Chapter thirty-five: The night
สุดท้ายไซม่อน เจซ และแพทริเซียก็ต้องมานั่งนิ่งอยู่ที่ห้องรับรองของคุณลอร่าจนได้ หากจะให้เปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในชีวิตที่เคยทำให้เขารู้สึกเกรงกลัวมากขนาดนี้ ก็คงเป็ครั้งที่เขาต้องเข้าไปในห้องปกครองนั่นแหละ ความรู้สึกมันไม่ต่างกันเลยสักนิด ฝ่ามือของเราทั้งสามคนต่างถูกกอบกุมอยู่บนตักของตัวเอง ยังดีหน่อยที่คุณลอร่ายังยอมให้เ้าขนปุยตัวโตอย่างแซมมี่เข้ามานั่งคลายความคิดถึงที่มีต่อเ้าของของมัน เ้าแซมมี่ที่ไม่ได้เจอเ้าของหลายวันก็ยังคงเอาแตส่งเสียงครางหงิงพร้อมถูไถหัวของมันไปมากับเข่าของไซม่อนอยู่อย่างนั้น แต่กลับไร้ซึ่งปฏิกิริยาโต้ตอบจากคนที่กำลังนั่งนิ่งอยู่
เขาคงจะรู้สึกแย่กับคำพูดของคุณมาร์คัสมากแน่ ๆ
แพทริเซียตัดสินใจเอื้อมมือไปลูบที่หัวของเ้าแซมมี่อย่างแ่เบาก่อนจะเอื้อมมือไปแตะค้างไว้บนฝ่ามือหนาที่กำลังจับมือตัวเองไว้แน่น ไซม่อนชำเลืองมามองเขาเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มฝืน ๆ ที่ดูไม่เป็ตัวเขาเลยสักนิด หากในห้องนี้มีเพียงแค่เขาสองคน แพทริเซียสาบานได้เลยว่าเขาจะกอดอีกฝ่ายไม่ให้ขยับไปไหนได้เลย แต่ตอนนี้เขาก็ทำได้เพียงแค่นั่งถอนหายใจใกล้ ๆ กันเพียงเท่านั้นแหละ ถึงแม้เขาจะไม่ได้สนใจเท่าไหร่นักว่าสิ่งที่เขาต้องเจอหลังจากนี้จะมีอะไรบ้าง เพราะในความคิดของเขาก็มีเพียงแค่เื่ของไซม่อนตลอด หากว่าอีกฝ่ายไม่ได้โดนทำโทษอะไรหนักนั่นก็ทำให้เขาโล่งใจได้อยู่แล้วละ แต่พอได้คิดถึงเื่การฝึกสอนที่อาจจะล้มเหลวไม่เป็ท่าและการต้องหาเหตุผลไปตอบคำถามทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และอาจารย์ที่คณะก็ทำเขาต้องแอบนั่งกลุ้มใจอยู่อย่างนี้
และเขาก็คงเสียดายไม่น้อยที่จะไม่ได้เห็นไซม่อนในวันพิธี
เพียงคิดภาพว่าจะไม่ได้นั่งมองอีกฝ่ายสง่างามในวันนั้นก็ทำให้เขารู้สึกใจโหวงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เขารู้อยู่แล้วละว่ายังไงสิ่งที่ไซม่อนทำก็ไม่มีทางกระทบกับฐานะทายาทคนเดียวของควินท์เรลได้หรอก แต่ยังไงคุณลอร่าก็ต้องมีวิธีลงโทษหลานชายคนเดียวของท่านอยู่แล้ว ยังไม่ทันที่แพทริเซียจะคิดถึงวิธีการที่คุณหญิงลอร่าจะใช้กับไซม่อน เสียงส้นสูงกระทบกับพื้นก็ดังเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จนทำให้แพทริเซียเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
เพิ่งได้เข้าใจคำว่าเสียวสันหลังวาบก็วันนี้นั่นแหละ
“เจซ” คุณลอร่าเอ่ยเรียกอัลฟ่าตาสองสีที่เงยหน้าและขานรับทันที
“ครับคุณย่า”
“ฉันจะไม่บอกเื่นี้กับแมคคอยด์ แต่ตอนนี้เธอต้องกลับไปก่อน”
“แต่ผมก็มีส่วนผิดนะครับ ขอให้ผมได้อยู่รับผิดกับเพื่อนของผม.. ได้ไหมครับ?” เจซเอ่ยถามคุณลอร่าเสียงแ่พร้อมชำเลืองมองมาที่เขาและไซม่อน
“ฉันเป็คนตัดสินใจเองว่าใครเป็คนผิด ถ้าหากอยากรับผิดนัก.. สิ่งเดียวที่ต้องทำคือกลับไปที่คฤหาสน์ของตัวเองและใช้วันหยุดปีใหม่ทบทวนความผิดของตัวเองให้ดี”
“..”
