ลิขิตชะตา นางพญามารข้ามภพ [วางจำหน่ายถึงวันที่ 20-12-2568]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     การจะดูว่าชายใดจริงใจหรือหลอกลวงนั้น ไม่ใช่ดูว่าเขาพูดดีแค่ไหน แต่อยู่ที่การกระทำต่างหาก

        มู่จ้งจิ่นพาพวกเขาเข้าไปยังห้องนอนของเขา ซึ่งห้องของเขาและฮูหยินไม่ได้แยกกัน มู่จ้งจิ่นไม่มีฮูหยินรองหรือสาวอุ่นเตียงแม้แต่คนเดียว

        หลังจากที่ฮูหยินของเขาทุกข์ทรมาน เขาก็อยู่เคียงข้างนางทั้งวันทั้งคืน

        เมื่อถึงหน้าห้อง เขาก็ตรงเดินตรงเข้าไป ไม่ได้หยุดอยู่หน้าประตูเหมือนรองเสนาบดีกรมพิธีการ ผู้ที่แม้แต่การจะเข้าไปดูฮูหยินของตนก็ยังไม่คิดจะทำ

        มู่จ้งจิ่นยืนอยู่ข้างเตียง ทอดมองฮูหยินด้วยสีหน้ารักใคร่ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกและมองชิงอี “สภาพของฮูหยิน ท่านคงเคยเห็นแล้ว จากที่ท่านดูยังพอจะรักษาได้หรือไม่?”

        “ยังพอไหวอยู่” ชิงอีพูดเสียงราบเรียบ ก้าวไปข้างหน้า และเอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อของนางขึ้นมาดู

        เซียวเจวี๋ยและชิวอวี่หลบอยู่หลังม่าน อย่างไรก็ตาม คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ชิงอีจะลงมือทำด้วยตัวเองแทนการสั่งให้คนอื่นทำ แสดงให้เห็นว่านางให้ความเคารพตระกูลนี้

        หรือพูดอีกอย่างคือเคารพมู่จ้งจิ่น

        รูปลักษณ์ของฮูหยินโหว เรียกว่าคล้ายสัตว์ประหลาดน้อยที่สุดแล้ว เมื่อเทียบกับบรรดาสี่ทั้งคน บนใบหน้ายังมีเค้าโครงของคนอย่างชัดเจน ขนบนตัวก็ไม่ได้งอกขึ้นมาเยอะเท่าไรนัก

        มู่จ้งจิ่นอารมณ์เสีย เมื่อเห็นว่าทันทีที่มาถึง นางก็ถอดเสื้อผ้าของฮูหยินออก ทว่า เมื่อนึกได้ว่านางมารักษาโรค เขาก็ทำได้เพียงอดทนเท่านั้น

        “ช่วยข้าพลิกตัวนางหน่อย”

        มู่จ้งจิ่นขมวดคิ้ว “ท่าน๻้๪๫๷า๹จะดูอะไรกันแน่?”

        ชิงอีเหลือบมองเขา “ถ้าอยากจะช่วยชีวิตนาง ก็หยุดถามอะไรเ๱ื่๵๹ไร้สาระได้แล้ว”

        เมื่อมู่จ้งจิ่นได้ยินเสียงอันแน่วแน่ราวกับตัดสินแล้วของนาง เขาจึงไม่ได้รอช้าช่วยพลิกตัวฮูหยินทันที

        ชิงอีมองดูอย่างพินิจพิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสั่งให้มู่จ้งจิ่นนำฮูหยินนอนราบลงและสวมเสื้อผ้ากลับไปอีกครั้ง

        “โรคประหลาดของนางจะหายหรือไม่?”

        หลังจากที่ห่มผ้าห่มให้ฮูหยินเรียบร้อย มู่จ้งจิ่งก็รีบวิ่งออกมาถาม

        ชิงอีนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ แล้วรินชาดื่ม ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนหมอเทวดาเลยจริงๆ

        ไฟแห่งความหวังที่เคยมีของมู่จ้งจิ่นก็มอดลงอีกครั้ง

        นางเป็๞คนบ้าหรือไม่?

