พยัคฆ์เกล็ดเพลิงมองตามมู่เฟิงที่หลบหนีเข้าไปในพื้นที่ซึ่งถูกปกคลุมด้วยไอร้อน สุดท้ายแล้วมันก็ทำได้เพียงส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความไม่พอใจ จากนั้นก็หันหลังและจากไปอย่างไม่เต็มใจนัก
“เอ๊ะ เ้าอสูรร้ายนั่นไม่ได้ตามมาแล้ว!”
มู่เฟิงประหลาดใจ จากนั้นเขาก็กวาดตามองบริเวณโดยรอบในทันที
ทั่วทุกที่ในพื้นที่แห่งนี้ล้วนเต็มไปด้วยกลุ่มควันสีขาวซึ่งก็คือไอความร้อนที่ถูกพ่นออกมาจากรอยแยกของผืนดิน อุณหภูมิในบริเวณนี้สูงมากและพื้นดินก็ร้อนจัดถึงขนาดที่หากตอกไข่ลงพื้นก็สามารถทำให้มันสุกได้อย่างรวดเร็ว
สถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ เพราะเกรงว่าอาจจะถูกนึ่งจนตายเอาได้
มู่เฟิงโคจรพลังปราณภายในร่างเพื่อต้านทานอุณหภูมิความร้อนของที่นี่ เขาเดินต่อเข้าไปยังส่วนลึก โดยระหว่างนั้นก็คอยหลีกเลี่ยงไอความร้อนที่ถูกพ่นออกมาอย่างระมัดระวังไปด้วย
หลังจากเดินไปได้สักพัก บ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า หากกะระยะจากสายตา เกรงว่าน้ำพุร้อนบ่อนั้นคงมีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวหลายร้อยเมตร นอกจากนี้บริเวณโดยรอบยังถูกปกคลุมด้วยไอน้ำ
ในเวลานี้พลังปราณภายในร่างของมู่เฟิงเหลือไม่มากแล้ว อีกทั้งร่างกายของเขาก็เหนื่อยล้าเต็มที ดังนั้นเมื่อเขาได้พบบ่อน้ำพุร้อน เขาจึงเผยยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
หลังจากทดสอบอุณหภูมิของน้ำและพบว่าเป็อุณหภูมิที่ไม่ร้อนเกินไป มู่เฟิงก็ถอดเสื้อคลุมเปื้อนเืออก จากนั้นเขาก็ะโลงไปในบ่อน้ำพุร้อนโดยสวมเพียงกางเกงขาสั้น
“อ๊า…!”
หลังจากแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อนแล้วเด็กหนุ่มก็เผลอครางออกมาด้วยความสบายตัว เขาหรี่ตาลงอย่างเพลิดเพลิน ความรู้สึกเช่นนี้ช่างสดชื่นยิ่งนัก
การแช่น้ำพุร้อนถือเป็วิธีคลายความเมื่อยล้าที่ยอดเยี่ยมวิธีหนึ่ง
เมื่อมู่เฟิงแหวกว่ายลงไปใต้น้ำ เขาก็พบว่าก้นบ่อของมันมีความลึกหลายเมตร เด็กหนุ่มหลับตาก่อนจะดำดิ่งลงไปใต้บ่อ แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าตัวเองชนเข้ากับอะไรบางอย่าง เขาจึงคว้าจับสิ่งนั้นเอาไว้ทันที
“อะไรกัน? เหตุใดจึงนุ่มนัก?”
เมื่อมู่เฟิงลืมตาก็ใขึ้นมาเฉียบพลัน เด็กหนุ่มพบว่าอีกฝ่ายคือหญิงสาวที่กำลังนอนเปลือยกายอยู่ใต้น้ำ
หากพิจารณาให้ดีจะพบว่าสตรีผู้นี้มีใบหน้าที่สวยสดงดงามเป็อย่างยิ่ง ดวงตาเรียวยาวราวกับดวงตาหงส์ ส่วนคิ้วโค้งโก่งดุจใบหลิว ใบหน้ารูปไข่ไร้จุดด่างพร้อย เส้นผมสีดำยาวของนางกำลังพลิ้วไหวไปตามกระแสน้ำ เรือนร่างสมส่วนก็ดูสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ส่วนเว้าส่วนโค้งล้วนนูนเด่นเป็สง่า
สตรีผู้นี้กำลังหลับตาพริ้มอยู่ใต้บ่อน้ำพุร้อน เมื่อเห็นดังนั้นมู่เฟิงก็ใเป็อย่างมาก เขารีบถอยห่างและเตรียมจะว่ายขึ้นฝั่ง
ทว่าหญิงสาวกลับก็ลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน สายตาของนางมองตรงไปข้างหน้าและค้นพบว่ามีเด็กหนุ่มกำลังเปลือยกายอยู่ตรงหน้านางเช่นกัน
เมื่อสองสายตาสบผสาน
……
“ว้าย…!”
