ชาร์ลส์ชะงัก หยุดความคิดของตัวเองไว้ชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและเอ่ยถามเอ็ดเวิร์ดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "พลังผู้ปั่นประสาท... มันมีรายละเอียดอื่นอีกไหมครับ?"
สายตาเอ็ดเวิร์ดนิ่งสงบ ราวกับรู้ว่าชาร์ลส์กำลังคิดอะไรอยู่ เขาก็ตอบออกมาอย่างตรงไปตรงมา "พลังนี้มีอิทธิพลโดยตรงกับสิ่งที่โผล่ออกมาจากสมอง เช่น ความคิด ความทรงจำ และความรู้สึก"
เขายกมือขึ้นชี้ไปที่ศีรษะของตัวเอง "ยิ่งระดับของผู้ใช้สูงเท่าไหร่ อิทธิพลต่อจิตใจและความคิดของเป้าหมายก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น"
ชาร์ลส์เงียบฟัง หัวใจเขาเริ่มเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย ขณะที่เอ็ดเวิร์ดอธิบายต่อไป
"ยกตัวอย่างหนึ่งในความสามารถของพลังนี้ที่ฉันมี คือการดัดแปลงความทรงจำของผู้อื่นได้ สามารถลบ ความทรงจำบางส่วนออกจากสมองของคนคนหนึ่ง หรือแม้กระทั่ง สร้างความทรงจำใหม่ ขึ้นมาแทนที่ได้"
ผลกระทบของคำพูดนั้นราวกับสายฟ้าฟาดในใจของชาร์ลส์
'ถ้าพลังนี้มีอิทธิพลโดยตรงต่อสมองแล้ว…' เขาครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว 'ถ้างั้น... ฉันจะใช้มันกับตัวเองได้ไหม? ฉันจะฟื้นความทรงจำที่หายไปกลับมาได้หรือเปล่า?'
เขาหายใจติดขัดเล็กน้อย ความคิดนั้นเหมือนเป็ความหวังใหม่ที่โผล่ขึ้นมาท่ามกลางความมืด
'ความทรงจำก่อนเหตุการณ์เรือล่ม... ความทรงจำที่หายไป... ทั้งหมดนั้นอาจซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งในสมองของฉันเอง!'
เขาหันไปหาเอ็ดเวิร์ดทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวังและคำถามที่ยังไม่ได้เอ่ยออกมา "แล้ว... ผมสามารถใช้พลังนี้กับตัวเองได้ไหม?" เขาถามออกไปตรง ๆ โดยไม่ปิดบังความ้าของตัวเอง
เอ็ดเวิร์ดพิจารณาคำถามนี้อย่างถี่ถ้วน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ได้"
ชาร์ลส์แทบกลั้นรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ ความหวังที่เขารอคอยมาเนิ่นนานกำลังจะกลายเป็จริง โอกาสที่จะฟื้นความทรงจำที่หายไปกลับคืนมาไม่ใช่เื่ที่เป็ไปไม่ได้อีกต่อไป พลังของผู้ปั่นประสาทอาจเป็กุญแจสำคัญที่จะทำให้มันเป็จริง
แต่ก่อนที่ความหวังจะพุ่งสูงขึ้นไปไกลกว่านั้น เอ็ดเวิร์ดกลับยกมือขึ้น ราวกับจะดึงนักสืบหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาผู้นี้กลับมาสู่ความเป็จริง
"แต่... ฉันต้องเตือนเธอไว้ก่อน" เอ็ดเวิร์ดพูด น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความกังวลลึก ๆ
"สองปีก่อน ฉันพยายามใช้พลังนี้กับเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง เพื่อลองฟื้นความทรงจำของเธอ แต่กลับไม่ได้ผล..."
