ลี่หลินเอ่ยทักบุตรสาวที่เดินยิ้มร่าเข้ามาอย่างอารมณ์ดีแปลก ๆ “เยว่เอ๋อร์มีเื่อะไรดีๆ หรือไม่ แม่เห็นเ้าเดินยิ้มมาแต่ไกล” ลี่หลินเอ่ยถามบุตรสาวเมื่อเห็นว่านางอารมณ์ดีกว่าที่เคย
ซินเยว่ได้ยินมารดาเอ่ยทักก็รีบเดินเข้าไปสวมกอดทันที ขณะที่นางตอบมารดาก็ยังหุบยิ้มไม่ได้ “ไม่มีอะไรเ้าค่ะข้าแค่คิดเื่ตลก ๆ ไปเรื่อยเปื่อยก็เลยอารมณ์ดีเ้าค่ะ”
“เอาล่ะแม่เชื่อเ้า กลับเข้าเรือนกันเถิดแม่ทำอาหารไว้รอแล้ว”
“เ้าค่ะท่านแม่”
ที่เรือนใหญ่ฮูหยินเอกนางกำลังกินอาหารกับบุตรชาย “อาห่าวค่อย ๆ กินสิลูกไม่ต้องรีบประเดี๋ยวก็ติดคอกันพอดี ไม่มีผู้ใดมาแย่งเ้ากินหรอก” ฮูหยินมองบุตรชายที่ใช้ตะเกียบคีบอาหาร แล้วพุ้ยข้าวคำโตเข้าปากอย่างรีบร้อนเหมือนคนอดอยาก
ปู้ดดดดดดดดดดด!
“อึก ง่ำ ๆ ๆ”
ปู้ดดดดดดดดดดด!
“ผู้ใดกันที่มาทำเสียงเช่นนี้ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย” ฮูหยินเอกกล่าวขึ้นด้วยความโมโห หลังจากที่เพิ่งกินข้าวไปได้ไม่ถึงสิบคำ พร้อมกับยกชายแขนเสื้อขึ้นมาปิดจมูก เนื่องจากกลิ่นที่ออกมานั้นช่างไม่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก
“ท่านแม่ ๆ จู่ ๆ ข้าก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมากะทันหัน ข้าขอไปห้องน้ำก่อนนะขอรับ” ซีห่าวพูดขึ้นโดยไม่รอคำตอบรับของฮูหยินเอก ก็รีบวิ่งออกไปเพราะเขารู้สึกว่ากำลังจะมีของเสียไหลออกมาอยู่รอมร่อ หากไม่รีบไปต้องปล่อยเรี่ยราดอายพวกบ่าวไพร่แน่ ๆ
“เดี๋ยวก่อนสิอาห่าว ๆ” ฮูหยินะโเรียกบุตรชาย แต่คนหายออกไปจากสายตาเรียบร้อยแล้ว
แป๊ด แป๊ด แป๊ดดดดดด เสียงผายลมที่ดังออกมาเหมือนคนที่พยายามขมิบมันเอาไว้ เพราะกลัวว่าเสียงจะเล็ดลอดออกไปให้คนอื่นได้ยิน
“อนุเฉิง! นี่เ้า ๆ…” ฮูหยินเอกยังไม่ทันได้พูดคำอื่น ก็ถูกอนุเฉิงตัดบทสนทนาทันที
“ฮูหยินเ้าคะ ข้าขอตัวก่อนตอนนี้ข้าไม่ไหวแล้วเ้าค่ะ” อนุเฉิงเอามือกุมบั้นท้ายแล้วรีบวิ่งออกไป
“ข้าไปด้วยคน โอ๊ยยยย แปร๊ดดดดดดด” เสียงอนุหลี่เอ่ยแทรกอีกคน จากนั้นก็รีบวิ่งตามอนุเฉิงออกไป นางเกือบล้มหน้าทิ่มพื้นเพราะสะดุดขอบประตู
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นใครตอบข้าได้บ้าง โครกกกกกกก” จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาพร้อมกับอาการมวลท้อง “โอ้ยทำไมอยู่ดี ๆ ข้าก็รู้สึกปวดท้องเช่นนี้”
พรวดดดด!!