“เข้าใจหรือยัง?”
“ครับ”
“เดี๋ยวฉันจะส่งของขวัญไปให้คุณย่ากับครอบครัวเธออีกที, Merry Christmas ล่วงหน้า”
“เช่นกันครับคุณย่า”
“เชิญ”
หญิงสูงอายุผายมือไปทางประตูทำให้คนที่พยายามจะเอ่ยทักท้วงอะไรขึ้นมาแบบเจซต้องสงบปากสงบคำและหันมาพยักหน้าให้พวกเขาแทนการบอกลา ร่างสูงโปร่งก้าวเดินออกจากห้องรับรองโดยที่มีสาวรับใช้สองสามคนมารับตามธรรมเนียมของคฤหาสน์ควินท์เรล ถึงแม้จะมีความผิดแค่ไหนแต่สุดท้ายยังไงเจซก็ยังเป็แขกคนสำคัญอยู่ดี และคุณลอร่าก็ยังคงปฏิบัติกับเขาเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน
ทันทีที่ประตูไม้บานใหญ่ถูกปิดลง ห้องรับรองกว้างใหญ่ของคุณหญิงของบ้านก็เงียบจนคนที่นั่งอยู่ต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเพราะความเกรงกลัว คุณลอร่ายังไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมาและนั่นก็เป็สัญญาณที่คอยบอกเขาและไซม่อนว่าห้ามพูดอะไรขึ้นมาถ้าคุณลอร่ายังไม่ได้เริ่มก่อน เสียงย่ำของส้นสูงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณจนขนกายลุกอย่างห้ามไม่ได้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลังจากนี้คุณลอร่าจะพูดอะไรเพราะการกระทำทุกอย่างในตอนนี้ไม่สามารถทำให้เขาคาดเดาอะไรได้สักนิด
คุณลอร่าเป็คนที่อ่านยากแม้กระทั่งสีหน้าเหมือนที่เขาเคยอ่านมาเลย
เพราะเขาไม่ค่อยได้พูดคุยอะไรกับคุณหญิงเท่าไหร่นัก จะมีก็เพียงแค่วันแรกเท่านั้นแหละที่อีกฝ่ายยังแสดงท่าทีใจดีให้เขาเห็นอยู่บ้าง เขาจึงไม่ได้รู้สึกเกร็งหรือกลัวอะไรหญิงสูงอายุตรงหน้าเลยสักนิด แต่พอเป็เื่ที่เกี่ยวกับไซม่อน เขาก็พอจะเข้าใจอยู่นั่นแหละว่าสิ่งที่ทำลงไปมันอันตรายกับอีกฝ่ายมากจริง ๆ ในตอนแรกเขายอมรับว่าที่ยอมให้อีกฝ่ายหลบออกไปนอกคฤหาสน์นั้น เขาคิดเพียงแค่อยากให้อีกฝ่ายได้ััโลกกว้างบ้างแค่นั้นแต่พอได้เห็นว่ามีกลุ่มคนที่ขนาดเจซยังคิดว่าเป็บ้านอีแวนส์มาคอยตามเฝ้าแบบนั้น แพทริเซียก็ได้ตกตะกอนความคิดของตัวเองแล้วว่าเขาไม่รอบคอบและคิดน้อยมากเกินไปจริง ๆ
“คุณมอร์แกน”
“ค ครับ” แพทริเซียสะดุ้งจากภวังค์ทันทีที่คุณลอร่ามายืนกอดอกตรงหน้าและเอ่ยเรียกชื่อเขาด้วยเสียงเรียบนิ่ง
ไร้ซึ่งอารมณ์หงุดหงิด ไร้ซึ่งน้ำเสียงตะคอก
แต่ทำไมกลับดูนิ่งเฉยจนน่าขนลุกได้ขนาดนี้
นี่สินะ คุณหญิงแห่งบ้านควินท์เรล
“ตอนออกไปข้างนอก พาไซม่อนไปที่ไหนมาบ้าง?”
“นอกจากแวะในดาวน์ทาวน์ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปที่อื่นเลยนอกจากที่บ้านของผมครับ”
“ที่บ้าน?”
