กิจการในที่สุดก็เข้าสู่่ที่มั่นคงที่สุด กลุ่มเพื่อนสนิทต่างถ่ายทอดวิชาให้แก่ผู้ที่จะมารับ่ต่อ พร้อมกันนั้นก็เร่งเรียนอย่างหนัก ถึงจะไม่มีใครกล้าให้สัญญาว่าจะสอบกลางภาคครั้งนี้ได้คะแนนดีเยี่ยมเท่าไหร่ แต่ในใจลึกๆ ต่างก็ฮึกเหิม อยากจะสอบติดโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งของเมืองด้วยคะแนนหัวแถวให้ได้
เมื่อหน้าร้อนมาเยือน ผลสอบกลางภาคของหมี่หลันเยว่ หมี่หลันหยาง เฉียนหย่งจิ้น และหลินเผิงเฟยก็ประกาศออกมา พวกเขาต่างสอบได้ที่หนึ่ง ที่สาม ที่หก และที่เจ็ดของเมือง ตามลำดับ และได้เข้าเรียนต่อในโรงเรียนมัธยมปลายเดิม ด้วยผลการเรียนที่น่าภาคภูมิใจเช่นนี้ เฉียนหย่งจิ้นและหลินเผิงเฟยกลับรู้สึกห่อเหี่ยวใจเล็กน้อย
"ถ้าฉันตั้งใจมากกว่านี้สักหน่อยก็คงดี ฉันสอบไม่ติดอันดับหนึ่งในห้า นี่มันน่าขายหน้าจริงๆ"
เฉียนหย่งจิ้นบ่นพึมพำ เขาไม่ได้โกรธใคร แต่โกรธตัวเองที่ไม่พยายามอย่างเต็มที่ในการสอบครั้งนี้ จนรู้สึกเสียใจ
"ถ้าทำข้อสอบเสร็จแล้ว ตรวจให้ดีๆ อีกสักรอบ บางทีอาจจะเจอข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ อะไรบ้าง ก็อาจจะติดอันดับหนึ่งในห้าไปแล้วก็ได้"
เฉียนหย่งจิ้นโมโหจนแทบจะทุบเตียง ทำให้หมี่หลันเยว่หัวเราะร่วนไม่หยุด
"พี่หย่งจิ้น พอเถอะน่า ถึงจะสอบได้ที่หกของเมือง แต่ก็ยังเป็ที่หนึ่งของห้องอยู่นะคะ คะแนนแค่นี้ก็ถือว่าดีแล้วค่ะ พวกเราไม่ได้เรียนชั้น ม.2 กันมานี่นา ทำได้อย่างนี้ก็ถือว่าน่าภูมิใจมากแล้ว พี่ถ่อมตัวมากเกินไปแล้วนะ"
เขาโดนหมี่หลันเยว่แซวเข้าให้ เฉียนหย่งจิ้นก็ยังอารมณ์ไม่ดีอยู่ดี
"แต่ว่า มันน่าจะทำได้ดีกว่านี้นี่นา ไอ้โจทย์เล็กๆ สองข้อนั้นไม่น่าพลาดเลย"
"ก็จำไว้เป็บทเรียนสิคะ ตอนนั้นไม่ได้พยายามเต็มที่ ตอนนี้มาเสียใจก็เท่านั้น"
คำพูดของหมี่หลันเยว่ปลุกเฉียนหย่งจิ้นให้ตื่นจากภวังค์ ใช่แล้ว เขาไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่ แล้วจะมานั่งเสียใจให้ใครเห็นกัน การสอบครั้งนี้เป็แค่การสอบครั้งหนึ่ง แต่ถ้าเป็การเดิมพันชีวิต การที่เขาไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่ จะนำมาซึ่งอะไรบางอย่างที่มากกว่าความเสียใจ
"ฉันเข้าใจแล้ว หลันเยว่ ต่อไปไม่ว่าจะเจออะไร ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่"
ไม่ได้ใช้ความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่ ถ้ามีข้อผิดพลาดก็โทษใครไม่ได้ ก็เหมือนกับนิทานกระต่ายกับเต่า คิดว่าตัวเองจะชนะคู่ต่อสู้ได้ ก็เลยนอนหลับสบายใจบนสนามแข่ง สุดท้ายก็แพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