‘ข้าแค่จะเบ่งลมออกมาเท่านั้น แต่ไฉนถึงได้มีเนื้อออกมาด้วยเล่า’
ฮูหยินยกมือปิดหน้าด้วยความอับอาย และรีบสาวเท้าออกไปแม้ในเรือนจะมีเพียงสาวใช้คนสนิท แต่นางไม่เคยอับอายขนาดนี้มาก่อน
ทางด้านโรงครัวที่มีบ่าวไพร่นั่งกินข้าวร่วมกันอยู่นั้น ก็เกิดเหตุการณ์ไม่ต่างจากในเรือนใหญ่ ที่มีเสียงผายลมพร้อมกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์เช่นกัน
ปู้ดดดดดด ป้าดดดดด บ่าวไพร่ที่นั่งกินข้าวอยู่ถึงวับวงแตกเมื่อมีเสียงผายลมดังขึ้น
“หูเจียง! ไอ้คนไม่มีมารยาท เ้าผายลมออกมาตอนกำลังกินข้าวได้อย่างไรกัน” หัวหน้าแม่ครัวด่ากราด
“ไอหยา หูเจียงกำลังภายในของเ้าคงจะแข็งแกร่งมากแน่ ๆ ผายลมเสียงดังขนาดนี้กางเกงเ้าไม่ทะลุเป็รูไปแล้วรึ ฮ่า ๆ ๆ” บ่าวคนหนึ่งเอ่ยหยอกล้อหูเจียงขึ้นมา
“ก็คนมันปวดจะให้อดกลั้นเก็บไว้ได้อย่างไรกันเล่า” บ่าวที่ชื่อว่าหูเจียงพูดด้วยสีหน้าเลิ่กลั่กและอับอาย
แปร๊ดดดด ครั้งนี้เสียงดังมาจากหัวหน้าแม่ครัว
“นั่นปะไรด่าว่าแต่ผู้อื่น ตัวท่านก็ผายลมออกมาไม่ต่างกัน หืม กลิ่นแรงขนาดนี้มีตัวอะไรเข้าไปตายในท้องท่านหรือไม่ ทำไมมันถึงเหม็นจนข้าขมคอไปหมดแล้ว” หูเจียงพูดออกไปทั้งที่ยังบีบจมูกตนเองไว้ บ่าวไพร่คนอื่นที่เริ่มมีอาการคล้าย ๆ กัน พวกเขาต่างรีบวิ่งแข่งเหมือนผึ้งแตกรัง มุ่งหน้าไปทางห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ปล่อยทิ้งตะเกียบในมืออย่างไม่ใยดี
แต่กระนั้นห้องน้ำจะมีเพียงพอกับจำนวนคนได้เช่นไร บางคนจึงต้องหามุมเพื่อปลดทุกข์ บางคนทนไม่ไหวก็ปล่อยเรี่ยราดขณะวิ่ง ตอนนี้ทางเดินล้วนเต็มไปด้วยอุจจาระ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงโอดโอยกับกลิ่นที่เหม็นไปทั่วทั้งจวน
“ฮ่า ๆ ๆ ยาที่พี่เสี่ยวหลานหามาช่างมีคุณภาพสมราคาคุยจริง ๆ” ซินเยว่นั่งขำจนแทบจะหายใจไม่ทัน หลังจากฟังพี่เสี่ยวหลานที่แอบไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“คุณหนูอย่าเสียงดังไปสิเ้าคะ เดี๋ยวนายหญิงมาได้ยินเข้าจะแย่เอานะเ้าคะ” พี่เสี่ยวหลานเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงที่ออกจะเคืองซินเยว่เล็กน้อย เพราะตอนที่เสี่ยวหลานไปแอบดู ขาเดินกลับมานางไปเหยียบกองอุจจาระเข้า แต่พอเจอลูกอ้อนของซินเยว่ เสี่ยวหลานก็หายเคืองได้อย่างรวดเร็ว
'หึ มันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอกนะ นี่มันแค่เพิ่งเริ่มต้นการเอาคืนเท่านั้น’
