“ในเมื่ออยู่ต่อหน้าคนชัดเจน ข้าก็จะไม่พูดอ้อมค้อม สบู่ผลึกแก้วเป็ของดีโดยแท้ แต่หากบ้านของท่านทำเพียงเท่านี้ ปริมาณก็น้อยไปหน่อย ของดีเช่นนี้ หากไม่ขายให้ทั่วแคว้นต้าเยี่ย ก็ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก”
“ร้านฝูหรงเซวียนของเรามีโรงผลิตอยู่ทั่วทุกหนแห่ง หากพวกท่านยอมขายสูตรให้ร้านฝูหรงเซวียน เหล่าคุณหนูตระกูลร่ำรวยในแคว้นต้าเยี่ยก็จะมีโอกาสได้ใช้ของดีเช่นนี้ พวกท่านโปรดวางใจ หากยอมขายสูตร เื่ราคาต่อรองกันได้เลย!”
คำพูดของอวิ๋นเหนียงไม่เพียงแต่จริงใจ ยังแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งของร้านฝูหรงเซวียน อย่างแรกคือมีโรงผลิตกระจายอยู่ทั่วแคว้น สามารถผลิตสบู่ผลึกแก้วจำนวนมากได้ทันที อย่างที่สองคือเื่ราคา ให้บ้านตระกูลอวิ๋นตั้งราคาได้ตามใจชอบ
เพียงแต่ทันทีที่นางพูดจบ อวิ๋นโส่วจงก็เอ่ยขึ้น “ขออภัยหลงจู๊ซุน เื่สูตรนั้นบุตรชายคนโตของข้าเป็คนตัดสินใจ แต่ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังเตรียมตัวสอบ ่นี้คงไม่มีเวลามาคุยเื่สูตรกับหลงจู๊ซุน”
“ขอให้หลงจู๊ซุนรอสักหน่อย รอให้บุตรชายของข้าสอบเสร็จแล้ว พวกเราค่อยมาคุยเื่นี้กันอีกที ท่านโปรดวางใจ ก่อนจะหารือกับพวกท่าน พวกข้าจะไม่ไปติดต่อร้านอื่นอย่างแน่นอน!”
เมื่อได้ยินดังนั้น แม้ว่าอวิ๋นเหนียงจะรู้สึกผิดหวัง แต่รอยยิ้มบนใบหน้าก็ไม่จางลงเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ในใจกลับต้องมองครอบครัวนี้ใหม่ สามีภรรยาคู่นี้ช่างไว้ใจบุตรชายเสียจริง!
เื่ใหญ่ขนาดนี้ กลับปล่อยให้บุตรชายวัยสิบสามปีเป็คนตัดสินใจ! ในเวลานี้ นางกลับลืมไปเสียสนิทว่าเ้านายของนางก็อายุเพียงสิบสองปี!
“เช่นนั้นหรือคะ? ดูเหมือนว่าข้าจะมาผิดเวลาเสียแล้ว! แต่ได้ยินท่านพูดเช่นนี้ ข้าก็วางใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะรอฟังข่าวดี!”
“หวังว่าในยามที่คุณชายน้อยสอบผ่านบัณฑิตถงเซิง [1] เวลานั้นข้าก็คงจะได้รับข่าวดีเช่นกัน!” อวิ๋นเหนียงเป็คนเด็ดขาด เมื่อเ้าของบ้านเอ่ยปากว่าบุตรชายคนโตเป็ผู้ตัดสินใจ นางก็ไม่พูดอะไรให้มากความ จึงเตรียมตัวที่จะขอตัวกลับ
อวิ๋นโส่วจงรีบเอ่ยขึ้น “บังเอิญว่าบ่ายวันนี้ข้าตั้งใจจะไปหาหลงจู๊ซุนที่ในเมืองพอดี ในเมื่อหลงจู๊ซุนมาถึงที่นี่แล้ว ก็ช่วยนำของพวกนี้กลับไปด้วยเถิด”
อวิ๋นเหนียงได้ยินดังนั้นก็เอ่ยถาม “อ้อ ของอะไรหรือเ้าคะ?”
