เมื่อออกมาจากสวนจิงซิน มู่อวิ๋นจิ่นก็ก้าวเท้าอย่างสบายเดินข้างฉู่ลี่ อาจารย์คงซื่อขมวดคิ้ว หันไปทางมู่อวิ๋นจิ่นแล้วโค้งคำนับ "เป็เพราะข้าน้อยดูแลไม่ดีเอง เมื่อกี้เลยทำให้พระฉายาหกตกพระทัย"
“ไม่เป็ไร แค่ไม่ความเข้าใจผิดก็พอแล้ว” มู่อวิ๋นจิ่นกระตุกคิ้วขึ้น เมื่อคิดถึงเื่ที่เกิดขึ้นในสวนจิ้นซิน สูดลมหายใจเบา ๆ ท่านอาจารย์คงซื่อพยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรอีก
“หลังจากเดินออกจากประตูวัด ฉู่ลี่ชะลอฝีเท้า เหล่ไปที่ท่านอาจารย์คงซื่อ “ข้าขอตัวกลับจวนก่อน เื่วันนี้ที่ได้ฝากท่านอาจารย์ไว้ ขอให้ท่านอาจารย์เก็บไปคิดด้วย”
“แน่นอน แน่นอน องค์ชายกับพระภิกษุเราคบหากันมานาน เื่ร้องขอเล็กน้อยเช่นนี้ พระภิกษุต้องช่วยองค์ชายหกได้แน่นอน” ท่านอาจารย์คงซื่อกล่าว ฉู่ลี่ตอบ อืม จากนั้นก็เดินออกจากประตูวัดไป
……
ระหว่างที่นั่งรถม้ากลับ มู่อวิ๋นจิ่นก็ยังเกาะขอบหน้าต่าง มองไปด้านนอกเหมือนทุกครั้ง
ฉู่ลี่ชำเลืองมองไปที่มู่อวิ๋นจิ่น เห็นนางมองไปด้านนอกรถม้า นิ้วมือไม่หยุดตบขอบหน้าต่าง มุมปากปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อกลับถึงจวน ทั้งสองคนถึงเรือนลี่เฉวียนพร้อมกัน มู่อวิ๋นจิ่นกำลังเตรียมจะเข้าห้อง ฉู่ลี่เรียกนางไว้
”อืม” มู่อวิ๋นจิ่นหันกลับมามองฉู่ลี่
ฉู่ลี่เอื้อมมือไปหามู่อวิ๋นจิ่น มองนางด้วยสายตาอ่อนโยน "คัมภีร์เสวียนหลิงเจินให้ข้าเก็บรักษาดีกว่า"
มู่อวิ๋นจิ่นยกคิ้ว หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง “ทำไม”
“คนสองคนนั้นรู้ตัวตนของเ้าแล้ว คัมภีร์เสวียนหลิงเจินเก็บไว้กับเ้า มันไม่มีผลดีอะไรต่อเ้า ฉู่ลี่กล่าวอย่างไร้สาระ มู่อวิ๋นจิ่นฟังแล้วหน้ามุ่ย ริมฝีปากเม้น "ไม่เป็ไร ข้ามีความสามารถรักษา"
“เ้าแน่ใจหรือ”ฉู่ลี่มองไปที่มู่อวิ๋นจิ่นอย่างนาน
สายตาเช่นนี้ ทำให้รู้สึกไม่มั่งใจ หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็พยักหน้า "ข้าแน่ใจ" “เอ่อ” ฉู่ลี่พยักหน้า จากนั้นเดินตรงเข้าไปห้องตรงหน้า
หลังจากที่ฉู่ลี่เดินเข้าห้องแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นเม้มปาก ริมฝีปากงุ้มยิ้มแล้วยิ้มอีก แล้วก็เดินเข้าห้องไปเช่นกัน
ทันทีที่เข้าห้อง มู่อวิ๋นจิ่นเดินตรงไปที่ข้างตู้เป็อันดับแรก เปิดประตู้ออก คลำหาช่องลับภายในตู้ หลังจากที่คลำเจอหนังสือเล่มนั้นในตู้แล้ว มู่อวิ๋นจิ่นก็นำออกมา ดวงตาที่สับสนของเขามองไปที่หนังสือเ้าปัญหานี้
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง มู่อวิ๋นจิ่นก็มีแผนจัดการเื่นี้
วางพระคัมภีร์ลง มู่อวิ๋นจิ่นเดินไปที่ประตู เปิดประตูออก ะโเรียกจื่อเซียงที่อยู่ข้างนอก " จื่อเซียง เ้าไปเตรียมพู่กันกับหมึกมาให้ข้าหน่อย"
