ซูอินกำลังจะตอบตกลงไปโรงแรมพร้อมกับหลินเฉวียน แต่เมื่อเงยหน้ามองคำว่า “ลอตเตอรี่” บนหน้าต่างกระจก เธอก็นึกได้ถึงจุดประสงค์ที่มาที่นี่
“แต่ฉันยังไม่ได้ซื้อลอตเตอรี่เลยนะคะ”
หลินเฉวียนจนใจ
เื่ภายในที่เกิดการอุ้มบุตรผิดคนของตระกูลหลิง เป็สิ่งที่เขาช่วยฉินหล่างตรวจสอบ ทำให้เขาพอจะรู้เื่ของเด็กสาวคนนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอเป็เด็กเรียบร้อย
“เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซื้อไม่ได้”
เมื่อเห็นท่าทีของหลินเฉวียนก็รู้ว่าเขาไม่ยอมให้เธอไปซื้อที่ร้านอื่นเช่นกัน ดวงตาของซูอินจึงแดงก่ำด้วยความกังวล
หลินเฉวียนที่มีอายุเกือบสี่สิบปี อยู่ตัวคนเดียวมาตลอด แม้จะเป็คนดุ แต่ก็ขี้ใจอ่อน และไม่ชอบเห็นเด็กสาวร้องไห้เป็ที่สุด
“นี่ เธออย่าร้องสิ”
เมื่อซูอินเห็นอีกฝ่ายทำตัวไม่ถูก ก็เกิดความคิดบางอย่าง เธอยืนตรงหน้าประตูและร่ำไห้
หลินเฉวียนงานเข้าเสียแล้ว
ก่อนที่ฉินหล่างจะไปได้กำชับนักหนาว่าดูแลสาวน้อยคนนี้ให้ดี แต่แค่เห็นหน้ากัน เขาก็ทำเธอร้องไห้เสียแล้ว จริงๆ เลย…
เมื่อเห็นว่าสาวน้อยมีแนวโน้มน้ำตานองหน้า ตัวเขาก็ใจสลาย “เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะไม่สามารถซื้อลอตเตอรี่ได้จริงๆ พวกเราต้องทำตามกฎหมาย”
“แต่ว่า!”
ประโยคต่อมา หลินเฉวียนเอ่ยเสียงดัง “ฉันเป็ผู้ใหญ่แล้ว สามารถเลือกซื้อสิ่งต่างๆ ได้อย่างสมเหตุสมผลเท่าที่อยู่ในขอบเขตที่ตนเองจ่ายได้!”
หลินเฉวียนตบโต๊ะ มองไปที่เ้าของร้านพุงโต
“เหล่าโจว ซื้อทีมเกาหลีใต้ห้าพันหยวน ลงบัญชีของฉัน!”
ตลอดทางที่กลับมายังโรงแรม ซูอิน้าคืนเงินห้าพันหยวนแก่หลินเฉวียน แต่เขาปฏิเสธ
“ลอตเตอรี่นั่นฉันเป็คนซื้อ”
ซูอินชะงัก “ถ้างั้นก็เท่ากับว่า หากชนะก็จะไม่ยอมให้เงินฉันหรือคะ”
หลินเฉวียน “เธอรู้ได้ยังไงว่าจะชนะ”
ซูอินเงียบ
จะให้บอกว่าเธอกลับชาติมาเกิด และรู้ว่าทีมเ้าบ้านอย่างเกาหลีใต้จะเป่านกหวีดดำไปจนถึงรอบรองชนะเลิศได้อย่างไร
เธอคงบ้าไปแล้วถ้าจะให้ยอมรับแบบนั้น
คิดไปคิดมา เธอทำได้เพียงดึงความคิดตามแบบฉบับของตระกูลหลิงออกมา
“มันคือการทำธุรกิจ มีข้อมูลจากวงใน คุณเข้าใจใช่ไหม”
ตามสิ่งที่เธอชักจูง ทำให้หลินเฉวียนนึกถึงตระกูลหลิง เป็ตระกูลที่ทำธุรกิจขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ในเมืองผิง หลิงจื้อเฉิงคงรู้จักบุคคลสำคัญในมณฑล ซึ่งอาจรวมถึงคนใหญ่คนโตในเมืองหลวง การที่เธอจะรู้ข่าววงในจึงถือว่าเป็ไปได้
แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าไม่พอใจ “นั่นเป็สิ่งผิดกฎหมาย!”