“ครับ”
“อยู่ด้วยกันสองต่อสอง?”
“ครับ อยู่ด้วยกันสองคน.. แต่ระหว่างผมกับคุณไซม่อนไม่มีอะไรเกินเลยครับคุณลอร่า”
“แล้วเธอคิดอะไรกับไซม่อนล่ะ ทำไมถึงยอมให้ไปที่บ้านอย่างนั้น?”
“..”
“ฉันถาม” เสียงของคุณลอร่าถามย้ำจนโอเมก้าตัวขาวสะดุ้ง
“ไม่.. ไม่ได้คิดอะไรครับ แค่คุณครูฝึกสอนกับนักเรียนเท่านั้น”
แพทริเซียเอ่ยโกหกคำโตไปพร้อมความรู้สึกที่เหมือนกลืนเข็มเป็พันเล่มยังไงอย่างนั้น ทั้งที่ความรู้สึกของเขาที่มีกับไซม่อนมันเอ่อล้นจนแทบจะเก็บซ่อนไม่อยู่ และเขาเชื่อว่าอีกฝ่ายก็คงคิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ถ้าหากคุณลอร่ายิ่งรู้เื่เขากับไซม่อน มีหวังไซม่อนอาจจะโดนทำโทษหนักและเขาเองก็คงไม่ต่างกัน หากคำโกหกเหล่านี้มันจะพอทำให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตต่อร่วมกันไปอีกพักนึง ให้มันได้ต่อเวลาที่เขาจะได้อยู่ฝึกสอนให้สำเร็จ ให้ไซม่อนได้เรียนรู้ทุกอย่างที่เขาตั้งใจทำ
และให้เราได้อยู่ด้วยกันต่ออีกสักหน่อย
แพทริเซียก็ยินดีที่จะโกหกออกไปทั้งที่คำโกหกเ่าั้มันทำร้ายพวกเขาเหลือกัน
ความรู้สึกวูบโหวงใจคืบคลานเข้ามาทันทีเมื่อแพทริเซียรู้สึกถึงสายตาของคนข้างกายที่กำลังมองกันอยู่ เขาไม่อยากหันไปมองด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายจะมองเขาด้วยสายตาแบบไหน แต่อย่างน้อยก็ขอภาวนาให้อีกฝ่ายได้รับรู้เถอะว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปมันเป็คำโกหกทั้งหมด และสิ่งที่เขาได้พร่ำบอกและแสดงกับไซม่อนตลอดเวลานั้นคือความจริง
“ดีแล้วละ”
“ครับ”
“ฉันไม่ได้จะลงโทษอะไรเธอนักหรอก แต่อย่างน้อยมันก็ต้องมีบทลงโทษบ้างน่ะ จริงไหมคุณมอร์แกน?”
“ผมยินดีโดนลงโทษครับ ถ้าหากคุณหญิงให้ผมได้รับผิดในส่วนของคุณไซม่-”
“ไม่มีใครสามารถรับผิดแทนใครได้หรอก ทุกคนมีบทลงโทษของตัวเอง”
“..” แพทริเซีบเงียบทันทีที่คุณหญิงลอร่าเอ่ยแทรกขึ้นมา
“กลับไปที่ห้องของตัวเองซะ ฉันอนุญาตให้เธอลงมาได้เฉพาะวันคริสมาสต์เท่านั้น เธอคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าหากฉันไม่ให้เธอกลับบ้านในวันปีใหม่เพราะเหมือนเธอจะใช้สิทธิ์นั้นพาหลานฉันกลับไปแล้ว”
“ครับ ผมจะอยู่ที่นี่”
“เตรียมการสอนให้พร้อมซะ อีกสามสัปดาห์มาซ้อมใหญ่ให้ฉันดู”
“ครับ”
“ตอนนี้ เชิญ ฉันจะคุยอะไรกับหลานชายฉันหน่อย”
“ขอบคุณครับคุณลอร่า”
แพทริเซียเม้มปากเข้าหากันแน่นก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงและก้มหัวให้หญิงสูงวัยตรงหน้าด้วยความเคารพ และถึงแม้เขาอยากจะหันไปมองคนที่เคยนั่งอยู่ข้างกันมากแค่ไหน แต่ในตอนนี้เขาก็ไม่สามารถทำใจแม้แต่จะชำเลืองมองได้เลยสักนิด เพราะคำโกหกคำโตที่เขาได้เอ่ยออกไปนั้นมันไม่ได้ทำร้ายเพียงแค่ความรู้สึกของไซม่อนหรอก แต่กับเขาที่จำเป็ต้องเอ่ยมันออกไปกลับยิ่งรู้สึกหนักใจซะจนการจะก้าวออกไปจากห้องนี้ทั้งที่ยังห่วงอีกฝ่ายอยู่นั้นมันยากซะเหลือเกิน แต่สุดท้ายเขาก็ต้องจำใจเดินออกมาทั้งที่ในใจยังคงหวังว่าอีกฝ่ายจะไม่โกรธในสิ่งที่เขาพูดออกไปมากนักนั่นแหละ
