เวลาผ่านไปสองอาทิตย์ เด็กหนุ่มในชุดขาดวิ่นสีดำสนิทเดินลงมาจากูเาฉางไป๋จนถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งตรงเชิงเขา เพียงมองก็เห็นได้ชัดเจนว่าหน้าอกและต้นขาของเขามีแผลฉกรรจ์ขนาดใหญ่ดูน่ากลัวเหมือนแผลถูกดาบฟัน เขาคนนั้นก็คือเย่เฟิงนั่นเอง ไม่นานเขาก็ถอดหน้ากากโยนทิ้งไปเผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง
่ที่ผ่านมาชายหนุ่มสืบเสาะหาเบาะแสของซูเฟยหยิ่งตามบริเวณใกล้เคียงซากสุสานโบราณอย่างละเอียด ทว่าไม่พบแม้แต่ร่องรอยของเธอเลย จึงกลับลงเขามาพร้อมไข่มุกราตรีและหินจิติญญาที่ได้มาโดยบังเอิญ เมื่อลงูเามาแล้วก็เตรียมให้เตาปามารับกลับเมืองเยี่ยนจิง แม้จะผิดหวัง แต่หลังจากค้นหาจนทั่วแล้วก็ไม่พบร่องรอยที่เชื่อมโยงไปถึงตัวเธอเลย อยู่ต่อไปก็คงไร้ประโยชน์
เย่เฟิงเดินมาถึงหมู่บ้านขนาดไม่ใหญ่นัก ถนนคอนกรีตถูกสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมต่อกับโลกภายนอก แม้ไม่กว้างทว่าเพียงพอให้เตาปาขับรถฮัมเมอร์ผ่านเข้ามาได้ เขาไม่สามารถกลับเมืองหลินเจียงในสภาพเสื้อผ้าขาดวิ่นได้ มันจะดูน่าสงสัยเกินไป จึงต้องยืมโทรศัพท์จากคนในหมู่บ้านให้เตาปานำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้ตนด้วย
เมื่อมาถึงทางหน้าหมู่บ้าน เย่เฟิงก็กวาดตาตรวจสอบอย่างละเอียด หลังจากแน่ใจว่าไม่มีบุคคลน่าสงสัยก็โล่งใจ ก่อนเดินเข้าหมู่บ้าน
ขณะเพิ่งก้าวเท้าเข้าหมู่บ้านก็พบคุณป้าสองคนซึ่งมองการแต่งตัวของเขาด้วยสายตาจับผิด ก่อนกระซิบกระซาบกันแล้วรีบกลับเข้าบ้านพร้อมปิดประตู สภาพของเขาตอนนี้เหมือนพวกอันธพาลที่ถูกคนฟันแล้วพยายามหลบหนี จึงไม่แปลกที่ชาวบ้านจะใกลัว
เมื่อเดินเข้าไปในหมู่บ้านก็ต้องเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มวัยรุ่นสี่คนที่ดูไม่เอาการเอางาน พวกเขามองบริเวณหน้าอกของเย่เฟิงอย่างสงสัย
“เ้าหนู ในเสื้อนายซ่อนอะไรไว้?” ในอ้อมแขนของเย่เฟิงเก็บไข่มุกราตรีขนาดเท่ากำปั้นและหินจิติญญาไว้ สองสิ่งนี้เป็ของที่ประเมินค่าไม่ได้
เมื่อฝ่ายตรงข้ามถามอย่างนี้ เขาจึงตอบเสียงเรียบ “ฉันขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิ ของที่ฉันพกมาดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกับพวกนายนะ?”
