พระอาทิตย์ลับของฟ้า ดวงจันทร์เลื่อนลอยเด่นกลางนภา หมู่ดวงดาราคล้ายเด็กน้อยซุกซนทอแสงประกายระยิบระยับหยอกล้อสายตาผู้คน
ภายในลานที่พักเล็กๆ เย่ชิงหานและเย่ชิงอวี่นั่งเคียงคู่กันอยู่บนเก้าอี้หิน ทั้งสองเหม่อมองไปยังดวงดาวบนท้องฟ้าพร้อมกับครุ่นคิดเื่ราวที่อยู่ภายใจใน
“เฮ้อ! ”
เย่ชิงหานถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงเป็ระยะๆ นิ้วมือลูบคลำแหวนทองเหลืองที่อยู่บนนิ้วนางอย่างกลัดกลุ้ม
จากการพิจารณาแหวนวงที่อยู่ในมืออย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่าครึ่งวัน ในที่สุดเขาก็สรุปได้อย่างแน่ใจว่าแหวนวงนี้ไม่น่าจะมีอะไรที่วิเศษพิสดาร ไม่มีราคามูลค่า ไม่มีส่วนที่น่าชื่นชม เป็แหวนขยะที่หาประโยชน์อันใดมิได้เลย พูดง่ายๆ ก็คือเป็แหวนที่แตกหักไร้ค่าไม่น่าดู แม้ทิ้งไว้บนพื้นก็ยังไม่มีคนสนใจหยิบขึ้นมาดู
แม้ว่าหลังจากที่แหวนตกลงบนพื้นจนทำให้หัวัทองหักและถูกเขาสรุปว่าเป็แหวนปลอม แต่เย่ชิงหานก็ยังไม่ยอมถอดใจง่ายๆ ยังเพ้อฝันว่าอาจจะมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นอีก ดังนั้นจึงค่อยๆ เช็ดสีทองที่เคลือบอยู่ด้านนอกวงแหวนออกอย่างระมัดระวัง จนเมื่อเช็ดออกหมด จากเดิมที่เป็แหวนสีทองแวววาวกลับกลายมาเป็แหวนที่ทำจากทองเหลืองธรรมดาๆ มากวงหนึ่ง ซึ่งมีสีออกดำคล้ำเสียด้วยซ้ำ ภายนอกไม่ได้มีการแกะสลักพวกัหงส์อะไรอย่างแต่ก่อน จะมีก็เพียงแค่ตัวอักษร "ิญญา" ขนาดใหญ่เพียงตัวเดียวเท่านั้น โดยทั่วไปแล้วในการทำแหวนแต่ละครั้งย่อมจะมีการพิมพ์อักษรบางอย่างลงไปด้วยเสมอ ดังนั้นจึงเป็เื่ปกติที่จะมีตัวอักษรปรากฏบนแหวนวงนี้เช่นกัน
แต่อย่างไรเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ยังคงคิดเสมอว่าจะต้องมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น ตอนที่ยังมีชีวิตในโลกที่แล้วเขาได้อ่านนิยายออนไลน์หลายต่อหลายเื่ เื่ราวโดยมากล้วนบรรยายถึงของวิเศษระดับเซียนระดับเทพที่ดูธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ แต่ว่าขอแค่เพียงรู้วิธีที่พิเศษเฉพาะในการปลุกพลังที่อยู่ภายในให้ตื่นขึ้น ก็จะสามารถหรือเป็เ้าของของวิเศษเ่าั้ได้
ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีที่ง่ายดายที่สุดซึ่งก็คือ การหยดเืทำพันธสัญญา
เขาฝืนทนต่อความเ็ปโดยหยิบมีดขึ้นมากรีดลงไปบนนิ้วมือแล้วหยดเืลงไปบนแหวน แต่ปรากฏว่าผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงคิดภายในใจว่าเืที่หยดลงไปนั้นคงปริมาณน้อยเกิน ดังนั้นจึงกัดฟันออกแรงกดไปที่บาดเแผลอีกครั้งเพื่อหยดเืเพิ่มลงไปอีก