- Simon’s theory -
และสุดท้ายก็เป็แพทริเซียนั่นแหละที่พยายามข่มตาหลับแค่ไหนก็ไม่สามารถหลับได้ลงเหมือนอย่างที่ตั้งใจไว้ ทั้งที่วันนี้เป็วันที่เขาเหนื่อยทั้งกายและใจจนแทบจะหมดแรงไปแล้วด้วยซ้ำ แต่เพราะอาการกระสับกระส่ายที่มันยังคงอยู่ตลอดทำให้เขาต้องนอนพลิกตัวกลับไปมาอยู่อย่างนี้มาร่วมชั่วโมงแล้ว เขาไม่รู้หรอกว่าเหตุผลมันเป็เพราะอะไร แต่ดวงตากลมโตที่เอาแต่จ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ไม่มีแจ้งเตือนเข้าขึ้นมาสักข้อความก็เป็อีกหนึ่งเหตุผลนั่นแหละที่ทำให้เขานอนไม่หลับแบบนี้
เขาขาดการติดต่อจากไซม่อนแทบจะทั้งวัน
ทั้งที่ห้องนอนของเราทั้งคู่ก็อยู่ชั้นเดียวกันและมันก็ไม่ได้ไกลมากนักในการที่จะเดินไปมาหาสู่กันเหมือนอย่างเคย เว้นแต่อีกฝ่ายจะถูกกักบริเวณเหมือนกันนั่นแหละที่เป็ปัญหา หรืออาจจะเป็เพราะไซม่อนยังคงโกรธที่เขาพูดแบบนั้นออกไปเมื่อกลางวัน แพทริเซียคิดแล้วก็ได้แต่ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองด้วยความหงุดหงิด หากเขาไม่ได้สนใจอะไรนอกจากตัวเองก็คงโพล่งออกไปแล้วว่าเราทั้งคู่รู้สึกต่อกันมากแค่ไหน แต่เพราะเขายังสนใจสิ่งที่เราทั้งคู่จะต้องเจอนั่นน่ะสิจึงทำให้เขาต้องเอาแต่นอนกลุ้มอยู่แบบนี้
“เฮ้อ แบบนี้มันน่าหงุดหงิดจัง” แพทริเซีบพึมพำกับตัวเองก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ผุดซึมตามไรผมสีอ่อนอย่างไม่สบอารมณ์นัก ทั้งที่ในวันนี้อากาศข้างนอกนั้นเย็นจัดซะจนเขาคิดว่าจะต้องจมอยู่ในผ้าห่มสบาย ๆ ได้ทั้งคืน แต่ในตอนนี้กายขาวกลับรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เหมือนกับจะเป็ไข้ขึ้นมาซะอย่างนั้น
โอเมก้าตัวขาวลุกขึ้นนั่งบนเตียงก่อนจะถอนหายใจออกมายาว ๆ ฝ่ามือขาวเอื้อมควานหายาลดไข้ที่เขามักจะตั้งไว้บนหัวเตียงก็กลับไม่พบวี่แวว เพราะอย่างนั้นคนที่ไม่อยากจะลุกจากเตียงเลยสักนิดเลยต้องจำใจก้าวลงไปเหยียบที่พื้นเย็นเฉียบนั้น แต่ยังไม่ทันที่แพทริเซียจะได้ก้าวเดิน จู่ ๆ อาการเสียดท้องก็เป็ขึ้นมาอย่างฉับพลันจนเขาต้องทรุดลงไปนั่งที่ข้างเตียงใหญ่ กายขาวกระตุกเมื่อขยับตัวแล้วน้ำขุ่นฉ่ำค่อย ๆ ผุดซึมแทรกที่ช่องทางด้านหลังอย่างห้ามไม่ได้ อาการที่เขามักจะต้องพบเจออยู่เป็ประจำในทุกเดือนได้หมุนเวียนกลับมาทบรอบของมันอีกครั้งหนึ่งแล้ว
ใช่ เขาฮีท
