“นี่ในอดีต กับการแค่เฟยเฟยสูญเสียความเป็ตัวเอง ก็กระทบ และวุ่นวายกันถึงสามภพ นี่องค์ชายแห่งัช่างยิ่งใหญ่จริง แล้วสรุปพ่อแม่เฟยเฟยไปหาความทรงจำที่ไหนกัน” วั่งซูนึกคิดกับตัวเองก่อนที่ความทรงจำจะตัดภาพกลับมา ที่ห้องอาบน้ำบ้านตระกูลเ้า
“เอ๊ะ! นี่ข้ากลับมาปัจจุบันแล้วหรอ” เ้าวั่งซูพูดกับตัวเองก่อนที่จะเห็นบรรดาบ่าวไพร่สกุลเ้าเดินนำทาง เทพแห่งแสงอาทิตย์และเทพธิดาสี่เอ๋อเข้ามา “ไม่ใช่นี่คืออดีตแต่เป็ที่บ้านข้า ว่าแต่พวกเค้าเข้ามาทำอะไรในนี้” วั่งซูรีบเดินตามไปดู
ทั้งสองต่างแยกกัน และยืนจังก้าหน้ารูปปั้นกิเลนไฟ กับ หงส์ฟ้า ที่ยืนคายน้ำอยู่ ทั้งคู่ร่ายมนต์เรียกหาดวงจิตและยิงพลังไปที่รูปปั้น ดวงตาของกิเลนไฟและหงส์ฟ้าเปล่งสว่างฉับพลัน ดวงจิตกิเลน และ หงส์ ลอยขึ้นออกจากร่างบิน และ ะโเข้าหาซบคลอเคลียกัน
“ฮะ! นั่น! ที่นั่งอยู่บนหลังหงส์คือเฟยเฟย ส่วนบนหลังกิเลน คุ้นคุ้น นั่นมันข้าหนิ! เอ๊ะ! ไม่ใช่หรือว่าจะเป็ ท่านปู่ทวดเ้าวั่งซู ข้ากับท่านปู่ทวดหน้าตา น้ำเสียง และชื่อเหมือนกันหรอเนี๊ยะ!” เ้าวั่งซูใกับสิ่งที่ตนเห็น
“นี่ไง พวกเค้าสองคนน่าจะถอด และเก็บเสี้ยวของดวงจิตไว้ที่นี่ส่วนนึง เพราะป้องกันยามมีภัย พระบิดาและพระมารดาของเฟยฟา ต่างรับดวงจิตทั้งสองที่นั่งอยู่บนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มาโอบกอดไว้ในอ้อมอก “ดูหน้าอาเฟยสิ สีหน้าเค้าดูมีความสุขมากนะ ยามอยู่กับอาซู เค้าคงเลือกเก็บ่เวลาที่ดีที่สุดเอาไว้” ทั้งสองคุยกันและพากันเหาะกลับไปสู่์
“ข้ากับท่านปู่ทวดเหมือนกันทุกสิ่ง หรือว่า ตามที่พระแม่แห่งจิติญญาบอก ท่านปู่ทวดกลับชาติมาเกิดเป็ข้า และสหายรักที่เฟยเฟย รอคอยมาตลอดก็คือข้าเอง นี่มันคือความจริงหรอเนี๊ยะ!”