“อีกทั้งหลายครั้งที่ข่าววงในเ้ามือบ่อนก็จงใจปล่อยเอง อาจจะไม่ใช่เื่จริง เธอเป็แค่เด็ก ขาดประสบการณ์ อย่าคิดว่ามีเสียงลมแล้วฝนจะตกเสมอไป”
เพื่อนคนนี้ของฉินหล่างไม่เลวจริงๆ
ซูอินรู้สึกวางใจ “ข่าวฟุตบอลโลกครั้งนี้แม่นยำแน่นอน คุณซื้อสักหน่อยก็ได้นะ”
หลินเฉวียนแสดงออกชัดเจนว่าไม่เชื่อ
ซูอินมองออก แต่นั่นเป็ทางเลือกของคนอื่น เธอจึงไม่คิดบังคับ
ก่อนที่เธอจะเดินตามหลังของหลินเฉวียนไปถึงที่พัก
แม้ว่าฉินหล่างจะไม่ได้กล่าวถึงภูมิหลังของครอบครัวนี้ แต่เขาก็มองออกจากการจัดเตรียมเื่ต่างๆ ให้สองสามีภรรยาตระกูลหลิงว่าร่ำรวยเพียงใด เขาจึงเตรียมที่พักในทำเลที่ค่อนข้างดีไว้ให้เธอ
ที่พักมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ภายในอาคารมีสองชั้น สนามหญ้าด้านหน้ามีขนาดใหญ่เป็ครึ่งหนึ่งของสนามกีฬา
สามารถพื้นที่ขนาดใหญ่บนที่ดินใจกลางเมืองที่มีราคา และสร้างที่พักที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้ได้ แสดงให้เห็นว่าโรงแรมนี้แข็งแกร่งมากขนาดไหน
เนื่องจากเอกลักษณ์ของที่พักเช่นนี้มักจะไม่รับคนนอก แต่เมื่อหลินเฉวียนเป็คนพามา ซูอินจึงสามารถเข้าพักโดยไม่มีปัญหา
หลินเฉวียนเตรียมห้องชุดให้เธอหนึ่งห้อง เมื่อเดินเข้าไปจะเจอห้องรับแขก มีโต๊ะสี่เหลี่ยมสำหรับเล่นไพ่นกกระจอก ด้านในเป็ห้องนอนซึ่งมีโทรทัศน์และเครื่องใช้ต่างๆ ครบครัน
ชาติก่อนซูอินทำหน้าที่ดูแลคฤหาสน์ของตระกูลหลิงอยู่หลายปี อู๋อู๋เป็คนจู้จี้จุกจิกและละเอียดรอบคอบมาแต่ไหนแต่ไร ทำให้เธอได้ฝึกฝนสายตาอันเฉียบคมมาหลายปี แค่กวาดตามองรอบๆ ก็รู้ทันทีว่าที่นี่ได้รับการทำความสะอาดเป็อย่างดี
ไม่ใช่ภายนอกที่ดูสะอาด แต่สภาพแวดล้อมจริงๆ กลับมีแต่มลพิษ สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือโต๊ะเล่นไพ่นกกระจอก คนที่เล่นไพ่นกกระจอกส่วนใหญ่ชอบสูบบุหรี่ ผ่านไปนานๆ ก็มักจะทำให้โต๊ะมีเขม่า ทว่าโต๊ะในห้องนี้กลับถูกทำความสะอาดอย่างหมดจด
ลึกลับ สะอาดสะอ้าน ตอบสนองได้อย่างสมบูรณ์แบบเกินสิ่งที่ตัวเธอคาดหมาย
ซูอินพอใจในสิ่งนี้จนไม่สามารถพึงพอใจได้มากไปกว่านี้
เมื่อจัดการปัญหาใหญ่ที่สุดเื่ที่พักได้แล้ว ซูอินก็รู้สึกโล่งใจไปครึ่งหนึ่ง เธออาบน้ำอย่างสบายใจก่อนนอนลงบนเตียงและเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว
วันต่อมา เธอตื่นั้แ่เช้าตรู่ด้วยความสดชื่น
เธอลงมากินอาหารเช้าด้านล่าง ยังอีกนานกว่าจะเข้าเรียน เธอจึงกลับขึ้นไปบนห้องเพื่อทบทวนเนื้อหาในการสอบ เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลา จึงสะพายกระเป๋าเดินไปโรงเรียน
เมื่อมาถึงห้องเรียนเธอก็เห็นสวีเหวินเหวินมานั่งประจำที่แล้ว สีหน้าอีกฝ่ายไม่สู้ดีนัก ขอบตาคล้ำเหมือนไม่ได้พักผ่อน
นั่นคือสิ่งที่เธอไม่ได้คาดคิด สองแม่ลูกตระกูลสวีผู้ดีเลิศ แน่นอนว่าหลังจากที่เธอออกมา สวีเหวินเหวินคงโดนตำหนิไม่น้อย
แต่สิ่งที่สามารถคาดเดาได้คือสภาพจิตใจของอีกฝ่ายกลับดีมาก ซึ่งมันแสดงออกมาอย่างกระตือรือร้นจนเห็นได้ชัด
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ซูอินเกิดความสงสัย จึงเดินเข้าไปและวางกระเป๋าหนังสือ ยังไม่ทันจะได้นั่งดีๆ สวีเหวินเหวินก็เอียงศีรษะ มองเธอด้วยความกระตือรือร้น
“อินอิน เธอรู้ไหม เมื่อวานนี้แม่ฉันได้สัมภาษณ์ออกโทรทัศน์ด้วย”
“ออกโทรทัศน์หรือ”
ซูอินจำได้ว่าเมื่อชาติก่อนวันที่ฝนตกหนัก อู๋อู๋ช่วยผู้าเ็มากมายจึงถูกสัมภาษณ์ออกโทรทัศน์ นั่นเป็เหตุผลที่ทำให้หล่อนได้รับโควตา
แต่ในครั้งนี้…ไม่รู้ว่าเป็เพราะความจำของเธอคลาดเคลื่อนหรือเปล่า หลังจากที่คุณป้าหยางพาเธอที่ไข้ขึ้นมาส่งโรงพยาบาล กลับมีการแจ้งว่าเหตุการณ์ไม่ได้ร้ายแรงดั่งที่บอกไปทางโทรศัพท์ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็เหตุดินถล่มเหมือนกัน แต่เพราะมีคนออกไปช่วยและยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้อง จึงส่งผลให้ไม่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้
แต่ในชาติก่อนมันกลายเป็เหตุการณ์สำคัญและมีคนตายมากมาย แม้จะไม่รู้สาเหตุ แต่เธอก็ดีใจที่ไม่มีใครเสียชีวิต
ถึงกระนั้นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเื่ให้เสียใจ เป็ไปได้ว่าคุณป้าหยางไม่ถูกสัมภาษณ์ จึงไม่ได้รับการรายงานติดตามผลต่อจากนั้น
ทว่าในตอนนี้สวีเหวินเหวินกลับบอกว่าคุณป้าหยางได้สัมภาษณ์ออกโทรทัศน์
ได้ฟังข่าวดีแต่เช้าเช่นนี้ แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้คิ้วที่ขมวดเป็ปมของเธอคลายลง
“แล้วเธอได้ถามคุณป้าหยางหรือยังว่า นักข่าวจากที่ไหนมาสัมภาษณ์”
“เหมือนกับว่าจะเป็…”