เฉียนหย่งจิ้นหน้าแดงก่ำ ความรู้สึกอับอายแล่นริ้ว เขาคงจะหยิ่งผยองเกินไป คิดว่าตัวเองเก่งแล้ว ก็เลยละเลยความระมัดระวังที่ควรมี เหลือไว้แต่ความมั่นใจที่พองโต ซึ่งที่มาของความมั่นใจนั้น ก็เป็เพราะเขาดูเหมือนจะเก่งกว่าคนอื่น เก่งจริงเหรอ ถ้าเก่งจริงคงไม่สอบได้ที่หก เขามองไปที่หมี่หลันเยว่ นี่สิถึงจะเป็คนที่เก่งที่สุด ไม่เคยผ่อนคลายตัวเองเลยสักวินาที
หลินเผิงเฟยก็ทำสีหน้าจริงจังขึ้นมา เขารู้ว่าเขากับหย่งจิ้นประมาทในห้องสอบจริงๆ เห็นว่าโจทย์เ่าั้คุ้นเคย ก็เลยไม่ได้ตื่นเต้นเท่าที่ควร ทำให้ในข้อสอบเต็มไปด้วยความสะเพร่าและข้อผิดพลาด ก็ดีเหมือนกัน นี่เป็การตบหน้าให้พวกเขาได้สติ อย่ามัวแต่นอนเอกเขนกอยู่บนกองความดีความชอบ
"พอแล้วๆ พวกนายสองคน ฉันที่สอบได้ไม่ติดหนึ่งในยี่สิบยังไม่พูดอะไรเลย พวกนายก็เจี้ยวจ้าวกันใหญ่ จะเอาคะแนนมาเยาะเย้ยฉันรึไง"
หนิวเถียจู้ที่ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ ในที่สุดก็ทนไม่ไหวเอ่ยปากออกมา แต่สีหน้าของเขากลับดูมีความสุขมาก
"ฉันพอใจกับคะแนนมากนะ เพราะฉันไม่ได้เป็นักเรียนที่เรียนเก่งที่สุดในห้องั้แ่แรก เป็เพราะได้เจอพวกนายต่างหาก ที่ทำให้การเรียนของฉันก้าวหน้าไปอีกขั้น และกำลังใจจากพวกนาย ฉันถึงได้ะโจาก ม.2 ไป ม.3 ใน่ครึ่งหลังของปี"
"พูดตามตรง การข้ามชั้นใน่ครึ่งหลังของปี ม.2 ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเท่าไหร่ ครึ่งหลังของ ม.3 ก็เกือบจะเข้าสู่่ทบทวนรวมแล้ว ครึ่งแรกของ ม.3 ต่างหากที่เป็่สะสมความรู้ที่สำคัญที่สุด แต่ฉันก็ยังยืนหยัดมาได้ และได้ผลลัพธ์แบบนี้"
"คนเราต้องรู้จักความสามารถของตัวเอง ฉันทำในสิ่งที่ฉันคิดว่าดีที่สุดแล้ว ดังนั้นฉันมีความสุขมาก แต่ฉันจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ ฉันจะตั้งเป้าหมายใหม่ให้ตัวเอง แล้วทำตามเป้าหมายนั้นต่อไป ก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวอย่างมั่นคง นั่นแหละคืออนาคตของฉัน"
เฉียนหย่งจิ้นเดินเข้าไปกอดหนิวเถียจู้แน่นๆ
"เถียจู้ นายต่างหากที่เป็แบบอย่างของฉัน ฉันเองที่ไม่มองตัวเองให้ชัดเจน และไม่ได้ตัดสินใจว่าตัวเอง้าอะไร ฉันมัวแต่ตามรอยเท้าของหลันเยว่"
"การไล่ตามคนเก่งเป็สิ่งที่ถูกต้อง แต่ไม่ควรทำให้หลงลืมตัวเอง ั้แ่ตอนนี้เป็ต้นไป ฉันจะตั้งเป้าหมายให้ตัวเอง แล้วค่อยๆ ทำให้มันเป็จริง นายพูดถูกแล้ว การมีเป้าหมายจะทำให้เรามีแรงผลักดันมากขึ้น และจะนำเราไปสู่อนาคตที่กว้างใหญ่กว่า"
หลินเผิงเฟยก็เดินเข้ามาสวมกอดทั้งสองคน
"ใช่แล้ว พวกเรายังเด็ก ความถูกผิด จริงๆ แล้วมันไม่ได้มีเส้นแบ่งที่ชัดเจนขนาดนั้น สิ่งที่สำคัญคือเราสามารถปรับทิศทางได้ตลอดเวลา"
"อนาคตมันไกลเหรอ ที่จริงก็ไม่นะ ทุกก้าวที่เราเดินออกไป คือการเข้าใกล้อนาคตมากขึ้น ดังนั้น ตราบใดที่เราไม่ท้อแท้ ตราบใดที่เรามีความมั่นใจ เป้าหมายอะไรเราก็ทำได้ทั้งนั้น นี่คือความกล้าหาญของพวกเราในฐานะคนหนุ่มคนสาว และนี่ก็คือทุนของพวกเราในฐานะคนหนุ่มคนสาว ทำผิดได้ แก้ไขได้ เดินหน้าต่อไปได้"
