การจับฉลากรอบนี้สิ้นสุดลงแล้ว ทุกคนต่างส่งฉลากที่ตนจับได้ไปให้ผู้ดูแล เพื่อผลัดกันต่อสู้ตามลำดับ
“รอบนี้ตู๋กูหลง นี่จ้านเทียน และเฉินอ้าวเทียนต้องสู้ด้วยหรือ? สามอันดับแรกเป็ของพวกเขาแล้ว ใครเล่าจะสู้ได้?”
ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวด้วยความมั่นใจ คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย ตู๋กูหลง นี่จ้านเทียน และเฉินอ้าวเทียนต้องเป็สามคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสิบคน พวกเขาแข็งแกร่งไม่มีทางพ่ายให้ใคร สามารถใช้กำลังของตนเอาชนะอีกฝ่ายได้ทันที และพลังระดับนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นจะเทียบเคียงได้
แต่ถึงผู้คนจะคิดเช่นนี้ การประลองก็ยังต้องทำตามขั้นตอน
จากนั้นตู๋กูหลงเดินเข้าสู่เขตประลอง ดวงตาของเขาฉายแววอย่างโอหัง รอบกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งาา ราวกับว่าเขาคือาาที่ทุกคนต้องสวามิภักดิ์ ณ ที่แห่งนี้
“เลือกหนึ่งในห้าคนที่เ้าจับฉลากได้ นี่เป็ทางเลือกของเ้าเอง” ผู้คุมกฎที่อยู่ริมเวทีกล่าวกับตู๋กูหลง
ตู๋กูหลงตาเผยประกายคมกริบขณะกวาดตามองอีกเก้าคนราวกับกำลังเลือกเหยื่อก็ไม่ปาน ที่นี่คือเวทีของเขา ใครเข้ามาก็ล้วนเหมือนกัน นั่นคือถูกเขากำราบจนแพ้ราบคาบ
ห้าคนที่ตู๋กูหลงจับได้มีดังต่อไปนี้ นักดาบแขนเดียว อวิ๋นเจี๋ย เว่ยจี้ เจียงเผิง และฉินเยียนหราน
สุดท้ายแล้วสายตาของตู๋กูหลงก็ไปหยุดอยู่ที่อวิ๋นเจี๋ย ก่อนกล่าวว่า “เ้า ออกมาซะ!”
อวิ๋นเจี๋ยได้ยินเช่นนั้นก็ตาวาบประกายคมกริบ ก่อนจะเดินไปยังเขตประลอง
“ในฉลากที่อวิ๋นเจี๋ยจับได้ก็มีชื่อเ้าด้วยตู๋กูหลง เ้าสองคนจับได้กันและกัน ดังนั้นจะนับคะแนนในรอบนี้ของพวกเ้า เริ่มได้ ณ บัดนี้!” ผู้คุมกฎกล่าว
ผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างชะงักเล็กน้อย ศึกแรกก็เป็ศึกที่ทั้งสองฝ่ายต่างจับชื่อกันและกันได้อย่างนั้นหรือ?
อวิ๋นเจี๋ยผู้นี้ร้ายลึก ไม่นึกว่าจะจับชื่อตู๋กูหลงได้
“ข้าขอยอมแพ้”
อวิ๋นเจี๋ยเอ่ยปากยอมแพ้โดยไม่รอให้ตู๋กูหลงพูดสิ่งใด พอพูดจบก็เดินออกจากเขตประลองอย่างไม่ลังเล และกลับไปยืนอยู่ที่เดิม
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ตู๋กูหลงประหลาดใจ แต่จากนั้นรอยยิ้มหยันผุดที่ใบหน้าของตู๋กูหลง ก่อนจะออกจากเขตประลอง
“อวิ๋นเจี๋ยคนนี้รู้จักข้อบกพร่องของตนเอง รู้ว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตู๋กูหลง จึงขอยอมแพ้ทันที ตู๋กูหลงก็เลยได้รับชัยชนะโดยปริยายทั้งที่ยังไม่ลงมือด้วยซ้ำ”
ผู้คนคิดในใจ ใครก็ตามที่พบเจอตู๋กูหลงล้วนมีผลลัพธ์เพียงหนึ่งเดียว เช่นเดียวกับอวิ๋นเจี๋ย
“สวะ ข้าจับชื่อเ้าไม่ได้ ถือว่าเ้ารอดตัวไป!”