คำพูดนั้นราวกับน้ำเย็นสาดลงกลางใจของชาร์ลส์ เขารู้สึกเหมือนลมหายใจสะดุดไปครู่หนึ่ง
"แล้ว... มันไม่สำเร็จเพราะอะไร?" เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ผสมไปด้วยความกังวลและความหวังที่ยังไม่หมดสิ้น
เอ็ดเวิร์ดส่ายหน้าเบา ๆ ดวงตาแฝงความไม่เข้าใจ "ฉันเองก็ไม่รู้" เขายอมรับอย่างตรงไปตรงมา
"มันอาจเป็เพราะบางอย่างขัดขวางการเข้าถึงความทรงจำของเธอ... หรือไม่เช่นนั้น ความทรงจำนั้นอาจถูกลบอย่างสมบูรณ์เกินกว่าที่พลังนี้จะดึงกลับมาได้"
ชาร์ลส์รู้สึกเหมือนใจหล่นวูบ ความผิดหวังที่กัดกินใจเข้ามาทันที แต่แทนที่จะจมอยู่ในความรู้สึกนั้น เขากลับรวบรวมสติขึ้นมาอีกครั้ง และบอกกับตัวเองว่า ยังมีความหวัง แม้จะเป็เพียงทฤษฎีที่เขาคิดขึ้นมาเอง เขาก็ยังอยากลอง
'แต่ยังไงก็คุ้มค่าที่จะลอง' เขาคิดอย่างแน่วแน่ แววตาของนักสืบผู้มุ่งมั่นส่องประกาย ราวกับไฟที่ไม่มีวันดับ
"ผมเลือก ผู้ปั่นประสาท" ชาร์ลส์กล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว ความมุ่งมั่นฉายชัดในน้ำเสียง
เอ็ดเวิร์ดมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนจะประเมินว่าชาร์ลส์เข้าใจถึงความเสี่ยงแล้วจริง ๆ "แน่ใจหรือ?"
เขาถามซ้ำอีกครั้ง แววตาเยือกเย็นจับจ้องไปที่ชาร์ลส์ ราวกับเตือนว่าทางเลือกนี้ไม่อาจหวนคืนได้
ชาร์ลส์นิ่งไปครู่หนึ่ง ความลังเลเล็กน้อยวาบผ่านความคิด เขายอมรับว่าเขาเสียดายพลังในสายอื่น โดยเฉพาะพลังของมนุษย์กลายพันธุ์ที่เกือบจะทำให้เขาเป็ะ แต่...
ความทรงจำที่หายไปของเขาสำคัญยิ่งกว่า
"ผมแน่ใจ" ชาร์ลส์ยืนยันอีกครั้ง แววตาแน่วแน
เอ็ดเวิร์ดพยักหน้าเบา ๆ "เข้าใจแล้ว" เขาตอบสั้น ๆ ก่อนจะส่งความคิดบางอย่างออกไป
โจเซฟซึ่งยืนรออยู่ในหน่วยวิทยาการ ได้ยินคำตอบผ่านการสื่อสารทางจิตโดยตรงจากอาของเขา เขาหันไปแจ้งกับเ้าหน้าที่หน่วยวิทยาการที่ยืนรออยู่ใกล้ ๆ
"เลือกผู้ปั่นประสาท" โจเซฟกล่าวสั้น ๆ
เ้าหน้าที่หน่วยวิทยาการคนนั้นพยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึม "เข้าใจแล้วครับ" เขาตอบ ก่อนหันหลังเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
โจเซฟยืนรอด้วยความนิ่งสงบ ขณะที่ความเงียบครอบคลุมทั้งห้อง ไม่นานนัก เสียงฝีเท้าของเ้าหน้าที่ก็ดังขึ้นจากระเบียงทางเดิน เมื่อเขากลับเข้ามาอีกครั้งในมือมี กระเป๋าหนังทรงสี่เหลี่ยมใบหนึ่ง
เ้าหน้าที่เปิดกระเป๋าหนังทรงสี่เหลี่ยมออกอย่างระมัดระวัง ภายในกระเป๋ามีช่องแบ่งเรียบร้อย ซึ่งแต่ละช่องล็อคไว้อย่างแ่าเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งของภายในขยับเคลื่อน
สิ่งที่อยู่ในนั้นคือ ขวดยาสองขวด และผลึกหนึ่งชิ้น ทั้งหมดถูกจัดวางอย่างเรียบร้อยและมั่นคง