โดยปกติแล้ว เขามักจะมีอาการอื่น ๆ ที่คอยเตือนให้รู้ตัวอยู่ตลอด และเมื่อนับดูดี ๆ นี่มันยังไม่ใกล้วันที่เขาควรจะมีอาการเลยด้วยซ้ำ ริมฝีปากสวยอ้าปากกอบโกยอากาศเข้าหายใจให้สุดปอดหวังจะบรรเทาอาการที่แสนปั่นป่วนและรุ่มร้อนอยู่ภายในอกได้บ้าง ฝ่ามือขาวเอื้อมเปิดลิ้นชักหายาระงับฮีทที่คุณหมอเคยได้ให้ไว้ แต่เหมือนโชคชะตากำลังเล่นตลก ยาที่มักจะมีติดตัวอยู่ตลอดกลับหมดในวันที่เขา้ามันจริง ๆ โอเมก้าตัวขาวพยุงสองขาเรียวที่กำลังสั่นเทาให้ลุกขึ้นด้วยอาการที่ไม่สู้ดีนัก ช่องทางด้านหลังที่กำลังขยายออกมันรุ่มร้อนซะจนเขารู้สึกเหมือนต้องมีอะไรเข้าไปเติมเต็มมัน
ไม่เหมือนกับที่เขาเคยเป็เลยสักนิด
อาการเหล่านี้มันรุนแรงมากกว่าที่เขาเคยเป็เป็ไหน ๆ
ดวงตาฉ่ำน้ำกะพริบไล่น้ำตาที่คลออยู่เต็มหน่วยด้วยความอึดอัด กลิ่นฟีโรโมนหอมฟุ้งของโอเมก้าตัวขาวแผ่กระจายไปทั่วจนเ้าตัวต้องกัดริมฝีปากไว้แน่น จากระยะทางของเตียงกับประตูหน้าห้องที่ไม่ได้ห่างกันเท่าไหร่นัก ในตอนนี้มันกลับดูห่างไกลเหลือเกิน กว่าแพทริเซียจะพาตัวเองไปที่ประตูห้องได้ก็ใช้เวลาครู่นึงจนเขาต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ และทันทีที่ฝ่ามือขาวเอื้อมเปิดประตูออก แพทริเซียก็ใจนเกือบจะล้มลงเพราะอัลฟ่าตัวใหญ่ที่แทรกเข้ามาในห้องอย่างไม่ทันตั้งตัว
“แพท?”
“อย่า อย่ามอง”
แพทริเซียเอื้อมมือปิดเสื้อนอนที่หลุดรุ่ยของตัวเองด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ เขาไม่้าให้ไซม่อนได้เห็นสภาพตัวเองในตอนนี้เลยสักนิด และเขาก็เชื่อว่าไม่มีโอเมก้าคนไหนอยากให้อัลฟ่าที่ตัวเองชอบเห็นตัวเองในตอนนี้ที่กำลังฮีทอย่างหมดสภาพแบบนี้หรอก เพียงแค่คิด ความรู้สึกจุกที่อกก็ตีตื้นขึ้นมาจนฝ่ามือขาวต้องขยำเสื้อนอนของตัวเองไว้แน่น น้ำตาที่เคยคลออยู่ก็ไหลอาบลงมาข้างแก้มทันทีที่อัลฟ่าตรงหน้าค่อย ๆ นั่งลงและขยับเข้ามาใกล้
“อย่ามองเราไซม่อน เราขอร้อง”
“ไปที่เตียง”
“ไม่ไหว”
“เราจะหายาให้คุณกิน ไม่ต้องกลัวนะ”
“..”
“เราจะไม่ทำอะไรคุณ” ทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ เ้าของวงแขนแกร่งก็สอดแขนเข้ามาช้อนเข้าที่ข้อพับขาและอุ้มโอเมก้าตัวขาวขึ้นแนบอกได้อย่างง่ายดาย เสียงลมหายใจที่ผ่อนหนักของไซม่อนมาพร้อมกับกลิ่นไม้สนที่เขาชอบ จากที่เคยได้กลิ่นแล้วรู้สึกปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา ในตอนนี้มันกลับรู้สึกไม่เหมือนเดิมซะอย่างนั้น ปลายจมูกสวยกดซุกลงไปที่อกกว้างอย่างห้ามตัวไม่ได้จนคนที่กำลังอุ้มเขาอยู่กัดฟันแน่นจนสันกรามนูนชัดขึ้น ขายาวก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงเตียงกว้างที่ตั้งอยู่กลางห้อง เขาบรรจงวางคนตัวเล็กในอ้อมกอดลงบนเตียงพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบผ้ามาซับเม็ดเหงื่อที่ผุดอยู่ตามกรอบหน้าเนียน
“ไหวไหม? ยาคุณอยู่ไหน?”
