จุนห่าวเห็นหานรุ่ยมองเขาครู่หนึ่ง แต่ไม่พูดอะไรกับเขาเลย จากนั้นก็กินข้าวต่อ จุนห่าวมองดูอาหารต๊อกต๋อยที่อยู่บนโต๊ะ เขารู้สึกเจ็บแปลบในใจ แม้เขาจะไม่เคยดูแลผู้หญิงตั้งครรภ์มาก่อน แต่ก็รู้ว่าคนที่กำลังตั้งครรภ์จำเป็จะต้องบำรุงร่างกาย จุนห่าวมองดูใบหน้าอันซูบผอมและซีดเผือดของหานรุ่ย ทำให้เขารู้เลยว่าหานรุ่ยไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายเป็แน่
หานรุ่ย ผู้เป็นายน้อยจากตระกูลใหญ่ เคยใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟู่ฟ่า แต่ตอนนี้ต้องมากินอาหารง่าย ๆ แบบนี้ ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็ดั่งอภิชาตบุตรในสายตาทุกคน แต่เวลานี้กลับกลายเป็เพียงสวะที่สูญเสียพลังปราณ จากบุตรที่น่าภาคภูมิใจ ตอนนี้กลับเป็เพียงแค่คนไร้ค่า ความแตกต่างราวฟ้ากับเหวนี้ คนธรรมดาทั่วไปคงไม่อาจยอมรับได้ หากไม่เคยมาก่อน ก็คงจะไม่รู้สึกสูญเสีย ทว่า...หากเคยได้ แต่กลับต้องมาสูญเสียแบบนี้ คนที่จิตใจอ่อนแอย่อมยากที่จะยอมรับได้ จุนห่าวมองดูหานรุ่ยที่กินอาหารอย่างสงบเสงี่ยม เขาครุ่นคิด หานรุ่ยต้องเป็คนที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวเป็แน่ ราวกับว่าเขาตกจากแท่น์ แต่กลับทำร้ายอะไรเขาไม่ได้ เมื่อเห็นหานรุ่ยเป็แบบนี้ยิ่งทำให้จุนห่าวรู้สึกเ็ปแทน
จุนห่าวเห็นหานรุ่ยเพิกเฉยต่อเขา จึงนั่งลงข้าง ๆ พลางพูดกับซานสี่ว่า “ซานสี่ ไปยกสำรับของข้ามา แล้วก็ทำอาหารคาวเพิ่มอีกสองอย่างด้วย ข้าจะกินข้าวที่นี่”
เมื่อได้ฟังคำพูดของจุนห่าว ซานสี่นิ่งอึ้งไปพลางคิดในใจว่า อย่าบอกนะ ว่านายน้อยเปลี่ยนรสนิยมทางเพศแล้ว ก่อนหน้านี้แม้แต่จะมองนายหญิงสักนิด...ก็ยังไม่มอง ตอนนี้กลับมานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับนายหญิง เขาไปกินอะไรผิดสำแดงมารึเปล่าเนี่ย
จุนห่าวเห็นซานสี่ไม่ขยับเขยื้อนจึงเอ่ยขึ้น “นิ่งบื้ออยู่ทำไม รีบไปซิ! นายน้อยของเ้ากำลังหิวอยู่นะ”
“ขอรับ ข้าน้อยจะรีบไปเอาสำรับมาให้เดี๋ยวนี้” ซานสี่พูดจบ พลันวิ่งออกไปราวกับกำลังวิ่งตามใครอยู่อย่างไรอย่างนั้น
หลังจากที่ซานสี่ออกไปแล้ว ภายในห้องจึงเหลือเพียงแค่จุนห่าวกับหานรุ่ย ก็เกิดความเงียบงันขึ้นทันที จุนห่าวรู้สึกอึดอัดใจที่มาโดยไม่ได้รับเชิญ แต่ทว่าเมื่อเขาทบทวนดูอีกครั้ง หานรุ่ยเป็ภรรยาของเขา เขาจะกินข้าวพร้อมภรรยาของตัวเองก็เป็เื่ปกติ ไม่กินข้าวพร้อมกันสิ ถึงจะแปลก บรรดาสหายร่วมรบของจุนห่าวที่เคยบอกเล่าประสบการณ์ตามจีบภรรยา เขาสรุปออกมาได้ในประโยคเดียวว่า ต้องหน้าหนาเข้าไว้ ถ้าจะตามจีบเมีย จะเอาแต่วางมาดเก๊กขรึมไม่ได้ และต้องยอมอ่อนข้อให้เขา
จุนห่าวมองดูหานรุ่ยที่นั่งตัวตรง ท้องของหานรุ่ยถูกโต๊ะปิดบังไว้ มองเผิน ๆ ก็ดูเหมือนกับชายทั่วไป ไม่เหมือนชายที่ตั้งครรภ์เลยแม้แต่น้อย พลันจุนห่าวนึกถึงเื่ผู้ชายตั้งครรภ์ได้ เขาก็ยังคงรู้สึกประหลาดใจอยู่ดี เพื่อทำลายความเงียบงันภายในห้อง เขาจึงเอ่ยถามอย่างไม่รู้จะพูดอะไรว่า “ตอนนี้เ้าสบายดีไหม?”