ขวดแรก บรรจุของเหลวสีน้ำเงินเข้ม ทึบแสง ดูหนาแน่นและลึกลับ เหมือนกับว่าถ้าเขย่าเบา ๆ ของเหลวนั้นเคลื่อนไหวอย่างหนักแน่นราวกับจะไม่ยอมละลายหรือกระจายตัวง่าย ๆ
ขวดที่สอง เป็ขวดยาของเหลวสีอำพันเข้มข้นและหนืดคล้ายกับน้ำผึ้งเก่าหลายปี
แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาสุดคือ ผลึกิญญา ที่อยู่ในช่องสุดท้าย มันมีขนาดยาวประมาณหนึ่งฝ่ามือ หนาสองนิ้ว ปลายผลึกทั้งสองด้านแหลมคมอย่างน่ากลัว
ภายในผลึกใส สามารถมองเห็น สิ่งที่คล้ายเนื้อสมอง กำลังเต้นเป็จังหวะเบา ๆ อย่างมีชีวิต และที่น่าขนลุกยิ่งกว่านั้นคือ ดวงตาขนาดเล็ก ที่แทรกอยู่ในเนื้อสมองหลายคู่ แต่ละดวงตากลอกไปมาอย่างรวดเร็ว บ้างก็กะพริบ บ้างจ้องมองอย่างสงสัยราวกับมันรับรู้ได้ถึงการถูกมอง
โจเซฟตรวจสอบสิ่งของในกระเป๋าอย่างรอบคอบ ใบหน้าของเขานิ่งเรียบ แต่สายตาแฝงไปด้วยความระมัดระวังและความคาดหวัง ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้ตามกระบวนการไม่มีสิ่งใดผิดพลาด เขาหยิบขวดยาและผลึกขึ้นมาตรวจสอบอีกครั้ง
"ปกติดี" โจเซฟพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะปิดกระเป๋าอย่างระมัดระวัง
จากนั้นเขาหันไปหาเ้าหน้าที่ที่ยืนรออยู่ และพยักหน้าเป็สัญญาณว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
โจเซฟปิดกระเป๋าอย่างระมัดระวังและล็อกทุกอย่างไว้อย่างแ่า เขาหยิบกระเป๋าหนังทรงสี่เหลี่ยมขึ้นมาโดยไม่รีรอ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากหน่วยวิทยาการ
เมื่อเขามาถึงหน้าประตูห้องพิเศษ เขาเคาะประตู ก่อนที่เปิดมันออกอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นภายในห้อง
ชาร์ลส์นั่งอยู่บนขอบเตียง ในขณะที่เอ็ดเวิร์ดยืนพิงผนังด้านหนึ่ง สายตาของทั้งคู่หันไปทางโจเซฟทันทีที่เขาก้าวเข้ามา
โจเซฟปิดประตูตามหลังอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะเดินไปยัง โต๊ะในห้อง วางกระเป๋าหนังลงอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาค่อย ๆ เปิดกระเป๋า เผยให้เห็นขวดยาสองขวดและผลึกิญญาที่อยู่ภายใน
ชาร์ลส์ จ้องมองสิ่งของในกระเป๋าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความคาดหวัง ความกังวล และความอยากรู้
เขาจ้องมองผลึกตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา ดวงตานับร้อยที่ฝังอยู่ในเนื้อสมองภายในผลึกกลอกไปมา คล้ายกับกำลังจ้องตอบกลับเขา เขารู้สึกราวกับถูกดึงเข้าไปในภวังค์โดยไม่รู้ตัว ทุกการเต้นของเนื้อเยื่อภายในผลึกดูราวกับมีชีวิต มันทำให้เขารู้สึกทั้งหลงใหลและหวาดหวั่นในเวลาเดียวกัน