สวีเหวินเหวินเอ่ยชื่อคนผู้หนึ่งออกมาซึ่งซูอินก็รู้จัก เป็นักข่าวที่มีชื่อเสียงที่สุดของสถานีในเมือง เมื่อชาติก่อนหลังจากออกข่าว เพื่อสร้างกระแสให้อู๋อู๋ พวกเขาถึงกับมาเก็บบรรยากาศที่คฤหาสน์ของตระกูลหลิงโดยเฉพาะ
เมื่อมีแต่เธอที่รู้เื่เหตุการณ์สำคัญนี้ ไม่ว่าการสัมภาษณ์นั้นจะเป็การเฉพาะเจาะจงหรือไม่ แต่คุณภาพข่าวที่ออกมาน่าจะไม่ต่างจากชาติก่อนนัก
“ได้ออกโทรทัศน์แบบนี้ เื่โควตามีโอกาสสูงที่คุณป้าหยางจะได้”
สวีเหวินเหวินยิ้มจนเห็นเขี้ยวสองซี่ “ใช่ แม่ของฉันก็พูดแบบนี้ อินอิน ต้องขอบคุณเธอมาก หากไม่ใช่เพราะเมื่อวานจู่ๆ เธอไข้ขึ้น แม่ฉันก็คงเชื่อย่าและไม่ไปโรงพยาบาล หากเป็เช่นนั้น โอกาสดีๆ นี้ก็คงไม่มีทางตกมาถึงแม่แน่ๆ”
เป็เพราะฉัน้าหาโอกาสให้คุณป้าหยางแย่งโควตานี้ไปจากอู๋อู๋ไงล่ะ ถึงได้วางแผนไปที่บ้านของเธอ
ในที่สุดตอนนี้ก็สำเร็จแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าด้านอู๋อู๋จะเป็อย่างไรบ้าง
อู๋อู๋โกรธเป็ฟืนเป็ไฟ!
เมื่อเกิดเื่ “โควตาที่วงในได้กำหนดไว้แล้ว” มาทำให้อู๋อู๋ขายหน้า หล่อนก็ไม่ได้ไปทำงานเลย เื่นี้โจวกุ้ยฮวาเป็คนบอกหล่อน
โจวกุ้ยฮวาคือน้องสะใภ้ซึ่งเป็ภรรยาของน้องชายคนที่สองของอู๋อู๋ เด็กสาวในชนบทที่ไม่ได้รับการศึกษา จึงถูกส่งเข้าไปทำงานที่โรงอาหารในโรงพยาบาล
อู๋อู๋ตัดใจแล้วว่าเื่ของซูอินที่ได้ช่วยเหลือคนผู้หนึ่งเอาไว้เป็เพียงเื่เข้าใจผิด และปรารถนาให้เธอออกไปจากตระกูลโดยเร็ว เหตุผลที่ไปเกลี้ยกล่อมเธอถึงหน้าประตูโรงเรียนก็แค่เพราะทำตามคำขอของหลิงจื้อเฉิง
สิ่งที่เธอให้ความใส่ใจยังคงเป็เื่ในโรงพยาบาล แม้รู้ดีว่าลับหลังเพื่อนร่วมงานเหล่านี้ไม่มีทางพูดถึงเธอในแง่ดี แต่ก็อดอยากรู้ไม่ได้ว่า พวกเขาพูดถึงเธอว่าอย่างไรบ้าง
เธอนอนไม่หลับกระสับกระส่ายทั้งคืน จนวันรุ่งขึ้นจึงโทรไปที่บ้านน้องชาย
จากนั้นจึงได้ยินเื่การได้ออกหน้าครั้งใหญ่ของหยางอวี้หลาน
“ยังมีอีกเื่หนึ่ง เมื่อวานนี้อินอินไข้ขึ้นจนเข้าโรงพยาบาล เหมือนกับว่าโรงพยาบาลจะหักค่ายาจากบัญชีของพี่ ฉันได้ยินพวกนางพยาบาลห้องจ่ายยาพูดกันว่า พวกเขาโทรหาพี่แล้ว แต่ว่านั่นเป็แค่เื่เล็ก น่าเสียดายที่เมื่อวานพี่ไม่อยู่ ไม่ว่าจะหน้าตา รูปร่าง อย่างไรพี่ก็ดีกว่าแม่หยางคนประจบสอพลอนั่น…”
คำชมในสายของโจวกุ้ยฮวายังคงดำเนินต่อไป แต่อู๋อู๋กลับรู้สึกว่าเธอได้พบช่องทางระบายความโกรธแล้ว