“หมด มันหมดแล้ว.. ไซม่อน เราไม่ไหว”
“ใจเย็นก่อนนะคนดี หายใจเข้าลึก ๆ”
“เราทรมาน เราทนไม่ไหว” เ้าของใบหน้าหวานกระสับกระส่ายพูดไม่เป็คำจนไซม่อนต้องหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างเล็กที่กำลังเผยผิวขาวเนียนให้เขาเห็นทั้งที่เ้าตัวไม่ได้ตั้งใจ อัลฟ่าหนุ่มถอนหายใจยาวออกมาเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า สัญชาตญาณที่ถูกข่มไว้พร้อมกับอารมณ์ดิบที่เขากำลังอดกลั้นให้มันไม่หลุดออกมาจนพลั้งเผลอทำร้ายคนตรงหน้านั้นมันช่างยากลำบากสำหรับไซม่อนเหลือเกิน
เสียงหอบหายใจพร้อมริมฝีปากสีแดงที่เผยออยู่ตลอด
กลิ่นหอมหวานที่คอยลอยเข้ามาปะทะจมูกทุกครั้งที่ก้มไปใกล้
หากนี่เป็บททดสอบจากพระเ้า ไซม่อนก็คงคิดว่าพระเ้าเกลียดเขาจริง ๆ
“ไซม่อน”
และเหมือนว่าพระเ้าจะเกลียดเขาอย่างที่คิดนั่นแหละ
“ได้โปรด ช่วยเราหน่อยได้ไหม..”
เสียงหวานเอ่ยร้องขอพร้อมกับดวงตาที่ฉ่ำน้ำทำอัลฟ่าหนุ่มลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ถึงแม้ว่าเขาจะอยากทำตามสัญชาตญาณมากแค่ไหนก็เถอะ แต่ในตอนนี้แพทริเซียนั้นไม่ได้มีสติเลยสักนิดและมันคงไม่ดีนักถ้าหากเขาคิดจะฉกฉวยโอกาสนี้จากอีกคน ไซม่อนแกะมือขาวของอีกคนออกจากแขนของตัวเองด้วยความอดทน แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักเพราะริมฝีปากสวยที่กดจูบลงบนสันกรามของเขาพร้อมพร่ำร้องขออยู่อย่างนั้น
“ได้โปรดเถอะ”
“..”
“นะ อ๊ะ..” เสียงหวานขาดหายไปในตอนนี้ไซม่อนก้าวขึ้นไปคร่อมและดันเ้าของเสียงให้นอนราบลงไปกับเตียงนุ่มทันที
ไซม่อนสาบานได้เลยว่าสิ่งที่เขาจะทำในคืนนี้
จะเป็เพียงแค่การช่วยเหลืออีกฝ่ายให้พ้นจากความทรมานเท่านั้น
เขาจะไม่มีทางทำอะไรไปมากกว่าสิ่งที่แพทริเซียร้องขอ
เพราะนี่เป็ครั้งแรกที่เขาทั้งคู่จะได้ทำอะไรที่มันมากกว่าสิ่งที่เคยทำ อัลฟ่าหนุ่มค่อย ๆ ก้มลงไปแตะริมฝีปากสวยเป็เชิงขออนุญาตก่อนริมฝีปากสีสดนั้นจะเผยอรับด้วยความเต็มใจ
เสียงดูดดึงของริมฝีปากของทั้งคู่ก้องดังอยู่ในโสตประสาท เ้าของดวงตาสวยหลับตาพริ้มรับจูบของอัลฟ่าหนุ่มพร้อมเลื่อนมือโอบรอบคอแกร่ง กายขาวถดบดเบียดเข้าหาคนที่คร่อมตัวเองอยู่อย่างเว้าวอน ไม่ว่าตอนนี้ฝ่ามืออุ่นร้อนนั้นจะััที่ตรงไหนก็ทำให้โอเมก้าตัวเล็กนั้นสั่นไปด้วยความกระสันอยากอย่างห้ามไม่ได้