“เ้าค่ะ คุณหนู”
หลังจากนั้นไม่นาน จื่อเซียงก็นำพู่กันกับหมึกเข้ามา
ได้แล้ว เ้าออกไปก่อน ไม่มีคำสั่งของข้า ห้ามให้ผู้ใดเข้ามารบกวนข้า มู่อวิ๋นจิ่นกล่าว จื่อเซียงพยักหน้า ผลักประตูแล้วเดินออกไป
ภายในห้องมีเพียงมู่อวิ๋นจิ่น มู่อวิ๋นจิ่นเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หลังจากที่เลือกเสื้อผ้าไปครู่หนึ่งได้ ก็เลือกได้เสื้อคลุมกันลมตัวหนึ่งที่สวมใส่ใน่หน้าหนาว
เมื่อเอาเสื้อคลุมออกมาแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นก็หยิบกรรไกรที่อยู่ด้านข้าง ตัดตามลอยเย็บแยกออกมา ไม่ถึงครู่หนึ่ง ด้ายเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยก็ถูกมู่อวิ๋นจิ่นดึงออกมา ผ้าโดนตัดออกเป็สองส่วน
เสื้อคลุมที่มีความหนาและหนัก ชั่วขณะถูกมู่อวิ๋นจิ่นตัดออกไม่เป็ทรง
เมื่อจัดการเสื้อคลุมเสร็จ มู่อวิ๋นจิ่นเอาเสื้อคลุมปูไว้บนพื้น แล้วเปิดคัมภีร์เสวียนหลิงเจินไปที่หน้าหนึ่ง จับพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วเริ่มคัดลอกรูปภาพลงในเสื้อคลุม
มู่อวิ๋นจิ่นคิดว่าทักษะการวาดภาพของเขาไม่เลว หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็สามารถคัดลอกภาพหน้าที่หนึ่งเสร็จสิ้น
……
“เรียบร้อย”
หลังจากสองชั่วโมงผ่านไป มู่อวิ๋นจิ่นที่นั่งบนพื้น ก็เอามือมาลูบต้นคอที่ปวดชา แล้วมองดูรูปภาพบนเสื้อคลุมที่ตนเองวาด
หลังจากเปรียบเทียบทีละภาพแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรมากกับภาพในคัมภีร์เสวียนหลิงเจิน
หลังจากรอหมึกแห้งแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นก็หาเข็มและด้าย จับเสื้อคลุมที่โดนตัดออกเมื่อสักครู่ เริ่มเอาสำลียัดใส่เข้าไปใหม่ แล้วเริ่มเย็บตามขาบ
หลักจากจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น มู่อวิ๋นจิ่นมองไปบนตะเข็บเสื้อที่เพิ่มขึ้นหลายจุด แต่ในแวบแรกที่เห็นก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย จะมีใครรู้ว่า นางได้คัดลอกคัมภีร์เสวียนหลิงเจินทั้งหมดเอามาไว้ในเสื้อคลุมตัวนี้แล้ว
หลังจากเก็บเสื้อคลุมแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นก็ก้มลงหยิบคัมภีร์เสวียนหลิงเจิน ยัดเข้าอ้อมแขน เดินออกจากประตูไป
ข้างนอกตอนนี้ ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว
มู่อวิ๋นจิ่นเดินออกไปจากเรือนลี่เฉวียนอย่างไม่สนใจ มุ่งหน้าเดินไปทางห้องครัวของจวน เมื่อก้าวเข้าห้องครัวแล้ว เห็นเพียงในห้องครัวที่กําลังยุ่งวุ่นวายกับการจัดเตรียมสำรับเย็น ต่างคนต่างยุ่งวุ่นวาย
“ถวายความเคารพพระชายา” หลังจากคนดูแลจวนเห็นมู่อวิ๋นจิ่นแล้ว กล่าวทักทายอย่างวิตกกังวล
