สตรีผู้นี้จะดื้อรั้นเพื่อคนแปลกหน้าคนหนึ่งอย่างกู้ชีฉ่าวไปทำไมกัน?
ใบหน้าของหลงเฟยเยี่ยเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ทว่ายังคงโอบหานอวิ๋นซีไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็ถอดเสื้อคลุมออกแล้วกางมันลงบนพื้น เพื่อปล่อยให้นางนอนลงอย่างช้าๆ
หานอวิ๋นซีที่อ่อนล้าอย่างมาก ทันทีที่แตะพื้นก็ราวกับว่านางกำลังนอนลงบนเตียง หลับตาโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น นอนหลับราวกับหมดสติไป!
“นี่!”
“หานอวิ๋นซี!”
หลงเฟยเยี่ยเขย่าตัวนางอยู่หลายครั้ง แต่นางก็ไม่ตอบสนองๆ คิ้วที่หล่อเหลาของเขาขมวดโดยไม่รู้ตัว โดยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ต้องห้ามเืให้นางก่อน
แม้ว่าสีหน้าจะดูไม่ค่อยดีนัก แต่การเคลื่อนไหวของหลงเฟยเยี่ยก็ระมัดระวังและอ่อนโยนอย่างมาก
ไม่มีใครรู้ว่าฉินอ๋องผู้โอหังและเ็านั้นอ่อนโยนมากในตอนรักษาอาการเจ็บ
ถ้าหานอวิ๋นซีไม่เป็ลมไป นางคงประหม่าจนหายใจไม่ออกเหมือนครั้งก่อนที่นวดเท้า น่าเสียดายที่เวลานี้นางหมดสติไปแล้ว
าแที่ถูกแส้ฟาดบนแขน เสื้อผ้าก็ฝังลึกลงไปในาแ เปรอะไปด้วยเนื้อเื มันดูน่ากลัว แต่การาเ็แบบนี้ไม่ได้มีผลอะไรกับหลงเฟยเยี่ย
อย่างไรก็ตาม เขายังคงแยกเสื้อผ้าที่อยู่ในเนื้อและเืออกอย่างระมัดระวัง ราวกับว่ากลัวหานอวิ๋นซีจะเจ็บ พลางเหลือบมองนางเป็ครั้งคราว เมื่อเห็นใบหน้าที่สงบของนาง เขาจึงทำต่อไป
หลังจากรักษาแผลอย่างดี ใส่ทายาและพันผ้าพันแผลห้ามเืแล้ว ก็เสร็จก่อนมืดค่ำพอดี
เดิมทีฤดูหนาวในูเาลึกมันก็หนาวเหน็บอยู่แล้ว ยิ่งตอนกลางคืนก็ยิ่งหนาว หลงเฟยเยี่ยจุดไฟ ลังเลอยู่นานแต่ก็ยังกอดหานอวิ๋นซีไว้และปล่อยให้นางนอนหลับในอ้อมแขนของเขา
แม้ว่าพื้นดินจะถูกคลุมด้วยเสื้อคลุม แต่ก็ยังเย็นอยู่ดี
หานอวิ๋นซีซึ่งแต่เดิมขดตัวอยู่ เมื่อตกอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นก็ลืมตาด้วยความงุนงง
หลงเฟยเยี่ยก้มลงมอง น้ำเสียงของเขาเ็าจนไม่มีความอบอุ่นเลย “ตื่นแล้วหรือ?”
หานอวิ๋นซีมองเขา จากนั้นก็มองไปรอบๆ รู้สึกเพียงว่าศีรษะหนักอึ้งและปวดหน้าผาก ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะฟื้นตัวและเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ทันทีที่นางเข้าใจ นางก็พยายามลุกขึ้นแต่หลงเฟยเยี่ยกลับรั้งไว้และพูดอย่างเ็าว่า “อ่อนแอแบบนี้ ยังอยากรนหาที่ตายอีกหรือ?”
หานอวิ๋นซีเหลือบมองไปที่แขนของตัวเอง แล้วยิ้มเบาๆ “ไม่อยาก”
“ไม่อยากตาย ก็นอนลงอย่างเชื่อฟัง” ใบหน้าของหลงเฟยเยี่ยเรียบเฉยและมองไปทางความมืดที่อยู่ตรงหน้าเขา
ใครจะรู้ว่า จู่ๆ หานอวิ๋นซีก็ส่งเสียง “อ้วก” ออกมา พร้อมกับพ่นเืสีดำออกมาเต็มปาก จากนั้นก็ไออย่างหนัก
“เ้าถูกวางยาพิษ!”