และหากเปรียบกับแพทริเซียที่กำลังร้อนรุ่มเป็ไฟ
ในตอนนี้ไซม่อนก็คงเป็น้ำมัน ที่ไม่ว่าจะแตะต้องไปคราใดไฟก็พร้อมจะลุกโชนขึ้น
จูบร้อนจากไซม่อนกำลังหลอมละลายคนตัวเล็กที่อยู่ใต้ร่างอย่างช้า ๆ หลังจากวนเวียนอยู่ที่ริมฝีปากสวยอยู่นาน อัลฟ่าหนุ่มก็ผละจูบออกปล่อยให้อีกฝ่ายได้กอบโกยอากาศเข้าปอด ปลายจมูกโด่งลากไล้ลงมาตามกรอบหน้าสวยเรียกเสียงครางหวานในลำคอก่อนเขาจะเริ่มกดจูบเน้นย้ำตามคางสวย ไล่ลงไปถึงลำคอขาวพร้อมขบเม้มเบา ๆ
ถึงแม้ใจเขาจะอยากกัดแสดงความเป็เ้าของมากแค่ไหนก็เถอะ
แต่ในตอนนี้เขาก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี
เพราะอย่างนั้นเขาจึงผละริมฝีปากออกจากลำคอขาวอย่างอ้อยอิ่ง ปลายนิ้วเรียวยาวสะกิดกระดุมเสื้อนอนที่แทบจะหลุดจากรังดุมอย่างง่ายดาย เขาค่อย ๆ ปลดมันทีละเม็ดก่อนจะแหวกเสื้อนอนออกเผยให้เห็นผิวขาวเนียนรวมไปถึงยอดอกสีสวยที่กำลังเต่งชูชันล่อตาล่อใจให้คนไปลิ้มลอง ไวกว่าความคิด เ้าของปลายลิ้นร้อนก้มลงสะกิดที่ยอดอกทันทีที่ได้เห็น
“อ๊ะ.. ไซม่อน”
ความชื้นแฉะโจมตียอดอกแข็งตึงทั้งสองข้างสลับกับแรงดูดดึงจนคนที่ถูกกระทำต้องเชิดหน้าพร้อมสูดปากคราง ไซม่อนสูดดมความหอมจากร่างกายอีกฝ่ายย้ำ ๆ แต่ลิ้นร้อนและนิ้วกร้านก็ยังไม่หยุดทำหน้าที่ของมัน
“เรา เราไม่ไหวแล้ว.. ทำ ทำมันให้เราที”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมขาเรียวทั้งสองข้างที่ถูกชันขึ้นและอ้าออกกว้างให้คนที่กำลังคร่อมตัวเองอยู่ได้เห็น ั์ตาคมก้มลงไปมองความเปียกชื้นเป็วงกว้างบนกางเกงนอนของอีกฝ่ายก็ทำให้เขาขบฟันข่มอารมณ์ไว้อย่างยากลำบากทันที แพทริเซียที่นอนใต้ร่างเขาอยู่ตอนนี้ไม่เหมือนกับคนที่เขาได้รู้จักเลยสักนิด แต่ไม่รู้ทำไมไซม่อนถึงชอบอีกฝ่ายในมุมนี้ซะเหลือเกิน
ไร้ซึ่งความเย่อหยิ่ง
มีเพียงแค่เสียงที่อ้อนวอนเขาอยู่อย่างนั้นซ้ำ ๆ
อัลฟ่าหนุ่มแทรกเข้าไประหว่างขาเรียวทันที มือหนาเอื้อมถอดกางเกงนอนของคนใต้ร่างออกจนเผยให้เห็นร่างขาวเนียนที่ไม่มีอะไรปกปิดหลงเหลืออยู่ เขาใช้มือทั้งสองข้างไปสอดประสานกับมือขาวไว้ก่อนจะก้มลงมาประทับริมฝีปากร้อนบนหน้าท้องเนียน ลิ้นชื้นไล้เลียวนรอบสะดือจนคนตัวขาวหดเกร็งหน้าท้องอัตโนมัติ
จนถึงตอนนี้แพทริเซียก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่เป็ครั้งแรกของไซม่อน
“ไซม่อน.. ฮื่อ อย่า มันเสีย- อ๊ะ..”