ขณะที่ชาร์ลส์กำลังเผลอใจลอย ความคิดของเขาคล้ายหลุดเข้าไปสู่ความเงียบที่ไร้กาลเวลา เสียงรอบข้างดูเลือนรางเหมือนเสียงลมไกล ๆ แต่แล้ว เสียงเรียกของโจเซฟก็ดังขึ้น ราวกับเสียงกระดิ่งปลุกให้เขารู้สึกตัวกลับมา
"ชาร์ลส์!" โจเซฟเรียกอีกครั้ง พร้อมกับเอียงศีรษะมองเขาอย่างระวัง
ชาร์ลส์กะพริบตาและสูดหายใจเข้าลึก ความคิดที่ฟุ้งกระจายของเขาถูกดึงกลับมา เขาหันไปมองโจเซฟที่ยืนอยู่เบื้องหน้า สีหน้าของเขาสงบ แต่แววตาแฝงไปด้วยความเตือนใจ
"อย่าปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในภวังค์ของมัน" โจเซฟเตือน น้ำเสียงจริงจังและหนักแน่น
"ผลึกอันนี้มีพลังที่จะดึงจิตใจของนายเข้าไป ระวังหน่อย"
ชาร์ลส์พยักหน้า รวบรวมสติให้มั่น
"พร้อมหรือยัง?" โจเซฟถามอีกครั้ง สายตาของเขาจับจ้องไปยังเพื่อนตรงหน้า
ชาร์ลส์หายใจเข้าลึก ก่อนพยักหน้าตอบ "พร้อมแล้ว"
"ดี" โจเซฟกล่าว ขณะที่หยิบขวดยาสีน้ำเงินเข้มยื่นให้กับชาร์ลส์
ชาร์ลส์รับขวดนั้นมา จากนั้นโจเซฟก็หยิบผลึกิญญาขึ้นมา พร้อมกับบอกขั้นตอนต่อไป
"ตอนนี้ นายต้องหยดเืลงบนผลึก" โจเซฟกล่าว ขณะยื่นมีดสั้นเล่มเล็กให้กับชาร์ลส์ "หลังจากนั้น ให้ท่องคาถาตามที่ฉันบอก"
ชาร์ลส์รับมีดมาอย่างระมัดระวัง เขาใช้ปลายมีดบาดปลายนิ้วของตัวเองเล็กน้อย ความเจ็บวาบผ่านนิ้วชี้ไม่จางหาย หยดเืสีแดงสดลงบนผลึกทันที เมื่อหยดเืัักับเนื้อผลึก มันส่องประกายวูบวาบอย่างน่าพิศวง ราวกับผลึกนั้นมีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ
"เอาล่ะ ท่องตามฉัน" โจเซฟเริ่มเอ่ยคาถา
"ชิพตู เอซซู บาตาลู อะนา เรดู" เสียงที่ดังออกมา ราวกับมีเสียงหลายเสียงพูดพร้อมกัน ทั้งชายและหญิง
ชาร์ลส์จ้องมองผลึกในมือ ขณะค่อย ๆ ท่องคาถาตามโจเซฟ เสียงของเขาสั่นเล็กน้อยในตอนแรก แต่เมื่อเอ่ยคาถาไปเรื่อย ๆ ผลึกที่ตอนแรกใส่จนเห็นเนื้อใน แปรเปลี่ยนเป็สีแดงเข้มราวกับโลหิต ส่งผลให้สิ่งที่อยู่ภายในดูน่ากลัวมากกว่าเดิม
เมื่อบทคาถาจบลง โจเซฟลดเสียงลง และมองชาร์ลส์ด้วยสายตาที่จริงจัง
"ต่อไป ฉันจะเป็คนจัดการ" โจเซฟกล่าว ขณะยกผลึกขึ้นมาในมือ
ชาร์ลส์มองโจเซฟอย่างสงสัย เขาถามด้วยความระแวง "จัดการยังไง?"
โจเซฟชะงักไปชั่วขณะ สายตาของเขาดูหนักใจ แต่สุดท้ายก็ยอมตอบตรง ๆ
"เมื่อผลของยาที่นายดื่มออกฤทธิ์ ฉันจะต้อง... แทงผลึกนี้เข้าไปที่หัวใจของนาย"
คำพูดนั้นราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจของชาร์ลส์ เขาเบิกตากว้างและหายใจติดขัดชั่วขณะ
"แทง...ที่หัวใจ?" เขาทวนคำ รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอก
"ใช่"
เมื่อได้ฟัง เขาโพล่งออกมา "จะฆ่าฉันกันหรือไง! แบบนี้ได้ตายกันพอดี!"