หลงเฟยเยี่ยใ ไม่เคยคิดว่าหานอวิ๋นซีนักล้างพิษระดับปรมาจารย์จะถูกวางยาพิษเช่นกัน อย่างไรก็ตาม อาการของการถูกวางพิษของเขาก่อนหน้านี้ก็กระอักเืสีดำออกมาเช่นกัน เขาจึงมั่นใจมากว่ามันเป็พิษ
ใบหน้าที่ซีดเซียวอยู่แล้วของหานอวิ๋นซีก็ยิ่งซีดขึ้นไปอีก ร่างทั้งร่างของนางก็อ่อนแอราวกับกระดาษแผ่นบางๆ หากไม่ได้อยู่ในอ้อมแขนของหลงเฟยเยี่ย คาดว่าคงถูกลมพัดปลิวไปนานแล้ว
นางเป็ปรมาจารย์ด้านการล้างพิษ สามารถล้างพิษได้แทบจะในทันทีหลังจากถูกวางพิษ แต่นางให้ “ทันที” กับเขาและลืมเื่ของตัวเองไป
“ยา...เอาถุงยามาให้ข้า” หานอวิ๋นซีพูดอย่างอ่อนแรง
หลงเฟยเยี่ยหยิบถุงยาทันที เทยาทั้งหมดออกมาและถามด้วยเสียงทุ้มว่า “อันไหน?”
อันไหน?
เมื่อมองไปที่ขวดและกระป๋องทั่วพื้น จู่ๆ หานอวิ๋นซีก็รู้สึกอยากจะร้องไห้!
เดิมทีในถุงยาไม่มียาแก้พิษอยู่แล้ว นางแค่้าใช้ถุงยาเป็ที่กำบัง เพื่อที่จะเอามือล้วงเข้าไปในช่องว่างของระบบล้างพิษแล้วหยิบมันออกมา ชายผู้นี้กลับเทยาออกมาทั้งหมด แล้วนางจะทำอย่างไรล่ะ?
บ้าบอ!
ไม่อยากเจอท่านเลยจริงๆ!
หานอวิ๋นซีที่อยากจะร้องไห้ออกมา ทว่าหลงเฟยเยี่ยก็ะโใส่นางด้วยความโกรธว่า “สรุปว่าอันไหน! รีบพูดสิ!”
เป็การยากที่จะซ่อนความวิตกกังวลในความโกรธ หานอวิ๋นซีที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาก็เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาที่เ็าอย่างมึนงง ทันใดนั้นก็ถามโดยไม่คิดว่า “หลงเฟยเยี่ย ท่านใช้ข้าเป็เหยื่อล่อข้าศึก หากถูกกัดตายจะทำอย่างไร?”
เขามาช่วยนาง นางก็มีความสุขมาก
ถ้าเขามาเพื่อใช้นางเป็เหยื่อตกปลาใหญ่ละก็ นางคงไม่อยากให้เขามา กลับกันในตอนนั้นนางก็คิดว่าเขาจะไม่มาอยู่แล้ว
สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดในโลกนี้คือการให้ความหวังแก่ผู้คน แล้วก็ทำให้ผู้คนผิดหวัง!
หลงเฟยเยี่ยไม่คาดคิดว่าหานอวิ๋นซีจะถามคำถามนี้ เขามองนางและชะงักไปเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าก็กลับมามีสติและพูดอย่างราบเรียบว่า “ไม่มีทาง”
“ไม่มีทางอะไร?” หานอวิ๋นซีถามอีกครั้ง ดวงตาที่พร่ามัวของนางดูน่าสงสารและสวยสง่างาม
หลงเฟยเยี่ยมองนาง แต่มองไปมองมากลับไม่ได้รู้สึกสงสารนางเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังถามด้วยเสียงเ็าว่า “ยาแก้พิษอยู่ที่ไหน?”