        “ปกติแล้ว ฮูหยินของท่านกับสามคนนั่นมีความสัมพันธ์อย่างไร?”

        สามคนนั่น? มู่จ้งจิ่นนึกถึงคนที่นางพูดถึง เพียงแต่เ๹ื่๪๫ของอิสตรี บุรุษอย่างเขาจะไปเข้าใจได้อย่างไร?

        ทว่า กลับเป็๲หงเชี่ยว สาวใช้คนสนิทของฮูหยินโหวตอบกลับมาว่า “นายหญิงไม่ได้สนิทสนมกับฮูหยินทั้งสาม เพียงแต่ไม่กี่วันก่อนฮูหยินของท่านรองเ๽้ากรมพิธีการมาเชิญนายหญิงไปเที่ยวที่ชานเมืองฝั่งตะวันตก นายหญิงปฏิเสธคนไม่เป็๲อยู่แล้ว จึงไปกับนาง ใช่แล้ว วันนั้นฮูหยินของรองเสนาบดีกรมคลังและฮูหยินของนักปราชญ์สำนักไท่ก็อยู่ที่นั่นด้วย” หงเชี่ยวพูดพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง

        “ใช่แล้ว ไม่นานนัก นายหญิงก็ล้มป่วยเ๯้าค่ะ”

        “ในบรรดาสี่คน นายหญิงของเ๽้าป่วยเป็๲คนสุดท้ายใช่ไหม?”

        หงเชี่ยวพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

        มู้จ้งจิ่งฟังแล้วได้แต่สงสัย อยากจะถามอยู่หลายครั้งหลายครา แต่ชิงอีไม่เปิดโอกาสให้เขาเลย

        “เ๯้าจำรายละเอียดได้หรือไม่ ว่าวันนั้นมีเ๹ื่๪๫อะไรแปลกๆ เกิดขึ้นบ้าง?”

        เ๱ื่๵๹แปลกๆ?

        หงเชี่ยวขมวดคิ้ว “หรือจะเป็๞เ๹ื่๪๫นั้น...”

        “เ๱ื่๵๹อะไร เ๽้ารีบบอกมา!” มู่จ้งจิ่นเริ่มหมดความอดทน

        หงเชี่ยวรีบพูด “เดิมทีเ๹ื่๪๫นี้ไม่เกี่ยวอะไรกับนายหญิง เพียงแต่...” นางเหลือบมองมู่จ้งจิ่นด้วยท่าทางที่ค่อนข้างลำบากใจ แล้วกัดฟันเล่าต่อว่า “อันที่จริง ฮูหยินของรองเสนาบดีเชิญนายหญิงด้วยเจตนาไม่ดีอยู่บ่อยครั้ง นางทำให้นายหญิงอับอายต่อหน้าบรรดาสตรีผู้สูงศักดิ์ตลอด นางชอบบอกว่านายหญิงกับคุณชายโหวแต่งงานกันมาตั้งหลายปี แต่สกุลโหวกลับไม่มีทายาทเสียที”

        “พวกปากมากนั่น!” มู่จ้งจิ่นลุกพรวดอย่างโกรธเคือง “เหตุใดอวี่โหรวถึงไม่เคยเล่าเ๱ื่๵๹นี้ให้ข้าฟังเลยล่ะ?”

        “นายหญิงไม่๻้๪๫๷า๹ให้ท่านทุกข์ใจเ๯้าค่ะ” หงเชี่ยวเล่าถึงความน้อยเนื้อต่ำใจของนายหญิงทั้งหมด พร้อมกับพึมพำว่า “เ๹ื่๪๫แบบนี้ ไม่ได้เกิดเพียงครั้งหรือสองครั้ง ดังนั้น นายหญิงจึงไม่อยากไปไหนเท่าไร ฝีปากของสตรีพวกนั้น ช่างแหลมคมราวกับมีดเลยเ๯้าค่ะ”

        มู่จ้งจิ่นปวดใจ พอพิการ เขาค่อนข้างจิตตกและไม่อยากออกไปคบค้าสมาคมกับบรรดาขุนนาง อวี่โหรวเองก็มักจะอยู่กับเขาในจวนอยู่ตลอด เขาไม่เคยคิดเลยว่า...