หลังจากหยดเืลงไปได้ครึ่งชามใหญ่ในที่สุดก็มีปฏิกริยาตอบสนอง ที่ตอบสนองนั้นไม่ใช่แหวนแต่กลับเป็เย่ชิงหานเองที่เริ่มหัวหมุน สมองหนักอึ้งเท้าเบาหวิว ตาพร่าพรายเห็นดาวเห็นเดือน ชัดเลยว่าเกิดจากการสูญเสียเืมากเกินไป
ก็ได้! ในเมื่อหยดเืทำพันธสัญญาไม่มีผลอย่างนั้นก็เปลี่ยนวิธีอื่นดูว่าจะเป็อย่างไร จากนั้นเย่ชิงหานทั้งเผาทั้งรมควันก็ไม่เป็ผล ท้ายที่สุดถึงกับนำแหวนไปที่ห้องส้วมแล้วขู่ว่าถ้าหากยังไม่แสดงปาฎิหาริย์ออกมาจะทิ้งลงไปซะเลย
เย่ชิงหานใช้เวลาเพื่อเสาะหาวิธีอยู่ตลอดทั้งเวลาบ่าย แต่ไม่ว่าอย่างไรแหวนก็ไม่มีการตอบสนองเช่นเดิม จะมีก็เพียงแค่สีของแหวนที่ดำคล้ำยิ่งกว่าเดิมเพราะถูกเผา ด้วยความที่อับจนปัญญาจึงจำต้องล้มเลิกความพยายามและคิดว่าคงเป็เพียงแค่ของที่บิดาทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า คิดได้ดังนั้นจึงไม่คิดที่จะโยนทิ้งไป ถือซะว่าเป็ของที่ระลึกสวมใส่ไว้ก็ไม่เลว
บิดาผู้เป็ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของทำเนียบผู้มีพลังฝีมือระดับชั้นปฐี มีพลังฝีมืออยู่ในระดับที่สามของขอบเขตาาจักรพรรดิ ได้ทิ้ง "สมบัติล้ำค่า" ไว้ให้เขาสองชิ้น ชิ้นแรกเป็ "ของกึ่งสำเร็จรูป" ที่ยังไม่รู้ว่าเป็ "ของกึ่งสำเร็จรูป" ที่มีอันตรายหรือเปล่า ส่วนของอีกชิ้นเป็ของเลียนแบบอย่างไม่ต้องสงสัย ภายนอกสีสันสดใสแวววาวข้างในกลับกลวงโบ๋ เจอเข้าอย่างนี้ไม่ทำให้เย่ชิงหานกลัดกลุ้มตลอดทั้ง่บ่ายได้อย่างไร
“ท่านพี่ เมื่อก่อนท่านเคยพูดว่าคนเราเมื่อตายไปแล้วจะกลายเป็ดวงดาราบนท้องฟ้า เป็ความจริงใช่หรือไม่?” เย่ชิงอวี่นั่งลงอย่างเงียบๆ ชุดกระโปรงสีขาวกับใบหน้าที่เงียบสงบงดงามภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องทำให้นางดูราวกับเทพธิดาที่ร่วงหล่นลงมาจาก์
“กลายเป็ดวงดาราบ้าบออะไรกัน ถ้าหากว่ากลายเป็ดินละก็พอได้อยู่...”
เย่ชิงหานตอนนี้กำลังกลัดกลุ้มอยู่พอดีอดไม่ได้เลยบ่นอุบอิบออกมาเบาๆ เมื่อตอนที่เขาเป็เด็กเบื่อๆ ไม่มีอะไรทำเลยแต่งเื่มั่วๆ เล่าให้น้องสาวฟัง แต่กลายเป็ว่าน้องสาวผู้ใสซื่อบริสุทธิ์ผู้นี้กลับเชื่ออย่างสนิทใจ
แต่เมื่อเขาหันกลับไปเห็นดวงตาคู่ที่ราวกับไข่มุกดำที่ปราศจากสิ่งเจือปนของน้องสาว ในใจอดสงสารไม่ได้ไม่อยากจะทำลายจินตนาการที่สวยงามของนาง เขาจึงเอียงศีรษะพร้อมกับพูดขึ้น “เอ่อ...ความหมายของข้าคือ ร่างกายกลายเป็ดินที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาในฤดูใบไม้ผลิ ิญญาล่องลอยขึ้นไปบนฟ้ากลายเป็ดวงดารา คนดีอย่างท่านพ่อและท่านแม่ของพวกเราย่อมต้องกลายเป็ดวงดาราอย่างแน่นอน!”