หลังการจากไปของเทพแห่งแสงอาทิตย์และเทพธิดาสี่เอ๋อ เ้าวั่งซูก็ยังยืนอึ้งทบทวนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ภาพทุกอย่างในอดีตเริ่มเลือนจางหายทุกอย่างถูกดูดกลับมายังปัจจุบัน ตัวเค้าเองยังแช่น้ำในบ่อ และมองไปก็ยังเจอเฟยเฟยแช่อยู่ข้างๆ เฟยเฟยก็หันมายิ้ม
“เ้าเป็อะไร ทำไมดูเหม่อลอย หรือยังติดในใจเรือนร่างข้าไม่เสื่อมคลาย” ฮวาเฟยฟาหันมาพูดแซวหยอก เ้าวั่งซูที่ยังนิ่งมองมาที่ฮวาเฟยฟาเหมือนตกอยู่ในภวังค์
“เฟยเฟย จริงๆ แล้วข้าก็คือท่านปู่ทวดข้าหรอ งั้นข้าในตอนนี้ก็คือคนที่เ้ารอคอยมาตลอดใช่ไม๊” เ้าวั่งซูค่อยๆ เรียบเรียงพูดออกไปอย่างไม่แน่ใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
ฮวาเฟยฟาชะงัก ก่อนจะหลับตาลงและตอบอย่างอ่อนโยน “ใช่ ท่านปู่ทวดเ้า “เ้าวั่งซูรุ่นที่1” เค้ามีหน้าตารูปร่างหน้าตา น้ำเสียง ทัศนคติความคิด ความสามารถ และจิตใจ ไม่ต่างกัน ตอนที่ข้าเห็นเ้าครั้งแรก ข้าก็รู้เลยว่าเ้าไม่ได้โกหกข้าที่บอกว่าจะกลับมา การรอคอยของข้าไม่สูญเปล่าจริงๆ” ฮวาเฟยฟาพูดอ่อนโยน
“แล้วเ้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าข้าคือ ท่านปู่ทวดจริงๆ” เ้าวั่งซูเอ่ยถามสงสัย และยังไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น
“อืมม! นอกจากรูปลักษณ์ ความสามารถ และ นิสัยรวมถึงจิตใจที่เหมือนกันแล้ว เ้าก็ยังมีนิมิตแปลกๆ อยู่เสมอใช่ไม๊ ที่ไม่รู้ว่าคนในนิมิตนั้นคือใคร นั่นเค้าเรียกว่าการตามหาความทรงจำ” ฮวาเฟยฟากล่าว
“หมายความว่ายังไง ข้าคิดว่าอาจจะเป็เพราะท่านปู่ทวด้าให้ข้ารู้เื่ราวในอดีต จึงมาเข้านิมิตข้าเท่านั้น” เ้าวั่งซูตอบ
“ไม่ใช่! นั่นเรียกว่าเข้าฝัน นิมิตนั่นเกิดจากสัญญาเจตสิกที่พันผูกเอาไว้ แม้กายหยาบเ้าจะแตกสลาย แต่พวกเราต่างทิ้งสัญญาหมายจำหรือเศษเสี้ยวแห่งดวงิญญาของพวกเราไว้มากมายและหลายที่ และตัวเ้าที่กลับมาเกิดในชาตินี้ ในร่าง “เ้าวั่งซูรุ่นที่11” กำลังตามหามัน ตามคำสัญญาที่เราให้ไว้แก่กัน ว่าเราสองคน ถ้าวันหนึ่งมีใครได้รับภยันตรายถึงแก่ความตาย ก็สัญญาว่าจะหาทางกลับมาและเก็บสัญญาความทรงจำที่สะสมไว้ในยามอยู่ด้วยกันให้หมด
อย่างที่เ้าก็รู้จากพวกต้นไม้าหมู่ซู่ ยามเมื่อดวงจิตที่มนุษย์ภูมิหมดสิ้นอายุขัย ิญญาออกจากร่าง หลังจากกลับสู่ต้นไม้แห่งชีวิตก็ต้องรอปฏิสนธิในร่างใหม่ ชีวิตใหม่ หรือรวมถึงในภพใหม่ แต่พวกเราจะไม่ลืมกัน พวกเราเลยถอด และกระจายดวงจิตที่ฝังสัญญาและความทรงจำของพวกเราเอาไว้หลายที่ ทั้งภพมนุษย์ของเ้า ภพ์ ภพเดรัจฉาน และภพอื่นๆ ที่พวกเราไป อย่างในกรณีนี้เ้ากลับมาก็ตามหาความทรงจำ จนปะติดปะต่อจนสมบูรณ์ และเ้าก็จะจำตัวเ้าในชาติที่แล้วได้ และกลับมาเป็เ้าที่มีทั้งอดีตและปัจจุบันรวมกันในคนเดียว” ฮวาเฟยฟาอธิบาย