หานรุ่ยมองจุนห่าวครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า “ก็ดีอยู่” หานรุ่ยไม่รู้ว่าจุนห่าวเพี้ยนไปแล้วหรือเปล่า ทำไมถึงอยากมาทานข้าวด้วยกันกับเขา เขารู้ว่าจุนห่าวไม่ชอบเขา แถมยังเกลียดเขาเสียด้วยซ้ำ เพราะอย่างนั้นหานรุ่ยจึงไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าจุนห่าวเลย เขาเป็คนเคารพในตนเอง และเห็นคุณค่าของตนเองมากพอที่จะไม่ยอมอ่อนข้อให้คนอื่น...แม้กระทั่งสามีของเขาก็ตาม
หานรุ่ยดูเหมือนจะเป็คนเ็า แต่แท้จริงแล้วหัวใจเขาอบอุ่นและ้าการดูแล เขาเติบโตมากับปู่ของเขา ท่านปู่ดีต่อเขามาก แต่เมื่อเทียบกับตระกูลแล้ว ท่านปู่ยังคงเห็นแก่ตระกูลก่อนเสมอ นี่คือเื่เศร้าของตระกูลใหญ่ที่ไม่เห็นแก่คำว่าความรู้สึกของคนในครอบครัว ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อผลประโยชน์ของตระกูลทั้งนั้น
เขาเคยวาดฝันว่าหลังจากนี้จะมีครอบครัวเล็กๆ มีเขา มีคนรัก และมีลูกของพวกเขาอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นและเรียบง่าย ทว่าหลังจากที่เขาหมั้นหมายกับองค์ชายสาม เขาก็รู้เลยว่าความฝันของเขาได้พังทลายลงไปแล้ว พอองค์ชายสามถอนหมั้น เขาจึงดีใจมาก เพราะเขาไม่ต้องเข้าไปอยู่ในกรงทองอย่างวังหลวงแล้ว สำหรับหานรุ่ย วังหลวงก็คือกรงที่กักขังอิสรภาพของเขา
สำหรับจุนห่าวนั้นเคยเป็คนที่เขาคาดหวัง เขารู้ว่าจุนห่าวมีพร์ในการบำเพ็ญเพียรไม่ดี และเขาที่ไม่อาจบำเพ็ญเพียรได้ หลังจากที่แต่งงานกันแล้ว เราสองคนจะสร้างครอบครัวเล็ก ๆ ที่อบอุ่น และใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา แต่เขาไม่คาดคิดว่า จุนห่าวไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งงานกับเขา ที่แต่งเพราะถูกปู่ของเขาบังคับ จุนห่าวพูดกับเขาว่า เขามีคนที่ชอบแล้ว และจะไม่มีวันชอบเขา ถ้าเขารู้เื่นี้ด้วยตัวเองก็คงจะหนีจากไปเอง คนที่ไม่อาจบำเพ็ญเพียรได้แล้วอย่างเขา จะกล้าอยู่ในฐานะภรรยาเอกได้อย่างไร อีกอย่างเขาไม่ได้ชอบซวงเอ๋อร์ เขาชอบอิสตรี หลังจากที่ได้ฟังจุนห่าวกล่าวเช่นนั้นแล้ว หานรุ่ยก็รู้สึกเจ็บที่หัวใจอย่างที่สุด
จุนห่าวเกลียดชังเขาขนาดนั้น เขาจึงไม่เข้าใจว่าทำไมจุนห่าวถึงมาที่นี่ในวันนี้ หมายความว่าอย่างไรกัน? แม้ว่าเขาจะมีความคิดความอ่านที่ปราดเปรื่อง แต่เขาก็เดาไม่ออกเลยว่าทำไมจุนห่าวถึงทำแบบนี้