“ใช่ ต้องเป็อย่างนั้นอย่างแน่นอน ท่านพ่อและท่านแม่เป็คนดีขนาดนั้นพวกท่านต้องกลายเป็ดวงดาราที่ไม่มีวันร่วงหล่น ในปีนั้นถ้าท่านพ่อไม่รับชิงอวี่มาเลี้ยง ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะระเหเร่ร่อนไปถึงแห่งหนตำบลใดแล้ว แม้ท่านพ่อจะจากไปก่อนแต่ท่านแม่ก็ทั้งรักทั้งเอ็นดูชิงอวี่เหมือนลูกในไส้ ชิงอวี่ตายสักหมื่นครั้งก็มิอาจทดแทนคุณของท่านทั้งสองได้ น่าเสียดายที่ยังไม่ได้ทดแทนคุณท่านทั้งสองก็จากไปแล้ว...”
เย่ชิงอวี่ที่กำลังพูดอยู่น้ำเสียงเริ่มสะอึกสะอื้นขึ้นมา นางก้มหัวลงเอาหน้าซุกไปที่ซอกแขนของตนเอง จากนั้นจึงร้องไห้ฟูมฟายขึ้นมาทันที
เฮ้อ! ผู้หญิงก็คือผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ เย่ชิงหานถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งตบไปที่ไหล่ของน้องสาวเบาๆ พร้อมกับพูดปลอบใจ “เอาละๆ พอได้แล้ว คนที่ตายก็จากเราไปแล้ว แต่เ้ายังเหลือข้าที่เป็พี่ชายคนนี้อยู่ พวกเราต้องมีชีวิตประคับประคองกันบนโลกนี้ต่อไป”
“อือ!”
เย่ชิงอวี่พยักหน้าตอบรับเบาๆ สายตาที่น่าหลงใหลไร้เดียงสาของนางจ้องมองไปที่เย่ชิงหาน ภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่น่าสงสารอย่างจับใจนั้น ะเืเข้าไปถึงส่วนลึกภายในจิตใจที่อ่อนโยนที่สุดของเย่ชิงหาน ตอนนี้เขารู้สึกว่าไม่มีอะไรสำคัญอีกต่อไปแล้ว แม้แต่สัตย์สาบานที่เคยให้ไว้ต่อหน้าหลุมศพของมารดาก็เริ่มเลือนราง เขากำลังครุ่นคิดอยู่ว่าการตัดสินใจของเขานั้นถูกต้องดีแล้วหรือ? ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นใด แค่สิ่งที่บิดาทิ้งไว้ให้อย่างคัมภีร์ลับเืเทพ ตอนนี้เขาก็ไม่มีความเสียดายอาลัยอาวรณ์เลยสักนิด
เขากำลังคิดว่า หากวันหนึ่งตนเองเคราะห์ร้ายมีอันเป็ไป สำหรับเขาแล้วไม่ได้ใส่ใจอะไรนักเพราะเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง อย่างมากก็แค่ตาที่หลับลง ขาที่เหยียดยาวแข็งทื่อแล้วก็ล่องลอยไปแดนสุขาวดี แต่น้องสาวเล่านางจะทำอย่างไร? นางที่ทั้งร่างกายบอบบางและความคิดไม่ทันคน ไม่มีพลังยุทธ์ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมในการเอาชีวิตรอด มีชีวิตอยู่บนโลกที่ผู้ที่แข็งแรงกว่าคือนักล่าส่วนผู้ที่อ่อนแอคือเหยื่อ มีชีวิตอยู่ในตระกูลที่เฉยชาและเืเย็นเฉกเช่นตระกูลเย่ ไม่มีใครให้พึ่งพาอาศัย สุดท้ายก็จะถูกผู้คนล่อลวงไป...
“เฮ้อ...”
เย่ชิงหานถอนหายใจยาวออกมาเฮือกหนึ่ง ในใจทั้งกลัดกลุ้มทั้งสับสน
วันรุ่งขึ้น แสงแดดสว่างสดใสและมีลมโชยพัดมาอ่อนๆ ท้องฟ้าเบื้องบนปลอดโปร่งปราศจากเมฆหมอก
บนถนนหนิวหลัน ณ เมืองชาง ผู้คนเดินสัญจรไปมากับรถราที่วิ่งกันขวักไขว่ดูแล้วคึกคักเป็อย่างยิ่ง สองข้างถนนใหญ่มีแผงขายของเล็กๆ หลากหลายชนิดตั้งเรียงรายกันเต็มพื้นที่ พวกเขาต่างก็พากันร้องเชิญชวนผู้ที่สัญจรผ่านไปมาให้มาเลือกดูของอยู่ตลอดเวลา
“ท่านพี่เร็วเข้า ทางนั้นมีของสนุกให้เล่นเยอะแยะเลย!”