“ออ อย่างเช่นที่หงส์ฟ้าและกิเลนไฟนี่ใช่ไม๊ ที่เ้ากับข้าฝังดวงจิตและความจำเจตสิกไว้ แต่ข้าเห็นว่าต้วข้าเป็ท่านปู่ทวด แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็อย่างนั้น แต่กลับเป็ตัวข้าเอง” เ้าวั่งซูเอ่ย
“เ้ารู้ได้อย่างไร ความทรงจำ่นั้นเ้ากลับมาแล้วหรอ ส่วนเื่ปู่ทวด ข้าคิดว่าเป็เพราะิญญาของรุ่นที่1 อาจจะมาแค่บางส่วนไม่ใช่ทั้งหมด เ้าถึงยังรู้สึกเป็ตัวเอง”
“ไม่! ยัง! ความทรงจำตอนถอดจิตยังไม่กลับมา แต่ว่าข้าเห็นเสด็จพ่อเสด็จแม่ของเ้ามาเอามันไปเพื่อช่วยเหลือท่าน” เ้าวั่งซูเอ่ย
“ฮะ! งั้นคงเป็่ที่ข้า ที่ข้า.......” ฮวาเฟยฟายังพูดไม่จบ ก็หยุด และทำหน้าเศร้าลง
“ข้าขอโทษนะ ที่ทำให้เ้ารอ ข้าขอโทษแทนท่านปู่ทวด หรือ ตัวข้าในชีวิตก่อนนั่นแหล่ะ ถึงแม้ว่าข้าจะยังจำทุกอย่างไม่ได้ทั้งหมดแต่ข้า! ข้า! ก็รับรู้ได้ถึงความเ็ป และ แตกสลายขององค์ชายั มันช่าง......! แล้วเหตุการณ์ตอนนั้นเป็อย่างไรต่อ หลังจากที่เ้าหลับไปแล้วเป็อย่างไรต่อ” เ้าวั่งซูทำหน้ารู้สึกเศร้า และ รู้สึกผิดพร้อมถามสิ่งที่ตนสงสัย
“ข้าจำเหตุการณ์ตอนข้าคืนร่างต้นกำเนิดไม่ได้ สิ่งที่อยู่ในภาพจำสุดท้ายของข้าคือ เ้าวั่งซูปู่ทวดของเ้า สิ้นเรี่ยวแรงอยู่ในอ้อมกอดนี้ เค้าสั่งลา ขอโทษ และสัญญาว่าจะกลับมา เค้าไม่ได้ฟังสิ่งที่ข้าจะโต้แย้งใดๆ ในการไชว่ชว้าหาทางเพื่อรั้งชีวิตเค้าเอาไว้ พอเค้าพูดจบน้ำตาไหลนองอาบสองแก้ม เค้าเอื้อมมือมาััที่อกข้า และ กล่าวว่า “ให้ข้าได้เก็บเกี่ยวผลแห่งกรรม เ้าเข้าใจข้านะ” และเริ่มกระอักเื
เค้าใช้พลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ผลักข้ากระเด็นออกมาไกลลิบ ทะลุออกจากมิติของกระจกบานที่สิบที่สาบสูญ “ในอ้อมกอดนี้ ข้าทำอะไรเพื่อเค้าไม่ได้เลย” ฮวาเฟยฟาเล่า น้ำตาเอ่อล้นพรั่งพรูถึงความเ็ปมากมาย
หลังจากนั้น ข้าก็เข้าใจว่า ข้าขาดสติสัมปชัญญะ ไม่สามารถรวบรวม และ ควบคุมพลังจักราในร่างกายได้ อีกทั้งยัง ไม่สามารถร่ายมนตร์อะไรได้ ข้าพยายามพาร่างตัวเองกลับมาที่คฤหาสน์เยว่เลี่ยวของสกุลเ้าแห่งนี้ เพราะเป็ที่เดียวในแดนมนุษย์ที่ข้ารู้จักคุ้นเคยที่สุด ตอนกลับมาข้าจำได้ว่าไม่ได้กิน ไม่ได้นอน ไม่ได้ทำอะไร เว้นแต่ดื่มสุรามฤตยูดำที่ปู่ทวดเ้าชอบ ที่เราร่วมดื่มด้วยกันมาตลอด แต่วันนั้นกลับเหลือเพียงข้าและสุรา” น้ำตารื้นในดวงตาคู่งามของเฟยฟา เ้าวั่งซูฟังและมองน้ำตาเอ่อไหลตามไป
“หลังจากนั้น ข้าจำได้ว่าข้าพยายามกลับไปที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ หากระจกใบที่สาบสูญ เพื่อกลับเข้าไปหาร่างวั่งซูออกมา แต่ที่นั่นกลับเป็เพียง บ่อน้ำว่างเปล่า และ ป่าที่รกร้าง ทุกอย่างว่างเปล่าไม่เหมือนวันนั้น ข้าทำอะไรไม่ได้ ข้าจำได้ว่าข้าพยายามหาทางเข้าและร่ำไห้พร่ำเพ้อจนหมดสติไป