มือเล็กออกแรงกระชับมือของอัลฟ่าหนุ่มไว้แน่นพร้อมปรือตามองใบหน้าของคนที่กำลังใช้ลิ้นเลียไล้วนไปตามหน้าท้องของเขาอย่างเอาแต่ใจ ดวงตาคมช้อนขึ้นไปสบกับตาคู่สวยที่กำลังเยิ้มฉ่ำน้ำอยู่ก่อนจะลากลิ้นเลียต่ำลงไปถึงส่วนอ่อนไหวที่กำลังสั่นระริกของโอเมก้าตัวขาวตรงหน้าพร้อมกับกดจูบแ่เบาที่ส่วนหัวปริ่มน้ำ
“คุณ.. เรา ม.. ไม่ไหว อื้อ”
เสียงครางหวานดังแทรกขึ้นมาทันทีที่ส่วนปลายถูกัั ลิ้นร้อนชุ่มน้ำลายลากลงมาจนถึงส่วนโคนช้า ๆ ก่อนที่โอเมก้าตัวขาวจะสะดุ้งเฮือกเพราะความอุ่นร้อนที่ส่วนอ่อนไหวของเขาเข้าไปจนสุด ฝ่ามืออุ่นกอบกุมที่ส่วนโคนไว้หลวม ๆ พร้อมกับมืออีกข้างที่ใช้นิ้วโป้งวนนวดตามขาเรียว เ้าของโพรงปากร้อนแกล้งขยับเข้าออกอย่างเนิบนาบ แรงดูดที่ส่วนปลายสลับกับลิ้นที่คอยตวัดเลียเป็ระยะทำเ้าของดวงหน้าหวานสะบัดไปมาก่อนซุกหน้าลงกับหมอนอย่างหาที่ระบายไม่ได้ และทันทีที่ปลายนิ้วกร้านกดแทรกเข้าไปในช่องทางฉ่ำน้ำก็ทำให้แผ่นหลังบางที่เคยนอนราบอยู่บนเตียงนุ่มกำลังแอ่นขึ้นรับความเสียวกระสันที่ส่วนล่างทันที
“ฮ่ะ.. แน่น มันแน่น”
“นี่แค่นิ้วเราเองแพทริเซีย” เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบหลังผละออกจากส่วนกลางของอีกฝ่ายทำแพทริเซียกัดริมฝีปากแน่นด้วยความเขินอาย
“หยุดพูดนะ ห้ามพู- อ๊า!”
เสียงหวีดครางดังขึ้นเมื่อนิ้วเรียวยาวกดเข้าไปจนสุด ไซม่อนเอื้อมมือไปปิดริมฝีปากสวยนั้นไว้ก่อนจะสอดขยับนิ้วเข้าออกอย่างยากลำบาก ถึงแม้ช่องทางของอีกฝ่ายจะฉ่ำไปด้วยน้ำแห่งความกระสันอยากแต่เพราะนี่เป็ครั้งแรกของอีกฝ่ายนั่นแหละมันจึงคับแน่นจนเขาขยับแทบจะไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ปลายนิ้วเรียวควานวนอยู่ในช่องทางคับแคบก่อนกายขาวจะกระตุกเมื่อเขากดย้ำที่จุดกระสันเข้าอย่างจัง
“อ๊ะ.. ไซม่อน อื้อ..”
อัลฟ่าหนุ่มลอบยิ้มได้ใจเมื่อได้ยินเสียงครางจากอีกฝ่ายไม่หยุดปาก ั์ตาคมเลื่อนสำรวจมองความสวยของเรือนร่างของคนใต้ร่างพร้อมกับสอดนิ้วของตัวเองเพิ่มเข้าไปเป็สองนิ้วและแช่ค้างไว้ ยังไม่ทันที่โอเมก้าตัวขาวจะได้ขยับริมฝีปากสวยเอ่ยท้วงอะไร แรงกระแทกของสองนิ้วใหญ่ก็ทำให้เขาอ้าปากครางไม่มีเสียงอย่างทรมาน
“ฮ่ะ.. ฮ่ะ..”
ไซม่อนไม่อยากจะคิดเลยสักนิดว่าถ้าหากนิ้วนี้มันถูกแทนด้วยของเขา
อีกฝ่ายจะร้องครางได้เหมือนกับที่เขาใช้นิ้วหรือเปล่า
ไซม่อนไม่รู้หรอกว่านานเท่าไหร่หรือกี่รอบที่เขาทำให้อีกฝ่ายได้เสร็จสุขสม อัลฟ่าหนุ่มเช็ดทำความสะอาดพร้อมจัดแจงท่านอนให้คนที่หลับไปเพราะหมดแรงอย่างนุ่มนวล แต่เขาจำได้เพียงแค่เขามายืนชักรูดแกนกายที่แข็งขืนมาตลอดทั้งคืนของตัวเองในห้องน้ำตอนเช้าตรู่
และจินตนาการถึงเสียงครางหวานของอีกฝ่ายเพียงแค่นั้น
- Simon’s theory -