หานอวิ๋นซีตกตะลึง ดวงตาที่พร่ามัวของนางชัดเจนขึ้นทันที นางใจนได้สติกลับมา
เ้าบ้า!
เมื่อครู่นางถามคำถามอะไรไป?
“ยาแก้พิษอยู่ที่ไหน?” หลงเฟยเยี่ยถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ข้าขอคิดดูก่อน...” หานอวิ่นซีตอบอย่างเขินอาย ราวกับว่าคนที่ถูกวางยาไม่ใช่ตัวเอง ดังนั้นนางจึงรีบค้นหายาแก้พิษ
แน่นอนว่าสิ่งที่เรียกว่าความคิดของนางเป็การเปิดใช้งานระบบการล้างพิษ
หานอวิ๋นซีคิดเกี่ยวกับเื่นี้และพยายามตั้งสมาธิ หากเป็ปกติแล้ว นี่เป็การสิ้นเปลืองพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้นางหมดแรงและเป็เื่ยากมากที่จะทำ
นางต้องหลับตาลง แต่เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลงเฟยเยี่ยก็กังวลอีกครั้ง “เป็อะไรหรือไม่?”
“ข้าคิด...ข้ากำลังคิดว่า...” หานอวิ๋นซียากที่จะพูดออกไป
หลงเฟยเยี่ยขมวดคิ้วแน่น ไม่กล้ารบกวนนางอีก หานอวิ๋นซีที่คิดอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็จดจ่ออยู่กับการเปิดใช้งานระบบการล้างพิษ ส่งยาขวดเล็กหลายขวดไปที่ฝ่ามือของนาง และซ่อนมันไว้ในแขนเสื้อ
ต้องรู้ว่านี่คือขวดยาหลายขวด ไม่ใช่ยาแค่เม็ดสองเม็ด พระเ้ารู้ดีว่าหานอวิ๋นซีจะใช้พลังงานไปมากเพียงใด พูดง่ายๆ ทันทีที่ได้ของมา นางเกือบจะเป็ลมไปอีกครั้ง
เมื่อเห็นนางค่อยๆ ลืมตาขึ้น หลงเฟยเยี่ยผู้แข็งแกร่งและมีความอดทนอย่างจำกัด คิดไม่ถึงว่าจะไม่เร่งรัดนาง แค่มองดูนางด้วยความกังวลและไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นเขาเช่นนี้ หานอวิ๋นซีก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ คิดว่าตนเองคงหมดแรง สมองเลยเลอะเลือนไปจนเห็นภาพหลอน คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นความกังวลในสายตาของชายเืเย็นผู้นี้
“ยา…ยาซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของข้า หนึ่งขวด…หนึ่งเม็ด” นางพูดอย่างเหนื่อยล้า
หลงเฟยเยี่ยรีบค้นหายาและหยิบขวดยาขนาดเล็กหลายขวดออกมาจากแขนเสื้อของนาง การซ่อนสิ่งของไว้ในแขนเสื้อถือว่าเป็เื่ปกติ หลงเฟยเยี่ยจึงไม่ได้สงสัยอะไรมากนักและเทยาออกมาอย่างละเม็ดต่อขวดตามที่นางพูด รวมเป็หกเม็ด
มือของหลงเฟยเยี่ยแตะปากของหานอวิ๋นซี เขาเองก็ไม่ทันสังเกตว่าเสียงของตนเองเบาลงมาก “อ้าปาก”
หานอวิ๋นซีรู้สึกวิงเวียนและอ้าปากโดยไม่ได้คิดอะไร ใครจะรู้ หลงเฟยเยี่ยรีบใส่ยาทั้งหกเข้าไปในปากของนาง หานอวิ๋นซีไม่กลัวความขมของยา แต่กลัวการกลืนมันลงไปมากที่สุด ความสามารถในการกลืนยาของนางยังแย่ยิ่งกว่าเด็กอายุสามขวบเสียอีก ทุกครั้งที่นางกินยานางต้องกลืนทีละเม็ดอย่างมีสมาธิ
เดิมทีที่ไม่เก่งอยู่แล้ว บวกกับเวลานี้ที่แม้กระทั่งแรงหายใจก็ยังไม่มี แล้วจะกลืนยาหกเม็ดในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้อย่างไร?