ฟางซื่อยิ้มๆ “สบู่ผลึกแก้วทั้งหมดแปดสิบก้อน เนื่องจากไม่ทราบว่าของพวกนี้จะขายดีหรือไม่ ดังนั้นเมื่อวานตอนที่เจียวเอ๋อร์กับพ่อของนางเข้าไปในอำเภอจึงนำไปเพียงยี่สิบก้อน”
เมื่อคืนอวิ๋นเจียวได้ซื้อสบู่ผลึกแก้วแปดสิบก้อนจากเถาเป่า และมอบให้อวิ๋นโส่วจง ขณะที่ฟางซื่อกำลังพูดอยู่นั้น อวิ๋นโส่วจงก็ยกหีบไม้ที่บรรจุสบู่ผลึกแก้วเข้ามา แล้วมอบให้กับคนรับใช้ของอวิ๋นเหนียง
อวิ๋นเหนียงพลันดีใจเป็อย่างยิ่ง นางกำลังกังวลว่าของจะน้อยเกินไป ส่งไปเมืองหลวงก็ยังไม่พอนำไปมอบเป็ของกำนัลให้ผู้คนเลย นับประสาอะไรกับการวางขาย นางจึงรีบเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นก็ดีเลย บังเอิญว่าวันนี้ข้าเตรียมตั๋วเงินมาพอดี!” กล่าวจบก็สั่งให้บ่าวรับใช้ที่ติดตามมานำตั๋วเงินสี่พันตำลึงออกมาให้
จากนั้นก็เอ่ยต่อ “หากพวกท่านผลิตสบู่ผลึกแก้วชุดใหม่เสร็จแล้ว ก็ช่วยส่งคนไปที่ร้านฝูหรงเซวียนด้วย ยิ่งมากยิ่งดี! ทางร้านฝูหรงเซวียนไม่มีทางกดราคาสินค้าเพราะจำนวนมากเกินไปอย่างแน่นอน!”
อวิ๋นโส่วจงนับตั๋วเงินเสร็จ ก็เก็บเข้าอกเสื้อทันที เดิมทีเขาตั้งใจว่าจะจ่ายเงินมัดจำค่าที่ดินสองร้อยหมู่ก่อน แต่เมื่ออวิ๋นเหนียงมาถึงที่นี่แล้ว เขาก็สามารถซื้อที่ดินผืนนั้นได้ทันที
ตอนที่อวิ๋นเหนียงกำลังจะขอตัวกลับ อวิ๋นเจียวที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาในห้องโถง พร้อมกันนั้นก็ให้ชุนเหมยนำเครื่องประทินผิวสิบขวด มามอบให้อวิ๋นเหนียง
อวิ๋นเหนียงดีใจจนเนื้อเต้น รีบมอบตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงให้แก่อวิ๋นโส่วจง พร้อมกับเอ่ยด้วยความเสียดาย “เครื่องประทินผิวนี้เป็ของดีจริงๆ เสียดายที่มีน้อยเกินไป!”
อวิ๋นเจียวเอ่ยยิ้มๆ “ท่านโปรดวางใจ ตอนนี้แม้ว่าปริมาณเครื่องประทินผิวจะยังมีน้อย แต่อีกไม่นาน พวกเราก็จะปักหลักที่หมู่บ้านไหวซู่เรียบร้อยแล้ว ถึงตอนนั้นก็จะผลิตได้เพิ่มขึ้นอีกมาก แล้วจะนำไปส่งให้หลงจู๊ซุนทีเดียวเลยเ้าค่ะ”
ฟางซื่อเสริม “ใช่แล้ว ตอนนี้ที่บ้านเพิ่งจะจัดการอะไรต่อมิอะไรเรียบร้อย ยังวุ่นวายอยู่ จึงไม่มีเวลามาทำอะไรพวกนี้มากนัก”
ดวงตางามของอวิ๋นเหนียงเป็ประกาย นางเอ่ยขึ้น “ในเมื่อพวกเราค้าขายร่วมกันถึงสองครั้งแล้ว พี่หญิงไม่ต้องเกรงใจข้า หากมีเื่ใดให้ข้าช่วยเหลือก็บอกได้เลยเ้าค่ะ”
“ร้านฝูหรงเซวียนของพวกข้าเปิดทำการอยู่ในเขตอำเภอจิ่วจิ้นมานานหลายปี ไม่กล้าพูดว่ามีอิทธิพลมากมาย แต่ก็รู้จักคนมากมายหลายแวดวง ติดต่อเื่อะไรก็สะดวก”
“ข้าดูแล้ว บ้านของพี่หญิงหลังเล็กไปหน่อย คุณหนูกับคุณชายของบ้านท่านเดี๋ยวก็โตขึ้น คงไม่พออยู่แล้ว แถมคนรับใช้ก็มีน้อยไปหน่อย หากพี่หญิงไม่รังเกียจ ข้าสนิทกับนายหน้าและพ่อค้าคนกลางอยู่หลายคน...”