ปากทางเข้าถนนมีชายหญิงสองคนกำลังเดินตรงเข้ามา ชายหนุ่มมีใบหน้าที่สะอาดหล่อเหลาอยู่ในชุดสีเขียวดูราวกับปัญญาชนที่มีกิริยาสุภาพเรียบร้อยแต่ร่างกายบอบบาง ส่วนหญิงสาวแม้จะมีอายุที่ดูอ่อนเยาว์ไปบ้าง แต่ก็เริ่มเผยให้เห็นถึงความงดงามของดรุณีสาวแรกแย้มที่เปรียบดั่งบัวตูมที่เฝ้ารอการเบ่งบานฉันนั้น ชายหญิงทั้งสองคือเย่ชิงหานและเย่ชิงอวี่ที่ออกมาเที่ยวเล่นเพื่อผ่อนคลายจิตใจ
เย่ชิงอวี่จูงมือเย่ชิงหานไปตามถนนใหญ่ดูนั่นทีนี่ทีคล้ายดั่งนกน้อยที่ถูกขังอยู่ในกรงเป็เวลานาน เมื่อถูกปล่อยออกมาจึงดีใจอย่างะโโลดเต้น
“เอ่อ!” เย่ชิงหานใบหน้าราบเรียบและท่าทางสุขุม เขาเหมือนกับว่าได้ลืมความกลัดกลุ้มรำคาญภายในใจไปหมดสิ้น ทำเพียงแค่เดินเป็เพื่อนน้องสาวเที่ยวชมดูสิ่งของต่างๆ อย่างเงียบๆ
หลายวันที่ผ่านมาเย่ชิงหานตกอยู่ในอารมณ์กลัดกลุ้มและเป็ทุกข์ เย่ชิงอวี่เห็นดังนั้นจึงหาข้ออ้างว่าอยากจะซื้อของแล้วลากเขาออกมาเดินเที่ยวเล่นด้วยเพื่อให้เขาสบายใจ เย่ชิงหานนั้นก็รู้จุดประสงค์ของนางดี ภายในใจก็รู้สึกปลื้มปีติ ยินดีที่มีน้องสาวที่อ่อนโยนและเอาใจใส่เช่นนี้ แม้ว่าจะเป็น้องสาวที่ถูกเก็บมาเลี้ยง แต่ก็อยู่ใกล้ชิดกับมารดาของตนมาั้แ่เล็กๆ โดยตลอด ดังนั้นนิสัยจึงเหมือนกันกับมารดาของตนที่ทั้งสงบเงียบ อ่อนโยน และรู้ใจ
เอ๊ะ? ไม่คาดคิดว่าที่นี่จะมีหนังสือขายเยอะแยะขนาดนี้!
เย่ชิงหานยืนอยู่ข้างๆ แผงขายของเล็กๆ แห่งหนึ่ง เ้าของเป็ชายแก่ที่มีลักษณะคล้ายกับปัญญาชนที่ได้ร่ำเรียนหนังสือมา แม้ขนาดของแผงจะเล็กไปเสียหน่อยแต่ก็จัดวางไปด้วยหนังสือที่มากมายถึงสามชั้น ชายแก่นั่งอยู่ที่ด้านหลังสุดของแผงในมือถือหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งกำลังอ่านอย่างเพลิดเพลินเต็มที่ เมื่อเห็นมีลูกค้าเข้ามาก็ไม่สนใจที่จะทักทาย ทำแค่เพียงเหลือบตามองมาครั้งหนึ่งแล้วก็อ่านหนังสือที่อยู่ในมือของตนต่อ
"สารานุกรมภูมิศาสตร์ทวีป" "ข้อมูลโดยสังเขปเกี่ยวกับงานประลองาระหว่างเขตปกครอง" "สรุปโดยย่อเกี่ยวกับสถานที่อันตรายทั้งสามแห่ง"... กองหนังสือนานาชนิดถึงกับทำให้เย่ชิงหานมองจนตาลายไปเลยทีเดียว หนังสือเหล่านี้ในตระกูลเย่ย่อมต้องมีอยู่อย่างแน่นอน แต่ด้วยฐานะอย่างเย่ชิงหานคงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้ัั และหนังสือที่บิดาของตนเก็บสะสมไว้ในบ้านส่วนมากก็จะเป็พวกโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน เพลง และศิลปะวัฒนธรรม ดังนั้นเมื่อเจอเข้ากับหนังสือเหล่านี้จึงตื่นเต้นดีใจเป็อย่างมาก
“ท่านพี่ ท่านเลือกดูเอาสิชอบเล่มไหนบ้างก็ซื้อเลย ข้าจะไปดูของฝั่งโน้นสักประเดี๋ยว”
