้ำมือของผู้เฒ่าร้องไห้เป็จำนวนมาก มีคนไหนบ้างที่ไม่ใช่ผู้มีระดับฝึกฝนที่แข็งแกร่ง? เมื่อเทียบกับเขาแล้ว ตนเองจะมีอะไรที่เทียบได้เล่า?
ในตอนนี้ ทุกคนต่างปิดปากเงียบ แม้พวกเขาจะยังรู้สึกดูิ่ฉินอวี่อยู่ในใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปอย่างโจ่งแจ้ง โดยเฉพาะคนผู้นั้นที่มีสถานะไม่ธรรมดา ยิ่งทำให้ไม่กล้าเข้าไปใหญ่ เพราะกลัวจะเป็ภัยต่อตระกูล
ท้ายที่สุด ทั่วทั้งแดนต้าโหมวเทียน... ก็แทบจะไม่มีผู้ใดที่กล้ายั่วยุเขา
เมื่อเห็นสีหน้าที่ตื่นใของทุกคน ฉินอวี่ก็ยิ่งยิ้มกว้าง เขา้าให้ผลที่ออกมาเป็เช่นนี้ และมีเจตนาที่จะเตือนสติทุกคน ด้วยชื่อของผู้เฒ่าร้องไห้ไม่ใช่สิ่งล้อกันเล่น หากคิดจะยั่วยุล่วงเกินข้า ก็ลองไปชั่งน้ำหนักด้วยตนเองดูให้ดี
จากคนขุดหลุมศพคนหนึ่งกลายมาเป็ศิษย์ของผู้เฒ่าร้องไห้ เกรงว่าทุกคนคงจะคิดเช่นเดียวกับชายหนุ่มหน้าตาอัปลักษณ์คนนั้น แต่ด้วยท่าทีและการกระทำของฉินอวี่ จึงทำให้ทุกคนต่างหุบปากกันถ้วนหน้า โดยไม่มีคำพูดใดๆ จะกล่าวอีก
เมื่อมีชื่อของผู้เฒ่าร้องไห้คนนี้ปกป้องตัว ก็มีอะไรที่ต้องเกรงกลัว ส่วนเื่จะนินทาอะไรกันนั้น เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายนัก แต่อย่าให้เขาได้ยินเป็พอ
นอกจากนี้ ด้วยสถานะที่พิเศษของฉินอวี่ จะให้เขาไม่หยิ่งผยองเลยก็คงไม่ได้
ถนนที่มีเสียงดังอยู่แต่เดิมนั้นเงียบสงบไปในทันที ผู้คนทุกคนที่กำลังมองฉินอวี่อย่างตกตะลึงได้ค่อยๆ กลับไปยังเส้นทางบนท้องถนน ไม่มีผู้ใดกล้าจะคัดค้าน และคงไม่มีทางหักล้างได้
หลังจากที่ฉินอวี่มองไปพวกฉวีหย่งเซิงที่กำลังจ้องมองตนเองอย่างตกตะลึง ก็พูดอย่างเฉยเมย “ไปกันเถอะ”
จนกระทั่งฉินอวี่เดินห่างออกไป พวกฉวีหย่งเซิงทั้งสามคนจึงมีสติขึ้นมา มองไปยังเื้ัของฉินอวี่ ทั้งสามคนต่างยิ้มอย่างขมขื่น
กล้าพูดจายิ่งผยองเช่นนี้ในแดนต้าโหมวเทียน ก็คงมีแต่คนตรงหน้าผู้นี้เพียงคนเดียวเท่านั้น
ท่ามกลางผู้คน สายตาของหยางเต้าจ้องตรงไปยังฉินอวี่ที่กำลังเดินโยกตัวไปมาอยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาที่หวาดกลัว
เมื่อเทียบกับฉินอวี่แล้ว หยางเต้านับว่าโชคไม่ค่อยดีนัก หลังจากถูกโยนลงมาในเหวลึกแห่งนี้ เขาก็ตกลงมายังประตูค่ายทหารของเขตจุ้ยโหมว เขาซึ่งตกลงมาจากฟ้า จึงถูกยอดฝีมือของค่ายทหารจับตัวไปทันที เขาต้องพบเจอกับเหตุการณ์ทุกข์ทรมาน เพื่อบีบบังคับให้สารภาพอย่างยากลำบาก จนแทบจะเหลือเพียงครึ่งชีวิต อีกเพียงครึ่งก้าวเขาก็เกือบจะเหยียบเข้าไปในปรโลกเสียแล้ว
ไม่รู้ว่า์กำลังล้อเล่นกับหยางเต้า หรือจะเป็เพราะชีวิตของเขายังไม่ถึงคราวจบสิ้น อันที่จริงเมื่อตกลงมายังประตูของค่ายทหารเช่นนี้ เขาน่าจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เป็เพราะการบุกรุกเข้ามายังเหวลึกของหวังถิง ทำให้ผู้แข็งแกร่งทั้งสี่ต่างมุ่งหน้ามายังเขตจุ้ยโหมว ในจำนวนนั้น ก็มีเต้าหวังแห่งเขตหลงเซียว