เห็นเฉียนหย่งจิ้นและหลินเผิงเฟยเปลี่ยนจากอารมณ์ด้านลบมาเป็แบบนี้ได้เร็ว หมี่หลันเยว่ก็รู้สึกดีใจมาก เพราะทุกคนต่อสู้ร่วมกันมาหลายปี หมี่หลันเยว่อยากให้พวกเขาดีขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น และในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกภูมิใจในตัวหนิวเถียจู้ด้วย
ถึงหนิวเถียจู้จะเป็คนสุดท้ายที่เข้าร่วมกลุ่มนี้ แต่เขามีพลังบวกที่ทำให้คุณได้รับความอบอุ่นจากตัวเขาได้ตลอดเวลา เหมือนตอนที่เขายื่นมือเข้ามาช่วยดูแลร้านใน่ก่อนปีใหม่ เหมือนตอนที่เขาปฏิเสธคำเชิญของลุง เพราะเป็สมาชิกใหม่ เหมือนตอนที่เขาใช้ประสบการณ์ของตัวเองมาให้กำลังใจพี่น้อง
สรุปแล้ว หนิวเถียจู้เป็คนที่อบอุ่นและซื่อตรง แม้ว่าผลการเรียนของหนิวเถียจู้จะรั้งท้ายในกลุ่ม แต่ในเื่ของความเป็คน หมี่หลันเยว่อยากจะยกนิ้วให้และชื่นชมอย่างมาก ไม่เช่นนั้น เธอคงไม่ยืนยันที่จะพาหนิวเถียจู้ออกไปด้วยกัน คนฉลาดมีเยอะ แต่คนที่ฉลาดและหนักแน่นมีน้อยกว่า
"เอาล่ะ ในเมื่อในเหตุการณ์สอบเข้าครั้งนี้ ได้ัักับบทเรียนด้วยตัวเองแล้ว ก็ให้ถือว่ามันเป็ป้ายเตือนใจ ให้จำไว้ให้ขึ้นใจ ฉันหวังว่าพวกพี่จะเตือนตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องทำอย่างสุดความสามารถ"
"เพราะไม่รู้ว่าการผ่อนคลายในตอนไหน จะทำให้เราก้าวเข้าสู่เส้นทางที่ต่อให้เสียใจก็แก้ไขไม่ได้ ดังนั้น เราต้องมีความระมัดระวังอยู่เสมอ ต้องเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า ตัวเองไม่ได้สมบูรณ์แบบที่สุด ตัวเองยังต้องพยายามต่อไป"
"ฉันหวังว่าพวกเราจะสามัคคีกัน พยายามอย่าเดินอ้อม อย่าเดินหลงทางไปไหน พวกพี่ๆ ทุกคนอายุสิบห้ากันแล้ว กำลังจะเข้าสู่่มัธยมปลายแล้ว ฉันหวังว่าใน่สามปีนี้ เราจะตั้งใจเรียนกัน และฉันหวังว่าหลังจากสามปี เราจะสอบไปปักกิ่งได้ทุกคน แล้วเริ่มต้นการเดินทางแห่งความหวังของเราใหม่อีกครั้ง"
หมี่หลันเยว่หวังจริงๆ ว่าพวกเขาจะไม่พลาดโอกาสที่จะเดินออกไปในครั้งนี้ เพราะตอนนี้ยังเป็แค่ปี 1982 การสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็เป็เื่ของปี 1985 นักศึกษาใน่กลางทศวรรษที่ 80 ก็ยังถือว่ามีค่ามาก ไม่เหมือน่กลางทศวรรษที่ 90 ที่นักศึกษาเกลื่อนเมือง
"ตอนนี้คนที่จบแค่ ม.ต้นแล้วทำงานก็มีเยอะแยะ แต่จุดเริ่มต้นของพวกเขามันต่ำเกินไป จบแค่ ม.ปลายก็แค่พูดให้ดูดีหน่อย รอไปอีกสามถึงห้าปี ก็ต้องถูกคนอื่นทิ้งไว้ข้างหลัง ดังนั้น ฉันหวังว่าพวกเราทุกคนอย่างน้อยจะต้องจบมหาวิทยาลัย ไม่ใช่แค่เพื่อใบปริญญา แต่เพื่อโลกทัศน์ของเราด้วย"
"รู้ไหมว่ายิ่งอ่านหนังสือมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเข้าใจเหตุผลมากขึ้นเท่านั้น ในหนังสือมีทองคำ มันไม่ใช่แค่คำพูดเล่นๆ เมื่อเผชิญหน้ากับปัญหาเดียวกัน คนที่อ่านหนังสือมาเยอะ จะมีมุมมองในการคิดที่แตกต่างกัน ช่องโหว่ก็จะน้อยลง นี่แหละคือการเปิดโลกที่แท้จริง"