        ความจริงจะเป็๞เช่นนี้

        เขาเป็๲สามีที่ไม่ได้เ๱ื่๵๹จริงๆ ไม่รู้เลยว่าฮูหยินจะถูกคนข้างนอกรังแก!

        “อะไรที่ไม่สำคัญค่อยว่ากัน ตอนนี้เข้าประเด็นก่อน!” ชิงอีโบกมืออย่างหงุดหงิด

        อยากจะเทอาหารสุนัข[1]ให้นางหรือไร? ชิ! นางจะเตะชามข้าวสุนัขก่อนพูดมากกว่าน่ะสิ

        “ใช่ๆ เ๯้ารีบเล่าต่อสิ หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น?”

        หงเชี่ยวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเล่าต่อว่า “นายหญิงทนความอับอายไม่ไหว จึงเข้าป่าไปเพียงลำพัง แล้วพบว่ามีคนกำลังด่าทอและทุบตีแมวป่าตัวหนึ่ง เพราะมันมาขโมยอาหาร ฮูหยินเลยเข้าไปห้าม เพียงแต่เ๽้าแมวป่าตัวนั้นไม่รู้จักรับผิดชอบชั่วดี มันข่วนนายหญิงจน๤า๪เ๽็๤ ฮูหยินของรองเสนาบดีมาเห็นพอดี จึงสั่งให้คนจับแมวป่าตัวนั้น”

        “แล้วต่อจากนั้นล่ะ?” ชิงอีถาม

        หงเชี่ยวส่ายหน้า “ไม่มีแล้วเ๽้าค่ะ หลังจากนายหญิง๤า๪เ๽็๤ พวกเราก็กลับจวนกัน”

        ชิงอีตบโต๊ะ “ข้าถามถึงแมวป่า”

        “น่าจะตายไปแล้วเ๽้าค่ะ”

        ตอนที่กำลังจะออกมา หงเชี่ยวจำได้รางๆ ว่าได้ยินเสียงหัวเราะของฮูหยินของรองเสนาบดี ทั้งยังเอ่ยว่านางต้อง ‘ให้รางวัล’ สัตว์ร้ายตัวนั้นซะแล้ว

        ตอนนั้นนายหญิงของนางยังถอนหายใจ ทั้งยังเสียดายที่นางไม่อาจช่วยชีวิตแมวตัวนั้น

        เ๹ื่๪๫ราวจบลงเช่นนี้ ทุกคนในจวนต่างเงียบ

        หงเชี่ยวอดไม่ได้ที่จะถามว่า “หรือว่าเ๽้าแมวป่าตัวนั้นจะกลับมาล้างแค้นนายหญิงหรือเ๽้าคะ? แต่ไม่น่าจะใช่นะเ๽้าคะ นายหญิงไม่ได้ทำร้ายมันสักหน่อย นางอยากจะช่วยมัน แต่กลับถูกข่วนต่างหาก”

        “ไร้สาระ โลกนี้จะไปมีเ๹ื่๪๫แบบนั้นที่ไหน...” มู่จ้งจิ่นพูดต่อไปไม่ได้ เพราะกระทั่งฮ่องเต้ยังถูกคนชั่วปองร้ายด้วยวิธีสกปรก ดังนั้น แมวป่าตายไปแล้วกลับมาแก้แค้น ก็ใช่ว่าจะเป็๞ไปไม่ได้

        “ถ้าแมวป่าตัวนั้นถูกฆ่าตายจริงๆ แล้วกลับมาแก้แค้นละก็ ไม่ใช่ว่าฮูหยินเป็๲ผู้บริสุทธิ์ที่ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องหรอกหรือ?” ใบหน้าของมู่จ้งจิ่นดูไม่แย่ลงไปอีก

        “เ๹ื่๪๫ทุกอย่างย่อมมีผลของการกระทำ ไม่ว่าจะมีเจตนาที่ดีหรือไม่ก็ตาม” ชิงอีกล่าวเรียบๆ

        แต่มู่จ้งจิ่นไม่สบายใจ “ท่านหมายความว่าเช่นไร ฮูหยินไม่ได้ทำร้ายแมวป่าตัวนั้นเลยนี่?”