เดิมทีแล้ว เต้าหวังกำลังต้องไปบีบเค้นหยางเต้า แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเขาจะสนใจในคุณสมบัติและความถนัดของหยางเต้า จึงยอมรับเขาไว้เป็ศิษย์
ไม่เพียงแต่หยางเต้าจะไม่ตาย แต่กลับรุ่งโรจน์ กลายเป็ศิษย์ของเต้าหวัง ซึ่งมีสถานะที่สูงส่งจนไม่อาจเปรียบได้
และเมื่อต้องมาพบกับฉินอวี่ในเมืองเทียนโหมวชั้นนอก แม้ว่าฉินอวี่จะมีรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไป แต่หยางเต้าก็ยังดูออกว่าเป็ฉินอวี่ แม้ว่าจะมีความสงสัยว่าฉินอวี่มีชีวิตรอดมาได้อย่างไร แต่หยางเต้าก็ไม่อยากคิดอะไรมากมาย เพราะเขาและฉินอวี่ต่างมีความคิดเช่นเดียวกัน นั่นก็คือไม่สามารถทำตัวรู้จักกันได้
เดิมทีก็ได้แต่คิดว่าฉินอวี่อาจรอดมาได้เพราะใช้กลอุบาย แต่สิ่งที่หยางเต้านึกไม่ถึงเลยคือ รูปร่างของฉินอวี่จะเปลี่ยนไปเช่นนี้ และกลายเป็ศิษย์ของผู้เฒ่าร้องไห้ผู้มีชื่อเสียงแห่งแดนต้าโหมวเทียน สิ่งนี่ทำให้หยางเต้าไม่อยากเชื่ออย่างมาก แต่เื่จริงได้ปรากฏอยู่เบื้องหน้าแล้ว เขาจึงอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถาม
“เ้าโง่ แม้เ้าจะได้รับความสนใจจากผู้เฒ่าร้องไห้แล้วจะทำไม? ไม่กลัวตายก่อนวัยหรือ” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายหยางเต้าคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างเหน็บแนม
“การต้องตายก่อนเวลาคงมีโอกาสน้อยนัก แม้แดนต้าโหมวเทียนใหญ่โตเช่นนี้ ด้วยระดับฝึกฝนของผู้เฒ่าร้องไห้ มโนจิตของเขาสามารถปกคลุมได้ทั่วทั้งแดนต้าโหมวเทียน หากลงมือกับหลี่โหย่วฉายผู้นี้ จะต้องถูกผู้เฒ่าร้องไห้รับรู้แน่นอน เพียงแต่ แม้ว่าหลี่โหย่วฉายจะอยู่ในความสนใจของผู้เฒ่าร้องไห้ ในอนาคตจะสามารถรุ่งเรืองได้เพียงใด ก็คงเป็ได้เพียงพวกคิดอะไรตื้นๆ เพียงเท่านั้น”
“เขาก็คงจะกล้ารังแกเฉพาะคนที่มีระดับการฝึกฝนที่ต่ำกว่าเท่านั้น คนที่โอหังอวดดีเช่นนี้ ไม่รู้ไปสะกิดความสนใจของผู้เฒ่าร้องไห้ได้อย่างไร”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหล่าอัจฉริยะหนุ่มที่อยู่ข้างกาย ใบหน้าของหยางเต้าก็กระตุกขึ้นทันที
“เ้าโง่? สมองกลวง? รังแกคนอ่อนแอ?” หยางเต้าเยาะเย้ยอยู่ในใจ ในแดนต้าโหมวเทียน เขาคือคนที่รู้จักฉินอวี่ดีกว่าใครๆ จึงไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าคนคนนี้มีความอันตรายอย่างยิ่ง
สำหรับความเย่อหยิ่งของฉินอวี่ หยางเต้าก็คาดว่าคงเป็การแสร้งทำของฉินอวี่เท่านั้น มีเพียงหนทางนี้ คนจำนวนมากจึงจะพูดถึงความเย่อหยิ่งของฉินอวี่ และไม่มีผู้ใดสนใจที่มาที่ไปแท้จริงของฉินอวี่กันเลย ซึ่งนี่นับเป็เื่ดีอย่างยิ่ง