เสียงกรีดร้องดังเสียดหู สตรีผู้นั้นรีบยกมือขึ้นกุมหน้าอกของตัวเองเอาไว้ มู่เฟิงยังคงยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมด้วยท่าทางลำบากใจ และเพียงไม่นานกระแสความร้อนสองสายก็พุ่งออกมาจากจมูกของเขา
ทันใดนั้นเด็กหนุ่มก็พลันได้สติขึ้นมา เขาแหวกว่ายออกไปอย่างรวดเร็ว เร่งขึ้นฝั่งอย่างตื่นตระหนก ก่อนจะรีบสวมใส่เสื้อผ้าของตัวเองในทันที
ตู้ม...!
ฉับพลันนั้นเอง พลังปราณอันทรงพลังก็เกิดการปะทุขึ้นภายในบ่อน้ำพุร้อน ส่งผลให้เกิดคลื่นน้ำพุ่งขึ้นสูงกว่าสิบเมตร จากนั้นเงาร่างร่างหนึ่งก็ลอยออกมาจากบ่อน้ำพุร้อน
มู่เฟิงใช้สายตาตกตะลึงจ้องมองฉากนั้น
เวลานี้อีกฝ่ายกำลังสวมใส่เสื้อผ้าสีขาวที่มีรูปแบบเหมือนกับชาววังจนคล้ายกับว่าจะมีแสงสว่างเจิดจ้าส่องประกายออกมาจากตัวนาง นอกจากนี้ไอควันสีขาวด้านหลังก็ยิ่งขับเน้นให้นางดูไม่เหมือนมนุษย์เดินดินทั่วไป และเมื่อนางหมุนกายกลับมา เขาก็พบว่ารูปลักษณ์ของนางนั้นอ่อนเยาว์มาก ผิวขาวเนียนราวกับหิมะนั้น งดงามหาใดเปรียบ ความงามของนางเป็สิ่งที่ไม่อาจละสายตาได้ดุจเทพธิดาในภาพวาด
ไม่ใช่ว่ามู่เฟิงไม่เคยพบเห็นสตรีหน้าตางดงามมาก่อน ว่านเอ๋อร์ของเขาก็จัดว่าเป็หญิงงามล่มเมืองผู้หนึ่งเช่นกัน แต่เนื่องจากนางยังเป็เพียงเด็กสาว ยังไม่ได้เติบโตอย่างเต็มที่เหมือนกับหญิงสาวผู้นี้ ในด้านรูปลักษณ์ เกรงว่าคงต้องรอให้ว่านเอ๋อร์เติบใหญ่กว่านี้อีกสักสองปีจึงจะสามารถเทียบกับหญิงสาวตรงหน้าได้
ในบรรดาสตรีที่มู่เฟิงเคยพบพาน มีเพียงรูปลักษณ์และเสน่ห์ของซีเยว่เท่านั้นที่สามารถเอาชนะสตรีผู้นี้ได้ แต่เนื่องจากซีเยว่เป็ร่างิญญา ดังนั้นนางจึงดูเหมือนนางเซียนในความฝัน ทำให้ผู้คนต่างก็รู้สึกราวกับว่านางเป็เพียงภาพมายาที่ไม่มีอยู่จริง
กลับมาที่ปัจจุบัน หญิงสาวผู้นั้นกำลังลอยค้างอยู่กลางอากาศ นางจ้องมองมู่เฟิงด้วยสายตาเย็นะเื
มู่เฟิงตกตะลึงกับภาพที่เห็นนี้ สตรีนางนั้นสามารถลอยค้างอยู่กลางอากาศได้ ซึ่งผู้ที่จะทำเช่นนี้ได้เกรงว่าคงมีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับหยวนตานเท่านั้น!
นางเป็ใครกัน? ในสถานที่แบบนี้มีผู้แข็งแกร่งระดับนี้อยู่ได้อย่างไร?
