"ครั้งหน้าฉันจะทำตัวน่ารักกับโยตะสักหน่อย... อ่า อืม… "
เมื่อรู้สึกว่าเกือบจะเสร็จแล้ว ขณะที่ดึงนิ้วออกตัวของฉันก็สั่นกระเส่าเล็กน้อย จากนั้นจึงค่อยอาบน้ำ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันก็ค่อยๆ ใส่เสื้อผ้าทีละชิ้น และจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
ถึงการไปมาห้องของนายเพื่อนบ้าน เพื่อมีอะไรกันจะเป็เื่ง่ายๆ ฉันก็มักแต่งตัวให้ดีที่สุด และข้างในก็ต้องเป็เซตเดียวกันด้วย
นี่ไม่เพียงแต่ช่วยให้รู้สึกถึงความเป็พิธีการอะไรสักอย่าง แต่ยังทำให้ตัวเองรู้สึกอารมณ์ดีพร้อมสำหรับกิจกรรมที่กำลังจะมาถึง
ไม่ว่าโยตะจะชอบหรือไม่นั่นก็อีกเื่ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ฉันชอบที่จะแต่งตัวดูดีต่อหน้าเขา
ฉันใช้กระจกในห้องเขาสำรวจรูปร่างหน้าตาตัวเอง แล้วแต่งหน้าเล็กน้อย เนื่องจากการออกกำลังอย่างหนัก ฉันจึงต้องหวีผมที่ชี้ฟูบางส่วนบ้าง แต่นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร
ฉันตรวจสอบใบหน้าของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก ว่าแต่หลังๆ มานี้เหมือนใบหน้าจะดูชุ่มชื้นมากขึ้น ทั้งยังเปล่งปลั่งและมีชีวิตชีวาราวกับได้ปล่อยวางความเครียดลงบ้าง
ถึงปกติฉันไม่ค่อยคิดมากกับเื่นี้ แต่เห็นได้ชัดว่า่นี้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตประจำวันของตัวเอง
“นี่เรียกว่าได้ปลดปล่อยความเครียดหรือเปล่านะ?”
ขณะที่ฉันกำลังส่องดูรูขุมขนที่กระชับอยู่นั้น เสียงเปิดปิดประตูและเสียงกระทบของพวงกุญแจก็ดังขึ้น รู้ได้ทันทีเลยว่าโยตะกลับมาแล้ว
หลังจากยืนยันแล้วว่ารูปร่างหน้าตาของฉันไร้ที่ติ ฉันก็เดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่น เพื่อต้อนรับเขากลับมา
“จะอ่านหนังสืออีกแล้วเหรอโยตะ?”
"ก็เหมือนที่เธอมีงานไอดอลของเธอไง นี่คืองานของฉัน"
"คงเหนื่อยน่าดูเลย"
เมื่อเห็นเขาถือถุงพลาสติกใบใหญ่ที่มีโลโก้ของร้านสะดวกซื้ออยู่ ฉันก็เดาได้เลยว่ามีอะไรอยู่ข้างใน
ถึงนี่จะเป็สิ่งที่เขาเลือกเองก็เถอะ แต่ฉันก็อดไม่ได้ที่ต้องบ่นเื่พฤติกรรมที่คอยบั่นทอนสุขภาพตัวเขาเองบ้าง
“โยตะ นายไม่มีครัวเหรอ? อย่ากินแต่ข้าวกล่องกับเครื่องดื่มชูกำลังจากร้านสะดวกซื้อสิ”
"หือ?"
"ซื้อของมาทำเองบ้าง มันน่าจะดีต่อสุขภาพนะ"
“เธอเป็แม่ฉันเหรอ?”
เมื่อได้ยินการตอกกลับที่กวนบาทาของเขาแล้ว ฉันก็อยากตบหัวตัวเองแรงๆ ที่ไปคิดว่าเขาเป็ผู้ใหญ่เสียเหลือเกิน
ฉันหน้านิ่วคิ้วขมวดกับทัศนคติแบบเด็กๆ ของเขา
“แม่เหรอ… ? ฉันแค่เป็ห่วงนาย”
“เธอพูดเองว่า จะไม่ยุ่งเื่ส่วนตัวของอีกฝ่ายมากเกินไป… ไม่ลืมเร็วไปหน่อยเหรอ?”
"เอ่อ… ก็จริง"
เมื่อโยตะแผ่ออร่าแบบนั้นออกมา ฉันถึงกับผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว
แต่ถ้าลองคิดดีๆ นี่ไม่ใช่เื่ส่วนตัวสักหน่อย เพราะถ้าคู่นอนของฉันทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มันจะไม่ส่งผลดีกับฉันด้วยรึไง?
ฉันจึงพยายามเค้นหาคำตอบในใจว่าจะตอบโต้อย่างไรดี แต่คิดดูแล้วข้อโต้แย้งที่ว่าอาจดูเด็กเกินไปที่จะเถียง
“ยังไงก็เหอะ... ทำอาหารมันใช้เวลานานไป แล้วฉันก็ทำอาหารไม่เป็ด้วย”
“เอ๊ะ แล้วถ้าไม่ต้องเสียเวลาหรือทำเองล่ะ นายก็พร้อมกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพใช่ไหม?”