“ไอ้ลูกเต่า กล้าอวดดีขนาดนี้เลย? คิดว่ามีแผลบนตัวสองที่แล้วเจ๋งเหรอ?” วัยรุ่นทั้งสี่คนโห่ร้องใส่เย่เฟิง ต่างมองเขาเหมือนมองคนสมองทึ่ม
พวกเขาเป็สมาชิกของแก๊งที่มาจากเมืองเป่าซานซึ่งอยู่ละแวกใกล้เคียงหมู่บ้านนี้ เป็พวกที่เอาแต่เที่ยวเล่นทั้งวันและบางครั้งยังตามเก็บค่าคุ้มครองจากหมู่บ้านใกล้เคียง ชาวบ้านต่างเรียกพวกเขาว่าสี่หนุ่มหล่อแห่งเป่าซาน ในการต่อสู้เด็กกลุ่มนี้มักลงมืออย่างโเี้ไม่ไว้ชีวิต หัวหน้าแก๊งจึงชื่นชมพวกเขามาก วันนี้ทั้งสี่คนมาที่นี่เพื่อเล่นสนุกตามลวนลามเด็กสาวในหมู่บ้าน เมื่อพบคนน่าสงสัยอย่างเย่เฟิงจึงไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ
“เ้าเด็กตัวเหม็น รีบส่งของมาซะ ถ้าให้พวกฉันลงมือ แกได้ร้องไห้หาพ่อแน่” เด็กหนุ่มผู้ย้อมผมสีเหลืองและเจาะหูข้างเดียว ชี้หน้าเย่เฟิงพร้อมก่นด่าด้วยท่าทีหยิ่งผยอง
“หวงจื่อ ไม่ต้องพูดกับมันมากหรอก คนบางคนอาจโง่เกินไป แค่กระทืบสักรอบเดี๋ยวก็เชื่อฟังแล้ว” ชายตัวสูงรูปร่างผอมแห้งกล่าว เขาถกแขนเสื้อตัวเองขึ้นพร้อมแสดงท่าทีพร้อมจะจัดการเย่เฟิง “ยังไม่ยอมส่งของมาอีก?”
พวกเขาแสดงท่าทีอย่างโจ่งแจ้งว่า้าปล้นเย่เฟิงสีหน้าท่าทางของเย่เฟิงยังคงเยือกเย็น เดิมเขาตามหาซูเฟยหยิ่งไม่เจอก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว คนพวกนี้ยังจะหาเื่เขาถึงที่อีก? ชายหนุ่มหยิบไข่มุกราตรีและหินจิติญญาออกมาพลางพูดด้วยน้ำเสียงเ็า “งั้นก็ดูซะ ตอนนี้พวกนายควรให้ฉันยืมโทรศัพท์สักหน่อยไหม?”
“ไอ้ของกลมๆ พวกนี้คือของเล่นอะไร?” เมื่อของปรากฏสู่สายตา พวกเขาต่างแปลกใจจนต้องกระซิบกระซาบกัน
“ดูเหมือนจะเป็ไข่มุกราตรีนะ ฉันเคยเห็นมันในทีวี!”
“เชี่ย ของหายากอย่างนี้จะขายได้เท่าไรวะ?”
“ไม่แปลกที่เ้าเด็กนี่ถูกฟันจนสภาพยับเยินขนาดนี้ ที่แท้ก็มีของแบบนี้อยู่กับตัว...”
สายตาของพวกเขาสี่คนเปล่งประกาย ก่อนจ้องเย่เฟิงด้วยสายตามุ่งร้าย เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ชายหนุ่มกลายเป็แกะตัวอ้วนสำหรับพวกเขาไปแล้ว! สภาพเสื้อผ้าขาดวิ่นอีกทั้งาแฉกรรจ์ ขณะที่บนตัวกลับมีของล้ำค่า ย่อมทำให้ผู้คนริษยา!
เมื่อไม่มีใครรู้เห็นก็กำจัดเขาทิ้งซะ...
เย่เฟิงรู้ความคิดของคนเหล่านี้ เขาแค่นเสียงเ็า นึกี้เีเกินกว่าจะพูดจาให้มากความ จึงก้าวไปข้างหน้าแล้วปล่อยหมัดแปดทิศออกไป!
สำหรับคนพวกนี้เย่เฟิงไม่จำเป็ต้องออกแรงเต็มที่เลยด้วยซ้ำ เพียงพริบตาขณะที่พวกเขายังไม่ทันมีปฏิกิริยาก็ถูกเย่เฟิงตีจนสลบล้มลงกับพื้น นอนขดตัวหอบหายใจด้วยความเจ็บ
ด้านชาวบ้านที่เห็นชายหนุ่มสี่คนถูกทำร้ายอยู่ไกลๆ ต่างพากันชอบใจ อันธพาลพวกนี้วันๆ เอาแต่อวดเบ่งอำนาจของแก๊งเป่าซาน กระทั่งเด็กสาวในหมู่บ้านก็ยังถูกพวกเขาเรียกไปมั่วสุมด้วยกัน หลอกให้สับสนและหลงผิดจนหญิงสาวเ่าั้ต้องพลาดพลั้งไปอยู่ในสถานที่ที่น่ารังเกียจ
เพียงแต่พวกเขาเป็ห่วงเด็กหนุ่มที่เสื้อผ้าขาดวิ่น กลัวว่าการลงมือทำร้ายกลุ่มวัยรุ่นทั้งสี่คนจะทำให้แก๊งเป่าซานขุ่นเคืองและเขาอาจมีจุดจบที่ไม่ดีนัก!