เม็ดยาที่ติดอยู่ในคอไม่สามารถกลืนลงไปได้ ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็สีม่วง และจู่ๆ ก็ไออย่างออกมารุนแรงและคลื่นไส้ติดต่อกัน
หลงเฟยเยี่ยที่ไม่ทันคาดคิด ก็รีบสั่งให้นางโน้มตัวลงและรีบตบหลังนาง
หานอวิ๋นซีที่ทรมานอย่างมากจนน้ำตาไหล ต้องรู้ว่าขนาดของยาทั้งหกเม็ดนี้เทียบเท่ากับขนาดของแคปซูลสมัยใหม่หกเม็ด!
นางอ้วกออกมาอย่างรุนแรง เรียกได้ว่าอาเจียนออกมาจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด หลังจากนั้นไม่นาน นางก็สำลักยาทั้งหกเม็ดออกมา
ฮู่ว…
หลังจากถอนหายใจ น้ำตาของหานอวิ๋นซีก็ร่วงหล่นลงมาทีละหยด
ตอนนี้นางไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมออกไปจนหมดเกลี้ยง
นางนอนพิงบนอยู่ในอ้อมแขนของหลงเฟยเยี่ย ศีรษะและดวงตาของนางหนักอึ้ง แววตาทั้งสองก็เต็มไปด้วยความว่างเปล่า
ทรมานเหลือเกิน!
หลงเฟยเยี่ย เ้าบ้า นี่กำลังช่วยชีวิตคนหรือฆ่าคนอยู่กันแน่? เคยป้อนยาคนป่วยบ้างหรือไม่เนี่ย?
ใครจะรู้ว่าในขณะเดียวกัน ความไม่พอใจของหลงเฟยเยี่ยก็ดังขึ้นข้างหูนาง “ทำไมถึงโง่ขนาดนี้?”
หานอวิ๋นซีที่ไร้เรี่ยวแรงอยากจะมองเขาด้วยสายตาอาฆาต แต่น่าเสียดายที่นางไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะจ้องมองเขา
ทำได้แค่นอนลงและหลับตา
หลงเฟยเยี่ยไม่เคยดูแลใครมาก่อน โดยเฉพาะสตรี เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายของสตรีบอบบางขนาดไหน?
เขาตบหลังของหานอวิ๋นซีเบาๆ เมื่อเห็นว่านางหยุดอาเจียนแล้ว จึงเทยาอีกหกเม็ด “ลุกขึ้น กลืนทีละเม็ด”
อย่างไรก็ตาม หานอวิ๋นซีไม่ขยับตัวใดๆ นางไม่มีแรงแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น
หลงเฟยเยี่ยยกศีรษะของนางขึ้น “ถ้าไม่กินยา เ้าก็จะตายเพราะพิษ แล้วอย่ามาโทษว่าข้าไม่ช่วยเ้าก็แล้วกัน”
ใครจะรู้ว่าศีรษะเล็กของหานอวิ๋นซีกลับไหลลงจากมือของเขาอย่างช้าๆ ตอนนี้หลงเฟยเยี่ยจึงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ สตรีผู้นี้อ่อนแอมาก!
ความรู้สึกหวาดกลัวที่ไม่คุ้นเคยแวบเข้ามาในหัวใจของหลงเฟยเยี่ย ด้วยความร้อนรน เขาจึงรีบส่งพลังลมปราณไปที่แผ่นหลังของหานอวิ๋นซีทันที
แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่พลังลมปราณถูกส่งผ่านไป หานอวิ๋นซีก็กระอักเืสีดำออกมาสามครั้งติดต่อกัน
จากนั้นหลงเฟยเยี่ยก็ตระหนักได้ถึงความผิดพลาดของตัวเอง สตรีผู้นี้ถูกวางยาพิษ หากพลังลมปราณหลั่งไหลเข้าไป มันก็จะเร่งการไหลเวียนของโลหิต และมันจะเร่งพิษอย่างไม่ต้องสงสัย!
เขาที่สงบอยู่ตลอดเวลาและไม่เคยตื่นตระหนกขนาดนี้มาก่อน ครั้งนี้มันเกิดอะไรขึ้น?