หลิ่วอีเสวี่ยจ้องมองเด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องล่างอย่างเ็า แววตาของนางเผยให้เห็นถึงเจตนาสังหาร
แม้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะเป็เพียงเด็กผู้หนึ่ง แต่เขาก็ได้เห็นเรือนร่างอันสูงส่งของนางแล้ว ดังนั้นภายในใจของนางจึง้าจะสังหารเขาทิ้งเสีย
“อะ เอ่อ ผู้าุโ เมื่อครู่ผู้เยาว์เพียง้าแช่น้ำพุร้อนเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินผู้าุโแม้แต่น้อย”
มู่เฟิงกำหมัดพร้อมโค้งคำนับอย่างนอบน้อม เขากล่าวขึ้นด้วยความลำบากใจ
แม้สตรีผู้นี้จะไม่ได้แก่กว่าเขามากนัก แต่เขายังต้องให้ความเคารพนางจากความแข็งแกร่ง ซึ่งผู้ที่แข็งแกร่งกว่ามักจะถูกเรียกว่าผู้าุโเสมอ
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อระดับวรยุทธ์สูงขึ้น อายุขัยก็จะยิ่งยืนยาวขึ้นด้วย ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังสามารถมีชีวิตอยู่ได้จนถึงสองร้อยปีโดยไม่มีปัญหา ส่วนผู้ฝึกยุทธ์ระดับหยวนตานนั้นมีอายุขัยยาวนานกว่าสามร้อยถึงสี่ร้อยปีเลยทีเดียว
แม้รูปลักษณ์ของสตรีผู้นี้จะดูเหมือนหญิงสาว แต่ด้วยวรยุทธ์ของนาง ไม่แน่ว่าอายุจริงของนางอาจจะมากกว่าหนึ่งร้อยปีแล้วก็ได้
ร่างบางของหลิ่วอีเสวี่ยพลันเปลี่ยนเป็ลำแสงสีขาวและพุ่งตรงเข้าหามู่เฟิงอย่างรวดเร็ว เพียงนางสะบัดมือก็ปรากฏคลื่นพลังปราณสีน้ำเงินพวยพุ่งออกมา มันถูกควบแน่นขึ้นเป็รูปร่างฝ่ามือขนาดใหญ่ ก่อนจะคว้าจับคอของมู่เฟิงเอาไว้อย่างแ่า
ลำคอของมู่เฟิงถูกบีบแน่น ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อยด้วยความเ็ป ทว่าเขากลับไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านอีกฝ่าย
บุคคลระดับนี้สามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดายโดยไม่จำเป็ต้องใช้ความพยายาม ไม่ต่างจากการบดขยี้พวกมดแมลง แน่นอนว่ามู่เฟิงตระหนักได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของผู้ฝึกยุทธ์ระดับหยวนตานได้เป็อย่างดี เพราะความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายนั้นเทียบเท่ากับการเผชิญหน้ากับศัตรูนับหมื่น
ก่อนบิดาของเขาจะเสียชีวิต ระดับวรยุทธ์บิดาเขาคือระดับหยวนตาน เพียงหนึ่งกระบวนยุทธ์ก็สามารถสังหารศัตรูได้หลายร้อยคน
หลิ่วอีเสวี่ยจ้องมองเด็กหนุ่มที่กำลังถูกฝ่ามือพลังปราณบีบรัดคอ นางลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง เพราะในใจของนางไม่ได้้าจะสังหารอีกฝ่าย
มู่เฟิงมองไปยังหลิ่วอีเสวี่ยด้วยสายตานิ่งสงบ เขาไม่มีท่าทีหวาดกลัวอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย สิ่งนี้ทำให้หลิ่วอีเสวี่ยประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง บุคลิกเช่นนี้ช่างคล้ายคลึงกับน้องชายของนางนัก ไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใด
“เ้าหนุ่ม เ้าจงลืมทุกอย่างที่เห็นไปเสีย”