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้าเบา ๆ เดินไปด้านหน้าเตา มองเปลวไฟสีแดงที่เตา หยิบคัมภีร์เสวียนหลิงเจินออกมา จิบรินฝีปากแน่น จากนั้นก็โยนคัมภีร์เสวียนหลิงเจินลงไปในกองไฟ
เมื่อเห็นว่าคัมภีร์นั้นไหม้เป็ขี้เถ้าในกองไฟแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นมีความรู้สึกเหมือนโยนลูกะเิที่ตั้งเวลาไว้ลงไป
เมื่อกลับถึงเรือนลี่เฉวียนแล้ว เดิมทีมู่อวิ๋นจิ่นอยากกลับไปที่ห้องตนเองเลย แต่หลังจากมองไปที่ห้องที่ถูกปิดประตูไว้ ก็หยุดไปครู่หนึ่ง แล้วเดินไปยังทางห้องนอนของฉู่ลี่
“ก๊อกๆๆ” เดินถึงหน้าประตู มู่อวิ๋นจิ่นก็เอื้อมมือไปเคาะประตู
ทันใดนั้น ประตูห้องก็ถูกลมพัดเปิด มู่อวิ๋นจิ่นมองเข้าไปข้างใน หลังจากเห็นร่างของฉู่ลี่ ก็เดินเข้าไปข้างใน
ฉู่ลี่ดูเหมือนจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ขนาดนั้นเขาสวมเสื้อบางอยู่ นั่งอยู่บนเก้าอี้โยกในห้อง เมื่อเขาเห็นมู่อวิ๋นจิ่นเดินเข้ามา ก็เหลือบมองอย่างเ็า
“คือว่า...” มู่อวิ๋นจิ่นเดินไปด้านหน้าของฉู่ลี่ “ข้าเอาคัมภีร์เสวียนหลิงเจินเผาทิ้งแล้ว”
ฉู่ลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ "เผาแล้วหรือ?"
"อืม เมื่อกี้โยนมันเข้าเตาครัวไปแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นวางมือสองข้างไว้ด้านหลัง และพูดเสริมต่อว่า "ตอนนี้ไม่ว่าใครก็อยากคิดว่าจะได้คัมภีร์เล่มนี้แล้วล่ะ"
หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่ลี่ก็หัวเราะเสียงต่ำ ลดสายตาลงและพยักหน้า “ดี”
“อืม อย่างนั้นข้าออกไปล่ะ “มู่อวิ๋นจิ่นมองไปที่ฉู่ลี่ จากนั้นก็เดินออกไปข้างนอก
หลังจากออกมาจากห้องฉู่ลี่แล้ว มู่อวิ๋นจิ่นก็ถอยหายใจ กลับไปที่ห้องตนเอง เดินไปทางตู้เสื้อผ้า แล้วมองดูไปที่เสื้อมคลุมตัวนั้น
หลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีจุดน่าสงสัยแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นก็นอนลงบนเตียง มองไปที่เพดาน และค่อยๆ หลับตาลง
ทันทีที่หลับตา ไม่รู้เป็เพราะว่าเมื่อกี้ที่ได้ลอกแบบหรือเปล่า หรือด้วยเหตุผลอื่น รูปภาพทุกตอนในคัมภีร์ได้ปรากฏขึ้นเป็เื่เป็ตอนต่อหน้า ปรากฏขึ้นหลายรอบ และไม่ยอมหายไปเลย
……
วันรุ่งขึ้น จื่อเซียงเคาะประตูห้องของมู่อวิ๋นจิ่นแต่เช้าตรู่
"เื่อะไร?” มู่อวิ๋นจิ่นที่ง่วงนอนเต็มทน ตอบกลับด้วยความไม่พอใจ
"คุณหนู นายท่านได้ส่งคนมาเรียนว่า วันนี้จัดงานเลี้ยงต้อนรับกลับจวนของคุณหนูสี่ เชิญคุณหนูกลับจวนร่วมงานเ้าค่ะ” จื่อเซียงรายงานอยู่นอกห้อง
มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินเช่นนั้นส่งเสียงตอบกลับว่า “อืม” จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา มู่อวิ๋นจิ่นถึงจากแต่งตัวเสร็จ ออกจากจวนองค์ชาย เดินทางไปจวนซ่าง