คนต่อไปคือนี่จ้านเทียน ตอนที่เดินไปยังเขตประลอง เขาเหลือบไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นเยียบพลางพึมพำกับตัวเอง
เย่เฟิงรับรู้ได้ถึงสายตาเย็นเยียบของนี่จ้านเทียน ก่อนจะเผยสีหน้าเ็า บุญคุณความแค้นระหว่างเขากับคนเหล่านี้จะต้องจบในเวทีประลองแห่งนี้
คู่ต่อสู้ 5 คนที่นี่จ้านเทียนจับชื่อได้มีดังต่อไปนี้ เจียงเผิง จงเทา เฉินอ้าวเทียน อวิ๋นเจี๋ย และฉินเยียนหราน
คนที่นี่จ้านเทียนเลือกในรอบแรกคือเจียงเผิง ซึ่งอีกฝ่ายขอยอมแพ้เหมือนอวิ๋นเจี๋ย เขาหามีความมั่นใจไม่ในการต่อสู้กับนี่จ้านเทียน
ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างทอดถอนใจ ผู้ฝึกยุทธ์อย่างตู๋กูหลงหรือนี่จ้านเทียน ไม่ว่าถูกผูกมัดด้วยกฎใดก็ล้วนแข็งแกร่งเยี่ยงนี้
ดวงตาของเฉินอ้าวเทียนทอประกายคมกริบ เขาชำเลืองมองเย่เฟิงแวบหนึ่ง ก่อนจะคิดในใจว่า “ปล่อยสวะนี่ไปก่อน แต่อีกเดี๋ยวข้าจะมาจัดการเ้าด้วยมือข้าเอง”
จากนั้นเฉินอ้าวเทียนเข้าสู่เขตประลอง และคู่ต่อสู้ของเขาก็คือจงเทา
แม้จะรู้ว่าเฉินอ้าวเทียนทรงพลัง แต่จงเทาไม่อยากยอมแพ้ง่าย ๆ จึงเลือกที่จะสู้กับเฉินอ้าวเทียน
จงเทาคือผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 6 ในรายนามขั้นรวมชี่ อยู่ระดับขั้นรวมชี่ที่ 5 พลังแกร่งกล้าอย่างไม่มีข้อกังขาใด ๆ เมื่อเขาะเิการโจมตี มันก็แฝงไปด้วยกลิ่นอายอันชั่วร้าย
อาศัยดาบอ่อน วิชาดาบอันแม่นยำ รวมทั้งิญญาาอสรพิษบุปผา เพียงพริบตาก็สู้กับเฉินอ้าวเทียนได้อย่างสูสี
อย่างไรก็ตามตอนที่เฉินอ้าวเทียนปลดปล่อยิญญาากิเลนขั้นเขียวของตน สถานการณ์ก็ได้เอนเอียงไปทางเฉินอ้าวเทียน นั่นเพราะว่าิญญาากิเลนขั้นเขียวทรงพลังมากเกินไป
กิเลนคือสัตว์เทพโบราณ มีพลังสูงสุด แม้จะเป็ิญญาาที่เกิดจากเสี้ยวจิตสำนึกของกิเลน แต่ก็ทรงพลังอย่างมาก ยิ่งกว่านั้นระดับิญญาาก็ยังอยู่ขั้นเขียว จึงไม่ใช่สิ่งที่ิญญาาอสรพิษบุปผาของจงเทาจะทัดเทียมได้
“ตูม!”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว นาทีต่อมาผู้คนเห็นิญญาาอสรพิษบุปผาของจงเทาถูกิญญาากิเลนของจงเทาโจมตีจนสลายไป ทำให้จงเทาถูกซัดกระเด็นและเืไหลออกมุมปาก
“ข้าแพ้แล้ว!”
เสียงไม่เต็มใจดังออกจากปากของจงเทา เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินอ้าวเทียน จึงทำได้เพียงยอมรับความจริง
“แกร่งมาก เฉินอ้าวเทียนสมกับเป็อัจฉริยะแห่งเมืองหลวง ิญญาากิเลนขั้นเขียวน่ากลัวจริง ๆ!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างต้องใจเต้นระส่ำ
จงเทาและเฉินอ้าวเทียนต่างเป็อัจฉริยะที่หาพบได้ยากในสำนักยุทธ์ แต่อัจฉริยะก็มีทั้งแกร่งและอ่อน ส่วนจงเทาอยู่คนละชั้นกับเฉินอ้าวเทียนอย่างเห็นได้ชัด
ขณะนั้นเว่ยจี้เดินขึ้นเวทีประลอง ในบรรดาห้าคนที่เขาจับฉลากได้ เขาคิดว่าเจียงเผิงคือคนที่อ่อนแอที่สุด
ตอนที่เจียงเผิงสู้กับนี่จ้านเทียน ก็ยังเอ่ยปากยอมแพ้ตรง ๆ แต่ว่าในใจของเจียงเผิง เว่ยจี้ถือว่าด้อยกว่านี่จ้านเทียน
ดังนั้นเจียงเผิงจึงไม่เอ่ยปากยอมแพ้ แต่เลือกที่จะสู้กับเว่ยจี้
“เ้าจะต้องชดใช้กับสิ่งที่เ้าเลือก!”