โจเซฟถอนหายใจเบา ๆ "ใจเย็น ๆ นี่คือพิธีในการยกระดับตัวตน มันอันตรายก็จริง แต่จำเป็"
ชาร์ลส์กัดฟันแน่น สายตาของเขาเต็มไปด้วยความหวั่นไหว "ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริง ๆ เหรอ?" เขาเถียงเสียงเข้ม น้ำเสียงนั้นแฝงความหวังเล็กน้อย
โจเซฟยักไหล่ "มีอีกวิธี" เขาตอบด้วยรอยยิ้มเจือจาง "ก็คือกินมันเข้าไปทั้งแท่ง"
ชาร์ลส์เบิกตากว้าง ชี้ไปที่ผลึกด้วยความไม่พอใจ
"นั่นมันไม่ต่างจากวิธีแรกเลย! จะให้ฉันกลืนผลึกขนาดนี้ลงไปเนี่ยนะ?"
"ใช่… แต่นายจะกลืนมันลงไปได้ไหม"
ชาร์ลส์จ้องมองผลึกิญญาตรงหน้าอย่างพิจารณา เขาพยายามคิดหาทางออกอื่น "ถ้าอย่างนั้น... บดหรือหักมันก่อน แล้วค่อยกลืนได้ไหม?"
โจเซฟส่ายหน้า "ทำอย่างนั้นไม่ได้"
"ิญญาที่ผนึกอยู่ภายในผลึกจะหลุดลอยหายไปทันที และตัวผลึกเองก็จะสลายไปเช่นกัน มันต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์เท่านั้นถึงจะใช้ได้"
ชาร์ลส์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด "แล้วนี่มันเรียกว่าวิธีง่ายที่สุดจริง ๆ เหรอ?"
โจเซฟพยักหน้า "ใช่" เขาตอบอย่างไม่ลังเล
"ส่วนยาสีฟ้านี้เป็ยาปรับสภาพ มันจะช่วยให้ร่างกายของนายสามารถรับพลังจากผลึกิญญา ยาตัวนี้เป็พิษอย่างมาก ถ้ากินเข้าไปแล้วไม่ทำพิธีกรรมยกระดับ ร่างกายจะกลายพันธุ์จนควบคุมไม่ได้"
ชาร์ลส์นิ่งไปครู่หนึ่ง สายตามองยาสีฟ้าในมือและผลึกิญญาที่เปล่งประกายแปลกประหลาดอยู่ในมือของโจเซฟ ลมหายใจของเขาหนักขึ้นขณะตัดสินใจ
"เอาล่ะ... เริ่มเลย" เขากล่าวในที่สุดพร้อมถอนหายใจลึก
เขาเปิดจุกขวดยาแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด รสชาติขมจัดแล่นไปทั่วลิ้นอย่างรวดเร็ว และยิ่งขมขื่นเมื่อมันไหลลงลำคอ ราวกับของเหลวหนืดที่ไม่มีวันละลาย เมื่อยาหมดขวด เขากลืนมันลงไปทั้งหมด ความรู้สึกแปลกประหลาดเริ่มเข้าครอบงำ
ทัศนวิสัยของเขาเริ่มพร่ามัวและหมุนวน เสียงรอบข้างแปรเปลี่ยนเป็เสียงภายในร่างกายของเขาเอง ศีรษะเ็ปเหมือนก้อนเนื้อปูดบวม เสียงหัวใจเต้น เสียงเืสูบฉีด ความรู้สึกร้อนผ่าวผสมกับความหนาวเย็นจนเสียดกระดูก เสียงครวญครางหลุดออกจากปากโดยไม่ตั้งใจ มันฟังคล้ายเสียงค้างคาวในยามค่ำคืน
ทันใดนั้น ความเจ็บแปลบแล่นมาที่หน้าอก เขาเอื้อมมือไปััและพบว่าผลึกิญญาที่โจเซฟถือไว้ก่อนหน้านี้ ถูกแทงทะลุเข้าไปในร่างของเขา ร่างกายของเขาค่อย ๆ กลืนผลึกเข้าไปจนเหลือแต่ปลายแหลม และในที่สุดผลึกทั้งหมดก็หายเข้าไปในอกของเขา