เมื่อก้าวเข้าไปในจวนซ่าง เห็นเพียงมู่หลิงจูที่กําลังนั่งอยู่ในห้องโถงด้านหน้า ร้องไห้สะอึกสะอื้นเบา ๆ และกำลังเอาผ้าเช็ดหน้าเช็คน้ำตาอยู่
อัครเสนาบดีมู่นั่งอยู่หัวโต๊ะเ้าบ้าน มองไปที่มู่หลิงจูที่ร้องไห้ไม่หยุดด้านข้าง สีหน้าหมองคล้ำ และขมวดคิ้วอยู่
มู่อวิ๋นจิ่นก้าวเข้าไปในห้องโถงด้านหน้า สีหน้าขมวดคิ้วของอัครเสนาบดีมู่ถึงดูดีขึ้น "อวิ๋นจิ่นมาแล้วหรือ"
ทันทีที่ได้ยินว่ามู่อวิ๋นจิ่นมาแล้ว มู่หลิงจูก็เช็ดน้ำตา หยุดร้องไห้ หลังจากที่มองไปที่มู่อวิ๋นจิ่น ดวงตาก็สว่างชัดเจนขึ้น
"เกิดเื่อันใดขึ้น" มู่อวิ๋นจิ่นนั่งลงมองไปที่ดวงตามู่อวิ๋นจิ่นที่มีน้ำตาคลอเบ้าอยู่ ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ว๊าย” มู่เซียงถอนหายใจแรง ๆ “ท่านอ๋องหรงผู้นี้ รังแกคนจริง ๆ ตอนนั้นที่มาสู่ขอ พูดไว้อย่างดี แค่วันแรกที่จูเอ๋อร์แต่งงานไปกับเขา เขากลับออกล่องเรือไปกับพระชายาหรง ทิ้งให้จูเอ๋อร์กลับจวนผู้เดียว”
เมื่อได้ยิน มู่อวิ๋นจิ่นก็เข้าใจแล้ว
“พระชายาหรงผู้นี้ เป็คนของตระกูลฉิน และสถานะของตระกูลฉินในราชวงศ์ทุกวันนี้ก็เหมือนดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า ท่านอ๋องหรงเห็นแก่ตระกูลฉิน จึงต้องทำตามความ้าของพระชายาหรง” มู่อวิ๋นจิ่นพูดอย่างใจเย็น ๆ
“อวิ่นจิ่น ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่จวนซ่างของเรา ก็มิได้รังแกได้ง่าย ๆ การกระทำของท่านอ๋องหรงในวันนี้ ไม่ให้เกียรติจวนซ่างเราเลยสักนิด คงไม่ใช่ว่าจะดึงตระกุลฉินเข้าพวก” หลัวหนิงหยูอดไม่ได้ที่จะพูด
มู่อวิ่นจิ่นจับศีรษะแล้วหัวเราะเบา ๆ เหลือบมองไปที่มู่หลิงจูที่อยู่ด้านข้าง "ชักชวนก็ชักชวนสิ พระชายาหรงเมื่อพูดถึงก็เป็แค่คนนอกที่แต่งออกไปก็เท่านั้น ตระกุลฉินหรือจะสนใจแค่ผู้หญิงคนเดียวที่แต่งออกไป แล้วให้ในสิ่งที่ท่านอ๋องหรง้า เมื่อเวลานานไป ท่านอ๋องหรงก็จะได้รู้เอง "
"ท่านพี่สาม คำพูดของท่านนี้มีเหตุผลดี" มู่หลิงจูฟังน้ำเสียงการพูดของมู่อวิ่นจิ่น แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“แล้วเ้าอยากให้ข้าพูดอะไรล่ะ”มู่อวิ๋นจิ่นนวดขมับไปมา ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “จะให้พูดว่าเ้าเป็เ้าสาวนำโชคงั้นหรือ”
“เ้า…” คําพูดของมู่อวิ๋นจิ่ง ทำเอามู่หลิงจู่พูดไม่ออก ในใจของเขาคลุมเครืออย่างอธิบายไม่ได้
มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มอย่างเ็าว่า "สำหรับตอนนี้ น้องสี่ควรคิดให้ดีว่าจะปฏิบัติตนกับพระชายาหรงยังไงดีกว่า อย่างไรก็ตามเขาก็เป็ภรรยาเอก กดหัวเ้าอยู่แล้ว"
"ใช่แล้ว พระชายาหรงเป็ลูกหลานในตระกุลนายพล ถ้าเดาไม่ผิดล่ะก็ คงจะเป็กังฟู น้องสาวเ้าควรจะระวังสักหน่อยแล้ว..."