หากบ้านตระกูลอวิ๋นใหญ่ขึ้นกว่าเดิม คนรับใช้ในบ้านมากขึ้นอีกหน่อย เช่นนั้นคนที่ช่วยทำเครื่องประทินผิวก็มากขึ้น นางก็ไม่ต้องกังวลเื่สินค้าขาดตลาดแล้ว
อันที่จริงสูตรที่อวิ๋นเหนียงอยากได้มากที่สุดคือสูตรเครื่องประทินผิว เพียงแต่ในใจนางรู้ดีว่าบ้านตระกูลอวิ๋นคงไม่ยอมขายสูตรเครื่องประทินผิวให้นางง่ายๆ เป็แน่ ดังนั้นนางจึงได้ยอมถอยมาซื้อสูตรสบู่ผลึกแก้วแทน
ฟางซื่อยิ้มและกล่าวว่า “ขอบคุณน้องหญิงที่เป็ห่วง แต่ข้าขอบอกตามตรง ที่บ้านพวกข้าซื้อที่ดินสำหรับปลูกสร้างบ้านไว้แล้ว ส่วนเื่คนรับใช้ รอให้พวกข้าสร้างบ้านเสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้ต่อให้ซื้อตัวคนรับใช้มาแต่ก็ยังไม่มีที่อยู่”
ฟางซื่อเองก็ไม่ใช่คนหัวโบราณ เมื่ออวิ๋นเหนียงเรียกนางว่าพี่หญิง นางก็เรียกอวิ๋นเหนียงว่าน้องหญิงเช่นกัน อย่างที่อวิ๋นเหนียงพูด พวกเขาทั้งสองฝ่ายทำการค้าร่วมกัน นางไม่อาจเพิกเฉยต่อไมตรีจิตของอีกฝ่ายที่หวังจะสร้างสัมพันธ์อันดีต่อกันได้
อวิ๋นเหนียงกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ได้เ้าค่ะ หากที่บ้านพี่หญิงมีเื่ใดให้ข้าช่วยเหลือ ก็ส่งคนมาบอกข้าที่ในอำเภอได้เลยนะเ้าคะ จริงสิ อีกสองสามวันข้าจะแนะนำช่างฝีมือดีๆ ให้พี่หญิงสักสองสามคน ในนั้นมีสองคนเป็ถึงอาจารย์ที่ลาออกจากกรมโยธาเชียวนะเ้าคะ”
ฟางซื่อตอบพร้อมรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็ดีเลย ขอบคุณน้องหญิงที่เป็ห่วง”
หลังจากส่งอวิ๋นเหนียงกลับไปแล้ว อวิ๋นโส่วจงก็นำเงินค่าเครื่องประทินผิวหนึ่งพันตำลึงมาให้อวิ๋นเจียว อวิ๋นเจียวรับไว้เพียงแค่ตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึง ส่วนที่เหลือให้อวิ๋นโส่วจงเก็บไว้
“ท่านพ่อ ตอนนี้ที่บ้านมีเื่ต้องใช้เงินเยอะ ท่านเก็บไว้เถอะเ้าค่ะ ต่อไปไม่ว่าได้เงินจากการขายสิ่งใด ท่านพ่อท่านแม่เก็บไว้นะเ้าคะ ส่วนข้าขอแค่เงินเล็กๆ น้อยๆ ไว้ซื้อวัตถุดิบก็พอแล้ว ส่วนเงินพวกนั้นจะใช้อะไร ท่านพ่อท่านแม่ตัดสินใจเลยเ้าค่ะ ข้ายังเด็ก ท่านพ่อท่านแม่ยังจะให้ข้าต้องมากังวลเื่เงินอีกหรือเ้าคะ?”