ในที่สุดหลิ่วอีเสวี่ยก็คลายจิตสังหารลง ก่อนจะกล่าวอย่างเ็า น้ำเสียงของนางดังกังวาลและไพเราะอย่างยิ่ง เพียงนางโบกมือ ฝ่ามือพลังปราณก็พลันสลายหายไปทันที ร่างของมู่เฟิงฟุบนั่งลงบนพื้น ก่อนจะหอบหายใจออกมาจนตัวโยน
เมื่อครู่เขารู้สึกราวกับว่าขาข้างหนึ่งได้ก้าวเข้าสู่ปรโลกแล้ว
“ขอบคุณผู้าุโที่เมตตา”
มู่เฟิงรีบลุกขึ้นและประสานมือคำนับอีกฝ่าย ท่าทางของเขาไม่ได้แข็งแกร้าวจนถูกเย่อหยิ่งและไม่ได้ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อยเกินไป ทั้งหมดล้วนเป็เพียงการกระทำตามมารยาทเท่านั้น
“หึ ข้าไม่สังหารเ้าเพราะเ้ายังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง”
หลิ่วอีเสวี่ยตวาดออกมาด้วยน้ำเสียงเ็า จากนั้นนางก็สาวเท้าเข้ามาหามู่เฟิง
มู่เฟิงยังคงยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่ขยับไปไหน
หลิ่วอีเสวี่ยคว้าเข้าที่ไหล่ของเด็กหนุ่ม จากนั้นพลังปราณจำนวนหนึ่งก็ปะทุออกมาจากฝ่าเท้าของนาง หญิงสาวคว้าร่างของมู่เฟิงบินทะยานขึ้นไปบนน่านฟ้า มุ่งหน้าสูู่เาไฟขนาดใหญ่ที่อยู่ลึกลงไป
“ผู้าุโ ท่านจะทำอะไรอย่างนั้นหรือ?”
หลังจากมู่เฟิงถูกคว้าร่างและบินทะยานขึ้นฟ้า เขาก็ก้มมองพื้นเบื้องล่างอย่างเผลอตัว ภาพด้านล่างนี้ทำให้เขาตื่นตระหนกเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจับเขามาเพื่ออะไร
“เื่ที่ไม่ควรถามก็อย่าได้ถามอีก”
หลิ่วอีเสวี่ยยังคงกล่าวอย่างเ็า มู่เฟิงจึงไม่กล้าเอ่ยถามคำถามใดอีก หลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็ถูกพาตัวไปยังูเาไฟขนาดใหญ่ที่มีความสูงหลายพันฟุต
ไม่นานจากนั้นคนทั้งสองก็บินขึ้นมาถึงปากปล่องูเาไฟ
ปากปล่องูเาไฟลูกนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่าร้อยเมตร ส่วนหินหนืดที่กำลังเดือดพล่านนี้ก็มีความลึกหลายพันเมตร เวลานี้คนทั้งสองได้ยืนอยู่บนปากปล่องูเาไฟแล้ว
มู่เฟิงมองเข้าไปด้านในของปล่องูเาไฟ ภายในใจรู้สึกปั่นป่วนเป็อย่างยิ่ง หากเขาตกลงไป เกรงว่าชีวิตนี้คงจบเห่แน่
สตรีผู้นี้คงไม่ได้พาเขามาที่นี่เพื่อสังหารเขาหรอกนะ!
หลิ่วอีเสวี่ยมองไปยังหินหนืดที่กำลังเดือดพล่านด้านล่าง ดวงตาคู่สวยของนางเปล่งประกายขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าเวลานี้นางกำลังคิดสิ่งใดอยู่
จากนั้นนางก็เอ่ยปากพูดกับมู่เฟิงอย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้างในมีต้นบัวอัคนีอยู่หนึ่งต้น และตอนนี้เม็ดบัวอัคนีกำลังสุกงอม อีกเดี๋ยวให้เ้าเข้าไปเก็บมันออกมา”
“เม็ดบัวอัคนี!”
สีหน้าของมู่เฟิงตื่นตะลึง เม็ดบัวอัคนีนั้นเป็สมุนไพรขั้นหก และเม็ดบัวของบัวอัคนีนั้นก็ล้ำค่ามหาศาล
มู่เฟิงก้มหน้ามองไปยังหินหนืดด้านล่าง ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างขมขื่นว่า “ผู้าุโสมุนไพรที่ล้ำค่าเช่นนี้คงจะต้องถูกปกป้องโดยอสูรร้ายที่ทรงพลังเป็แน่ วรยุทธ์ของข้านั้นยังต่ำต้อยนัก ข้าเกรงว่าหน้าที่นี้คงจะเกินกำลังของข้าแล้ว”