ความเ็ปบนศีรษะที่เหมือนก้อนเนื้อปูดบวมเมื่อครู่ ค่อย ๆ หายไป ราวกับถูกบีบกลับไปยังตำแหน่งเดิม ภาพที่เบลอและหมุนวนเริ่มแจ่มชัดขึ้น ทันใดนั้น เขาก็เริ่มเห็นบางอย่างที่ไม่ปกติ
ชาร์ลส์หันไปมองโจเซฟและเอ็ดเวิร์ด
เอ็ดเวิร์ดปรากฏในร่างคล้ายมนุษย์สมองขนาดใหญ่ บนหัวเต็มไปด้วยดวงตานับไม่ถ้วนที่มองไปรอบทิศอย่างไม่หยุดหย่อน ส่วนโจเซฟกลับดูตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง เขาเปล่งประกายราวกับบุคคลผู้สูงศักดิ์ ดวงตาสีฟ้าของเขาเจิดจ้าราวกับอัญมณีไร้ตำหนิ หูทั้งสองข้างยาวขึ้นและแหลมเหมือนหูของเอลฟ์
ชาร์ลส์หายใจติดขัด ความคิดพลุ่งพล่านด้วยความตกตะลึงและสับสน ทันใดนั้น ข้อมูลใหม่ไหลเข้ามาในสมองของเขา ภาพใบหน้าของผู้หญิงสองคนและชายหนึ่งคนปรากฏชัดในความทรงจำ
ผู้หญิงคนแรกที่มีอายุมากกว่าเรียกเขาอย่างสนิทสนมดั่งคนในครอบครัว ส่วนหญิงสาวอีกคนที่อ่อนวัยกว่าเรียกเขาว่า "พี่" ชายหนุ่มอีกคนส่งยิ้มมาให้ด้วยความรักใคร่ หัวเราะและหยอกล้อกับเขา ความทรงจำเหล่านี้เรียบง่ายแต่ทรงพลังจนทำให้น้ำตาของชาร์ลส์ไหลออกมา
ก่อนที่เขาจะเข้าใจความทรงจำเหล่านี้อย่างถ่องแท้ ความรู้สึกบางอย่างเข้าครอบงำจิตใจของเขา เขาเริ่มไม่ใช่เขาอีกต่อไปมีบางสิ่งบางอย่างกำลังพยายามแทรกแซงเข้ามาควบคุม
เขารู้สึกได้ว่าความคิดและสติสัมปชัญญะของเขากำลังถูกบิดเบือน ตัวตนใหม่บางอย่างกำลังพยายามแทนที่ตัวเขา มันคือพลังจากผลึกิญญาที่ค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาอย่างช้า ๆ และบีบบังคับให้เขาสูญเสียตัวตนเดิม
ชาร์ลส์กรีดร้อง ก่อนจะกระโจนเข้าไปหาโจเซฟอย่างบ้าคลั่ง แต่เอ็ดเวิร์ดที่เฝ้าอยู่ไม่รอช้า เขาขยับตัวอย่างรวดเร็วและใช้พลังสะกดให้ชาร์ลส์หลับไปทันที
"สงบซะ เ้าหนู..." เอ็ดเวิร์ดกระซิบขณะควบคุมร่างของชาร์ลส์ให้นิ่งสนิท
"เร็วเข้า! ยา!" เอ็ดเวิร์ดสั่งโจเซฟ
โจเซฟไม่รอช้า เขาคว้าขวดที่บรรจุของเหลวสีอำพันจากบนโต๊ะ เปิดฝาและกรอกมันใส่ปากของชาร์ลส์อย่างระมัดระวังของเหลวสีอำพันข้นหนืดไหลผ่านลำคอของชาร์ลส์ รสชาติหวานแต่แฝงความขมซึมเข้าสู่กระแสเือย่างรวดเร็ว
ภายในเวลาไม่กี่วินาที ร่างกายของชาร์ลส์เริ่มสงบลง หัวใจของเขาที่เคยเต้นระรัวเริ่มเต้นช้าลง สายตาที่เคยเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งกลับสู่ความสงบ
เอ็ดเวิร์ดถอนหายใจยาว ก่อนจะหันไปมองโจเซฟ
"การที่เธอใช้ผลงานสะสมที่มี... เพื่อขอคำอนุมัติสำหรับยกระดับตัวตนของเขา"
สายตามองไปที่ชาร์ลส์ "หวังว่าเธอจะคิดไม่ผิดนะ"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้