เย่ชิงอวี่ที่อยู่ข้างๆ พลิกหนังสือดูเล่นไปมาอยู่หลายเล่มเริ่มรู้สึกเบื่อจึงกล่าวต่อเย่ชิงหานก่อนที่จะเดินตรงไปข้างหน้าอีกที่หนึ่ง เบื้องหน้าเป็ร้านเครื่องประดับเสริมสวยและของเย็บปักถักร้อยซึ่งเป็สิ่งของที่สาวๆ ทุกคนต่างชมชอบ
“อืม!” เย่ชิงหานหันไปมองนางแวบหนึ่งก่อนที่จะพูดตอบรับออกมาแล้วจึงเลือกดูหนังสือที่อยู่ตรงหน้าต่อ
“งานประลองาระหว่างเขตปกครองมีขึ้นเมื่อสามพันปีก่อน สืบเนื่องมาจากนครแห่งเทพ้าทำให้เขตปกครองทั้งสามสงบลงจากความวุ่นวายจึงได้ประกาศอาญาสิทธิ์แห่งเทพ โดยทุกๆ สามสิบปี ให้ทั้งสามเขตปกครองส่งคนเข้าร่วมงานประลองเพื่อ่ชิงเอาคะแนน คะแนนที่ได้จะนำมาใช้ในการแบ่งระดับชั้นของเขตปกครอง โดยแบ่งเป็ เขตปกครองระดับสูง เขตปกครองระดับกลาง และเขตปกครองระดับต่ำ เขตปกครองระดับสูงมีสิทธิ์ได้รับเครื่องบรรณาการจากเขตปกครองระดับกลางและระดับต่ำ ส่วนผู้เข้าร่วมงานประลองที่ได้คะแนนสะสมสูงสุดสามารถนำไปแลกของรางวัลจากนครแห่งเทพได้...”
เย่ชิงานหยิบหนังสือ "ข้อมูลโดยสังเขปเกี่ยวกับงานประลองาระหว่างเขตปกครอง" ขึ้นมาอ่านอย่างเพลิดเพลินเต็มที่ เมื่อก่อนเขารู้แค่ว่าที่ที่เขาอยู่คือเขตปกครองเทพา แต่หนังสือเล่มนี้กลับบรรยายบอกเล่ากฎเกณฑ์และสิ่งต่างๆ ที่สำคัญควรรู้ไว้เกือบทั้งหมด
“เอ่อ...ท่านผู้เฒ่าขอรับ ข้า้าหนังสือพวกนี้รวมแล้วทั้งหมดราคาเท่าไร?” เย่ชิงหานเลือกหนังสือมาหกเล่ม เขาเงยหน้ามองชายแก่พร้อมกับเอ่ยถามขึ้น
“หนึ่งเล่มต่อห้าก้อนผลึกพลัง” ชายแก่พูดออกมาอย่างเฉยชา แม้กระทั่งหน้าก็ไม่แหงนมองขึ้นมา
เย่ชิงหานไม่ได้ใส่ใจในความไม่มีมารยาทของชายแก่ เขาโยนก้อนผลึกพลังจำนวนสามสิบอันไปให้แล้วใช้ผ้าห่อหนังสือทั้งหกเล่มของตนแล้วหันหลังเดินจากไป
“ปล่อยข้า! ท่านพี่ช่วย...”
ทันใดนั้น!
ในขณะที่เย่ชิงหันกำลังหมุนตัวเดินออกจากร้านหนังสือ เสียงที่คุ้นหูก็ดังลอยมาแต่ไกล เขาตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนที่จะแหงนหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ภายในดวงตาของเขาแสดงออกถึงอาการตื่นตระหนกใอย่างถึงขีดสุด...เสียงนี้มัน...เสียงของน้องสาว!
ไกลออกไป เงาร่างของเย่ชิงอวี่มองเห็นได้พอรางๆ ข้างกายนางมีเงาร่างสีขาวร่างหนึ่งกำลังจับแขนของนางไว้ ในตอนนี้นางกำลังพยายามต่อสู้ขัดขืนอย่างสุดกำลังพร้อมทั้งหันมาทางที่เย่ชิงหานอยู่แล้วร้องะโออกมาด้วยเสียงอันดัง
ฟิ้ว!
เย่ชิงหานสะพายหนังสือทั้งหมดไว้ที่หน้าอก ร่างของเขาราวกับเสือดาวที่บ้าคลั่งพุ่งทะยานออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้