ป่าดำมืดตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือสุดของทวีปัเพลิง ป่าใหญ่มีมารอสูรมากมายนับไม่ถ้วน สมุนไพรวิเศษ ยาวิเศษ ของล้ำค่าต่างๆ มีอย่างอุดมสมบูรณ์ แต่น้อยนักที่จะมีผู้ฝึกยุทธ์กล้าเหยียบเข้ามาภายในสถานที่แห่งนี้เพื่อเสาะหาสมบัติของมีค่าต่างๆ อย่างมากสุดก็แค่ลัดเลาะวนเวียนกันอยู่แต่เขตรอบนอกไม่กล้าเข้าไปภายในส่วนลึก เพราะผู้ที่เข้าไปภายในส่วนลึกล้วนไม่เคยได้กลับออกมาแม้แต่คนเดียว!
ไม่รู้ว่านานกี่ปีมาแล้วที่ป่าดำมืดได้รับขนานนามให้เป็สถานที่อันตรายน่ากลัว สิ่งที่เล่าลือต่อๆ กันมาเกี่ยวกับป่าดำมืดของทวีปัเพลิงก็คือ ภายในป่าดำมืดมีมารร้ายอาศัยอยู่ มีคนพูดว่าข้างในมีอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่หลายสิบตัวซึ่งผู้ที่เข้าไปล้วนต้องจบชีวิตลงอยู่ข้างใน แต่เหล่ายอดฝีมือระดับสูงสุดของทวีปัเพลิงล้วนรู้กันดีว่าภายในป่าดำมืดมีวังเก่าแก่โบราณที่สวยงามหรูหราแห่งหนึ่ง ภายในวังแห่งนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งอาศัยอยู่ นางเรียกตนเองว่า...ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่
แรกเริ่มนั้นชื่อของท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ไม่เป็ที่รู้จักมากนัก เกี่ยวกับเื่ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปัเพลิงนั้นเริ่มขึ้นเมื่อสี่พันปีก่อน ในตอนนั้นมีผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากที่ไม่เชื่ออยากลองของและที่ไม่รู้ความจริงจึงได้พากันเข้าไปเสาะหาสมบัติภายในป่าดำมืดจนเสียชีวิตอยู่ภายในด้วยกันทั้งหมด สุดท้ายแม้แต่นครแห่งเทพก็รู้สึกสนใจจึงส่งกองกำลังซึ่งนำโดยผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์จำนวนสามคนเข้าไปลองเสาะหาสมบัติดูบ้าง ไม่คาดคิดว่ากองกำลังเมื่อเข้าไปก็มีสภาพไม่ต่างกันคือเงียบหายไปอย่างไร้ซุ่มเสียงไม่มีการส่งข่าวใดๆ หรือผู้ใดเดินกลับออกมาอีกเลยแม้แต่คนเดียว
จ้าวเทวะเดือดดาลเป็อย่างมาก นครแห่งเทพเพิ่งจะถูกก่อตั้งขึ้นมาตำแหน่งฐานะอันสูงส่งเหนือสิ่งอื่นใดเพิ่งจะเริ่มปรากฏอยู่ภายในใจของผู้คนได้ไม่นาน การถูกท้าทายเช่นนี้ย่อมไม่เป็ผลดีต่อนครแห่งเทพเป็แน่ ครั้นแล้วจ้าวเทวะจึงได้นำทัพที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรออกไปยังป่าดำมืดด้วยตนเองพร้อมทั้งป่าวประกาศว่าจะเหยียบป่าดำมืดให้ราพณาสูรไปในทันที เพียงแต่...ทั้งกองทัพเมื่อเข้าไปภายในป่าดำมืดสุดท้ายกลับมีจ้าวเทวะถูเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กลับออกไปยังนครแห่งเทพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกลับไปยังนครแห่งเทพแล้วก็เก็บตัวฝึกฝนในทันทีไม่ได้พูดถึงเื่ราวที่เกิดขึ้นภายในป่าดำมืดอีกเลย
ในเวลาเดียวกันนั้นเองผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งทวีปัเพลิงต่างได้รับการส่งกระแสเสียงๆ หนึ่งที่ส่งมาจากป่าดำมืด ส่งมาจากท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งมีใจความว่า... ป่าดำมืดไม่ต้อนรับมนุษย์ ผู้ใดที่บุกรุกล้ำเข้ามาในส่วนลึกของป่าจะถูกฆ่าไม่มีละเว้น...
จ้าวเทวะเข้าไปภายในป่าดำมืดแล้วเกิดเื่อะไรขึ้นนั้นยอดฝีมือของทวีปัเพลิงล้วนไม่มีผู้ใดทราบ แต่เื่ราวที่เกิดขึ้นก็พอทำให้พวกเขาคาดเดาบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ เห็นได้ชัดว่าจ้าวเทวะถูพ่ายแพ้ต่อท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ หลังจากนั้นมานางจึงถูกยกให้เป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปัเพลิง นับั้แ่นั้นเป็ต้นมา แต่ละตระกูล แต่ละเมืองล้วนเพิ่มกฎระเบียบขึ้นมาอีกข้อหนึ่งว่า... ห้ามมิให้ผู้ใดไปทำการล่วงเกินท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่แห่งป่าดำมืด และป่าดำมืดถูกจัดให้เป็หนึ่งในสามสถานที่แห่งความตายของทวีปัเพลิง
ต่อมาผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพของทวีปัเพลิงต่างได้ยินข่าวว่าท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่คนแต่เป็เทพอสูรตัวหนึ่ง ทุกคนจึงต่างเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมนางจึงไม่เคยยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการแย่งชิงอำนาจผลประโยชน์ของผู้คนในทวีปัเพลิงเลย และเข้าใจแล้วว่าทำไมนางถึงไม่รวมทวีปัเพลิงเป็หนึ่งเดียวแล้วตั้งตนเป็ผู้ปกครองขึ้น เื่นี้สามารถทำความเข้าใจได้อย่างไม่ยาก ลองคิดดูว่าคนที่แข็งแกร่งผู้หนึ่งจะสนใจเข้าร่วมการแย่งชิงผลประโยชน์ของเหล่ามดปลวกตัวเล็กตัวน้อยอย่างนั้นรึ? สำหรับยอดฝีมือในทวีปัเพลิงอาจมองมารอสูรภายในป่าดำมืดไม่ต่างจากมดปลวก และสำหรับ...ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ ผู้คนของทวีปัเพลิงเองก็มองดูไม่ต่างจากมดปลวกเช่นเดียวกัน!
.................................
เย่รั่วสุ่ยพาเย่ชิงหานและเย่ชิงอวี่เหาะลอยมาอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงแค่ห้าวันก็เดินทางมาถึงยังเขตด้านนอกของป่าดำมืด ที่มาด้วยความเร็วระดับนี้เพราะเขาไม่กล้าพาทั้งสองคนเคลื่อนย้ายในพริบตา ถ้าทำการเคลื่อนย้ายในพริบตาระดับความเร็วคงจะรวดเร็วมากยิ่งกว่านี้
“อืม! ถึงแล้ว พวกเราลงไปข้างล่างกันก่อนจะดีกว่า!”
เย่รั่วสุ่ยเคลื่อนตัวลดต่ำลงไปยังพื้นเบื้องล่างจนกระทั่งยืนนิ่งอยู่บนพื้นอย่างมั่นคง จากนั้นสลายอาณาเขตพลังที่ห่อหุ้มคนทั้งสองอยู่ออกไปในทันทีแล้วจึงยิ้มขึ้น “พวกเ้าพักผ่อนก่อนสักครู่ รีบเร่งเดินทางมาหลายวันติดต่อกันคงเหนื่อยกันแล้วสินะ!”
“อืม...ท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษทำไมพวกเราถึงไม่เหาะลอยเข้าไปภายในป่าดำมืดโดยตรงเลย?” เย่ชิงหานบิดี้เียืดเส้นยืดสายขึ้นพร้อมกับถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“เหอะๆ ข้าต้องแจ้งให้ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ทราบก่อนสักหน่อยเพื่อเป็การแสดงออกถึงมารยาท!” เย่รั่วสุ่ยยิ้มเจื่อนๆ ออกมาส่งกระแสเสียงบอกแก่เย่ชิงหาน ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่ว่าใครอยากจะพบก็พบได้ ครั้งที่แล้วที่เขามาต้องมารออยู่หลายเดือนกว่าท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่จะอนุญาตให้เข้าไปภายในวังโบราณ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พบกับท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่เช่นเดิม แม้ว่าครั้งนี้จะเป็ท่านซื่อเองที่เป็ผู้เรียกพวกเขามา แต่เย่รั่วสุ่ยก็ต้องแจ้งให้ทราบก่อนสักหน่อยเพื่อแสดงออกถึงความเคารพต่อท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่
พูดจบเย่รั่วสุ่ยส่งพลังิญญาขยายกว้างออกไปจนกระทั่งถึงภายนอกของวังแห่งหนึ่งที่สวยงามที่อยู่ใจกลางของป่าแล้วจึงส่งกระแสเสียงพูดขึ้น “เย่รั่วสุ่ยพาเย่ชิงหานและเย่ชิงอวี่มาขอเข้าพบท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่!”
“เข้ามาเถอะ!”
ผ่านไปสักพักน้ำเสียงเ็าเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ข้างหูของทั้งสามคน น้ำเสียงยังคงเ็าไม่มีอารมณ์ใดๆ ปะปนอยู่เช่นเดิม
“ไป เข้าไปได้แล้ว!” เย่รั่วสุ่ยไม่รอช้ารีบพาทั้งสองเหาะลอยตรงเข้าไปยังใจกลางป่าในทันที
ครั้งนี้เย่รั่วสุ่ยไม่ได้เหาะเร็วและสูงมากนัก เหาะอยู่ในระดับปลายยอดไม้เพียงเท่านั้น ตลอดเส้นทางเย่ชิงหานและเย่ชิงอวี่ต่างทำการสำรวจดูสถานที่ที่ถูกจัดให้เป็หนึ่งในสถานที่แห่งความตายแห่งนี้อย่างอยากรู้อยากเห็น ป่าไม้ดูเก่าแก่เป็อย่างมากมีต้นไม้ดึกดำบรรพ์อายุนับหมื่นปีอยู่นับไม่ถ้วน ทั่วทุกแห่งล้วนเต็มไปด้วยเครือเถาวัลย์ไม้เลื้อยใหญ่ั์มากมาย ต้นไม้ใบหญ้าแปลกตาที่ไม่รู้ชื่ออีกนับไม่ถ้วน รวมไปถึงสภาพกลิ่นไอความเก่าแก่ของป่าที่ดำรงผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน
ภายในป่ามีมารอสูรอยู่เป็จำนวนมากทำเอาเย่ชิงหานและเย่ชิงอวี่มองจนตาลายไปหมด มีวานรตัวใหญ่ั์ที่สูงสิบกว่าเมตรดูราวกับูเาลูกย่อมๆ มีราชสีห์คลั่งที่มีดวงตาสีเืสามดวง มีม้าสีดำที่มีปีกงอกออกมา มีฝูงหมาป่าวายุทมิฬที่อยู่รวมกันเป็กลุ่มมากมายนับแสนๆ ตัว...
ที่แปลกมากก็คือ ทั้งสามคนเหาะลอยอยู่ในระดับที่ต่ำมากเช่นนี้แต่มารอสูรเ่าั้กลับทำเพียงแค่ปรายสายตามองมาที่พวกเขาเพียงเท่านั้นซึ่งดูผิดปกติธรรมดาจนเกินไป พวกมันไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวออกมาและไม่ได้โจมตีใส่พวกเขาแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นมีมารอสูรที่แข็งแกร่งบางตัวกลับใช้สายตาอย่างาาที่มองดูมดปลวกมองมาที่พวกเขาทั้งสามคนอีกด้วย
“ไม่ต้องแปลกใจและอย่าไปยั่วโมโหพวกมัน มารอสูรที่อยู่ภายในป่าดำมืดแห่งนี้เนื่องจากการมีอยู่ของท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ทำให้พวกเขาค่อนข้างหยิ่งยโสอยู่หน่อย แต่แน่นอนว่าพวกมันไม่โจมตีใส่มนุษย์ก่อนและไม่เดินออกไปจากป่าดำมืดแห่งนี้ด้วย!” เย่รั่วสุ่ยเห็นเย่ชิงหานมองดูอย่างสงสัยจึงส่งกระแสเสียงอธิบายให้เขาฟัง เมื่อฟังจบเย่ชิงหานจึงไม่ได้คิดอะไรมาก มารอสูรระดับสูงเหล่านี้สติปัญญาค่อนข้างสูงรู้ว่าการดำรงอยู่ของท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ทำให้พวกมันเมื่อเห็นคนนอกที่เข้ามาเยี่ยมคารวะจึงเกิดความรู้สึกราวกับว่าตนเองเป็คนของจักรวรรดิใหญ่มองดูผู้ที่เข้ามาภายในป่าไม่ต่างจากทูตที่ถูกส่งมาจากเผ่าเล็กๆ ฉันนั้น ซึ่งปฏิกิริยาเช่นนี้เกิดขึ้นมาภายในใจของพวกมันมานับหลายพันปีแล้ว
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปในที่สุดพวกเขาก็มาถึงใจกลางของป่าดำมืด เย่ชิงหานมองดูลักษณะภูมิประเทศที่มีลักษณะพิเศษและวังโบราณสีดำที่เห็นได้อย่างเลือนรางจึงรู้ว่าถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เพราะว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีต้นไม้ดึกดำบรรพ์แม้แต่เพียงต้นเดียว ด้านล่างเป็ทุ่งราบที่มองไม่เห็นขอบเขตสิ้นสุด บนทุ่งราบนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้มากมายนานาชนิด ดูราวกับเป็ทะเลแห่งดอกไม้พวกมันต่างล้วนส่องแสงสีสันสดใสและกลิ่นหอมออกมาอวดกันอย่างต่อเนื่อง
“สวยงามมากๆ สวยงามจนเกินไปแล้ว!” เย่ชิงอวี่เพิ่งเคยเห็นทัศนียภาพที่สวยงดงามเช่นนี้เป็ครั้งแรกจึงอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจภายในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี
“อย่าส่งเสียง ใกล้ที่จะถึงวังโบราณแล้ว พวกเ้าทั้งสองจำเอาไว้ให้ดีว่าถ้าถึงภายในวังโบราณแล้วอย่าพูดคุยไร้สาระกันอีก อย่าแตะต้องสิ่งของใดๆ ที่อยู่ภายในเป็อันขาด!” เย่รั่วสุ่ยรีบพูดอธิบายและสั่งกำชับแก่ทั้งสองคนขึ้น
เย่ชิงหานไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาทำเพียงจ้องมองดูวังโบราณที่ยิ่งใกล้เข้าไปยิ่งใหญ่โตขึ้นทุกที รวมไปถึงสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดชนิดหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตูวัง
ขนาดของวังโบราณใหญ่พอสมควรกว้างร้อยเมตรสูงร้อยเมตรกว่าๆ ทั้งวังทำมาจากหินสีดำที่ไม่รู้จักชื่อ ที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือเย่ชิงหานมองไม่เห็นรอยต่อติดกันของหินแม้แต่น้อยราวกับว่าวังทั้งวังนี้ทำขึ้นมาจากหินเพียงก้อนเดียวฉันนั้น
ประตูใหญ่ของวังในตอนนี้ถูกเปิดออกรออยู่แล้ว ที่ประตูมีสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดอยู่ตัวหนึ่ง จะเป็จิ้งจอกก็ไม่ใช่ จะเป็มนุษย์ก็ไม่เชิง มันยืนอยู่เหมือนคนแถมยังใส่เสื้อคลุมยาวสีแดงและยิ้มออกมาราวกับรอยยิ้มของมนุษย์ ยืนอยู่ด้วยท่วงท่าที่อ่อนช้อยงดงามราวกับหญิงสาวสูงศักดิ์นางหนึ่งฉันนั้น
แต่ด้านหลังของมันมีหางสีขาวราวสีของหิมะหลายเส้นงอกออกมา รูปหน้าที่เหมือนกันกับจิ้งจอก รวมไปถึงมือสีขาวทั้งสองข้างที่ปกคลุมไปด้วยขนที่อ่อนนุ่ม สิ่งเหล่านี้ทำให้ดูอย่างไรก็เป็จิ้งจอกอยู่วันยังค่ำ แต่ทว่ามันกลับดูไม่เหมือนเผ่าปีศาจ เพราะเผ่าปีศาจร่างกายยังคงเป็มนุษย์อยู่จะมีก็เพียงแค่อัตลักษณ์ที่พิเศษเฉพาะของปีศาจแต่ละเผ่าเท่านั้นที่ปรากฏให้เห็น แต่จิ้งจอกตัวที่อยู่ตรงหน้านี้รูปร่างภายนอกเหมือนจิ้งจอกทุกอย่าง จะมีก็เพียงแต่ท่าทางอาการเท่านั้นที่เหมือนมนุษย์
“ยินดีต้อนรับสู่วังโบราณดำมืด เย่รั่วสุ่ยนานแล้วที่ไม่ได้พบกัน! เด็กหนุ่มผู้นี้คงเป็เย่ชิงหานสินะ อืม...หน้าตาดูหล่อเหลาไม่เบาเลยทีเดียว คิกๆ...ยังมีสาวน้อยที่น่ารักอีกคนหนึ่งด้วย!”
เมื่อเย่รั่วสุ่ยพาคนทั้งสองเคลื่อนตัวลดต่ำลงมายังพื้นเบื้องล่างได้อย่างเรียบร้อยแล้ว จิ้งจอกที่ยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ของวังเริ่มกางมือที่เต็มไปด้วยขนอ่อนนุ่มออกแล้วอ้าปากพูดขึ้น ทำเอาทั้งเย่ชิงหานและเย่ชิงอวี่สะดุ้งใขนหนาวลุกขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
จิ้งจอกพูดได้?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้