พอหานรุ่ยพูดจบ จุนห่าวก็ถามต่ออย่างห่วงใยว่า “เ้ากินข้าวแบบนี้ทุกวันเลยหรือ กินแบบนี้ไม่ได้ช่วยบำรุงร่างกายเลย มันจะไม่ดีต่อลูกกับเ้านะ ั้แ่นี้ไป ข้าจะทำอาหารให้เ้ากินทุกวัน ข้าจะเลี้ยงเ้าให้อ้วนท้วมเลยล่ะ”
หานรุ่ยเห็นแววตาห่วงใยของจุนห่าว ก็รู้ได้ว่าเขาไม่ได้โกหก แต่ก่อนหน้านี้จุนห่าวเกลียดเขาอย่างชัดเจนมาก แต่ตอนนี้กลับมาเป็ห่วงเป็ใยเขา จุนห่าวเปลี่ยนไปเกินกว่าที่หานรุ่ยจะรับได้ จึงกล่าวตอบเพียงหนึ่งประโยคว่า “ข้าทำเป็แค่ผัดผัก อย่างอื่นทำไม่เป็”
จุนห่าวเห็นหานรุ่ยตอบตัวเองอีกครั้ง ก็รู้สึกดีใจเป็อย่างมากและเผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า แต่เดิมนั้นจุนห่าวมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เพราะร่างเดิมไม่กล้าสู้หน้าใคร และมักจะทำตนเองให้ดูต่ำต้อย จึงทำให้บดบังความหล่อบนใบหน้านั้น แต่จุนห่าวในตอนนี้กลับมีความมั่นใจ สุขุมนุ่มลึก ไม่หยิ่งยโส และไม่ทำตนให้ต่ำต้อยด้อยค่าเหมือนเมื่อก่อน พอจุนห่าวยิ้ม จึงทำให้หานรุ่ยรู้สึกติดตราตรึงใจ
“เ้าทำไม่เป็ก็ไม่เป็ไร ข้าทำเป็ เมื่อกี้ที่ข้าพูดทั้งหมดเป็เื่จริง ั้แ่นี้ไปข้าจะทำอาหารให้เ้ากินทุกวันเอง’’ จุนห่าวพูดขึ้น พลางคิดถึงเมื่อครั้งที่เขาเรียนทำอาหาร ไม่ว่าใครต่างก็บอกว่า เรียนรู้ไว้ก็ไม่ได้เสียหายอะไร น่าจะได้นำมาใช้ก็ตอนนี้แหละนะ
เมื่อได้ยินจุนห่าวพูดออกมาแบบนี้ หานรุ่ยไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี ณ ตอนนั้นเอง ซานสี่และหลี่ว์ซิ่วก็ยกสำรับเข้ามาพอดี ทั้งสองคนวางสำรับลงบนโต๊ะ แล้วจุนห่าวก็ให้พวกเขาออกไป
จุนห่าวตักซี่โครงหมูหนึ่งชิ้นใส่ลงในชามของหานรุ่ย คอยปรนนิบัติพัดวีหานรุ่ยตลอดเวลาจนตัวเองไม่มีเวลากิน
หานรุ่ยมองจุนห่าวที่มัวยุ่งกับการตักอาหารให้เขา จึงเอ่ยขึ้นว่า “เ้าก็กินบ้างเถอะ ข้าตักเองได้” หานรุ่ยยังคงไม่เข้าใจว่าจุนห่าว้าอะไรกันแน่ ทำไมถึงเอาใจใส่เขาแบบนี้
“ข้าไม่รีบ เ้ากินก่อนเถอะ รอเ้ากินเสร็จแล้ว ข้าค่อยกินก็ได้” จุนห่าวพูดพลางโบกไม้โบกมือแสดงว่าไม่เป็ไร เขาเต็มใจที่จะปรนนิบัติภรรยาของตนเอง
เมื่อหานรุ่ยกินเสร็จ จุนห่าวก็กินข้าวที่เหลือจนหมด เขารู้สึกว่าหลังจากที่เขามาที่นี่ ปริมาณอาหารก็เพิ่มขึ้น มื้อแรกของเราสองคนในความคิดจุนห่าวถือว่าเป็่เวลาที่แสนสุขซะจนกินข้าวทั้งสำรับหมดเกลี้ยงเลยทีเดียว