น่าจะเป็่นั้นที่ข้าคืนร่างต้นกำเนิด ัฟ้า จริงๆ แล้วข้ากับชิงหลงเป็พี่น้องที่ถือกำเนิดพร้อมกันเป็ัคู่สองศีรษะ ชิงหลงคือัขาว ข้าคือัฟ้า ในยามที่ข้าคืนร่างเดิม พร้อมสติและดวงจิตที่อยู่ในสภาพแตกทำลาย ร่างัที่ปกติต้องแข็งแกร่งกว่าร่างมนุษย์และเทพ เพราะเป็ร่างจุติในภพเดรัจฉานกลับอ่อนแอตามดวงจิตที่ฟุ้งซ่าน ไร้การควบคุมของข้า
ร่างต้นกำเนิดัฟ้านี้ ในยามปกติสติสัมปชัญญะจะลดลงกึ่งหนึ่ง แต่พละกำลังทางกายจะเพิ่มขึ้น แต่นี่ทุกอย่างแตกสลายและอ่อนล้าลงหมด จักราในร่างกายสับสนวุ่นวายรวบรวมไม่ได้ เกล็ดัตามตัวข้าเริ่มหลุดร่อนออก” เฟยฟาหันหลังให้เห็นรอยที่วั่งซูถามในตอนแรก รอยนั้นดูเหมือนลายเกล็ดัแต่บางจุดเป็หลุมลึกดำแดงเหมือนแผลสดใหม่พึ่งเกิดมาไม่นาน แท้จริงแล้วมันคือร่องรอยจากการที่เกล็ดักระเทาะและหลุดออก
“และท้ายสุด ข้าไม่สามารถพยุงร่างไว้ได้ และกำลังแตกสลาย ทางเดียวคือข้าต้องรวมเข้ากับร่างเดิม ดังนั้นร่างข้าจึงรวมกลับเข้ากับไป่ชิงหลง เื่ราวหลังจากนั้นเ้าก็คงรู้คงเห็นมาบ้างแล้ว ข้าไม่สามารถจดจำอะไรได้อีก จนกระทั่งเสด็จพ่อและเสด็จแม่ใช้ดวงจิตของเ้าและข้าที่ถอดฝากไว้ในรูปปั้นกิเลนไฟและหงส์ฟ้าคู่นี้ในห้องอาบน้ำบ้านสกุลเ้า เสด็จพ่อสเด็จแม่ใช้ “มนต์ถวิลหาดวงจิต” เรียกดวงจิตแห่งข้าที่กำลังพยศในร่างเดรัจฉาน และไม่สามารถหาทางคุมได้ในเวลานั้นปรากฏออกมา และกักขังไว้ในสัญญาเจตสิคของกิเลนไฟและหงส์ฟ้าคู่นี้ ร่างัถึงเข้าสู่สภาวะจำศีลและความวิปริตแปรปรวนต่างๆ ก็หยุดลง
ข้ามารู้ทีหลังว่ามันกินเวลาเกือบสองปี ที่ทั้งสามภพได้รับแรงกระเพื่อมจากการสูญเสียพลังของข้า และต้องมีหลายร้อยหลายพันดวงิญญาที่สูญสิ้นในเหตุการณ์ครั้งนั้น ดังนั้นหลังจากฟื้นสติสัมปชัญญะ และได้ร่างครึ่งเทพครึ่งมนุษย์นี้กลับมา ข้าก็เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิแห่ง์ และฉีเทียนลู่ผู้นำจิติญญาแห่งเหล่าสรรพสัตว์ ขอปวารณาตนช่วยเหลือปกป้องคุ้มครองสหายทั้งสามภพตลอดไป” ฮวาเฟยฟาเล่ายาว
“ข้าเคยได้ยินเกล็ดัเป็ส่วนที่แข็งแรงที่สุดในใต้หล้า หาได้มีสิ่งใดสามารถทำร้ายทำลายได้ แล้วเวลาที่เกล็ดลอก มันให้ความรู้ยังไง ไม่รู้สึกอะไรหรือว่าเ็ปและทรมาน” เ้าวั่งซูเอ่ยขึ้นมาก้มหน้าเศร้า
ฮวาเฟยฟาพยักหน้า “หนึ่งเกล็ดเหมือนปลิดหนึ่งชีวิตออก สำหรับัเกล็ดนั้นแข็งแกร่งที่สุด ไม่มีอะไรแทงทะลุได้ มนต์อะไรก็สะท้อนกลับได้หมด ดังนั้นทุกๆ การหลุดคือความทรมานยิ่งกว่าตาย” ฮวาเฟยฟาตอบ เ้าวั่งซูฟังน้ำตารื้น
“แสดงว่าเวลาที่ผ่านมา ที่เ้ารอท่านปู่ทวดข้า เ้าเดินทางเพียงลำพังไปทั่ว และช่วยเหลือดวงจิตทั้งสามภพ ตามคำมั่นนั่น แล้วท้ายสุดทำไมท่านถึงกลับมาที่นี่ หมู่บ้านต้องสาป” เ้าวั่งซูเอ่ยถาม
“ใบไม้ร่วงกลับมา” ฮวาเฟยฟากล่าวอมยิ้ม