มู่หลิงจูราวกับจะถูกคำพูดของมู่อวิ๋นจิ่นทำเอาหายใจจมูกเกือบเบี้ยว กัดริมฝีปาก ถอนหายใจ เหอ แรง ๆ ออกมา
ั้แ่งานแต่งงานเมื่อวานนี้มา อารมณ์ของนางก็ไม่ราบรื่นเลย ตอนเข้าพิธีอยู่นั้นฉินชุนหนิงก็แสดงอำนาจใส่นาง
รวมถึงเมื่อคืนที่เข้าห้องหอกับท่านอ๋องหรงไปได้ครึ่งทาง ก็ถูกสาวใช้ของฉินชุนหนิงมาเรียกกลับไปกลางดึก
ทำให้นางต้องเฝ้าห้องหออยู่ตามลําพังในคืนแต่งงาน กว่านางจะใช้เวลานอนหลับได้ไม่ง่ายเลย ไม่ทันไรก็โดนสาวใช้ของฉินชุนหนิงปลุกตื่น สั่งให้นางไปเข้าเฝ้าฉินชุนหนิงอีก
ไปที่ถึงเรือนของฉินชุนหนิง ไม่เพียงแต่ให้ทำความเคารพยังให้นางคุกเข่าครึ่งยามอีก
เื่นี้ มันน่าอับอายเสียจริง ๆ
ในทันทีนั้น มู่หลิงจูรู้สึกเื่ในตอนนี้ เมื่อเทียบกับฉินชุนหนิงยายแก่นั้น ก็เกลียดมู่อวิ๋นจิ่นไม่เท่าไรแล้ว
หลังจากคิดเกี่ยวกับเื่นี้แล้ว ลูกตาของมู่หลิงจูกลิ้งไปมา อารมณ์ของเขาอ่อนลง และมองไปที่มู่อวิ๋นจิ่น " พี่หญิง ปกติท่านมีแผนการมากที่สุด ท่านก็ช่วยน้องสาวคิดหาวิธีหน่อยสิ"
"คนตระกุลฉินนั้นไม่รู้จักละอาย พระชายาหรงฉินชุนหนิงนั้นรังแกข้าทุกทาง หลานสาวของนางฉินหวันเยว่ก็ตัวติดกับองค์ชายหกทุกวัน พวกเราสองพี่น้องต่างอยู่ภายใต้อำนาจของตระกุลฉิน เื่นี้สุดจะทน " มู่หลิงจูกล่าว
คำพูดของมู่หลิงจู ทำไมมู่อวิ๋นจิ่นจะฟังไม่ออกว่า้าหลอกใช้นางเป็ปืนยิงเท่านั้น ดังนั้นนางก็ยิ้มมุมปาก “ตระกุลฉินมีอำนาจมาก ใน่เวลาอันสั้นนี้ ยากที่จะทำลายได้ ถ้าเ้า้าที่ออกจากความทุกข์นี้ ก็ให้ท่านอ๋องหรงเขียนใบหย่าให้เ้าสิ...”
"ปัง" มู่หลิงจูตบโต๊ะอย่างแรง นั่งตัวตรงและชี้นิ้วไปที่มู่อวิ๋นจิ่นอย่างสั่นคลอน "มู่อวิ๋นจิ่ง เ้ารังแกคนมากเกินไปแล้ว"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้