เมื่อเห็นอวิ๋นเจียวทำหน้าตาทะเล้นกะพริบตาปริบๆ เช่นนั้น อวิ๋นโส่วจงกับฟางซื่อก็หัวเราะด้วยความเอ็นดู “ได้ๆ พ่อแม่จะไม่ให้เ้าต้องกังวลเื่เงินทองอีกแล้ว เงินพวกนี้พ่อแม่จะเก็บสะสมไว้ให้เ้าเอง”
อวิ๋นเจียวแสร้งทำหน้าบูด “เก็บไว้ทำไมเ้าคะ หาเงินมาก็เพื่อเอาไว้ใช้ ยิ่งไปกว่านั้น หรือว่าข้าไม่ใช่คนในครอบครัวหรือเ้าคะ? ท่านพ่อท่านแม่ถึงต้องแยกเื่เงินทองกับข้าชัดเจนเพียงนี้”
อวิ๋นโส่วจงรีบพูด “ได้ๆ พ่อแม่เชื่อฟังเจียวเอ๋อร์ เงินพวกนี้ พอหาได้พ่อจะรีบเอาไปใช้จ่ายทันที!” อวิ๋นเจียวได้ยินดังนั้น จึงเผยรอยยิ้มออกมา
หลังจากคุยกันสักพัก อวิ๋นโส่วจงกับฟางซื่อก็พาอวิ๋นเจียวไปกินข้าวเช้า จากนั้นอวิ๋นโส่วจงก็รีบออกจากบ้านเพื่อไปหาผู้ใหญ่บ้านและไปที่บ้านเศรษฐีหวัง
เนื่องจากไม่ขาดแคลนเงิน การซื้อขายที่ดิน การทำสัญญา และการไปที่ศาลาว่าการเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจึงเป็ไปอย่างราบรื่น
ตอนที่อวิ๋นโส่วจงเดินทางผ่านตำบล เขาก็แวะไปที่คอกเลี้ยงวัว ซื้อวัวที่แข็งแรงๆ ที่สามารถไถนาได้สี่ตัว พร้อมกับเครื่องมือทำไร่อีกจำนวนหนึ่ง
ที่ดินสองร้อยหมู่ นอกจากแบ่งส่วนหนึ่งให้คนอื่นเช่าแล้ว อีกส่วนหนึ่งต้องจ้างคนมาปลูกอย่างแน่นอน ดังนั้นวัวและเครื่องมือทำไร่ที่มีอยู่ที่บ้านจึงไม่เพียงพอ
หลังจากจัดการเื่พวกนี้เรียบร้อยแล้ว อวิ๋นโส่วจงก็ไปตามพี่ใหญ่อวิ๋นโส่วกวงกับน้องสามอวิ๋นโส่วเย่า ให้ช่วยเขาขึ้นเขาไปตัดไม้ เพื่อรีบเร่งสร้างคอกวัวให้เสร็จ
เย็นวันนั้น หลังจากทำงานเสร็จ ทุกคนในครอบครัวเพิ่งจะนั่งลงและกำลังเตรียมจะกินข้าว ทางบ้านตระกูลอวิ๋นเก่าก็ส่งอวิ๋นเหมยเอ๋อร์ให้มาหาที่นี่
เชิงอรรถ
[1] ถงเซิง (童生) เป็ตำแหน่งผู้สอบผ่านขั้นแรกของระบบการสอบคัดเลือกขุนนาง เพื่อเตรียมตัวเข้าสอบในระดับสูงขึ้นต่อไป