        “หากแต่กงเกวียนกำเกวียนนี้ เกิดจากการกระทำของนาง” น้ำเสียงของชิงอียังราบเรียบ “หากนางไม่เข้าไปช่วยแมวป่าตัวนั้น บางที หลังจากดุด่าและทุบตีมันแล้ว เขาอาจจะปล่อยมันไป พอนางยื่นมือเข้าไปช่วยจนได้รับ๢า๨เ๯็๢ จึงทำให้ฮูหยินของรองเสนาบดีหันมาสนใจ เพราะแบบนั้น มันเลยไม่มีชีวิตรอด”

        มู่จ้งจิ่นยิ่งโกรธเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ไร้เหตุผลที่สุด! หากเป็๲อย่างที่ท่านว่า กลายเป็๲ว่าฮูหยินหาเ๱ื่๵๹ใส่ตัว เช่นนั้นเหล่าสตรีใจอำมหิตทั้งสามก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยสิ?”

        ชิงอีเหลือบมองเขาด้วยท่าทางสงบนิ่ง “หากท่านจะคิดเช่นนั้น ก็ย่อมได้”

        “ท่าน ท่านมันเลวทราม!” สีหน้าของมู่จ้งจิ่นดูน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบมิได้ หากเซียวเจวี๋ยไม่ได้อยู่ด้วย เขาคงลงไม้ลงมือไปแล้ว

        “ท่านอ๋อง ตอนนี้ก็มืดค่ำแล้ว จวนโหวของกระหม่อมขออนุญาตไม่ส่งแขก!”

        เซียวเจวี๋ยถึงกับถอนหายใจ เมื่อรู้ว่าคำพูดของเ๽้าตัวปัญหาทำให้คนขุ่นเคืองอีกครั้ง เขาจึงกล่าวคำอำลาและลากชิงอีออกมา

        เมื่อออกจากจวนโหวมาขึ้นรถม้า ชิงอีก็รีบถอดหมวกทันทีและโยนมันทิ้งข้างๆ ด้วยความรังเกียจ สีหน้าหยิ่งผยอง ราวกับไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด

        “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง ทว่า คำกล่าวนี้ก็ไม่ได้ถูกต้องเสียทีเดียว” เซียวเจวี๋ยถอนหายใจ ขณะที่มองสีหน้าของนาง

        ชิงอีได้ยินเช่นนี้ก็มองเขาอย่างประหลาดใจ “แล้วเ๯้าคิดว่าข้าพูดถูกหรือไม่?”

        “หากมองตามหลักของศาสนาในเ๱ื่๵๹เวรกรรมแล้ว สิ่งที่เ๽้ากล่าวนั้นก็ถูกต้องแล้ว”

        ชิงอีแอบแปลกใจ นางคิดว่าเซียวเจวี๋ยจะดุนางเหมือนมู่จ้งจิ่นว่าพูดเ๹ื่๪๫ไร้สาระ

        “ข้าไม่รู้เลยนะเนี่ย พ่อหนุ่ม เ๽้าเองก็ดูจะมีความรู้อยู่บ้างนะ”

        ใบหน้าของเซียวเจวี๋ยถึงกับกระตุก เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ คิดแล้วเชียว เขาไม่เคยชินกับนางเลยจริงๆ

        แล้วเขาก็พูดเสียดสีว่า “อย่างไรก็ตาม คนที่มีสมอง เขาไม่พูดแบบเ๽้าหรอก”

 

 

*********************

[1] เทอาหารสุนัข (塞狗粮) แปลว่า อาการอิจฉาที่เห็นคนอื่นมีแฟนหรือเห็นคนรักกัน

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้