“เธอมีแผนอะไรอีก?”
สัญชาตญาณโยตะนั้นเฉียบคม เขาเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของฉันได้เสมอ และช่วยให้ฉันเข้าประเด็นได้ตลอด
ฉันก็บอกความคิดของตัวเองไปตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อม ซึ่งยังไงมันก็เป็สิ่งที่ฉันคิดว่าดีสำหรับเขา
“คราวหน้าถ้าฉันทำอาหาร ฉันจะทำเผื่อนายด้วย”
“ดูไม่ออกเลยว่าเธอทำอาหารเป็ด้วย”
“ของแบบนี้มันดูออกได้ด้วยเหรอยะ?”
“ใจดีจริงๆ แต่ฉันนึกภาพเธอทำอาหารไม่ออกเลย”
“ฮ่าๆ... บางครั้งฉันก็รู้สึกว่านายน่าหมั่นไส้ชะมัด”
ฉันถอนหายใจเฮ้อ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่สนใจฉันเท่านั้น แต่ยังกลับไปที่โต๊ะ และเปิดโคมไฟที่เหมือนบอกกลายๆ ว่า อย่าล้ำเส้นเข้ามาในอาณาเขตเด็ดขาด
เมื่อเข้าใจว่าเขามีเื่ที่ต้องใช้สมาธิ ฉันก็เลือกที่จะไม่รบกวนเขาต่อ
หลังจากหยิบกระเป๋าขึ้นมาและตรวจเช็กว่ากุญแจบ้านอยู่ข้างในแล้ว ฉันก็โน้มตัวไปที่หูของโยตะเพื่อบอกลา
“คิดซะว่าเป็ของขวัญตอบแทนจากฉันแล้วกัน”
โยตะไม่ได้แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบที่ฉันแกล้งนัก และฉันก็ไม่เคยเห็นเขาออกอาการเขินอายด้วย
แต่ตราบใดที่เขาไม่ได้ปฏิเสธ ฉันก็ยังสนุกกับการพูดจาหยอกล้อเขาไปเรื่อยๆ
ถึงมันจะไม่เห็นผลที่ชัดเจน แต่ฉันก็ััได้ถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ตอนอยู่บนเตียง
บางทีเขาอาจจะแค่ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ซึ่งความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งของฉันคงส่งผลกับเขาอยู่บ้างแหละ
“แต่ว่าโยตะ ของที่ระลึกที่นายมอบให้ฉันทุกครั้ง… เป็ประสบการณ์ที่มีความหมายมากเลยนะ”
ฉันจงใจใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยน ซึ่งตรงกันข้ามกับท่าทางขี้เล่นของฉัน
ในขณะเดียวกันฉันก็แตะไปที่ท้องน้อยของฉันเบาๆ ซึ่งเขาจะไม่เห็นมันเลย หากไม่หันกลับมามอง
"เธอ…"
“ราตรีสวัสดิ์นะ วันนี้ฉันพอใจมาก”
เมื่อต้องเผชิญกับการแสดงความรู้สึกที่มากเกินไปของฉัน เขาก็หันกลับมา และเตรียมที่จะไล่ฉันออกไป
แต่ฉันไม่เปิดโอกาสให้เขาทำแบบนั้น ฉันก้าวเท้าเล็กๆ ตรงไปที่ประตูอย่างมีความสุข ยกเท้าข้างหนึ่งเพื่อสวมรองเท้าส้นสูง
“ครั้งต่อไปที่เรานัดกัน ลองมานัดผ่านแอปกันเถอะ”
"เอาที่เธอสบายใจ"
เมื่อโยตะรู้แล้วว่าฉันกำลังจะไป เขาก็ก้มกลับไปดูหนังสือเรียนที่เขาเพิ่งเปิด
ฉันคุ้นเคยกับการบอกลาที่ไม่แยแสของเขาแล้ว เพราะระยะห่างนี้ละที่ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ
แม้ว่าเราจะใกล้ชิดกันมากแค่ไหน แต่ทุกๆ การจากไปกลับให้ความรู้สึกสบายใจ นี่สินะระยะห่างที่สมบูรณ์แบบของเรา
หลังจากเดินกลับไปห้องได้ไม่กี่ก้าว ฉันก็กลับไปเป็ทาจิบานะ ไอกะ คนเดิม โดยไม่ลืมที่จะยืดกล้ามเนื้อ และออกกำลังกายที่ควรทำในวันนี้ รวมถึงการบำรุงรักษาและทานยาที่จำเป็ด้วย
แต่แล้วก็มีความคิดอีกอย่างผุดขึ้นมาในใจ… นั่นคือฉันควรเตรียมอาหารเพื่อสุขภาพแสนอร่อยให้ใครคนหนึ่ง