หาก้าเติมพลังลมปราณให้กับนาง ก่อนอื่นก็ต้องล้างพิษในร่างกายของนางก่อน
ร่องรอยของความหงุดหงิดปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อ ทว่าหลงเฟยเยี่ยก็ยังคงอดทน ใส่ยาเข้าไปในปากของหานอวิ๋นซีทีละเม็ด เพียงแต่ ในไม่ช้า เขาก็ต้องหยุดลง เพราะกลัวว่าตนเองจะทำรุนแรงเกินไป แล้วสตรีผู้นี้จะอาเจียนออกมาอีกครั้ง
ด้วยความสิ้นหวัง เขาทำได้เพียงวางยาไว้ในฝ่ามือใกล้กับปากของนาง “เ้ากินเองเถอะ ค่อยๆ กินทีละเม็ด”
ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังลมปราณ ทำให้พิษในร่างกายของหานอวิ๋นซีไหลเวียนและในขณะเดียวกันก็ทำให้นางมีพลังมากขึ้น
นางมองไปที่ยาในมือของหลงเฟยเยี่ย แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นเช่นนี้ หลงเฟยเยี่ยก็เข้ามาช่วยอย่างระมัดระวัง
ยาแก้พิษ ยาแก้พิษที่ช่วยชีวิตนาง
ความจริงแล้วหานอวิ๋นซีกังวลยิ่งกว่าหลงเฟยเยี่ยเสียอีก แต่ตอนนี้นางกลัวจริงๆ ไม่กล้าปล่อยให้หลงเฟยเยี่ยป้อนนางอีก
นางจับมือไว้ หันศีรษะไปด้านข้างและเอนตัวไปใกล้มือของเขา พลังลมปราณที่อยู่บนฝ่ามือของเขา นุ่มนวลและสบายอย่างสุดจะพรรณนา
จากนั้นหานอวิ๋นซีจึงจะยื่นลิ้นเล็กๆ ออกไปเพื่อเพื่อตวัดเม็ดยาขึ้นมาเบาๆ ปลายลิ้นของนางก็ัักับฝ่ามือของหลงเฟยเยี่ยโดยไม่ได้ตั้งใจ
หลงเฟยเยี่ยอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งร่างกายและจิตใจ รู้สึกถึงความรู้สึกเสียวซ่านที่แผ่กระจายไปทั่วร่างกายจากฝ่ามือของเขา
หานอวิ๋นซีกลืนยาอย่างไม่เต็มใจ และเอนกายลงอีกครั้ง ลิ้นอันอ่อนนุ่มของนางโดนที่ฝ่ามือของหลงเฟยเยี่ยอีกครั้ง หลงเฟยเยี่ยเกร็งโดยไม่รู้ตัว รู้สึกถึงการสูญเสียการควบคุมที่ไม่สามารถอธิบายได้
ในตอนที่หานอวิ๋นซีกินยาเม็ดเป็ครั้งที่สาม หลงเฟยเยี่ยแทบจะสูญเสียการควบคุมตนเองไป เรียกได้ว่านี่เป็การทรมาน แต่เขาเองกลับบ้าบอที่มีความรู้สึกหลงใหลมากขนาดนั้น
ปีศาจน้อยตัวนี้ช่างน่ารำคาญ!
หากยังเป็เช่นนี้ต่อไป การควบคุมตนเองที่เขาภูมิใจมาตลอดหลายปีจะต้องพังทลายลงอย่างแน่นอน สุดท้ายเขาก็ทนไม่ได้อีกต่อไป หดฝ่ามือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ข้าป้อนเ้าดีกว่า”
หานอวิ๋นซีมองเขา ในแววตาของนางก็เต็มไปด้วยความกลัว
“ถ้าจะกินทีละเม็ด เ้าก็กินเองเถอะ” หลงเฟยเยี่ยพูดอย่างอดทน และไม่ว่าหานอวิ๋นซีจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม เขาก็เอายาเม็ดมายัดไว้ระหว่างริมฝีปากที่ปิดแน่นของนาง
เมื่อเห็นเส้นเืที่หน้าผากของเขา หานอวิ๋นซีคิดว่าชายใจร้อนผู้นี้กำลังโกรธอีกครั้ง ดังนั้นนางจึงไม่กล้าปฏิเสธและกินยาอย่างเชื่อฟัง
ในที่สุดก็กลืนยาหกเม็ดลงไปได้ทั้งหมด...