“เอาโทรศัพท์มาให้ฉันยืมซะ” เย่เฟิงเดินเข้าไปหยุดข้างชายผมเหลือง ก่อนกล่าวอย่างเ็า
“ยะ ยืม...” ชายผมเหลืองตื่นตระหนกมาก พวกเขาคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายพวกตนได้ มือข้างหนึ่งของเขาล้วงเข้าไปในอกคล้ายจะหยิบโทรศัพท์ออกมา ทว่าหลังจากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็โเี้ “ไปตายให้ฉันดูก่อนสิไอ้เวร!”
มือข้างหนึ่งของเขาถือมีดปอกผลไม้ เตรียมแทงทะลุหน้าอกของเย่เฟิง!
เพียะ!
เย่เฟิงสบัดมือตบข้อมือชายคนนั้นทำให้มีดปอกผลไม้ในมืออีกฝ่ายหลุดปลิวไป จากนั้นสีหน้าของชายหนุ่มก็เย็นเยียบ ในเมื่ออันธพาลพวกนี้ร้ายกาจขนาดนี้ ถ้าเขายอมปล่อยมันไปจะไม่ใช่การดูถูกเขาหรอกเหรอ? เมื่อสิ้นความคิดก็ยกเท้าขึ้นมากระทืบหลังมือของชายผมเหลืองเต็มแรง ทั้งยังปล่อยพลังปราณออกไปด้วย ทำให้กระดูกมือของมันแตกละเอียด
ชายผมเหลืองกรีดร้องอย่างน่าเวทนาดังก้องทั่วหมู่บ้าน
ในเมื่ออีกฝ่ายสร้างปัญหาให้เขา จึงไม่น่าแปลกใจที่เย่เฟิงจะรำคาญ
“ใช่ ที่หมู่บ้านหนานกัง มีเด็กคนหนึ่งถือไข่มุกล้ำค่าอยู่ในมือ มันต่อสู้เก่ง...” เวลานี้ชายหนุ่มร่างสูงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วคุยอะไรบางอย่างกับปลายสาย ดูก็รู้ว่ากำลังเรียกคนมาช่วย
“ยืมโทรศัพท์ใช้หน่อยสิ” เย่เฟิงเดินเข้าไปหาก่อนคว้าโทรศัพท์ของอีกฝ่าย เขาเหลือบมองรายชื่อผู้ติดต่อ ‘ลูกพี่เทียนเป่า’ น่าจะเป็หัวหน้าแก๊งของคนพวกนี้
เขาไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย ขนาดแก๊งอสรพิษ์ของเมืองเยี่ยนจิงยังตกอยู่ใต้อำนาจของเขา ไหนเลยจะต้องสนใจแก๊งเล็กๆ ตามพื้นที่ห่างไกลอย่างนี้?
เย่เฟิงกดตัดสายจากนั้นโทรหาเตาปา “เตาปา ฉันคือเย่เฟิง นายขับรถมารับฉันที่หมู่บ้านหนานกัง เมืองเป่าซานที”
เมื่อได้ยินเสียงของเย่เฟิง เตาปาก็ยินดีมาก แต่ต้องสงบลงทันทีก่อนตอบกลับอย่างเคร่งขรึม “ลูกพี่เย่ ที่เมืองเยี่ยนจิงเกิดเื่แล้วครับ พวกเราต้องรีบกลับไปโดยเร็ว...”
“เกิดอะไรขึ้น?” เย่เฟิงขมวดคิ้วแน่น
“เ้าซ่งหู่มันหักหลังพวกเราครับ!” เตาปากล่าวอย่างแค้นใจ
เมื่อเย่เฟิงได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมา
ซ่งหู่ ไม่ใช่ว่าก่อนพวกเขาออกจากเมืองเยี่ยนจิง เตาปามอบหมายให้ชายหน้าเหลี่ยมคนหนึ่งดูแลแก๊งอสรพิษ์แทนหรอกเหรอ? เย่เฟิงยังจำได้ว่าหลานชายของคนคนนี้เป็เด็กหนุ่มสวมชุดสูทที่ถูกเขาทุบตีขณะอยู่บนรถไฟ ทั้งยังไม่มีท่าทีว่าจะยอมแพ้เขาด้วย
แย่แล้ว!
เย่เฟิงหน้าเปลี่ยนสี อย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้ซูเมิ่งหานตกอยู่ในอันตรายหรอกเหรอ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้