"แน่นอนว่าไม่มีอะไรแน่นอน ไม่ใช่ว่าทุกคนที่อ่านหนังสือเยอะจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ แต่ถ้าอ่านหนังสือเยอะ ก็อาจจะเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จให้คุณได้"
หมี่หลันเยว่พูดอย่างหนักแน่น ทั้งสี่คนฟังอย่างตั้งใจ
"ฉันไม่อยากขยายกิจการห้องเสื้อหลันเยว่ในเมืองซวงเฉิงไปมากกว่านี้แล้ว ขนาดนี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ใน่สามปีข้างหน้า เราแค่รักษาผลงานของมันไว้ให้มั่นคงก็พอ ใน่ไม่กี่ปีมานี้ เราก้าวเดินเร็วเกินไป รากฐานยังไม่แข็งแรง นี่คือจุดอ่อนของเรา แต่ในขณะเดียวกันก็เป็ข้อได้เปรียบด้วย เพราะเรายังมีเวลาอีกสามปีในการทำสิ่งนี้"
หมี่หลันเยว่ไม่รู้ว่าเธอพูดชัดเจนพอหรือเปล่า เธอรู้สึกตื่นเต้นมากเกินไป ใช่แล้ว เธอกำลังจะเข้าใกล้เป้าหมายของเธอมากขึ้นไปอีกก้าว ความปรารถนาที่ทำไม่สำเร็จในชาติที่แล้ว ในชาตินี้เธอจะพยายามทำให้มันเป็จริง เธอจะเดินออกจากเมืองเล็กๆ ไปสู่พื้นที่ที่กว้างใหญ่กว่า ไปดูโลกภายนอก
การย่ำอยู่กับที่ จะไม่มีวันพัฒนาไปได้ไกล ถ้าเธอยังคงเป็คนใจแคบเหมือนในชาติที่แล้ว ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คงทำได้แค่เฝ้ารออยู่ในเมืองเล็กๆ อย่างซวงเฉิง แล้วหลงระเริงในความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ เ่าั้ ไม่เดินออกไป ก็จะไม่มีวันรู้ว่าโลกภายนอกนั้นกว้างใหญ่แค่ไหน
"หลันเยว่ พี่รู้ความฝันของเธอนะ พี่จะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ เมืองซวงเฉิงมันเล็กเกินไป มันยังไม่พอสำหรับความฝันของพวกเราได้ งั้นเราก็เดินออกไป ไปให้ไกลกว่าเดิมอีก ให้โลกอนาคตอยู่ใกล้พวกเรามากขึ้น"
หมี่หลันหยางเดินเข้าไปใกล้กับน้องสาว ดวงตาของเขาแสดงออกถึงความแน่วแน่
"ฉันก็เหมือนกัน ฉันไม่เคยรู้เลยว่าการมีความฝันมันเป็สิ่งที่วิเศษขนาดนี้ ั้แ่รู้จักพวกนาย การก้าวเดินของฉันก็มั่นคงขึ้น เส้นทางข้างหน้าของฉันก็ราบรื่นขึ้น ทั้งหมดนี้มาจากความช่วยเหลือของพวกนาย ฉันจะก้าวตามพวกนายต่อไป หวังว่าในวันที่ความฝันเป็จริง ฉันจะได้อยู่กับพวกนาย"
คำพูดของหนิวเถียจู้ทำให้ทุกคนซาบซึ้งใจ เฉียนหย่งจิ้นโอบไหล่เขา
"พวกเราไม่ได้ช่วยอะไรนายเลย นี่เป็ผลจากการพยายามของนายเองทั้งนั้น ต่อจากนี้ไป มาพยายามด้วยกันเถอะ อนาคตไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อม"
ดวงตาของหลินเผิงเฟยเป็ประกายขึ้นมา
"หลันเยว่ ฉันเข้าใจแล้ว ใน่สามปีต่อจากนี้ พวกเราจะเน้นไปที่การวางรากฐาน สร้างความพร้อม ทำให้พื้นฐานของกิจการแข็งแกร่งขึ้น ทำให้พื้นฐานของการเรียนแข็งแกร่งขึ้น สรุปแล้ว สามปีนี้คือสามปีที่เรากัดฟันสู้ทน หลังจากสามปี พวกเราจะมุ่งสู่อนาคต"