เว่ยจี้กล่าวเสียงเย็น ตอนเผชิญหน้ากับเขาและนี่จ้านเทียน เจียงเผิงผู้นี้เลือกทางเลือกที่แตกต่างออกไป เห็นชัดว่าไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา เขาเว่ยจี้ก็ย่อมไม่ชอบใจ
จากนั้นเว่ยจี้ปลดปล่อยการโจมตีอย่างไม่ลังเล พร้อมกับกระโจนไปหาเจียงเผิง
สุดท้ายแล้วเว่ยจี้เป็ฝ่ายชนะ ผลลัพธ์เช่นนี้ไม่เกินความคาดหมาย แม้ระดับการบ่มเพาะของเจียงเผิงจะไม่ถือว่าต่ำต้อย แต่พร์กลับธรรมดามาก สาเหตุที่เขาเดินมาถึงจุดนี้ได้ นั่นเพราะอาศัยโชคเป็ส่วนใหญ่
จบไปแล้วสี่ศึก เหล่าผู้คนต่างเงียบงันในบรรยากาศตึงเครียด ศึกจัดอันดับแตกต่างจากศึกก่อนหน้านี้มาก ทุกศึกล้วนสำคัญ เพราะเกี่ยวพันถึงอันดับสุดท้ายของพวกเขา
หนึ่งชั่วยามต่อมา การประลองดำเนินไปอีกหลายสนาม
จงเทา เจียงเผิง นักดาบแขนเดียว และฉินเยียนหรานทยอยจบศึกจับฉลากรอบแรกของตนเอง
อย่างไรก็ตามมีสองศึกในนี้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนเป็พิเศษ ศึกแรกคือจงเทาปะทะกับฉินเยียนหราน ฉินเยียนหรานอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 2 ส่วนจงเทาอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 5 ช่องว่างระหว่างทั้งสองจึงห่างกันมากโข
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ส่งผลกระทบต่อศึกนี้ ิญญาาหงส์แดงของฉินเยียนหรานผสานกับฝ่ามือหงส์แดงของนาง จึงทรงอานุภาพขึ้นหลายเท่า ฝีมือถือว่าไม่ด้อยไปกว่าจงเทาแม้แต่นิดเดียว
เื่นี้ทำให้จงเทามีสีหน้าย่ำแย่ เขาคือผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 6 ในรายนามขั้นรวมชี่ ระดับการบ่มเพาะยังสูงกว่าฉินเยียนหรานหลายระดับ แต่กลับกำราบอีกฝ่ายในทันทีไม่ได้ ช่างขายหน้ายิ่งนัก
ภายใต้สถานการณ์กดดันจากความแข็งแกร่งเกินตัวของฉินเยียนหราน จงเทาจำต้องเผยไพ่ตายทั้งหมดจนผลาญพลังไปมาก กระทั่งบีบฉินเยียนหรานให้ออกจากเขตประลองและคว้าชัยชนะมาได้ในที่สุด
ดังนั้นแม้จงเทาจะได้รับชัยชนะจากศึกนี้ แต่กลับทำให้ผู้คนดูแคลน พวกเขาดูออกว่า หากฉินเยียนหรานมีระดับการบ่มเพาะสูงกว่านี้ นางเอาชนะจงเทาได้อย่างแน่นอน ส่วนที่จงเทาเป็ฝ่ายชนะก็เพราะได้เปรียบเื่ระดับการบ่มเพาะ
นอกจากศึกนี้แล้ว ศึกของนักดาบแขนเดียวกับเจียงเผิงก็น่าทึ่งไม่แพ้กัน นักดาบแขนเดียวอยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 2 เขาสามารถเอาชนะเจียงเผิงที่อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 6 ซึ่งข้ามขั้นได้ถึงสี่ระดับภายในหนึ่งดาบ พลังต่อสู้เช่นนี้ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
ดังนั้นหลังจากจบศึกนี้ ความคิดของเหล่าผู้คนที่มีต่อนักดาบแขนเดียวก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง กระทั่งคาดการณ์ว่านักดาบแขนเดียวจะสามารถเข้าหกอันดับแรกในงานประลองครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน