มู่อี้หานขับรถพาหยิ่นยวี๋โม่กลับคฤหาสน์แต่ระหว่างทางหยิ่นยวี๋โม่เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จาอะไรทั้งสิ้น เธอรู้ถ้าคืนนี้มู่อี้หานคิดจะทำอะไร ทุกอย่างที่ทำมันเพื่อตัวเขาทั้งนั้น
มู่อี้หานก็นิ่งเงียบเช่นกัน จนกระทั่งรถเลี้ยวเข้าไปในโรงเก็บรถของคฤหาสน์หยิ่นยวี๋โม่ลงมาจากรถ เธอรีบไปที่ห้องรับแขก ถึงแม้กระโปรงชุดราตรีของเธอจะยาวกรุยกรายมากก็ตามเธอเกือบจะหนีเขาได้สำเร็จ เธอไม่สนใจรองเท้าส้นสูงที่ส้นเท้าของเธออีกต่อไปเธอพยายามวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่มู่อี้หานเพียงก้าวเท้ายาวๆไม่กี่ก้าวก็ตามทัน เขาใช้แขนยาวๆ คว้าเอวของเธอเอาไว้
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” หยิ่นยวี๋โม่ะโใส่เขา
ผู้ชายคนนี้นับวันจะยิ่งเกินไปแล้ว เขาคงคิดว่าเธอรักเขาเขาเลยคิดจะทำอะไรตามอำเภอใจแบบนี้น่ะหรือ? เธอไม่้าแบบนี้! เธอไม่อยากรู้สึกเหมือนว่าตัวเองต้องติดอยู่ในซากปรักหักพังอยู่แบบนี้
“ไม่ปล่อย!” มู่อี้หานพูดแล้วค่อยๆ โน้มตัวลงเข้าใกล้ใบหูของเธอริมฝีปากของมู่อี้หานััเข้ากับใบหูของเธอ จะจูบก็ไม่ใช่ แต่มันก็ทำให้หัวใจของเธอสับสนไม่น้อย
หยิ่นยวี๋โม่ชะงักไปหน้าของเธอค่อยๆแดงขึ้น “คุณคิดว่าไงบ้าง? การแสดงละครของผมคืนนี้ ผมล่ะเหนื่อยจริงๆ” วันนี้เธอต้องสวมบทบาทเป็คุณนายมู่ แต่ตอนนี้เธออยู่ในบ้านไม่จำเป็ต้องแสดงละครอีกต่อไป พวกเขาควรที่จะแยกกันได้แล้ว
มู่อี้หานเพียงแค่หัวเราะขึ้นมา “โม่โม่ นี่แค่การเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ถึงตอนจบสักหน่อย” วันนี้เป็เพียงแค่การเริ่มต้นคุณนายมู่คือผู้หญิงของมู่อี้หานที่งดงามที่สุด! จะเริ่มต้น หรือ สิ้นสุด มันขึ้นอยู่กับเขาเท่านั้นเขาอยากจะให้เป็อย่างไร มันก็ต้องเป็ไปตามนั้น เขาจะให้โอกาสหยิ่นยวี๋โม่ปฏิเสธเขาทำไมกัน
“คุณหมายความว่ายังไง?” หยิ่นยวี๋โม่ยืนอยู่ตรงห้องโถงเตะรองเท้าส้นสูงของเธอออกยืนเท้าเปลือยเปล่าอยู่บนพรม เท้าขาวๆ ที่เหยียบลงไปบนพรหมสีเทาลายดอกไม้ มันยิ่งดูยิ่งเร้าอารมณ์เขามากขึ้น
ลูกกระเดือกในลำคอของเขาขยับไปมาเขาใช้มืออุ้มเธอเอาไว้ ถ้าตอนนั้นเขาไม่ได้อยู่ในงานเลี้ยง เขาอาจจะเผด็จศึกเธอไปแล้ว
คืนนี้เธอทำให้มู่อี้หานเห็นอีกมุมหนึ่งของผู้หญิงที่ชื่อหยิ่นยวี๋โม่มุมซึ่งเขาเองไม่เคยเห็นมาก่อน มันทำให้เขาทั้งตื่นตะลึง ทั้งทำให้เขาอยากจะค่อยๆสำรวจและค้นหาตัวเธอให้ลึกขึ้นไปอีก
“มู่อี้หาน!” หยิ่นยวี๋โม่ะโชื่อเขาเธอรู้ดีว่าถึงเธอจะะโดังสักแค่ไหน มันก็ไร้ประโยชน์ เพราะเวลานี้ คนรับใช้ทั้งหมดอยู่ในห้องของตัวเองกันหมดแล้วถ้าพวกเขาไม่โทรเรียก พวกคนรับใช้ก็จะไม่ผ่านมาแถวนี้อีก และอีกเหตุผลก็คือมู่อี้หาน้าให้หยิ่นยวี๋โม่อยู่กับเขาเพียงลำพัง
“โม่โม่ คุณรอไม่ไหวแล้วใช่ไหม?” มู่อี้หานพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ พร้อมรอยยิ้มที่มีเลศนัย
หยิ่นยวี๋โม่ไม่ได้ตอบโต้อะไรเขาเขาพูดอะไรของเขา แต่เมื่อเธอเห็นตัวเองที่กำลังจับคอเสื้อของเขาไว้แน่น และกระดุมเสื้อของเขาที่ถูกเธอปลดลงมาเธอก็เข้าใจในทันทีว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น? เธอไม่ใช่คนไร้ยางอายแบบเขา ยิ่งไปกว่านั้น คืนนี้เธอไม่มีแรงพอจะทำอะไรกับมู่อี้หานอีกแต่อย่างไรเสีย มู่อี้หานไม่มีทางยอมปล่อยเธอแน่ บนเตียงนุ่มๆขนาดใหญ่ ทั้งสองร่างกำลังนัวเนียกันอยู่เธอหนี เขาเข้าใกล้ เธอหลบ เขาฉุด สุดท้ายหยิ่นยวี๋โม่ก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้อีก
“โม่โม่ อย่าขัดขืนฉันอีกเลย” มู่อี้หานกระสันปรารถนาในกายเธอั้แ่เมื่อเธอปรากฏตัวต่อหน้าเขาในชุดราตรีสีม่วงอ่อนมันก็ทำให้เขาเริ่มที่จะ้าเธอ หยิ่นยวี๋โม่เงียบ ไม่หลบหน้าอีกต่อไปเพราะเธอไม่มีโอกาสที่จะพูดคำว่าไม่อีกแล้วในตอนนี้โอกาสที่เธอจะขัดขืนเขามันหมดไปแล้ว มู่อี้หานพรมจูบไปที่ซอกคอของเธอพร้อมทิ้งร่องรอยแห่งความเสน่ห์หาเอาไว้
“โม่โม่ ผมอยากรู้ว่าคุณรักผมมากแค่ไหน” มู่อี้หานเอามือวางลงไปที่หัวใจด้านซ้ายของเธอรับรู้ได้ถึงความรักจากการเต้นของหัวใจ รักมากแค่ไหน? เธอจะไปรู้ได้อย่างไร? บางทีเธอก็คิด แต่เธอก็ไม่รู้จะบรรยายความรักนี้ออกมาได้อย่างไร?
“ถ้ารักผม คุณต้องอยู่ข้างกายผม อย่าคิดหนีไปไหนอีก และอีกอย่างทุกอย่างที่คุณมีล้วนอยู่ในมือผม รวมถึงร่างกายของคุณด้วย” เมื่อมู่อี้หานอยู่ในงานเลี้ยงมีผู้ชายมากหน้าหลายตาที่ปรารถนาในตัวหยิ่นยวี๋โม่เช่นเดียวกันมันทำให้เขาไม่ชอบใจ หรืออาจจะเป็เพราะเหตุนี้ เลยทำให้เขายิ่ง้าเธอมากกว่าเดิม
หยิ่นยวี๋โม่หันหน้าไปมองเขา “แล้วคุณล่ะ คุณจะอยากได้ความรักจากฉันไปทำไม? ในเมื่อคุณมันไร้หัวใจ” สิ่งที่เธออยากได้เพียงเล็กน้อย เพียงนิดเดียวก็ได้แต่เธอกลับไม่เคยได้มันเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้นเขายังไปโอบกอดอยู่กับผู้หญิงคนอื่น แต่มาตอนนี้เขากลับ้าจูบของเธอ
“คุณรู้ก็ดี ตอนที่คุณแต่งงานกับผม คุณควรจะเข้าใจ ว่าผมแต่งงานกับคุณไม่ใช่แค่เพราะคุณเป็คุณหนูตระกูลหยิ่นแต่เพราะคุณเป็ลูกสาวของหยิ่นเซ่าจางต่างหาก” ขณะที่มู่อี้หานกำลังพูด เขาก็กระชากชุดราตรีของเธอจนหลุดลงมาร่างบางของเธอพยายามหนี เธอพยายามพลิกขาของเธอไปอีกมุมหนึ่งของเตียงแต่ขายาวๆของเขาก็กดขาเธอเอาไว้จนไม่สามารถขยับได้อีก
“คุณนี่มัน...น่ารังเกียจ!” หยิ่นยวี๋โม่กัดริมฝีปากของตัวเอง เธอรู้แล้วว่าเขาเป็คนอย่างไร แต่เธอก็ไม่อาจเอาหัวใจที่ถลำลึกของเธอกลับมาได้
มู่อี้หานยิ้มมุมปาก “ใช่ ผมมันเลว และผมจะเลวให้ยิ่งกว่านี้อีก” ริมฝีปากของเขากัดเข้าไปที่ไหล่ของเธออย่างแรง
“โม่โม่ เรามามีลูกด้วยกันเถอะ ดีไหม?” ลูกจะเป็การผูกมัดเธอหรือเขากันแน่? เขาไม่รู้อะไรทั้งนั้น ตอนนี้เขารู้เพียงแค่ว่าเขาอยากมีลูกจริงๆ
หยิ่นยวี๋โม่ตัวแข็งทื่ออย่างฉับพลัน“นี่คุณล้อฉันเล่นใช่ไหม? คุณอยากจะมีลูกกับฉัน? คุณไม่กลัวฉันจะใช้ลูกเป็เครื่องผูกมัดคุณไม่กลัวว่าฉันจะทำให้คุณต้องตัดขาดจากผู้หญิงพวกนั้นของคุณหรือไง?”
“ถ้าคุณคิดว่าคุณทำได้ ผมก็จะคอยดู ดูซิว่าคุณหนูตระกูลหยิ่น ไม่สิต้องเป็คุณนายมู่ของผม จะทำได้ขนาดไหน” มู่อี้หานไม่สนใจอะไรอีกต่อไป แล้วทำไมเขาต้องกลัวว่าหยิ่นยวี๋โม่จะใช้ลูกเป็เครื่องมือผูกมัดความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่ด้วยเมื่อหยิ่นยวี๋โม่ได้ฟังคำพูดของเขา เธอรู้ตัวในทันทีเธอพ่ายแพ้ให้กับตัวเองอีกครั้ง พ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง
“ต่อไปนี้คุณห้ามไปยั่วผู้ชายคนอื่นอีก!”
เขาไม่ชอบให้เธอเผชิญหน้ากับชายอื่นด้วยรอยยิ้มแสนหวานเขาไม่ชอบให้เธอมีสายตาที่อ่อนโยนกับผู้ชายคนอื่น ไม่ว่าจะเป็การพบปะสังสรรค์ไม่ว่าเธอจะจริงใจหรือไม่ เขาก็ไม่อนุญาต ไม่อนุญาตเด็ดขาด
หยิ่นยวี๋โม่เ็ปราวกับร่างของเธอกำลังจะฉีกออกจากกันเธอฟังเขาพูดไม่ถนัดนัก เธอได้ยินแต่คำว่ายั่ว! ในสายตาของเขา เธอเป็ผู้หญิงแบบนั้นหรือ? ทั้งที่ในใจของเธอมีเขาอยู่เพียงผู้เดียว แต่ตัวเขากลับไม่เคย้ามัน!
มู่อี้หานเห็นคิ้วของเธอขมวดแน่น “โม่โม่ จำผมไว้! จำร่างกายของผม จำทุกสิ่งทุกอย่างของผมไว้เข้าใจไหม?” ไม่ว่าจะเป็ความเ็ปหรือเป็ความสุขสม เขาอยากให้เธอจำมันเอาไว้ทั้งหมด! หยิ่นยวี๋โม่ต้องทนต่อความ้าที่ไม่รู้จบของเขาในหัวของเธอตอนนี้ มีเพียงคำว่าลูก ติดอยู่ในสมอง