เมื่อฉินอวี่เดินมาถึงด้านท้ายของแถวเขาก็หยุดลง สิ่งที่ทำให้ผู้ฝึกตนต่างประหลาดใจคือ เดิมทีคิดว่า ด้วยความหยิ่งผยองของฉินอวี่ เขาจะต้องไม่มายืนเข้าแถวอย่างแน่นอน และคงจะตรงเข้ามาทันที แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะยืนเข้าแถวอย่างเป็ระเบียบ
แม้ผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านหน้าฉินอวี่ก็ยังต้องใ และตั้งใจจะหลีกทางให้ แต่กลับถูกฉินอวี่ห้ามไว้ และได้ยินเสียงฉินอวี่พูดขึ้นว่า “จะทำอะไร? ข้าหลี่โหย่วฉายเป็คนวุ่นวายขนาดนั้นเชียวหรือ? ข้ามีกฎของข้า หากไม่รังแกข้าก่อน ข้าก็จะไม่รังแกผู้นั้น”
สีหน้าของผู้ฝึกตนคนนั้นเริ่มมืดมนจนเอาแน่นอนไม่ได้ แต่หลังจากฉินอวี่ไม่ได้ทำอะไรตนเอง จึงยืนอยู่หน้าฉินอวี่ต่อไปอย่างกระสับกระส่าย
ทุกคนต่างตกตะลึง มองไปยังฉินอวี่ที่กำลังเข้าแถวอยู่ ทุกคนต่างนิ่งเงียบอยู่กับความคิดของตนเอง ผู้ที่มีไหวพริบ ต้องตีความจากแววตาที่มีนัยลึกซึ้งของฉินอวี่
ในตอนนี้ พวกฉวีหย่งเซิงทั้งสามคนได้มายืนอยู่ด้านหลังฉินอวี่แล้ว มองไปทางเขาด้วยความคิดที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนอย่างยิ่ง
ไม่ทันถึงครึ่งชั่วยาม ลำดับแถวก็มาถึงลำดับของฉินอวี่ ฉวีหย่งเซิงชิงตัดหน้าฉินอวี่ หยิบป้ายคำสั่งออกมา ผู้รับผิดชอบก็รับไปตรวจสอบ จากนั้นก็มอบหมายให้ศิษย์คนหนึ่งพาพวกฉินอวี่ทั้งสี่คนเข้าไปในจวน
ภายในจวนมีขนาดใหญ่กว่าด้านนอกอย่างมาก และมีเหล่าทหารคอยคุ้มกัน หลังจากผ่านประตูวังทั้งสามไปแล้วจึงถึงสถานที่จัดเลี้ยง ซึ่งก็คือลานกว้างประจำจวน
มีโต๊ะจัดเลี้ยงร่วมหนึ่งร้อยโต๊ะถูกจัดเรียงไว้ในลานกว้างขนาดใหญ่ ชายหนุ่มหญิงสาวกำลังนั่งจับกลุ่มสนทนากันอยู่เต็มพื้นที่ ขณะที่ฉินอวี่กวาดสายตามองชายหนุ่มหญิงสาวเหล่านี้ เขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่เ็าขึ้นมาทันที ฉินอวี่ค่อยๆ หันศีรษะกลับไป แต่กลับมองเห็นเหลยหย่วนแห่งตระกูลเหลยของตี้หวังกำลังหันศีรษะไปพูดคุยกับชายหนุ่มชุดสีม่วง และสายตาของเขาก็จ้องเขม็งมาทางตนเอง
“นั่นหลี่โหย่วฉาย ศิษย์ของผู้เฒ่าร้องไห้!” มีผู้ฝึกตนที่สามารถจดจำฉินอวี่ได้ และพูดขึ้นด้วยความใ
งานเลี้ยงภายในลานกว้างที่ครึกครื้นก็เงียบสงบลงทันที ทุกคนต่างมองไปยังฉินอวี่ที่กำลังยืนเอามือไพล่หลังเป็สายตาเดียว และเช่นเดียวกับก่อนหน้า สายตาเหล่านี้เต็มไปด้วยความซับซ้อน ความริษยา และความแปลกใจ
ฉินอวี่สางปลายผมสีขาวของตนเอง และเดินช้าๆ เข้าไปยังโต๊ะเก้าอี้ชุดหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล
แต่ขณะที่ก้าวเท้าไปได้เพียงไม่กี่ก้าว แต่กลับได้ยินเสียงที่แปลกประหลาดดังขึ้น “สหายหลี่ ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้เ้าเป็คนขุดหลุมศพอยู่ในแดนสุสานร้างของเขตจุ้ยโหมว และเป็เพราะตอบคำถามทั้งสองข้อของผู้เฒ่าร้องไห้ได้ จึงเป็ที่สนใจของผู้เฒ่าร้องไห้ ไม่ทราบว่า... สหายหลี่พอจะแนะนำได้หรือไม่ ว่าพวกข้าควรตอบคำถามผู้เฒ่าร้องไห้ว่าอย่างไร?”
และในคำพูดนี้ก็เน้นย้ำคำว่า “คนขุดหลุมศพ” เป็พิเศษ
และแน่นอนว่าเสียงหัวเราะของฝูงชนก็ดังขึ้น
“คนขุดหลุมศพ? ได้ยินมาว่า คนประเภทนั้นล้วนแต่ไม่อาจไปต่อได้ ดังนั้นจึงต้องไปทำงานที่ไร้ศีลธรรมเพื่อหาศิลาิญญาประทังชีวิต”
“เหอๆ ไม่รู้ว่าหลี่โหย่วฉายคนนี้ได้ดิบได้ดีขึ้นมาได้อย่างไรกัน แค่คนขุดหลุมศพคนเดียวกลับเป็ที่สนใจของผู้เฒ่าร้องไห้ หรือผู้เฒ่าร้องไห้จะหูหนวกตาบอด?”
“คนขุดหลุมศพคนเดียวมีคุณสมบัติพอจะเข้ามายังจวนแห่งนี้ด้วยหรือ? ข้าว่าเราควรจะรีบเชิญคนคนนี้ออกไป”
ต้องบอกก่อนว่า คนขุดหลุมศพจัดเป็อาชีพที่น่ารังเกียจที่สุดในแดนต้าโหมวเทียน โดยปกติแล้วคนขุดหลุมศพย่อมไม่มีคุณสมบัติอยู่ในงานเลี้ยงแห่งนี้เลย
แต่แม้ว่าฉินอวี่จะเป็ศิษย์ของผู้เฒ่าร้องไห้ แต่ก็เพราะ “ชาติกำเนิด” เขาจึงไม่เป็ที่โปรดปรานของเหล่าหนุ่มสาวที่มีอำนาจเหล่านี้ ในสายตาของพวกเขา ฉินอวี่คงเป็เพียงคนโชคดีเท่านั้น ก็เป็เหมือนคนที่ร่ำรวยอย่างกะทันหัน แม้ว่าจะร่ำรวยเพียงใด เขาก็ยังต้องถูกดูถูกจากเหล่าศิษย์ของผู้มีอำนาจเหล่านี้อยู่ดี
เมื่อรู้สึกถึงสายตาอันเหยียดหยาม ฉินอวี่ก็เลิกคิ้วขึ้น เหลือบมองไปยังชายหนุ่มชุดสีครามคนหนึ่งที่อยู่โต๊ะด้านข้างเหลยหย่วน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉินอวี่กลั้วคอ และพูดอย่างเรียบเฉย “ข้าว่าพวกเ้าคงจะว่างกันมากนักหรือ? อิจฉาริษยาก็ส่วนอิจฉาริษยา แต่ก็ควรรักษาภาพลักษณ์อันสูงส่งไว้บ้าง เพื่อให้เห็นว่าพวกเ้าเป็ผู้ดีสูงส่งหรือไม่? หากมีความสามารถจริง ก็ลองแสดงออกมาให้เห็นเถิด”
ทั่วทั้งงานต่างชุลมุนขึ้นมาทันที!
